เรซิเดนต์อีวิล 6
เรซิเดนต์อีวิล 6 | |
---|---|
ผู้พัฒนา | แคปคอม |
ผู้จัดจำหน่าย | แคปคอม |
กำกับ | เออิจิโร ซาซากิ |
อำนวยการผลิต | โยชิอากิ ฮิราบายาชิ |
ออกแบบ | จิโร ทาโอกะ |
โปรแกรมเมอร์ | โซจิ เซตะ |
ศิลปิน | โทโมโนริ ทากาโนะ |
เขียนบท | โชตาโร ซูงะ |
แต่งเพลง | อากิฮิโกะ นาริตะ |
ชุด | เรซิเดนต์อีวิล |
เอนจิน | เอ็มที เฟรมเวิร์ก |
เครื่องเล่น | |
วางจำหน่าย | |
แนว | แอ็กชันผจญภัย, วิดีโอเกมยิงมุมมองบุคคลที่สาม[2][3][4] |
รูปแบบ | ผู้เล่นเดี่ยว, หลายผู้เล่น |
เรซิเดนต์อีวิล 6 (อังกฤษ: Resident Evil 6)[a] เป็นวิดีโอเกมยิงมุมมองบุคคลที่สามที่พัฒนาและเผยแพร่โดยแคปคอม จากภาคหลักในซีรีส์เรซิเดนต์อีวิล เรซิเดนต์อีวิล 6 ได้วางจำหน่ายในระบบเพลย์สเตชัน 3 และเอกซ์บอกซ์ 360 ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2012 และสำหรับไมโครซอฟท์ วินโดวส์ ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2013 ผู้เล่นควบคุมคริส เรดฟีลด์, ลีออน เอส. เคนเนดี, เจค มุลเลอร์ และเอดา วอง ในขณะที่พวกเขาเผชิญหน้ากับกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีของผู้ก่อการร้ายทางชีวภาพทั่วโลก โดยเรื่องราวมีศูนย์กลางอยู่ที่การต่อสู้ที่สานสัมพันธ์กันทั้งสี่ศึก และทุกศึกมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ทั้งโทนและรูปแบบการเล่น
เกมดังกล่าวได้รับการวางแนวคิดใน ค.ศ. 2009 และเข้าสู่การพัฒนาเต็มรูปแบบในปีถัดไปภายใต้ผู้อำนวยการสร้างเรซิเดนต์อีวิล 4 ฮิโรยูกิ โคบายาชิ ซึ่งมีพนักงานพัฒนามากกว่า 600 คน ส่งผลให้เป็นการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของแคปคอม เรซิเดนต์อีวิล 6 ได้รับการวิจารณ์ที่หลากหลายจากนักวิจารณ์ ซึ่งวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการต่อสู้ที่สานสัมพันธ์กัน และการออกไปจากเค้ามูลสยองขวัญเอาชีวิตรอดของแฟรนไชส์ แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้ แต่เกมดังกล่าวขายได้มากกว่า 10 ล้านชุด เกมนี้ได้รับการเผยแพร่อีกครั้งพร้อมเนื้อหาที่ดาวน์โหลดได้ทั้งหมดสำหรับเพลย์สเตชัน 4 และเอกซ์บอกซ์วันในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2016 รวมถึงสำหรับนินเท็นโด สวิตช์ ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2019 ซึ่งตามมาด้วยเรซิเดนต์อีวิล 7: ไบโอฮาซาร์ด
รูปแบบการเล่น
[แก้]เรซิเดนต์อีวิล 6 ช่วยให้ผู้เล่นสามารถเลือกระหว่างสี่สถานการณ์ที่มีเนื้อเรื่องที่เชื่อมต่อกันโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เจ้าหน้าที่กองปฏิบัติการเฝ้าระวังความมั่นคง (DSO) ลีออน เอส. เคนเนดี, หัวหน้าหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายด้วยอาวุธชีวภาพ (BSAA) คริส เรดฟีลด์, ทหารรับจ้าง เจค มุลเลอร์ และสายลับ เอดา วอง[5] ในสถานการณ์ลีออน, คริส และเจค ผู้เล่นมีตัวเลือกในการควบคุมพวกเขาหรือคู่หูตามลำดับ ได้แก่ เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับของสหรัฐ เฮเลนา ฮาเปอร์, พลซุ่มยิงของหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายด้วยอาวุธชีวภาพ เพียร์ส นีวานส์ และเจ้าหน้าที่กองปฏิบัติการเฝ้าระวังความมั่นคง เชอร์รี เบอร์กิน ตัวละครที่ผู้เล่นไม่ได้เลือกจะถูกควบคุมโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือผู้เล่นคนอื่นผ่านทางผู้เล่นหลายคนในท้องถิ่นหรือออนไลน์ ส่วนสถานการณ์ของเอดาสามารถเล่นได้โดยมีหรือไม่มีคู่หู และผู้เล่นคนที่สองที่เข้าร่วมจะควบคุมตัวละครเจ้าหน้าที่ที่ไม่ใช่แบบกำหนดไว้ นอกจากนี้ แต่ละสถานการณ์ยังมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น ตัวละครของผู้เล่นบางตัวมีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีมากกว่า ในขณะที่ตัวละครอื่น ๆ มีความยืดหยุ่นมากกว่า[6] ตัวละครกลางแต่ละตัวมีความสามารถเฉพาะตัว ซึ่งแตกต่างกันไปตามระยะเวลาบรรจุกระสุนที่เพิ่มขึ้นและการแบกกระสุนมากกว่า[5] เรซิเดนต์อีวิล 6 นำเสนอกลไกการเล่นเกมแบบใหม่ เช่น ม้วนไปในทิศทางใดก็ได้ รวมถึงวิ่งไปในขณะที่ยิงและไถล[7] เกมนี้ยังมีโหมดผู้เล่นสี่คนร่วมมือกัน[8] เมื่อเล่นในโหมดผู้เล่นเดี่ยว ผู้เล่นสามารถอนุญาตให้ผู้เล่นอื่นเข้าร่วมออนไลน์ได้ตลอดเวลา[9] ในขณะที่ดำเนินการบางอย่าง ควิกไทม์อีเวนต์อาจเกิดขึ้น ซึ่งผู้เล่นจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำบนหน้าจอโดยการกดปุ่ม หรือจอยสติกภายในระยะเวลาที่จำกัด[6]
