เอโนโมโตะ ทาเกอากิ
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
พลเรือโท ไวเคานต์ เอโนโมโตะ ทาเกะอากิ (榎本 武揚, 5 ตุลาคม ค.ศ. 1836 – 26 ตุลาคม ค.ศ. 1908) เป็นซามูไรชาวญี่ปุ่นและพลเรือเอกแห่งกองทัพเรือของโชกุนโทกุงาวะในยุคสมัยบากุมัตสึในญี่ปุ่น ที่ยังคงจงรักภักดีต่อรัฐบาลโชกุนโทกุงาวะและต่อสู้กับรัฐบาลเมจิที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาใหม่จนกระทั่งสงครามโบชินจบลง ต่อมาเขาได้รับใช้ในรัฐบาลเมจิในฐานะหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น
ไวเคานต์ เอโนะโมโตะ ทาเกะอากิ | |
---|---|
โซไซสาธารณรัฐเอโซะ | |
ดำรงตำแหน่ง 27 มกราคม – 21 มิถุนายน ค.ศ. 1869 | |
รองประธานาธิบดี | มัตสึไดระ ทะโร |
ก่อนหน้า | สถาปนาตำแหน่ง |
ถัดไป | ยกเลิกตำแหน่ง |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 5 ตุลาคม ค.ศ. 1836 |
เสียชีวิต | 26 ตุลาคม ค.ศ. 1908 |
บุตร | เอโนโมโตะ ทาเกะโนริ (榎本 武憲) (ลูกชายคนโต) เอโนโมโตะ ฮารุโนะสุเกะ (榎本 春之助) (ลูกชายคนรอง) |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
รับใช้ | รัฐบาลโทกุงาวะ สาธารณรัฐเอโซะ จักรวรรดิญี่ปุ่น |
สังกัด | กองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น |
ประจำการ | ค.ศ. 1874 - ค.ศ. 1908 |
ยศ | พลเรือโท |
ผ่านศึก | สงครามโบชิน ยุทธการที่ฮาโกะดาเตะ ยุทธนาวีที่อ่าวฮาโกะดาเตะ |
ในช่วงต้น
[แก้]เขาเกิดในครอบครัวซามูไรที่รับใช้โชกุนโทกุงาวะโดยตรง เขาเริ่มเรียนภาษาดัตช์ในช่วงปี ค.ศ. 1850 และหลังจากที่ญี่ปุ่นยอมเปิดประเทศตามคำร้องของพลเรือเพร์รี่ในปี ค.ศ. 1854 เขาก็เข้าศึกษาเล่าเรียนที่ศูนย์กลางการฝึกทัพเรือในนางาซากิและเข้าเรียนต่อที่อำเภอสึคิจิในเอโดะ
เมื่อเขาอายุได้ 26 ปี ก็ถูกส่งตัวไปยังเนเธอร์แลนด์เพื่อศึกษาเกี่ยวกับเทคนิคตะวันตกในสงครามทางทะเลและคอยค้นคว้าเทคโนโลยีตะวันตก เขาอาศัยอยู่ในยุโรปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1862 ถึง ค.ศ. 1867 และมีความชำนาญในภาษาดัตช์และภาษาอังกฤษ
เขาได้กลับไปญี่ปุ่นด้วยเรือไคโยมารุ ซึ่งเป็นเรือรบไอน้ำที่ทางโชกุนซื้อมาจากเนเธอร์แลนด์ ระหว่างที่เขาอยู่ในยุโรป เขาได้ตระหนักว่าโทรเลขจะเป็นวิธีการสื่อสารที่สำคัญในอนาคตและเริ่มวางแผนระบบเพื่อเชื่อมโยงเอโดะและโยโกฮามะเข้าด้วยกัน เมื่อเขาเดินทางกลับถึงญี่ปุ่น ก็ได้รับตำแหน่งเป็น ไคกุน ฟุกุโซไซ (Kaigun Fukusōsai, 海軍副総裁) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สูงเป็นอันดับ 2 ของกองทัพเรือโทกุงาวะ และก็ได้รับตำแหน่งขุนนางเป็น อิซุมิ โนะ คามิ (Izumi-no-kami, 和泉守) เมื่อเขาอายุได้ 31 ปี
ช่วงสงครามโบชิน
[แก้]ในช่วงสงครามโบชิน เขาทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการกองทัพเรือ แต่หลังจากที่ทางกองทัพโทกุงาวะยอมแพ้ต่อกองทัพซัตซุมะ-โจชู เขาจึงตัดสินใจหลบหนีไปที่ฮาโกะดาเตะในฮอกไกโด และได้ร่วมกับผู้ภักดีต่อโทกุงาวะที่เหลืออยู่ จัดตั้งสาธารณรัฐเอโซะขึ้น แต่ก็พ่ายแพ้ต่อกองทัพขององค์จักรพรรดิ เขาจึงถูกจับกุม หลังจากที่เขายอมแพ้
ในยุคเมจิ
