เรือฟริเกตชุดเรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกในปี พ.ศ. 2548
| |
ภาพรวมชั้น | |
---|---|
ผู้สร้าง: | อู่ต่อเรือเอวอนเดล, เวสต์เวโก, ลุยเซียนา, สหรัฐ |
ผู้ใช้งาน: |
|
ก่อนหน้าโดย: | เรือฟริเกตชุดเรือหลวงเจ้าพระยา |
ตามหลังโดย: | เรือฟริเกตชุดเรือหลวงนเรศวร |
สร้างเมื่อ: | พ.ศ. 2512–2517 |
ในประจำการ: | พ.ศ. 2537–2560 |
ปลดประจำการ: | 2 ลำ |
เก็บรักษา: | 2 ลำ |
ลักษณะเฉพาะ | |
ประเภท: | เรือฟริเกต |
ขนาด (ระวางขับน้ำ): |
|
ความยาว: | |
ความกว้าง: | 46 ฟุต 9 นิ้ว (14.25 เมตร) |
กินน้ำลึก: | 24 ฟุต 9 นิ้ว (7.54 เมตร) |
ระบบพลังงาน: |
|
ระบบขับเคลื่อน: |
|
ความเร็ว: | 27 นอต (50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง; 31 ไมล์ต่อชั่วโมง) |
อัตราเต็มที่: | 250 นายทหารและพลประจำเรือ |
ระบบตรวจการและปฏิบัติการ: |
|
ยุทโธปกรณ์: |
|
อุปกรณ์สนับสนุนการบิน: | ดาดฟ้าเฮลิคอปเตอร์ และโรงเก็บ |
เรือฟริเกตชุดเรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (อังกฤษ: Phutthayotfa Chulalok-class frigate) เป็นส่วนหนึ่งของเรือฟริเกตชั้นน็อกซ์เดิมจำนวนสองลำ จากทั้งหมดสี่สิบหกลำที่ประจำการในกองทัพเรือสหรัฐในฐานะเรือคุ้มกันมหาสมุทร (เรือพิฆาตคุ้มกัน) ซึ่งในภายหลังถูกกำหนดประเภทใหม่เป็นเรือฟริเกตเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2518 และเปลี่ยนสัญลักษณ์การจัดประเภทตัวเรือจาก DE เป็น FF และมอบให้กองทัพเรือไทยในช่วงปี พ.ศ. 2537 ถึงปี พ.ศ. 2539
รายละเอียด
[แก้]เรือฟริเกตชุดเรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มีความยาวรวม 134 เมตร (438 ฟุต) และความยาวระดับน้ำ 126 เมตร (415 ฟุต) ความกว้าง 14.25 เมตร (46 ฟุต 9 นิ้ว) กินน้ำลึก 7.54 เมตร (24 ฟุต 9 นิ้ว) ระวางขับน้ำปกติ 4,065 ลองตัน (4,130 ตัน) และระวางขับน้ำสูงสุด 4,260 ลองตัน (4,328 ตัน) ใช้หม้อต้มไอน้ำ Combustion Engineering จำนวน 2 เครื่อง แต่ละเครื่องประกอบไปด้วยระบบอัดอากาศแรงดันสูง (ซุปเปอร์ชาร์จเจอร์) แรงดัน 1,200 psi (8,300 kPa) และให้ความร้อน 1,000 องศาฟาเรนไฮต์ (538 องศาเซลเซียส) ให้กำลัง 35,000 แรงม้า (26,000 กิโลวัตต์) สำหรับขับเคลื่อนเครื่องจักรใหญ่กังหันไอน้ำ Westinghouse เชื่อมต่อกับเพลาและใบพัด ให้ความเร็ว 27 นอต (50 กิโลเมตร/ชั่วโมง, 31 ไมล์/ชั่วโมง) [1][2]
หลังจากสร้างเสร็จ เรือฟริเกตชุดเรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ติดตั้งปืนใหญ่เรือ Mk.42 ขนาด 127 มม./54 คาลิเบอร์ บริเวณหัวเรือ แท่นยิง ASROC จำนวน 8 แท่น (พร้อมขีปนาวุธ 16 ลูก) อยู่หลังปืนใหญ่เรือและหน้าสะพานเดินเรือ พร้อมกับท่อยิงตอร์ปิโดแบบ Mark 32 ขนาด 12.75 นิ้ว (324 มม.) แบบประจำที่ 4 แท่น ดาดฟ้าบินและโรงเก็บเครื่องบินสำหรับการปฏิบัติการของโดรนปราบเรือดำน้ำ (DASH) บริเวณท้ายเรือ[3][4] ต่อมาพื้นที่ดาดฟ้าบินและโรงเก็บเครื่องบินได้รับการปรับปรุงและขยายพื้นที่ในปี พ.ศ. 2513 เพื่อรองรับเฮลิคอปเตอร์แบบ Kaman SH-2D Seasprite ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและสามารถรอบรังการขนส่งบุคคลได้[5]
ประวัติการประจำการ
[แก้]กองทัพเรือไทยได้เช่าเรือ USS Truett จากสหรัฐในปี พ.ศ. 2537 หลังจากเรือเข้ารับการปรับปรุงและยืดอายุการใช้งานด้วยงบประมาณ 14 ล้านดอลลาร์ และได้ซื้อเรือ USS Ouellet และ USS Truett มือสองจากสหรัฐในปี พ.ศ. 2539 และ 2542 และกำหนดชื่อให้เรือทั้งสอง โดยเรือ USS Truett กำหนดชื่อว่า เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (FFG-461) และเรือ USS Ouellet กำหนดชื่อว่า เรือหลวงพุทธเลิศหล้านภาลัย (FFG-462) [6][1][2]