คุณลักษณะใหม่มาในรูปแบบของยาเม็ด ผู้เล่นอาจใช้เพื่อฟื้นฟูสุขภาพ และสามารถผลิตได้มากขึ้นโดยการผสมสมุนไพร[5] หากผู้เล่นคนใดคนหนึ่งพลังชีวิตไม่เพียงพอ ผู้เล่นคนนั้นจะมีช่วงเวลาสั้น ๆ ในการพยายามป้องกันตัวเองในขณะที่พันธมิตรพยายามที่จะชุบชีวิต หากผู้เล่นที่ไม่ใช่ปัญญาประดิษฐ์ถูกฆ่า การเล่นเกมจะกลับมาเล่นต่อที่เช็กพอยต์สุดท้าย เกมดังกล่าวมีศัตรูหลักหลายตัวรวมถึงซอมบี และจาโวที่เพิ่งเปิดตัว ซึ่งแตกต่างจากซอมบี จาโวสามารถโต้ตอบซึ่งกันและกันเพื่อวางแผนโจมตี, ใช้อาวุธ และรักษาตัวเองได้[10] นอกจากนี้ จาโวบางตัวยังไวต่อการกลายพันธุ์ต่าง ๆ ที่เพิ่มความกล้าหาญในการต่อสู้ ประเภทของการกลายพันธุ์บางครั้งขึ้นอยู่กับตำแหน่งของการบาดเจ็บ ซึ่งการกลายพันธุ์ภายในเกมมีทั้งหมด 15 แบบ[11] ศัตรูบางตัวจะให้คะแนนทักษะเมื่อถูกสังหาร ซึ่งสามารถหยิบขึ้นมาและใช้ในการอัปเกรดได้ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพของอาวุธหรือการให้อาวุธเฉพาะ การต่อสู้นี้มีคุณลักษณะ "โลนวูล์ฟ" ซึ่งช่วยให้ผู้เล่นสามารถลบตัวละครคู่หูปัญญาประดิษฐ์ของตนได้[12] ผู้เล่นสามารถติดตั้งการอัปเกรดเหล่านี้ได้สามแบบซึ่งใช้ได้กับทุกการต่อสู้[13] เกมนี้ยังมีแถบความแข็งแกร่ง ซึ่งจะหมดลงเมื่อผู้เล่นทำการโจมตีระยะประชิด หรือใช้ "ควิกชอต" — ซึ่งเกี่ยวข้องกับการยิงซอมบีด้วยการยิงหัวในทันที[14] ทั้งนี้ เรซิเดนต์อีวิล 6 มีความยาวเป็นสองเท่าของเรซิเดนต์อีวิล 5[15]
เกมนี้มีสองโหมดใหม่ โหมด "เมอซีเนรี" เกี่ยวข้องกับผู้เล่นที่ต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากฝูงศัตรู[16] ในเวอร์ชันพีซี โหมดเมอซีเนรีมีโหมดย่อยพิเศษที่ชื่อ "โนเมอร์ซี" ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเลือกตัวละครจาก เลฟต์โฟร์เดด 2 ที่ต่อสู้กับศัตรูจำนวน 300 ตัวโดยจับเวลา[17] ส่วนโหมด "เอเจนต์ฮันต์" ช่วยให้ผู้เล่นสามารถควบคุมศัตรูแบบสุ่มในเซสชันออนไลน์ของผู้อื่นได้ อย่างไรก็ตาม จะปลดล็อกหลังจากผู้เล่นเคลียร์การต่อสู้หลักทั้งสามแล้วเท่านั้น ยิ่งผู้เล่นอยู่ในเซสชันออนไลน์อื่นนานเท่าใด พวกเขาก็จะได้รับคะแนนมากขึ้นเท่านั้น[18]
โครงเรื่อง
[แก้]เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ. 2012 เจค มุลเลอร์ (พากย์โดยทรอย เบเคอร์) ลูกชายของอัลเบิร์ต เวสเกอร์ ผู้ก่อการร้ายชีวภาพที่ล่วงลับ ได้หลบหนีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในระหว่างการโจมตีผู้ก่อการร้ายทางชีวภาพในเอโดเนีย เขาร่วมมือกับเจ้าหน้าที่กองปฏิบัติการเฝ้าระวังความมั่นคง (DSO) และผู้รอดชีวิตจากแร็กคูนซิตี เชอร์รี เบอร์กิน (พากย์โดยอีเดน รีเกล) และได้เรียนรู้ว่าเธอต้องแยกเขาออกจากประเทศเพื่อสร้างวัคซีนสำหรับไวรัสซี อย่างไรก็ตาม พวกเขาถูกตามล่าโดยอุสตานัก ซึ่งเป็นอาวุธชีวภาพที่น่ากลัว ในขณะเดียวกัน ทีมจู่โจมของหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายด้วยอาวุธชีวภาพ (BSAA) ที่นำโดยคริส เรดฟีลด์ (พากย์โดยโรเจอร์ เคร็ก สมิธ) และเพียร์ส นีวานส์ (พากย์โดยคริสโตเฟอร์ เอเมอร์สัน) ได้กรีธาพลไปต่อสู้กับประชากรในพื้นที่ที่ติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม พวกเขาถูกโจมตีโดยผู้นำของนีโออัมเบรลลา ซึ่งอ้างถึงตัวเองว่าเป็นเอดา วอง (พากย์โดยคอร์ติเนย์ เทย์เลอร์) เธอฆ่าสมาชิกหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายด้วยอาวุธชีวภาพเกือบทั้งหมด โดยใช้อุปกรณ์ที่ฉีดไวรัสซี ซึ่งทำให้พวกเขากลายเป็นสัตว์ประหลาด ยกเว้นคริสและเพียร์ส คริสเข้าสู่การเนรเทศด้วยตนเอง และทนทุกข์กับการจำเหตุการณ์หลังเกิดเหตุไม่ได้ ในขณะเดียวกัน การแยกของเชอร์รีและเจคโดยหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายด้วยอาวุธชีวภาพก็ถูกก่อวินาศกรรม ส่งผลให้พวกเขาต้องตกลงไปในภูเขา ซึ่งพวกเขาถูกจับโดย "เอดา" เป็นเวลาหกเดือน
เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 2013 ประธานาธิบดีสหรัฐ อดัม เบนฟอร์ด (พากย์โดยไมเคิล โดโนแวน) พยายามเปิดเผยความจริงต่อสาธารณชนถึงเบื้องหลังเหตุการณ์แร็กคูนซิตีใน ค.ศ. 1998 และการติดต่อของรัฐบาลกับอัมเบรลลา เพื่อยุติกิจกรรมการก่อการร้ายทางชีวภาพเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม สถานที่พบปะกันในเมืองทอลโอ๊กส์ของอเมริกาถูกโจมตีอีกครั้ง ซึ่งทำให้ประธานาธิบดีติดเชื้อ ส่วนผู้รอดชีวิต ได้แก่ ลีออน เอส. เคนเนดี (พากย์โดยแมทธิว เมอร์เซอร์) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กองปฏิบัติการเฝ้าระวังความมั่นคงและผู้รอดชีวิตจากแร็กคูนซิตี และเฮเลนา ฮาเปอร์ (พากย์โดยลอรา ไบเลย์) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับของสหรัฐ ได้ถูกบังคับให้ฆ่าเขา ทั้งคู่เผชิญหน้ากับเอดา วอง ตัวจริง (พากย์โดยเทย์เลอร์เช่นกัน) และลีออนได้เรียนรู้ว่าที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ เดริก ซิมมอนส์ (พากย์โดยเดวิด ลอดจ์) เป็นพันธมิตรกับนีโออัมเบรลลา และต้องรับผิดชอบในการโจมตี ลีออนและเฮเลนาไล่ตามซิมมอนส์ไปยังเมืองหลานเสียง ประเทศจีน ในขณะที่พวกเขาแกล้งตาย ซึ่งในเวลาเดียวกัน เจคและเชอร์รีก็ได้หลบหนีการถูกจองจำในเมืองดังกล่าว
