ฮอนด้า ซีวิค
ฮอนด้า ซีวิค | |
---|---|
ภาพรวม | |
บริษัทผู้ผลิต | ฮอนด้า |
เรียกอีกชื่อ |
|
เริ่มผลิตเมื่อ | 2515–ปัจจุบัน |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
ประเภท | รถยนต์นั่งขนาดเล็กมาก (2515–2543) รถยนต์นั่งขนาดเล็ก (2543–ปัจจุบัน) |
รูปแบบตัวถัง | 2-door fastback sedan/saloon (1972–1979) 4-door fastback sedan (1973–1978) 3-door hatchback (1972–2011) 5-door hatchback (1977–1983, 2000–2021) 5-door station wagon (1974–2006,[a] 2014–2017) 4-door sedan (1980–present) 2-door coupé (1993–2020)[1] 5-door liftback (1995–2001, 2021–ปัจจุบัน) |
รุ่นที่คล้ายกัน | โตโยต้า โคโรลล่า นิสสัน ซิลฟี่ มาสด้า 3 ฟอร์ด โฟกัส เชฟโรเลต ครูซ |
ระยะเหตุการณ์ | |
รุ่นก่อนหน้า | ฮอนด้า เอ็น 600 ฮอนด้า แซด 600 |
ฮอนด้า ซีวิค (Honda CIVIC) รถยนต์ที่ผลิตและพัฒนาโดยบริษัทฮอนด้า ซีวิคเปิดตัวครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2516 เป็นรถสองประตูขนาดเล็ก โดยมีความจุเครื่องยนต์ 1,169 ซีซี และ 1,238 ซีซี โดยในปัจจุบันมีการปรับปรุงให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งเครื่องยนต์และความกว้างในห้องผู้โดยสาร (ซีวิครุ่นปัจจุบันที่มีขายในเมืองไทยเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร และ 1.5 ลิตร เทอร์โบ) นอกจากนี้ซีวิคได้ถูกจัดเป็นรถคุณภาพค่อนข้างดีเนื่องจาก ลักษณะรูปร่างภายนอกและความเชื่อถือได้ของระบบเครื่องยนต์และช่วงล่างพอสมควร
โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้นถึง 7 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี พ.ศ. 2516 - พ.ศ. 2522 รุ่นบุกเบิกมีแรงม้าเพียง 50 แรงม้า และมีความยาว 139.8 นิ้ว หรือ 3.55 เมตร แต่ได้ค่อยๆ พัฒนาขึ้น โดยรุ่นสุดท้ายของโฉมนี้มีแรงม้า 60 แรงม้า และยาว 146.9 นิ้ว หรือ 3.73 เมตร
โฉมนี้ เป็นรุ่นที่อยู่ในยุคที่ระบบเกียร์ยังไม่เน้นการประหยัดน้ำมัน และเทคโนโลยีด้านรถยนต์ยังใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ไม่ประหยัดเท่าใดนัก รถโฉมนี้ที่ออกวางจำหน่ายในขณะนั้น จะมีระบบเกียร์อยู่ 3 แบบให้เลือกซื้อ คือ เกียร์อัตโนมัติ 2 สปีด, เกียร์ธรรมดา 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด แต่จะผลิตเกียร์ธรรมดา 4 สปีด เป็นมาตรฐาน เพราะเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ยังมีราคาสูง ส่วนเกียร์อัตโนมัติจะกินน้ำมันมาก ทำให้ไม่เป็นที่นิยม
มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือขนาด 1.2 กับ 1.5 ลิตร
มีตัวถัง 5 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู (SB1/SG), Hatchback 3 ประตู (SB1/SG), ซีดาน 4 ประตู (SE/SG), Hatchback 5 ประตู และ Station Wagon 5 ประตู โดยในประเทศไทยมีการเข้ามาจำหน่ายโดยบริษัท Asian Honda จำกัดเพียงไม่กี่คัน
โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี พ.ศ. 2523 - พ.ศ. 2526 โดยทั้ง 4 รุ่นปี มีความยาวคงที่คือ 146.9 นิ้ว หรือ 3.73 เมตร แรงม้า 55 กับ 67 แรงม้า แล้วแต่รุ่นเครื่องยนต์ คือขนาด 1.3 กับ 1.5 ลิตร ตามลำดับ
โฉมนี้ มีตัวถัง 4 แบบ คือ Hatchback 3 ประตู (SL), ซีดาน 4 ประตู (SS), Hatchback 5 ประตู (SR) และ Station Wagon 5 ประตู (ST) (ซีวิครุ่นนี้ขายในบางประเทศในชื่อ ฮอนด้า บอลเลด (Honda Ballade) ซึ่งต่อมา บอลเลด ก็ได้แยกตัวเป็นรุ่นอิสระไป)
