เหยา อี้หลิน
บทความนี้ยังไม่ได้รับการจัดหมวดหมู่ คุณสามารถช่วยปรับปรุงแก้ไข โดยการเพิ่มหมวดหมู่ที่เหมาะสมลงในบทความนี้ เพื่อจัดระเบียบบทความที่เกี่ยวข้องกัน ดูเพิ่มที่ โครงการจัดหมวดหมู่ |
ฯพณฯ เหยา อี้หลิน | |
---|---|
姚依林 | |
ผู้อำนวยการคณะกรรมการวางแผนแห่งรัฐ คนที่ 4 และ 6 | |
ดำรงตำแหน่ง มิถุนายน ค.ศ. 1987 – ธันวาคม ค.ศ. 1989 | |
หัวหน้ารัฐบาล | จ้าว จื่อหยาง หลี่ เผิง |
ก่อนหน้า | ซ่ง ผิง |
ถัดไป | โจว เจียหฺวา |
ดำรงตำแหน่ง สิงหาคม ค.ศ. 1980 – มิถุนายน ค.ศ. 1983 | |
หัวหน้ารัฐบาล | จ้าว จื่อหยาง |
ก่อนหน้า | ยฺหวี ชิวหลี่ |
ถัดไป | ซ่ง ผิง |
รองนายกรัฐมนตรีจีน คนที่ 1 | |
ดำรงตำแหน่ง 25 มีนาคม ค.ศ. 1988 – 5 มีนาคม ค.ศ. 1993 | |
หัวหน้ารัฐบาล | หลี่ เผิง |
ก่อนหน้า | ว่าน หลี่ |
ถัดไป | จู หรงจี |
ผู้อำนวยการสำนักงานใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 1978 – ค.ศ. 1982 | |
ผู้นำ | ฮฺว่า กั๋วเฟิง หู เย่าปัง |
ก่อนหน้า | วัง ตงซิง |
ถัดไป | หู ฉีลี่ |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | |
ดำรงตำแหน่ง 18 สิงหาคม ค.ศ. 1978 – ตุลาคม ค.ศ. 1978 | |
หัวหน้ารัฐบาล | ฮฺว่า กั๋วเฟิง |
ก่อนหน้า | หวัง เหล่ย์ |
ถัดไป | จิน หมิง |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | วิลเลียม ยิว ฮักกวง 6 กันยายน ค.ศ. 1917 บริติชฮ่องกง |
เสียชีวิต | 11 ธันวาคม ค.ศ. 1994 ปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน | (77 ปี)
พรรคการเมือง | พรรคคอมมิวนิสต์จีน (1935–1994) |
คู่สมรส | โจว ปิน หง โช่วจื้อ |
บุตร | เหยา หมิงรุ่ย[1] เหยา หมิงชาน เหยา หมิงตวน เหยา หมิงเหว่ย์ |
ญาติ | หวัง ฉีชาน (ลูกเขย) เมิ่ง สฺเวหนง (ลูกเขย) |
ศิษย์เก่า | มหาวิทยาลัยชิงหฺวา |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
รับใช้ | จีน |
สังกัด | กองทัพบกกองทัพปลดปล่อยประชาชน |
ประจำการ | 1935–1949 |
ผ่านศึก | สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง สงครามกลางเมืองจีน |
เหยา อี้หลิน (จีน: 姚依林; พินอิน: Yáo Yīlín; 6 กันยายน ค.ศ. 1917 – 11 ธันวาคม ค.ศ. 1994) เป็นนักการเมืองและทหารชาวจีนผู้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีจีนตั้งแต่ ค.ศ. 1979 ถึง 1988 และรองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 ตั้งแต่ ค.ศ. 1988 ถึง 1993[2]
ชีวิตช่วงต้นและอาชีพ
[แก้]เขาเกิดที่ฮ่องกงใน ค.ศ. 1917 และใช้ชีวิตช่วงวัยเด็กที่เมืองกุ้ยฉี อานฮุย เหยาเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์จีนใน ค.ศ. 1935 ระหว่างขบวนการ 9 ธันวาคม เหยาเป็นเลขาธิการของกลุ่มศึกษาพรรคการเมืองปักกิ่ง ระหว่างสงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง เขารับตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานการเงินของพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของคอมมิวนิสต์ นับเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาอันยาวนานของการเป็นผู้นำในตำแหน่งทางการเงิน ใน ค.ศ. 1979 เหยาได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองนายกรัฐมนตรีของคณะมนตรีรัฐกิจ ในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 13 ใน ค.ศ. 1987 เหยาได้รับเลือกให้เป็นคณะกรรมธิสามัญปรัจำกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีนและต่อมาได้ขึ้นดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนคนที่ 1
บทบาทในการประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ค.ศ. 1989
[แก้]ระหว่างการประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ค.ศ. 1989 เหยาดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีจีนคนที่ 1 และรับผิดชอบด้านการวางแผนและบริหารเศรษฐกิจ[3] เหยาเกี่ยวข้องกับฝ่ายอนุรักษ์นิยมของพรรคที่ปฏิเสธว่านักศึกษาเป็นผู้รักชาติและสนับสนุนให้ปราบปรามการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทั้งเหยาและหลี่ เผิงต่างก็สามารถต่อต้านจ้าว จื่อหยางได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้แน่ใจว่าอิทธิพลของฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะครอบงำการตัดสินใจของพรรคคอมมิวนิสต์จีน[4]
การมีส่วนร่วมกับบทบรรณาธิการ 26 เมษายน
[แก้]บทบรรณาธิการ 26 เมษายนที่ตีพิมพ์ใน เหรินหมินรื่อเป้า ทำให้กลุ่มนักศึกษาโกรธเคืองและส่งผลให้จำนวนผู้คนในจัตุรัสเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก รายงานอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีนระบุว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่ได้มีเจตนารักชาติและนักศึกษาถูกนำโดยกลุ่มเล็ก ๆ ของผู้สมรู้ร่วมคิดต่อต้านคอมมิวนิสต์เพื่อก่อให้เกิด "ความวุ่นวาย" ความเห็นของเติ้ง เสี่ยวผิงถูกนำไปลงในบทบรรณาธิการเพื่อช่วยสนับสนุนและเพื่อให้แน่ใจว่าชาวจีนจะยอมรับมุมมองของพรรคเกี่ยวกับการประท้วงดังกล่าวอย่างเชื่อฟัง[3]: 336 อย่างไรก็ตาม มีฝ่ายที่ขัดแย้งกันสองฝ่ายเกิดขึ้นในพรรค ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนให้คงบทบรรณาธิการไว้เช่นเดิม อีกฝ่ายหนึ่งต้องการเปลี่ยนแปลงบทบรรณาธิการเพื่อเอาใจนักศึกษา เหยาปฏิเสธข้อเสนอของจ้าวที่จะรับผิดเรื่องการเปลี่ยนความเห็นของพรรคเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเพราะประชาชนจะเริ่มสงสัยในความสามัคคีของพรรค[3]: 238 เหยาเสนอให้ลดการปรองดองกับนักศึกษาลลง ตรงกันข้าม เขาต้องการป้องกันไม่ให้ผู้นำทางการเมืองอื่น ๆ สนับสนุนการประท้วง บังคับให้นักศึกษายุติการคว่ำบาตร และรักษาวินัยแรงงานในอุตสาหกรรมและพาณิชย์เพื่อให้การผลิตดำเนินต่อไปได้ [3]: 239 เหยาและหลี่ เผิงเป็นผู้นำฝ่ายอนุรักษ์นิยมและได้รับการสนับสนุนโดยเห็นด้วยกับมุมมองของเติ้งต่อการประท้วง เติ้งได้รับเกียรติและความเคารพเป็นอย่างมากในประเทศจีนเนื่องจากเขาเกี่ยวข้องกับพรรคคอมมิวนิสต์มาเป็นเวลานานและมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอดีตผู้นำที่โด่งดังของจีนอย่างเหมา เจ๋อตง[5] เหยาค่อย ๆ ถอนการสนับสนุนจากกลุ่มปฏิรูปของจ้าว จื่อหยางด้วยการทำให้ผู้สนับสนุนของเขาเชื่อว่าจ้าวเข้าข้างนักศึกษาเกินไปเกี่ยวกับการชี้แจงบทบรรณาธิการ เหยาโจมตีจ้าวเพราะเขาตำหนิพรรคที่ปล่อยให้การทุจริตดำเนินไปโดยไม่มีการตรวจสอบและทำให้ประชาธิปไตยและกฎหมายในจีนแย่ลง[3]: 245 จ้าวพบว่าตนเองอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากเมื่อเหยาและนักอนุรักษ์นิยมคนอื่น ๆ ทำงานร่วมกันและค้านการตัดสินใจที่เขาทำร่วมกับนักปฏิรูปคนอื่น ๆ เช่น เฉิน อีจือและเป้า ถง[6]