คริสกลับมารับหน้าที่ในหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายด้วยอาวุธชีวภาพพร้อมกับเพียร์สและทีมใหม่ โดยมาถึงเมืองหลานเสียงที่ถูกปิดล้อม คริสฟื้นจากความจำเสื่อมและพยายามแก้แค้นเอดา อันส่งผลให้ทีมของเขาบาดเจ็บล้มตาย คริสและเพียร์สเผชิญหน้ากับเอดา จนกระทั่งลีออนเข้ามาแทรกแซง หลังจากได้รับแจ้งจากลีออน คริสและเพียร์สไล่ตาม "เอดา" ไปที่เรือบรรทุกอากาศยาน โดยทำลายขีปนาวุธร่อนที่เต็มไปด้วยไวรัสซี ลีออน, เฮเลนา, เชอร์รี และเจค ได้เผชิญหน้ากับซิมมอนส์เกี่ยวกับส่วนร่วมของเขากับการระบาดของโรค ที่เชอร์รีส่งข้อมูลทางการแพทย์ของเจคให้ลีออนอย่างลับ ๆ ในกรณีที่พวกเธอถูกจองจำ ลีออนและเฮเลนาไล่ต้อนซิมมอนส์ ผู้ติดเชื้อจาโว ซึ่งเขาสารภาพว่าได้สังหารประธานาธิบดีเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ ทั้งสองเห็นซิมมอนส์ที่กลายพันธุ์ขณะที่เชอร์รีและเจคถูกจับอีกครั้ง เมื่อกำลังพยายามที่จะออกจากเมือง ลีออนและเฮเลนาได้รับการเตือนจากคริสว่ามีการยิงขีปนาวุธที่บรรจุไวรัสซี และการระเบิดทำให้เกิดการระบาดในเมือง ลีออนเปิดเผยตัวจริงของเจคให้คริสรู้ และให้เขาช่วยเหลือเจคและเชอร์รีในแท่นขุดเจาะน้ำมันระยะไกล ด้วยความช่วยเหลือของเอดา ลีออนและเฮเลนาจึงปลิดชีวิตซิมมอนส์
ที่แท่นขุดเจาะน้ำมัน คริสและเพียร์สมุ่งหน้าไปใต้ดิน เพื่อปลดปล่อยเจคและเชอร์รีจากการถูกจองจำ ก่อนที่จะป้องกันการโจมตีด้วยอาวุธชีวภาพขนาดใหญ่ที่ชื่อฮาออส ด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะช่วยชีวิตคริส เพียร์สที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจึงฉีดไวรัสซีให้ตัวเองเพื่อช่วยพลิกช่วงระยะเวลาการต่อสู้ เขากำจัดฮาออสก่อนที่จะอพยพ เมื่อรู้ว่าการกลายพันธุ์จะเลวร้ายลง เพียร์สจึงเสียสละตัวเองด้วยการเร่งเร้าคริสไปที่ห้องโยงหลบหนี โดยใช้ความสามารถของเขาทำลายฐาน ในขณะเดียวกัน เจคและเชอร์รีก็หนีออกจากสถานที่แห่งนี้ และฆ่าอุสตานักขณะที่พวกเขาอาศัยแท่นปล่อยจรวดขึ้นสู่ผิวน้ำ
ผู้แอบอ้างเป็นเอดาเป็นนักวิทยาศาสตร์ชื่อคาร์ลา ราดาเมส ซึ่งถูกซิมมอนส์บังคับให้แปลงตัวเป็นเอดา ส่วนเอดาตัวจริงกำลังช่วยเหลือลีออนและเชอร์รีในขณะที่ทำลายห้องทดลองนีโออัมเบรลลาในหลานเสียง แม้ว่าจะถูกสันนิษฐานว่าเสียชีวิตหลังจากถูกยิงโดยทหารคนหนึ่งของซิมมอนส์ คาร์ลาพยายามโจมตีเอดาเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากฉีดไวรัสซีในปริมาณที่สูง แต่เธอก็ถูกฆ่า หลังจากช่วยเหลือลีออนและเฮเลนาในการต่อสู้กับซิมมอนส์ เอดาได้ทำลายห้องทดลองที่ร่างโคลนของเธอได้รับการพัฒนา และยอมรับงานใหม่ ลีออนและเฮเลนาได้สะสางหน้าที่ ด้านคริสยังคงอยู่กับหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายด้วยอาวุธชีวภาพในการบังคับบัญชาของทีมใหม่ ด้วยการเอาชนะความรู้สึกผิดของเขา ส่วนเชอร์รียังคงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตัวแทนกองปฏิบัติการเฝ้าระวังความมั่นคง และเจคได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในการต่อสู้กับอาวุธอินทรีย์ชีวภาพ (B.O.W.) ในประเทศที่ด้อยพัฒนา ซึ่งตัวตนของเขาได้รับการปกปิดโดยหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายด้วยอาวุธชีวภาพ
การพัฒนาและการตลาด
[แก้]ผู้อำนวยการสร้าง ฮิโรยูกิ โคบายาชิ พูดให้สัมภาษณ์กับซิลิโคเนรา[19]
เรซิเดนต์อีวิล 6 ได้รับการกำหนดแนวคิดในไม่ช้าหลังจากการเปิดตัวเรซิเดนต์อีวิล 5 และเข้าสู่การพัฒนาเต็มรูปแบบใน ค.ศ. 2009[20] จุง ทาเกอูจิ ผู้อำนวยการสร้างเรซิเดนต์อีวิล 5 กล่าวว่าเขาได้พิจารณา "ระบบใหม่ทั้งหมด" สำหรับเรซิเดนต์อีวิล 6 แต่ได้ตัดการมีส่วนร่วมของเขาออกไป[21][22] ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2009 มาซาชิกะ คาวาตะ ผู้ร่วมอำนวยการสร้างระบุว่ายังไม่ได้ตัดสินใจภาคใหม่ แต่ยอมรับว่าบริษัทแคปคอมอาจใช้เวลาพัฒนาสี่ถึงแปดปี[23] คาวาตะอ้างในภายหลังว่าเกมภาคใหม่จะแตกต่างจากภาคก่อนอย่างมาก[24] เกมนี้ได้รับการกำกับโดยเออิจิโร ซาซากิ ผู้กำกับซีรีส์เรซิเดนต์อีวิลเอาต์เบรก[25] เมื่อการพัฒนาเกมเริ่มขึ้นเป็นครั้งแรก ผู้อำนวยการผลิต โยชิอากิ ฮิราบายาชิ ต้องการให้เกมมุ่งไปที่ "ความบันเทิงสยองขวัญขั้นสูงสุด" โดยคำนึงถึงทีมงานที่ว่าเรซิเดนต์อีวิล 6 ที่กำลังจะมาถึงเป็นชื่อสำคัญของเกมแนวสยองขวัญ ซึ่งในการให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 ฮิราบายาชิกล่าวว่าเขาพยายามสร้างสมดุลให้กับ "ทุกสิ่งที่ผู้คนชื่นชอบ" เกี่ยวกับซีรีส์นี้ ดังนั้นทีมงานจึงมุ่งเน้นไปที่รูปแบบการเล่นที่เน้นธีมสยองขวัญ[26] และในเดือนมีนาคมของปีเดียวกัน ทางแคปคอมได้ยอมรับถึงความเชื่อที่ว่าตลาดสยองขวัญเอาชีวิตรอดนั้นเล็กเกินไปสำหรับเรซิเดนต์อีวิล และออกแถลงการณ์ว่าทีมพัฒนาจะเลือกที่จะปรับทิศทางรูปแบบการเล่นให้เป็นแนวแอ็กชันแทน[27]