ปัจจุบัน เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปลดประจำการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560[7][8] และ เรือหลวงพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้ปลดประจำการในปี พ.ศ. 2560[9][10]
จากนั้นในเดือนกันยายน พ.ศ. 2563 กองทัพเรือได้นำเรือ เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และ เรือหลวงพุทธเลิศหล้านภาลัย มาทอดสมออยู่ในบริเวณกลางอ่าวสัตหีบและเปิดให้ประชาชนได้ขึ้นชมในรูปแบบของพิพิธภัณฑ์เรือ บนเรือประกอบไปด้วยนิทรรศการ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ รวมถึงทิวทัศน์ของอ่าวสัตหีบ เรือหลวงจักรีนฤเบศร และเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชที่จอดเทียบท่าอยู่ เปิดให้เข้าชมในวันจันทร์ - ศุกร์ วันละ 1 เที่ยว และวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ วันละ 2 รอบ เสียค่าใช้จ่ายเพียงแค่ค่าเรือจากฝั่งไปยังเรือเท่านั้น[11]
ต่อมาในต้นเดือนตุลาคม พ.ศ. 2563 กองทัพเรือได้หยุดการให้เข้าชม เนื่องจากมีการทักท้วงจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงในกองทัพเรือ เนื่องจากเรือทั้งสองลำนั้นเคยประจำการในกองทัพเรือสหรัฐมา ก่อนจะปลดประจำการมาใช้งานในกองทัพเรือไทยผ่านการขายในรูปแบบการช่วยเหลือทางการทหาร การจะดำเนินการใด ๆ กับตัวเรือจะต้องแจ้งและขออนุญาตไปทางสหรัฐตามระเบียบและขั้นตอน[11]
เรือในชุด
[แก้]ชื่อเดิม | ชื่อใหม่ | หมายเลขใหม่ | สร้างโดย | ปล่อยลงน้ำ | ประจำการ ทร.สหรัฐ | ปลดประจำการ ทร.สหรัฐ | ทร.ไทย จัดซื้อ | ปลดประจำการจาก ทร.ไทย |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
USS Truett (FF-1095) | เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก | FFG-461 | อู่ต่อเรือเอวอนเดล, เวสต์เวโก, ลุยเซียนา | 27 เมษายน 2515 | 1 มิถุนายน 2517 | 30 กรกฎาคม 2537 | 9 ธันวาคม 2542 | 28 กันยายน 2560[8][7] |
USS Ouellet (FF-1077) | เรือหลวงพุทธเลิศหล้านภาลัย | FFG-462 | 15 มกราคม 2512 | 12 ธันวาคม 2513 | 6 สิงหาคม 2536 | 27 พฤศจิกายน 2539 | 2560 |
เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
[แก้]เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (อังกฤษ: HTMS Phutthayotfa Chulalok) ตั้งชื่อตามปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์จักรี คือ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งกองทัพเรือไทยเช่าเรือลำนี้จากกองทัพเรือสหรัฐครั้งแรกหลังจากถูกปลดประจำการเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2537 และซื้อเรือลำนี้มาประจำการในกองทัพเรือไทยเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2542
เรือหลวงพุทธเลิศหล้านภาลัย
[แก้]เรือหลวงพุทธเลิศหล้านภาลัย (อังกฤษ: HTMS Phutthaloetla Naphalai) ตั้งชื่อตามกษัตริย์องค์ที่สองของราชวงศ์จักรี คือ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งกองทัพเรือไทยซื้อต่อจากกองทัพเรือสหรัฐหลังปลดประจำการเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2536 และทำการซ่อมแซมครั้งใหญ่ภายใต้งบประมาณ 14 ล้านเหรียญสหรัฐที่อู่ต่อเรือ Cascade General เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน และเดินทางมายังประเทศไทยในปี พ.ศ. 2541[12]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Blackman 1971, p. 481.