เหตุผลการออกกฎอัยการศึก
[แก้]เหยาและหลี่ เผิงคือสองบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับการประกาศกฎอัยการศึกในวันที่ 4 มิถุนายนมากที่สุด ความจำเป็นในการมีกฎอัยการศึกเกิดขึ้นจากความกลัวว่านักศึกษาที่หลั่งไหลเข้ามาในจัตุรัสอย่างต่อเนื่องนั้นถูกบังคับโดยกลุ่มต่อต้านคอมมิวนิสต์อย่างลับ ๆ บรรดาผู้นำพรรคต่างหวั่นเกรงว่าอำนาจเหล่านี้กำลังบังคับให้นักศึกษาและผู้ประท้วงหลั่งไหลเข้ามาในจัตุรัสเทียนอันเหมินอย่างต่อเนื่องซึ่งจะทำหน้าที่เพียงขัดขวางไม่ให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนปกครองประชาชนจีน[3]: 147 กลุ่มอนุรักษ์นิยมมองว่ากฎอัยการศึกเป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่จะสามารถปราบปรามผู้ประท้วงในอนาคตได้อย่างรุนแรงและป้องกันไม่ให้พวกเขาพยายามเข้าถึงจัตุรัสดังกล่าว ตามที่โทนี ไซช์กล่าว เหยาเป็นผู้สนับสนุนกฎอัยการศึกอย่างแข็งขันมากเพราะเขาเห็นว่ามันเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะยุติการประท้วงและฟื้นฟูการดำเนินงานตามปกติของปักกิ่ง[7] ในระหว่างหารือกับผู้นำพรรคคนอื่น ๆ เหยากล่าวว่า "ธรรมชาติของขบวนการนักศึกษาได้เปลี่ยนแปลงไป เริ่มจากการแสดงออกถึงความเศร้าโศกตามธรรมชาติและกลายมาเป็นความวุ่นวายทางสังคม"[3]: 96 เขาสนับสนุนให้องค์กรนักศึกษาที่ได้รับการรับรองโดยไม่ได้เป็นทางการทั้งหมดถูกพิจารณาว่าผิดกฎหมายเพราะเขาเกรงว่าองค์กรเหล่านี้จะทำให้เกิดความวุ่นวายนอกปักกิ่งและทั่วทั้งประเทศ นอกจากนี้ เหยายังเป็นสมาชิกเพียงคนเดียวในคณะกรรมาธิการสามัญฯ ที่ปฏิเสธการเจรจากับนักศึกษาเพราะเขาเชื่อว่ากลุ่มผู้สมรู้ร่วมคิดเล็ก ๆ อยู่เบื้องหลังองค์กรนักศึกษาเหล่านี้และการเจรจากับพวกเขาจะยิ่งเสริมสร้างความสามารถของพวกเขาในการโค่นล้มพรรคคอมมิวนิสต์จีน[3] ในบทความที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ โจว จุง-ยาน กล่าวถึงเหตุที่หลี่ เผิงและเหยา อี้หลินสนับสนุนกฎอัยการศึกเนื่องจากกฎดังกล่าวจะช่วยให้กลุ่มหัวรุนแรงสามารถกุมอำนาจที่ตนเคยมีในประเทศได้[8]
เสียชีวิต
[แก้]เหยาเสียชีวิตด้วยอาการป่วยเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 1994 ขณะมีอายุได้ 77 ปี
ครอบครัว
[แก้]เหยาและหง โช่วจื้อ ภรรยา มีบุตรด้วยกันสี่คน ได้แก่ เหยา หมิงรุ่ย (หญิง), เหมา หมิงชาน (หญิง), เหยา หมิงตวน (หญิง) และเหยา หมิงเหว่ย์ (ชาย) สามีของเหยา หมิงชานคือหวัง ฉีชาน อดีตรองประธานาธิบดีจีน สามีของเหยา หมิงตวนคือเมิ่ง สฺเวหนง อดีตผู้ว่าการมณฑลชานซีและอดีตนายกเทศมนตรีปักกิ่ง
ดูเพิ่ม
[แก้]- มหาวิทยาลัยจินกู สถาบันการศึกษาที่เหยา อี้หลินเคยศึกษา[9]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "姚明瑞同志逝世消息".