การพัฒนาเกมนี้นำโดยฮิโรยูกิ โคบายาชิ ซึ่งแคปคอมระบุว่าตั้งเป้าที่จะ "ส่งมอบเกมเรซิเดนต์อีวิลที่น่าประทับใจที่สุดเท่าที่เคยมีมาทั้งในแง่ขอบเขตและคุณค่าการผลิต" และแคปคอมยังยืนยันว่าเกมนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้แนวทางในการ "พัฒนา" ซีรีส์[28] ทีมงานต้องการให้เกมมีฉากใหม่โดยซาซากิต้องการสถานที่ในประเทศจีน ในขณะที่ประเทศเอโดเนียไม่ได้จำลองมาจากประเทศใด ๆ ในยุโรป แต่ได้รับธีมยุโรปตะวันออก[29] จากข้อมูลของนิตยสารแฟมิซือ ตัวละครที่ชื่อเจค มุลเลอร์ ได้รับการออกแบบให้เป็น "คนหนุ่มสาวยุคปัจจุบันที่น่าเห็นใจ"[30][31] เกมดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่พัฒนามากกว่า 600 คน ทำให้เกมนี้มีการผลิตครั้งใหญ่ที่สุดของแคปคอมจนถึงปัจจุบัน[32] การตัดสินใจนำซอมบีกลับเข้ามาในเรซิเดนต์อีวิล 6 เกิดขึ้นโดยโคบายาชิ ซึ่งเขารู้สึกว่าพวกมันเป็นส่วนประกอบยอดนิยมสำหรับแฟรนไชส์ และได้ปฏิบัติตามคำขอของแฟน ๆ[19] ฮิราบายาชิยอมรับว่าเกมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเมื่อสิ้นสุดรอบการพัฒนา เนื่องจากแนวคิดใหม่ที่นำมาใช้ในซีรีส์[26] เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 2012 เรซิเดนต์อีวิล 6 ได้บรรลุผลสำเร็จโครงการ และเริ่มให้บริการออนไลน์[33]
เทรลเลอร์อย่างเป็นทางการได้รับการเปิดตัวเมื่อวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 2012[34] ในงานแถลงข่าวของไมโครซอฟท์ที่งานอี3 2012 ได้มีการสาธิตการเล่นเกมครั้งแรก โดยแสดงให้เห็นว่าลีออนและเฮเลนาต่อสู้กับฝูงซอมบีในประเทศจีน เดโมที่เล่นได้ของเรซิเดนต์อีวิล 6 มีกำหนดเปิดตัวในระบบเพลย์สเตชัน เน็ตเวิร์ก และเอกซ์บอกซ์ไลฟ์มาร์เกตเพลสในวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 2012[35] แคปคอมได้ประกาศในภายหลังว่าเดโมจะพร้อมใช้งานสำหรับเจ้าของเอกซ์บอกซ์ 360 และเพลย์สเตชัน 3 ในวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2012 โดยการเข้าถึงเดโมก่อนเปิดตัวจะรวมอยู่ในดรากอนส์ด็อกมา[35] อันเป็นผลมาจากการวิพากษ์วิจารณ์เคโมแรก แคปคอมได้นำเดโมเวอร์ชันที่แตกต่างออกไปมาสู่งานแซนดีเอโก คอมิก-คอน 2012 โดยปรับเปลี่ยนส่วนต่าง ๆ ของรูปแบบการเล่น[36] เดิมเกมนี้มีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 แต่แล้ววันวางจำหน่ายของเกมได้เลื่อนไปสู่วันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 2012[37] ทั้ง ก่อนที่เกมจะเปิดตัว เกมหลายชุดได้ถูกขโมยไป และถูกขายในประเทศโปแลนด์[38]
เรซิเดนต์อีวิล 6 ยังได้รับการบรรจุอยู่ในไบโอฮาซาร์ดแอนนิเวอร์ซารีแพกเกจ ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษสำหรับวันครบรอบสิบเจ็ดปีของเรซิเดนต์อีวิล ที่วางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น ณ วันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 2013 ควบคู่ไปกับเวอร์ชันพีซี[39][40] นอกจากนี้ เรซิเดนต์อีวิล 6 ได้รับการเปิดตัวอีกครั้งในระบบเพลย์สเตชัน 4 และเอกซ์บอกซ์วัน พร้อมการปรับปรุงกราฟิกและเนื้อหาที่ดาวน์โหลดได้ทั้งหมดในวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ. 2016[41] รวมถึงได้รับการเปิดตัวในระบบนินเท็นโด สวิตช์ ในวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 2019[42]
เนื้อหาที่ดาวน์โหลดได้
[แก้]เพื่อตอบสนองต่อการตอบโต้สาธารณะอย่างรุนแรงเกี่ยวกับการจัดประเภทเนื้อหาบนดิสก์เป็นเนื้อหาที่ดาวน์โหลดได้ (DLC) แคปคอมจึงได้เปิดตัวแพตช์ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2012 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย[43] แพตช์นี้รวมถึงการควบคุมกล้องใหม่, โหมดความยากใหม่ที่ชื่อว่า "โนโฮป", ตัวเลือกในการเล่นแคมเปญของเอดาโดยไม่ต้องทำอีกสามแคมเปญ และการเพิ่มพันธมิตรออนไลน์แบบร่วมมือสำหรับแคมเปญของเอดาที่เรียกง่าย ๆ ว่า "เอเจนต์" ซึ่งไม่เหมือนกับตัวละครอื่น ๆ ในเกม เอเจนต์ไม่สามารถมีปฏิกิริยากับประตูและหีบสมบัติได้ โดยเขาจะหายไปเมื่อมีคัตซีน[44]
ในวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ. 2012 ได้มีการเปิดตัวเนื้อหาที่ดาวน์โหลดได้ (DLC) หลายผู้เล่นใหม่ พร้อมโหมดหลายผู้เล่นใหม่สามโหมด ได้แก่ "เพรดเดเทอร์", "เซอร์ไวเวอส์" และ "ออนสลอต"[45] โดยโหมดเพรดเดเทอร์เป็นซีรีส์ของการยิงอย่างรวดเร็วที่มีผู้เล่นมากถึงหกคนที่ผลัดกันเป็นอุสตานักที่น่ากลัวและสามารถเข้าถึงอาวุธได้อย่างเต็มที่ ผู้เล่นคนอื่น ๆ ในโหมด "เพรดเดเทอร์" จะต้องหลีกเลี่ยงการจับและถูกฆ่าโดยอุสตานัก ผู้เล่นที่เป็นมนุษย์ได้คะแนนสำหรับการโจมตีที่ประสบความสำเร็จ แต่ยังเสียคะแนนจากการถูกจับและ/หรือถูกโค่น ประเภทการแข่งนี้จะจบลงทันทีที่ทุกคนเล่นในฐานะอุสตานัก โดยผู้เข้าร่วมที่มีคะแนนมากที่สุดจะได้รับตำแหน่งเป็นผู้ชนะ ส่วนโหมดเซอร์ไวเวอส์เป็นโหมดเรซิเดนต์อีวิลที่ใช้ในโหมดเดธแมตช์แบบเดี่ยวและแบบทีมคลาสสิก โหมดเซอร์ไวเวอส์สามารถใช้ได้สำหรับผู้เล่น 2–6 คน และโหมดออนสลอตเป็นโหมดผู้เล่นสองคนที่แต่ละคนต้องเคลียร์คลื่นของศัตรูที่กำลังจะมาถึง การบิดผันเกิดขึ้นเมื่อผู้เล่นทำโซ่คอมโบสำเร็จเนื่องจากจะส่งศัตรูไปที่หน้าจอของฝ่ายตรงข้าม[46][47]
เมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 2013 เนื้อหาที่ดาวน์โหลดได้ข้ามฝั่งของเลฟต์โฟร์เดด 2 ได้รับการเผยแพร่สำหรับเวอร์ชันพีซี โดยเพิ่มตัวละครหลักและสัตว์ประหลาดสองตัวจากเลฟต์โฟร์เดด 2 ไปยังโหมดเดอะเมอร์เซนารีส์: โนเมอร์ซี ในเรซิเดนต์อีวิล 6 เฉพาะพีซี อาวุธ, ตัวละคร และสัตว์ประหลาดต่าง ๆ จากเรซิเดนต์อีวิล 6 ได้รับการเพิ่มเป็นสกินทดแทนที่สามารถดาวน์โหลดได้ในเลฟต์โฟร์เดด 2 เวอร์ชันพีซี[48][49]
การตอบรับ
[แก้]การตอบรับ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
จากเว็บไซต์ตัวรวบรวมบทวิจารณ์ของเมทาคริติก เรซิเดนต์อีวิล 6 ได้รับการวิจารณ์แบบ "ผสมหรือปานกลาง"[50][51][52]
นักวิจารณ์ได้ยกย่องโครงเรื่อง, ธีม, กราฟิก และปัญญาประดิษฐ์ ผู้วิจารณ์จากนิตยสารเกมอินฟอร์เมอร์ระบุว่าแม้เกมจะไม่ "รั้ง" ประสบการณ์ที่เสื่อมโทรมจากการ "นั่งรถไฟเหาะตีลังกาโดยไม่สะทกสะท้าน"[4] ผู้วิจารณ์จากนิตยสารออฟฟิเชียลเอกซ์บอกซ์แมกกาซีนสรุปว่าเกมนี้เป็นเกมยิงที่ประสบความสำเร็จ และเป็นเกมการเริ่มต้นที่ "ดังสนั่น" สำหรับเรซิเดนต์อีวิล ในขณะเดียวกันก็ยกย่องความยาวและความหลากหลายของเกม[64] ส่วนเว็บไซต์เกมเทรเลอส์ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงไปจากรูปแบบและโทนของเกมที่ผ่านมาในซีรีส์ ซึ่งยังคงยกย่องทิศทางโดยรวม โดยระบุว่าแม้จะมี "ตัวตนเก่าที่หลุดออกไป" แต่เกมก็นำเสนอตัวเองว่าเป็นเกมแอ็กชัน "ใหญ่โต"[61] ด้านริชาร์ด จอร์จ จากเว็บไซต์ไอจีเอ็นรู้สึกชื่นชอบในการออกแบบทางเทคนิคและศิลปะของเกม โดยระบุว่าเกมดังกล่าวเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแคปคอม ด้วยการออกแบบโลก, การจัดแสง และสิ่งมีชีวิตที่ "แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ" ขณะที่ไรอัน แมคแคฟฟรีย์ จากเว็บไซต์ไอจีเอ็นยังตั้งข้อสังเกตว่าศัตรูตัวใหม่นี้เป็นงานออกแบบและแนวความคิดที่ "ดีที่สุด" ในประวัติศาสตร์ของแฟรนไชส์[66] และฮอลแลนเดอร์ คูเปอร์ จากเว็บไซต์เกมส์เรดาร์ยกย่องการปรับปรุงการควบคุมมากกว่ารุ่นก่อน โดยระบุว่าเกมให้ความสำคัญกับความลื่นไหลและการเคลื่อนไหว แม้ว่าจะมีข้อสังเกตว่าระบบหาที่กำบัง "ดูเหมือนจะไม่ทำงาน"[3] นิตยสารดิเอสเคปปิสต์ยังยกย่องเพื่อนร่วมทางปัญญาประดิษฐ์ที่ได้รับการปรับปรุงว่า "ทำงานได้ดีในการสำรองข้อมูลและต่อสู้กับศัตรูแทนที่จะยืนเคียงข้าง" แต่ก็ไม่ชอบระบบหาที่กำบังโดยเรียกถึงสิ่งนั้นว่า "คุณลักษณะใหม่ที่น่าจดจำที่สุดของเกม"[65]
เกมทั้งสี่ศึกได้รับคำวิจารณ์จากผู้วิจารณ์ ไซมอน พาร์กิน จากเว็บไซต์ยูโรเกมเมอร์ได้แบ่งศึกต่าง ๆ โดยกล่าวว่าศึกของลีออนเป็นศึกที่รุนแรงที่สุดและ "เราเข้าใกล้เค้ามูลสยองขวัญเอาชีวิตรอดของซีรีส์มากที่สุด" ตลอดจนศึกของเอดาว่ามี "รสชาติที่หลากหลาย" อย่างไรก็ตาม พาร์กินได้วิพากษ์วิจารณ์อีกสองศึกโดยระบุว่าศึกของเจค "ไม่ค่อยเป็นที่ชอบใจ" ในขณะที่กล่าวถึงของคริสว่าเป็น "การวิ่งอันดับสองของมุมมองบุคคลที่สาม" ด้วยบทสนทนาที่มีฉากตัดต่อ "งี่เง่า"[57] รวมถึงผู้วิจารณ์จากนิตยสารเอดจ์ยังรู้สึกว่าศึกดังกล่าวมีความแตกต่างในด้านคุณภาพมากกว่าศึกอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด[56] ในทำนองเดียวกัน เควิน แวนออร์ด จากเว็บไซต์เกมสปอตสรุปว่าศึกต่าง ๆ ของเกมดังกล่าวเป็นการทดสอบความอดทนขั้นสูงสุดสำหรับ "การที่แม้จะทุ่มเทมากที่สุด"[60] ในขณะที่เว็บไซต์เดสทรักทอยด์ได้อ้างถึงเรซิเดนต์อีวิล 6 ว่าไม่เพียง "ถอยหลัง" สำหรับซีรีส์ดังกล่าวเนื่องจากคุณสมบัติใหม่และแหวกแนวของเกม แต่เป็นการ "ย้อนกลับไปหาสิ่งธรรมดา ๆ สำหรับเกมยิงแอ็กชันที่ถ่อมตัว"[2]
ในการให้สัมภาษณ์กับเพลย์สเตชันบล็อกอย่างเป็นทางการ ผู้อำนวยการสร้างเรซิเดนต์อีวิล 6 ฮิโรยูกิ โคบายาชิ ได้ตอบสนองต่อคำวิจารณ์ของแฟน ๆ หลังจากเปิดตัวไม่นาน โดยสังเกตถึงความแตกต่างที่สร้างสรรค์กับแฟน ๆ เขากล่าวว่า "แฟน ๆ และเราในฐานะผู้สร้างคือบุพการีสองคน [...] และเหมือนบุพการีแท้ ๆ ซึ่งคุณมักจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการเลี้ยงลูกคนนั้น" และกล่าวต่อไปว่า "เราต้องการให้แน่ใจว่าสิ่งที่เราทำทำให้พวกเขาพอใจ แต่การตอบสนองแรกเริ่มอาจไม่เป็นบวกเสมอไป เรารับฟังแฟน ๆ แต่เราไม่สามารถมองเห็นพวกเขาได้ทุกครั้ง หรือผมไม่คิดว่าเราจะพัฒนาต่อไปในแง่ของการพัฒนาซีรีส์"[67][68]