โฉมนี้ มีระบบเกียร์ให้เลือกซื้อ 4 ระบบ คือ เกียร์อัตโนมัติ 2 กับ 3 สปีด และเกียร์ธรรมดา 4 กับ 5 สปีด (เกียร์อัตโนมัติถูกพัฒนาขึ้นจากเดิม)
แต่โฉมนี้ ก็เป็นโฉมสุดท้ายที่ซิวิคผลิตรถเกียร์อัตโนมัติแบบ 2 ระดับเกียร์ขาย และโฉมถัดจากนี้ไปจะไม่มีอีก
โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี พ.ศ. 2527 - พ.ศ. 2530 โดยทั้ง 4 รุ่นปี มีความยาว 150 นิ้ว หรือ 3.81 เมตร สูง 1.35 เมตร กว้าง 1.62 เมตร เป็นโฉมแรกที่มีการทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ (ซีวิค 2 รุ่นก่อนหน้านั้นเคยนำมาจำหน่าย แต่เป็นการจำหน่ายโดยเอเชี่ยน ฮอนด้า โดยนำเข้ามาเพียงไม่กี่คัน) โดยบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัดเมื่อปี พ.ศ. 2527 ในยุคที่ฮอนด้ายังเพิ่งเริ่มเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และเป็น Civic รุ่นแรกที่ประกอบในประเทศโดยโรงงานบางชัน เจเนอรัล แอสเซมบลี จังหวัด กรุงเทพมหานคร ในเครือพระนครยนตรการ ผู้จำหน่ายรถยนต์โอเปิล โฮลเด้น และไดฮัทสุในขณะนั้น
มีตัวถัง 4 แบบ คือ Hatchback 3 ประตู (AG-AH/AT), ซีดาน 4 ประตู (AJ-AK/AU/SB4), คูเป้ 3 ประตู และ Station Wagon 5 ประตู (AJ-AK/AR) มีเครื่องยนต์ขนาดเดียว คือ 1.5 ลิตร
มี 3 ระบบเกียร์ คือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด เกียร์อัตโนมัติ 3 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด (ไม่มีระบบเกียร์ธรรมดา 4 สปีด กับเกียร์อัตโนมัติ 2 สปีด)
และโฉมนี้เป็นโฉมสุดท้ายที่มีการผลิตเกียร์อัตโนมัติ แบบ 3 สปีด
โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี พ.ศ. 2531 - พ.ศ. 2534 โฉมนี้ มีการผลิตตัวถัง 4 รูปแบบ คือ Hatchback 3 ประตู (EC) , ซีดาน 4 ประตู (EF) , คูเป้ 3 ประตู (ED) และ Station Wagon 5 ประตู (EE)
โฉมนี้ มีระบบเกียร์ให้เลือกถึง 4 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เครื่องยนต์ 4 ขนาด คือ 1.3, 1.4, 1.5 และ 1.6 ลิตร
โฉมนี้ พ่อค้ารถในไทยนิยมเรียกว่า "โฉมไฟท้าย 2 ชั้น" หรือ "โฉม EF" เป็นโฉมสุดท้ายที่มีการผลิตเกียร์ธรรมดา 4 สปีด
นับเป็นโฉมที่มีความหลากหลาย และเครื่องยนต์ที่ทนทาน ปัจจุบันนี้ ก็ยังสามารถเห็นรถซีวิคโฉมไฟท้าย 2 ชั้นนี้ บนท้องถนนได้ แม้จะเลิกผลิตไปมากกว่า 20 ปีแล้ว และเป็น Civic รุ่นเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีภาพยนตร์โฆษณาออกอากาศ แต่เป็นรุ่นที่ยังพบเห็นได้มากกว่ารุ่นที่ 3 ที่มีภาพยนตร์โฆษณาซะอีก
นอกจากนี้ทางฮอนด้าได้นำโครงสร้างของซีวิครุ่นนี้ในรุ่น ฮอนด้า ซิตี้ โฉมที่สาม และ ฮอนด้า ซีอาร์-เอกซ์ อีกด้วย
โฉมนี้ มีการผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี พ.ศ. 2535 - พ.ศ. 2538 มีตัวถัง 3 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู (EJ1/2), Hatchback 3 ประตู (EG3/6, EH2/3) และแบบซีดาน 4 ประตู (EG8/9, EH9)
มีระบบเกียร์ 2 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด มีเครื่องยนต์ 2 ขนาด คือ 1.3, 1.5, 1.6 และ 1.8 ลิตร พ่อค้ารถในไทย นิยมเรียกโฉมนี้ว่า "โฉมเตารีด" และ "โฉมสามดอร์" ในแบบตัวถังสามประตู