[แก้]เขาได้รับการอภัยโทษจากคุโรดะ คิโยตากะ ในปี ค.ศ. 1872 เนื่องจากทางคุโรดะได้เห็นถึงความสามารถในตัวเขา ในปี ค.ศ. 1874 เขาได้เป็นพลเรือโท และได้เดินทางไปยังรัสเซีย เพื่อเจรจาเกี่ยวกับสนธิสัญญาเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ผลปรากฏว่า การเจรจาเป็นผลสำเร็จและเขาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากชาวญี่ปุ่น และเขาก็เริ่มมีชื่อเสียงในทางการเมือง มีเรื่องเล่าที่ว่า การที่เอโนโมโตะได้รับเลือกให้ทำภารกิจสำคัญดังกล่าว ถูกมองว่าเป็นหลักฐานการปรองดองระหว่างอดีตศัตรูในรัฐบาล
ในปี ค.ศ. 1880 เอโนโมโตะได้เป็นรัฐมนตรีกองทัพเรือ (Kaigun kyō, 海軍卿) และเขาก็ได้ใช้ทักษะการทูต ให้ความช่วยเหลืออิโตะ ฮิโรบุมิ ในการสรุปอนุสัญญาเทียนซินกับราชวงศ์ชิง หลังจากนั้นเอโนโมโตะก็ได้แสดงบทบาทอันโดดเด่นในรัฐบาลญี่ปุ่น และได้รับเลือกเป็นคณะองคมนตรีในปี ค.ศ. 1887 เขาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนแรกของญี่ปุ่น นอกจากนี้ เขายังดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ค.ศ. 1894 – ค.ศ. 1897) รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ (ค.ศ. 1889 – ค.ศ. 1890) และรัฐมนตรีการต่างประเทศ (ค.ศ. 1891 – ค.ศ. 1892)
เขาทำงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการส่งเสริมการอพยพของญี่ปุ่นผ่านอาณานิคมไม้ตายในมหาสมุทรแปซิฟิก ทวีปอเมริกาใต้และอเมริกากลาง ในปี ค.ศ. 1891 เขาได้ต่อต้านเจตนารมณ์ของคณะรัฐมนตรีมัตสึกาตะ มาซาโยชิ ส่วน "การย้ายถิ่นฐาน" ในกระทรวงการต่างประเทศนั้น มีหน้าที่ส่งเสริมการย้ายถิ่นฐานและการค้นหาดินแดนใหม่ ๆ สำหรับการตั้งถิ่นฐานของชาวญี่ปุ่นในต่างประเทศ สองปีต่อมา หลังจากที่เขาได้ออกจากรัฐบาล เขาก็ช่วยจัดตั้งองค์กรเอกชนคือ "สมาคมอาณานิคม" เพื่อส่งเสริมการค้าและการย้ายถิ่นฐานภายนอก เขาเสียชีวิตในวัย 72 ปี
อ้างอิง
[แก้]- Kamo, Giichi. Enomoto Takeaki. Chuo Koronsha ISBN 4-12-201509-X (Japanese)
- Yamamoto, Atsuko. Jidai o shissoshita kokusaijin Enomoto Takeaki: Raten Amerika iju no michi o hiraku. Shinzansha (1997).ISBN 4-7972-1541-0 (Japanese)
- Akita, George. (1967) Foundations of constitutional government in modern Japan, 1868-1900. Cambridge, Harvard University Press, ISBN 978-0-8248-2560-7.
- Hane, Mikiso. Modern Japan: A Historical Survey. Westview Press (2001). ISBN 0-8133-3756-9
- Hillsborough, Romulus. Shinsengumi: The Shogun's Last Samurai Corps. Tuttle Publishing (2005). ISBN 0-8048-3627-2
- Jansen, Marius B. and John Whitney Hall, eds. (1989). The Emergence of Meiji Japan, The Cambridge History of Japan, Vol. 5. Cambridge: Cambridge University Press. ISBN 9780521482387; ISBN 9780521484053; OCLC 31515308
- Keene, Donald. (1984). Dawn to the West: Japanese Literature of the Modern Era. New York: Holt, Rinehart, and Winston. ISBN 9780030628146; ISBN 9780030628160; OCLC 8728400
- Ravina, Mark. (2004). The Last Samurai: The Life and Battles of Saigo Takamori. Hoboken, New Jersey: Wiley. ISBN 9780471089704; OCLC 427566169