ในขณะที่แคปคอมได้ขนานนามเกมนี้ว่าเป็น "ละครสยองขวัญ" แต่นักวิจารณ์หลายคนกลับตั้งข้อสังเกตว่าเกมได้ออกไปจากแนวสยองขวัญเอาชีวิตรอดเมื่อเทียบกับภาคก่อน ๆ นักวิจารณ์จากเว็บไซต์เกมสปอตและเว็บไซต์เกมเรดาร์ตั้งข้อสังเกตว่าเกมนี้ไม่ถือว่าเป็นเกมสยองขวัญเอาชีวิตรอดอีกต่อไป[3][60] ส่วนเว็บไซต์เดสทรักทอยด์ยืนยันว่าแคปคอม "ได้ปล่อยปละละเลยข้ออ้างใด ๆ" ของเกมแนวสยองขวัญเอาชีวิตรอด[2] นักวิจารณ์หลายคนระบุว่าเกมประเภทนี้เป็นเกมยิงแอ็กชันมุมมองบุคคลที่สาม[2][3][4][60][69] หลังจากเกมวางจำหน่าย มาซาจิกะ คาวาตะ จากบริษัทแคปคอมได้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการรีบูตแฟรนไชส์ให้กลับไปเป็น "รากฐานสยองขวัญคลาสสิก"[70]
ยอดจำหน่าย
[แก้]ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2012 บริษัทประกาศว่าพวกเขาคาดว่าจะขายเกมดังกล่าวได้ 7 ล้านชุดภายในสิ้นปีงบประมาณ 2012[71] อย่างไรก็ตาม บริษัทลดความคาดหวังของพวกเขาลงเหลือ 6 ล้านชุดเนื่องจากมีการตอบรับเกมดังกล่าวแบบผสม[72] เมื่อวางจำหน่าย ทางแคปคอมได้ประกาศว่ามียอดจำหน่าย 4.5 ล้านชุดทั่วโลก ซึ่งสร้างสถิติใหม่ให้แก่บริษัท[73] ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2012 เกมนี้ขายได้ 806,000 ชุดในสหรัฐ[74] จากข้อมูลของแคปคอม ยอดขายของเกมได้ลดลงหลังจากการเริ่มต้นที่เกรียงไกร โดยบริษัทยอมรับว่าเกมดังกล่าวจะไม่บรรลุตามเป้า และส่งผลให้ประมาณการทางการเงินสำหรับปีงบประมาณได้ลดลงด้วยเหตุนี้[75] เกมดังกล่าวขายได้ 4.9 ล้านชุดภายในเดือนเมษายน ค.ศ. 2013[76] และภายในเดือนตุลาคมของปีเดียวกัน ได้มียอดขาย 5.2 ล้านชุดทั่วโลก ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในวิดีโอเกมที่ขายดีที่สุดของแคปคอม[77]
แม้จะมีการเริ่มต้นอย่างช้า ๆ และบทวิจารณ์ที่หลากหลาย แต่เรซิเดนต์อีวิล 6 ก็กลายเป็นเกมขายดีอันดับสี่ของแคปคอมภายในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2020 ด้วยยอดขายตลอดอายุ 7.7 ล้านชุดทั่วโลกสำหรับเพลย์สเตชัน 3 และเอกซ์บอกซ์ 360 ของการเปิดตัวซิงเกิลแรก[78] ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 แคปคอมได้ออกแถลงการณ์ว่าเกมดังกล่าวประสบปัญหายอดขายไม่ดีเนื่องจากความท้าทายในการพัฒนาต่าง ๆ และ "การทำงานร่วมกันในองค์กรที่ไม่เพียงพอ" ทั่วทั้งบริษัท[79][80] อย่างไรก็ตาม เวอร์ชันเพลย์สเตชัน 4 และเอกซ์บอกซ์วันขายได้ 2.3 ล้านชุดในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2020[81]
หมายเหตุ
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Resident Evil 6 PC dated and detailed". New Game Network. 17 December 2012.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 Sterling, Jim (1 October 2012). "Destructoid Review: Resident Evil 6". Destructoid. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-10-03. สืบค้นเมื่อ 1 October 2012.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 Cooper, Hollander (1 October 2012). "GamesRadar Review: Resident Evil 6". Future plc. สืบค้นเมื่อ 1 October 2012.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 Turi, Tim (1 October 2012). "Game Informer: Resident Evil 6 - Incredible Co-op With A Few Kinks". Game Informer. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-03-07. สืบค้นเมื่อ 1 October 2012.
- ↑ 5.0 5.1 5.2 Totilo, Stephen (27 August 2012). "17 Things About Resident Evil 6 That You Should Know". Kotaku. สืบค้นเมื่อ 9 May 2016.
- ↑ 6.0 6.1 Houghton, David (12 September 2012). "Resident Evil 6: 11 important changes that make it play unlike any Resident Evil you've seen before". GamesRadar. Future plc. สืบค้นเมื่อ 22 May 2016.
- ↑ Gilbert, Ben (15 February 2012). "Resident Evil 6 to sport innovations like 'shooting whilst moving'". Engadget. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-06-30. สืบค้นเมื่อ 22 May 2016.
- ↑ Matluef, Jeffrey (6 June 2012). "Resident Evil 6 Preview: Fear of the Unknown". Eurogamer. สืบค้นเมื่อ 22 May 2016.
- ↑ George, Richard (19 January 2012). "Resident Evil 6: Chris Redfield and Leon Kennedy Playable". IGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-10-02. สืบค้นเมื่อ 11 April 2012.