โฉมนี้ เป็นโฉมที่รูปลักษณ์ภายนอกของซีวิคเริ่มเปลี่ยนไป เพราะ 4 โฉมแรก ภายนอกจะมีลักษณะตรง แล้วหักเป็นมุมๆ ทำให้มีลักษณะเป็นรูปทรงเหลี่ยมๆ แต่โฉมนี้จะเริ่มเปลี่ยนเป็นความโค้งมน และโฉมจากนี้ จะเพิ่มความโค้งมนมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงโฉมล่าสุด ที่มีความโค้งมนมาก
ในประเทศไทย นอกจากการขายตัวถังแบบ 4 ประตูแล้ว ยังมีการขายตัวถังแบบ 3 ประตูด้วย โดยรุ่นซีดานนำมาจำหน่ายเมื่อปี พ.ศ. 2535 ส่วนรุ่น 3 ประตูนำมาจำหน่ายเมื่อปี พ.ศ. 2536 เป็นซีวิคโฉมแรกในประเทศไทยที่มีการนำรุ่น 3 ประตูมาจำหน่าย
นอกจากนี้ ในประเทศไทย ช่วงกลางๆ ของโฉมนี้ ซีวิคเริ่มเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์แบบหัวฉีด แทนระบบคาร์บูเรเตอร์ ซึ่งสังเกตได้จากอักษรทริมที่อยู่ท้ายรถ จะมีตัวไอเล็กภาษาอังกฤษ (i) ต่อท้าย (เป็นทริมแบบ LXi, EXi, ฯลฯ) แต่ถ้าไม่มี i ต่อท้าย (LX, EX, ฯลฯ) แปลว่า ซีวิคคันนั้นยังใช้เครื่องคาร์บูเรเตอร์ ซึ่งรถที่ใช้ระบบหัวฉีด จะใช้เชื้อเพลิงคุ้มค่า และนอกจากนี้ เครื่องหัวฉีด สามารถเติมน้ำมัน แก๊สโซฮอล์ (แก๊สโซฮอล์ E10) ได้ ซึ่งยิ่งช่วยผู้ใช้ประหยัดมากขึ้นไปอีก ในขณะที่เครื่องแบบคาร์บูเรเตอร์ ไม่เหมาะสมที่จะใช้แก๊สโซฮอล์
โฉมนี้ มีการผลิตมาทั้งสิ้น 5 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี พ.ศ. 2539 - พ.ศ. 2543
โฉมนี้ มีตัวถัง 5 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู (EJ6/7/8/EM1), Hatchback 3 ประตู (EJ6/EK1/2/3/4/9), ซีดาน 4 ประตู (EJ6/8/9), Hatchback 5 ประตู (พื้นฐานของโดมานี, MA/MB/MC) และ Station Wagon 4 ประตู (Orthia / Aerodeck - พื้นฐานของโดมานี) โดยในประเทศไทยมีจำหน่ายรุ่นซีดาน 4 ประตู และคูเป้ 2 ประตู มีขนาดเครื่องยนต์ 3 ขนาด คือ 1.3, 1.4, 1.5 และ 1.6 ลิตร และฮอนด้ายังผลิตให้กับอีซูซุเฉพาะในไทยเท่านั้นในชื่อ อีซูซุ เวอร์เท็กซ์ (อังกฤษ: Isuzu Vertex) โดยนำรุ่นหรูในชื่อ Integra SJ มาเปลี่ยนตรา Isuzu ขายในปี พ.ศ. 2539 ก่อนจะเลิกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2542 ก่อนจะหมดเกลี้ยง ถึงจะขายไม่ดีนัก แต่ยังพบเห็นได้มากกว่า Honda Tourmaster ที่ Isuzu ผลิตให้ Honda และ Opel Campo ที่ Isuzu ผลิตให้ GM Thailand และเป็นการกลับมาของรถยนต์นั่ง Isuzu ในประเทศไทยในรอบ 8 ปี ตั้งแต่เลิกจำหน่ายอีซูซุ อาสก้าเมื่อปี พ.ศ. 2531
ระบบเกียร์ 3 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ CVT, เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด โฉมนี้พ่อค้ารถในประเทศไทยนิยมเรียกว่า "โฉมตาโต" ซึ่งโฉมนี้ เครื่องยนต์ระบบคาร์บูเรเตอร์ค่อยๆ หายไป และในที่สุด ฮอนด้าก็เลิกผลิตรถยนต์นั่งแบบคาร์บูเรเตอร์อย่างสมบูรณ์ และรถยนต์นั่งฮอนด้าทุกคันที่ผลิตเป็นรุ่นปี พ.ศ. 2539 เป็นต้นไป เติมแก๊สโซฮอล์ได้ทุกคัน เว็บไซต์สำหรับผู้ชื่นชอบ ซีวิคโฉมตาโตนี้ ส่วนมากจะอยู่กันที่ WLC [[1]]
รุ่นที่ 7 (EU/ES/EP/EM; ค.ศ. 2000–2006)
[แก้]โฉมนี้ มีการผลิตมาทั้งสิ้น 5 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 2000 - ค.ศ. 2006 โฉมนี้ มีตัวถัง 4 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู (EM, เฉพาะอเมริกาเหนือและยุโรป), Hatchback 3 ประตู (EP), ซีดาน 4 ประตู (ES) และ Hatchback 5 ประตู (EU) โดยในประเทศไทยฮอนด้าจะจัดจำหน่ายเฉพาะตัวถังซีดาน 4 ประตู