- ↑ Gardiner & Chumbley 1995, pp. 598–599.
- ↑ Moore 1985, p. 717.
- ↑ Military-Today.
- ↑ 7.0 7.1 "แข็งแกร่ง ล้ำสมัย! ยลโฉม "ร.ล.ภูมิพลอดุลยเดช" เขี้ยวเล็บลำใหม่ทัพเรือไทย (คลิป)". www.thairath.co.th. 2019-04-26.
- ↑ 8.0 8.1 "ทัพเรือ เตรียม ขอ สหรัฐฯ จม 2 เรือรบโบราณ "เรือพุทธยอดฟ้าฯ-เรือพุทธเลิศหล้าฯ"หลังค่าใช้จ่าย ในการทำเป็น พิพิธภัณฑ์ลอยน้ำ ไม่คุ้มค่า". LLpch.news - LapLuangPrangChannel.com. 2021-04-15. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-04-12. สืบค้นเมื่อ 2023-04-12.
- ↑ "ทร.เปิดแหล่งเรียนรู้เชิงท่องเที่ยว "เรือพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก" ให้ชมแล้ว". www.thairath.co.th. 2020-09-22.
- ↑ "เปิดเหตุผลชะลอขึ้นชม "ร.ล.พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก" กลางอ่าวสัตหีบ". Thai PBS.
- ↑ 11.0 11.1 "เปิดเหตุผลชะลอขึ้นชม "ร.ล.พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก" กลางอ่าวสัตหีบ". Thai PBS.
- ↑ Cascade.
บรรณานุกรม
[แก้]- "Knox class". Military-Today.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-04-12. สืบค้นเมื่อ 20 October 2017.
- "Cascade General Begins Work on Ship Conversion for Thai Navy". Cascade General. 28 July 1997. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 June 2008.
- Gardiner, Robert; Chumbley, Stephen, บ.ก. (1995). Conway's All The World's Fighting Ships 1947–1995. Annapolis, Maryland: Naval Institute Press. ISBN 1-55750-132-7.
- Blackman, Raymond V. B., บ.ก. (1971). Jane's Fighting Ships 1971–72. London: Sampson Low, Marston & Co., Ltd. ISBN 0-354-00096-9.
- Moore, John, บ.ก. (1985). Jane's Fighting Ships 1985–86. London: Jane's Yearbooks. ISBN 0-7106-0814-4.
- "USS Truett (DE 1095)". Navsource.org. 20 May 2017. สืบค้นเมื่อ 20 October 2017.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - "USS Ouellet (DE 1077)". Navsource.org. 12 July 2017. สืบค้นเมื่อ 20 October 2017.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - "Navy awaits cabinet nod for new frigate". Bangkok Post. 30 July 2013. สืบค้นเมื่อ 20 October 2017.
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
ดูเพิ่ม
[แก้]- Friedman, Norman (1997). The Naval Institute Guide to World Naval Weapon Systems 1997–1998. Annapolis, Maryland: Naval Institute Press. ISBN 1-55750-268-4.
- Prézelin, Bernard; Baker III, A.D., บ.ก. (1990). The Naval Institute Guide to Combat Fleets of the World 1990/91:Their Ships, Aircraft and Armament. Annapolis, Maryland: Naval Institute Press. ISBN 0-87021-250-8.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]Photo gallery of USS Truett (DE 1095) at NavSource Naval History Photo gallery of USS Ouellet (DE 1077) at NavSource Naval History