- ↑ Gatayat, Anoop. "Resident Evil 6: Zombies, J'avo and the C-Virus". Andriasang. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-01. สืบค้นเมื่อ 17 April 2012.
- ↑ "Resident Evil 6 E3 Demo - Chris". Youtube. Resident Evil-Capcom. สืบค้นเมื่อ 26 September 2016.
- ↑ "Resident Evil 6 Has An Unlockable "Lone Wolf" Ability". Siliconera. 2 September 2012. สืบค้นเมื่อ 22 May 2016.
- ↑ George, Richard (27 August 2012). "Resident Evil 6: The War on Bio-Terror". IGN. สืบค้นเมื่อ 16 February 2015.
- ↑ "Resident Evil 6 Hands-On: Tension Through Resource Management". Siliconera. 12 September 2012. สืบค้นเมื่อ 22 May 2016.
- ↑ Dutton, Fred (18 June 2012). "Resident Evil 6 more than twice as long as RE5, says Capcom". Eurogamer. สืบค้นเมื่อ 22 May 2016.
- ↑ "Resident Evil 6 ห่วยจริงหรือ!? มาดู 9 เหตุผลที่อาจทำให้คุณอยากกลับมาเล่นมันอีกครั้ง". This Is Game Thailand. 24 February 2019. สืบค้นเมื่อ 2 April 2021.[ลิงก์เสีย]
- ↑ Roberts, Samuel (26 November 2014). "Now Playing: Merc mode in Resident Evil 6". PC Gamer. สืบค้นเมื่อ 22 May 2016.
- ↑ Totilo, Stpehen (1 October 2012). "The Coolest Part of Resident Evil 6". Kotaku. สืบค้นเมื่อ 9 May 2016.
- ↑ 19.0 19.1 "Why Capcom Brought Zombies Back For Resident Evil 6". Siliconera. 26 July 2012. สืบค้นเมื่อ 23 May 2016.
- ↑ George, Richard (19 July 2012). "Six New Things We've Learned About Resident Evil 6". IGN. Ziff Davis. สืบค้นเมื่อ 22 May 2016.
- ↑ Mielke, James (25 February 2009). "Resident Evil 5 'Jun Takeuchi Interview'". 1UP.com. UGO Entertainment, Inc. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 February 2012. สืบค้นเมื่อ 15 March 2009.
- ↑ Robinson, Andy (6 May 2010). "'I won't return for Resident Evil 6' – Resi 5 boss". Computer and Video Games. Future Publishing Limited. สืบค้นเมื่อ 23 July 2011.
- ↑ Ashcraft, Brian (25 March 2009). "Unannounced Resident Evil 6 Could Take 8 Years". Kotaku. Gawker Media. สืบค้นเมื่อ 23 July 2011.
- ↑ Dutton, Fred (April 19, 2011). "Resident Evil 6 will be "totally different"". Eurogamer. สืบค้นเมื่อ May 24, 2016.
- ↑ "Who Else Is Making Resident Evil 6?". Siliconera. 19 January 2012. สืบค้นเมื่อ 23 May 2016.
- ↑ 26.0 26.1 George, Richard (6 February 2012). "Developing Resident Evil 6". IGN. Ziff Davis. สืบค้นเมื่อ 23 May 2016.
- ↑ Yin-Poole, Wesley (23 March 2012). "Capcom: survival horror market too small for Resident Evil". Eurogamer. สืบค้นเมื่อ 23 May 2016.
- ↑ Otero, Jose (20 January 2012). "OP-ED: Why There May Be No Hope Left for Resident Evil Operation Raccoon City". 1UP. IGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 July 2012. สืบค้นเมื่อ 23 January 2012.
- ↑ Ashcraft, Brian (15 February 2012). "New Details about Resident Evil 6 Emerge". Kotaku. สืบค้นเมื่อ 9 May 2016.
- ↑ "Resident Evil 6 Has Three Heroes, Many More Zombies (But Not T-Virus Zombies)". Siliconera. 14 February 2012. สืบค้นเมื่อ 22 May 2016.
- ↑ Ciolek, Todd (15 August 2012). "The X Button Horror Head". Anime News Network. สืบค้นเมื่อ 15 August 2012.
- ↑ "Resident Evil 6: Capcom's 'largest-scale production' ever". Computer and Video Games.
- ↑ "Resident Evil 6 Goes Gold, Online Service Detailed". IGN. Ziff Davis. 21 August 2012. สืบค้นเมื่อ 23 May 2016.
- ↑ Staff, IGN, Debut trailer for RE 6 (19 January 2012), IGN, Retrieved on 19 January 2012.
- ↑ 35.0 35.1 Scammell, David (31 January 2012). "Xbox 360 Dragon's Dogma includes access to Resident Evil 6 demo". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 February 2012. สืบค้นเมื่อ 31 January 2012.
- ↑ Parish, Jeremy (14 July 2012). "The New Resident Evil 6 Demo Made Us Do a Double-Take". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 October 2012. สืบค้นเมื่อ 15 July 2012.
- ↑ George, Richard (10 April 2012). "Resident Evil 6: Enter the Darkness". IGN. สืบค้นเมื่อ 11 April 2012.
- ↑ Karmali, Luke (September 3, 2011). "Capcom: Sold Resident Evil 6 Copies Were Stolen". IGN. สืบค้นเมื่อ May 24, 2016.
- ↑ "Resident Evil 6 - PC". IGN. Ziff Davis. สืบค้นเมื่อ 23 May 2016.
- ↑ "Resident Evil Anniversary Package For PS3 Celebrates 17 Years Of Wesker". Siliconera. 8 January 2013. สืบค้นเมื่อ 23 May 2016.
- ↑ "Resident Evil 4, 5 and 6 coming to PS4 and Xbox One". GameSpot. สืบค้นเมื่อ 25 February 2016.
- ↑ Romano, Sal (June 11, 2019). "Resident Evil 5 and 6 coming to Switch this fall". Gematsu. สืบค้นเมื่อ June 13, 2019.
- ↑ Matulef, Jeffrey. "Capcom public relations backlash leads to free DLC". Game reviews and news. Eurogamer.net. สืบค้นเมื่อ 6 March 2013.
- ↑ Tom Ivan, Resident Evil 6 update improves camera, unlocks Ada co-op, CVG UK, 17 December 2012
- ↑ McWhertor, Michael (4 December 2012). "Resident Evil 6 Predator, Survivors and Onslaught modes screenshots". Polygon. สืบค้นเมื่อ 23 May 2016.
- ↑ "Resident Evil 6 On Xbox 360 Gets Timed Exclusive Survivors, Predator, Siege Modes". Siliconera. 11 September 2012. สืบค้นเมื่อ 23 May 2016.
- ↑ Philips, Tom (24 October 2012). "Capcom to issue Resident Evil 6 patch in response to player feedback". Eurogamer. สืบค้นเมื่อ 25 October 2012.
- ↑ "Coach, Ellis, Nick, and Rochelle mashing it up in RE6". l4d. Valve. 22 March 2013. สืบค้นเมื่อ 5 April 2013.
- ↑ "Resident Evil 6 Day". l4d. Valve. 4 April 2013. สืบค้นเมื่อ 5 April 2013.