- ↑ Wolfgang Bartke (1 January 1997). Who was Who in the People's Republic of China. Walter de Gruyter. pp. 578–. ISBN 978-3-11-096823-1.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 3.6 3.7 Zhang Liang. Tiananmen Papers. Public Affairs, 2002. p. 639. ISBN 978-0-349-11469-9
- ↑ George H. W. Bush Library. "White House Situation Room Files, Tiananmen Square Crisis File, China – Part 1 Of 5 Tianamen Square Crisis" Tiananmen Square and U.S.-China relations, 1989–1993, May–June 1989. p 76. Retrieved November 12, 2010, from Archives Unbound.
- ↑ Ming Pao. "Balance of Power" Daily Report, June 1989. p 5. Retrieved November 18, 2010, from Foreign Broadcast Information Service Daily Reports: http://docs.newsbank.com/s/HistArchive/fbisdoc/FBISX/11EF37C662B613F0/10367B8A6237537E
- ↑ Cheng Ming. "CPC Split" Daily Report, June 1989. p 28. Retrieved November 18, 2010, from Foreign Broadcast Information Service Daily Reports: http://docs.newsbank.com/s/HistArchive/fbisdoc/FBISX/11EECBE2EDFEB820/10367B8A6237537E
- ↑ Saich, Tony. "The Rise and Fall of the Beijing People's Movement." Contemporary China Center, Australian National University, no. 9, July 1990. p 201. Retrieved November 23, 2010, from JSTOR.
- ↑ Chow Chung-Yan. "Zhao Ziyang alleges Li Peng 1989 scheming; Late leader's explosive memoirs out" South China Morning Post, May 2009. p 1. Retrieved November 18, 2010, from LexisNexis.
- ↑ 裴毅然 (2015-01-16). 紅色生活史: 革命歲月那些事(1921-1949) (in Chinese). 時報文化出版企業. ISBN 9789865729226.
ก่อนหน้า | เหยา อี้หลิน | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
วาระในพรรคการเมือง | ||||
สมัยก่อนหน้า วัง ตงซิง |
ผู้อำนวยการสำนักงานใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ค.ศ. 1978–1982 |
สมัยต่อมา หู ฉีลี่ | ||
เจ้าหน้าที่รัฐบาล | ||||
สมัยก่อนหน้า หวัง เหล่ย์ |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ค.ศ. 1978 |
สมัยต่อมา จิน หมิง | ||
สมัยก่อนหน้า ยฺหวี ชิวหลี่ |
ผู้อำนวยการคณะกรรมการวางแผนแห่งรัฐ ค.ศ. 1980–1983 |
สมัยต่อมา ซ่ง ผิง | ||
สมัยก่อนหน้า ซ่ง ผิง |
ผู้อำนวยการคณะกรรมการวางแผนแห่งรัฐ ค.ศ. 1987–1989 |
สมัยต่อมา โจว เจียหฺวา | ||
สมัยก่อนหน้า ว่าน หลี่ |
รองนายกรัฐมนตรีจีน คนที่ 1 ค.ศ. 1988–1993 |
สมัยต่อมา จู หรงจี | ||
Order of precedence | ||||
สมัยก่อนหน้า หู ฉีลี่ |
อันดับที่ 5 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน คณะกรรมาธิการสามัญปะจำกรมการเมือง ชุดที่ 13 ค.ศ. 1987–1989 |
สมัยต่อมา ไม่มี | ||
สมัยก่อนหน้า เฉียว ฉือ |
อันดับที่ 4 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน คณะกรรมาธิการสามัญปะจำกรมการเมือง ชุดที่ 13 ค.ศ. 1989–1992 |
สมัยต่อมา ซ่ง ผิง |