- ↑ 50.0 50.1 "Resident Evil 6 for PlayStation 3 Reviews". Metacritic. สืบค้นเมื่อ 2 October 2012.
- ↑ 51.0 51.1 "Resident Evil 6 for Xbox 360 Reviews". Metacritic. สืบค้นเมื่อ 2 October 2012.
- ↑ 52.0 52.1 "Resident Evil 6 for PC Reviews". Metacritic. สืบค้นเมื่อ 22 March 2013.
- ↑ "Resident Evil 6 for PlayStation 4 Reviews". Metacritic. สืบค้นเมื่อ 28 June 2020.
- ↑ "Resident Evil 6 for Xbox One Reviews". Metacritic. สืบค้นเมื่อ 28 June 2020.
- ↑ "Resident Evil 6 for Switch Reviews". Metacritic. สืบค้นเมื่อ 28 June 2020.
- ↑ 56.0 56.1 "Edge: Resident Evil 6". Future Publishing. 1 October 2012. สืบค้นเมื่อ 1 October 2012.
- ↑ 57.0 57.1 Parkin, Simon (1 October 2012). "Eurogamer Resident Evil 6 Review". Eurogamer. สืบค้นเมื่อ 1 October 2012.
- ↑ Gifford, Kevin (September 26, 2012). "Japan Review Check: 'Resident Evil 6', 'PES 2013'". Polygon. สืบค้นเมื่อ October 1, 2012.
- ↑ Rubens, Alex. "Resident Evil 6 Review for Xbox 360". G4tv. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-03-11. สืบค้นเมื่อ 1 October 2012.
- ↑ 60.0 60.1 60.2 60.3 VanOrd, Kevin (1 October 2012). "Gamespot Resident Evil 6 review". Gamespot. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 January 2013. สืบค้นเมื่อ 1 October 2012.
- ↑ 61.0 61.1 "Resident Evil 6 Article Review and Ratings". GameTrailers. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 January 2013. สืบค้นเมื่อ 1 October 2012.
- ↑ Shoemaker, Brad (3 October 2012). "Resident Evil 6 Review". Giant Bomb. สืบค้นเมื่อ 3 October 2012.
- ↑ George, Richard (1 October 2012). "IGN Review: Resident Evil 6". IGN. Ziff Davis. สืบค้นเมื่อ 1 October 2012.
- ↑ 64.0 64.1 "Resident Evil 6 review". Official Xbox Magazine. Future plc. 5 September 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 December 2012. สืบค้นเมื่อ 9 May 2016.
- ↑ 65.0 65.1 Goodman, Paul (1 October 2012). "Escapist Review: Resident Evil 6". The Escapist Magazine. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-11-02. สืบค้นเมื่อ 1 October 2012.
- ↑ McCaffrey, Ryan (7 June 2012). "Why I Hate the Resident Evil 6 Demo". IGN. Ziff Davis. สืบค้นเมื่อ 9 May 2016.
- ↑ Fred Dutton (2 October 2012). "Resident Evil 6 Interview: Can Capcom Inject New Life Into the Undead?". PlayStation. สืบค้นเมื่อ 3 October 2012.
- ↑ Makuch, Eddie (3 October 2012). "Capcom: Resident Evil can't please everyone". GameSpot. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 October 2012. สืบค้นเมื่อ 3 October 2012.
- ↑ Narcisse, Evan. "Resident Evil 6: The Kotaku Review". Kotaku. สืบค้นเมื่อ 14 November 2012.
- ↑ Philipps, Tom (31 January 2013). "Capcom: "there is a possibility" of Resident Evil series reboot". Eurogamer. สืบค้นเมื่อ 23 May 2016.
- ↑ Gantayat, Anoop (11 May 2012). "Capcom Shares Sales Targets for Resident Evil 6, Dragon's Dogma, DmC and Lost Planet". Andriasang. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-08. สืบค้นเมื่อ 11 May 2012.
- ↑ Ishaan (31 October 2012). "Capcom: 2 Million Sales For Monster Hunter 4; RE6 Drops To 6 Million". Siliconera. สืบค้นเมื่อ 27 November 2012.
- ↑ "Resident Evil 6 Ships 4.5 Million Copies Worldwide". Siliconera. 3 October 2012. สืบค้นเมื่อ 4 October 2012.
- ↑ "MOH: Warfighter sells 300k in US debut week | GamesIndustry International". Gamesindustry.biz. 9 November 2012. สืบค้นเมื่อ 27 November 2012.
- ↑ Martin, Matt (19 December 2012). "Capcom slashes profit estimates on weak Resident Evil 6 sales". Gamesindustrybiz. Gamer Network. สืบค้นเมื่อ 9 May 2016.
- ↑ "Forecast revisions for year ended March 31, 2013 Plan for fiscal year ending March 31, 2014" (PDF). Capcom. สืบค้นเมื่อ 18 April 2013.
- ↑ Karmali, Luke. "Resident Evil 5 Becomes Capcom's Best Seller". IGN. Ziff Davisdate=31 October 2013. สืบค้นเมื่อ 31 October 2013.
- ↑ "CAPCOM Platinum Titles". Capcom. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 February 2015. สืบค้นเมื่อ 7 December 2018.
- ↑ Makuch, Eddie (8 February 2013). "PC PS4 Xbox One Wii U MORE Reviews News Entertainment Videos Forums AA SIGN IN / JOIN Search GameSpot Resident Evil 6 suffered due to 'inadequate organizational collaboration'". GameSpot. สืบค้นเมื่อ 23 May 2016.
- ↑ Corria, Alexa (8 February 2013). "Resident Evil 6 failed to meet Capcom sales expectations due to development 'challenges,' inadequate marketing". Polygon. สืบค้นเมื่อ 23 May 2016.
- ↑ "CAPCOM | Platinum Titles". Capcom. สืบค้นเมื่อ 10 February 2021.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- เว็บไซต์ทางการ
- NoHopeLeft.com, an alternate reality game promotion of the game
- วิดีโอเกมที่ออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2555
- วิดีโอเกมแอ็กชันผจญภัย
- วิดีโอเกมหลายผู้เล่นแบบอสมมาตร
- วิดีโอเกมแบบร่วมมือกัน
- เกมสำหรับนินเท็นโดสวิตช์
- เกมสำหรับเพลย์สเตชัน 3
- เกมสำหรับเพลย์สเตชัน 4
- เกมซีรีส์เรซิเดนต์อีวิล
- วิดีโอเกมภาคต่อ
- วิดีโอเกมเกี่ยวกับการโคลน
- วิดีโอเกมที่พัฒนาขึ้นในประเทศญี่ปุ่น
- วิดีโอเกมที่มีปฏิปักษ์หญิง
- วิดีโอเกมที่มีตัวละครเอกหญิง
- วิดีโอเกมที่มีฉากในประเทศจีน
- วิดีโอเกมที่มีฉากในทวีปยุโรป
- วิดีโอเกมที่มีฉากในสหรัฐ
- เกมสำหรับวินโดวส์
- เกมสำหรับเอกซ์บอกซ์ 360
- เกมสำหรับเอกซ์บอกซ์วัน