และเพิ่มความหลากหลายของขนาดเครื่องยนต์ โดยมี 5 ขนาด คือ 1.3, 1.5, 1.6, 1.7 และ 2.0 ลิตร และโฉมนี้ มีระบบเกียร์ 5 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ CVT, เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด, เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด โดยในประเทศไทยฮอนด้าจะจำหน่ายเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ 1.7 D17A1 VTEC LEV 122 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และ 2.0 ลิตร K20A3 i-VTEC 155 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดเท่านั้น
โฉมนี้ เป็นโฉมแรก ที่ฮอนด้าได้ทำระบบไฮบริดมาติดกับรถซีวิค เป็นรุ่นพิเศษ โดยได้นำเข้าในประเทศไทย แต่ก็มีคนซื้อไม่มาก ขายไปได้ทั้งหมด 50 คัน ส่วนใหญ่จะเป็นซัพพลายเออร์รายต่างๆ ปัจจุบันยังสามารถพบได้ไม่มากนัก อย่างมากก็ที่สำนักงานใหญ่ Honda Automobile Thailand ย่านบางนา
นอกจากนี้ฮอนด้า ซีวิค โฉมที่ 7 นี้ ยังได้รับรางวัลรถยนต์นั่งยอดเยี่ยมแห่งปีของประเทศญี่ปุ่นประจำปี 2000-2001 (2000–2001 Car of the Year Japan) และ รางวัล RJC Car of the Year ประจำปี 2001 อีกด้วย
โฉมนี้เป็นโฉมสุดท้ายที่มีการผลิตเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีด พ่อค้ารถเรียกซีวิคโฉมนี้ว่า "โฉม Dimension" ตามคำขวัญในภาพยนตร์โฆษณาว่า "New Dimension มุมมองใหม่แห่งยนตกรรมเหนือระดับ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่"
รุ่นที่ 8 (FA/FD/FG/FK/FN; ค.ศ. 2006–2011)
[แก้]โฉมนี้ เป็นโฉมล่าสุด เริ่มผลิตตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ. 2006 จนถึงรุ่นปีล่าสุดของ ฮอนด้า ซิวิค ที่ฮอนด้ายังผลิตอยู่ในปัจจุบันก็ยังคงเป็นโฉมนี้ มีตัวถัง 4 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู (FG1–2), Hatchback 3 ประตู (FN1–4), ซีดาน 4 ประตู (FA1–5, เฉพาะอเมริกาเหนือ)/(FD1–7, International model) และ Hatchback 5 ประตู (FK1–3) โดยในประเทศไทยนั้นทางฮอนด้าจะจำหน่ายเฉพาะแบบซีดาน 4 ประตู (รหัสตัวถัง FD)
โฉมนี้ มีระบบเกียร์ 3 แบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มีเครื่องยนต์ 7 ขนาด คือ 1.3 ไฮบริด , 1.4, 1.6, 1.8, 2.0, 2.2 และ 2.4 ลิตร แต่ในประเทศไทยมีการจำหน่ายเฉพาะรุ่น 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC (R18A) 142 แรงม้า เกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด และ 2.0 ลิตร DOHC i-VTEC (K20Z2) 155 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อม paddle shifting
และจนถึงรุ่นปี ค.ศ. 2008 ก็ได้มีการพัฒนาเครื่องยนต์ชนิดใหม่ในรถซีวิค ให้สามารถใช้พลังงานทดแทนพิเศษ แก๊สโซฮอล์ E20 ได้ ซึ่งแก๊สโซฮอล์ใหม่นี้ สามารถลดมลพิษในอากาศได้มากกว่าแก๊สโซฮอล์ทั่วไป
ฮอนด้า ซีวิค โฉมที่ 8 นี้ ได้รับรางวัลรถยนต์นั่งยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปอเมริกาเหนือ (North American Car of the Year) ประจำปี 2006 และ รางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีของประเทศไทย (Thailand Car of the Year 2009) ประเภทรถยนต์นั่ง ในรุ่นไม่เกิน 2,000 ซีซี (Best Sedan under 2,000 cc.) อีกด้วย
ซีวิครุ่นนี้ในประเทศไทย ถูกยุติสายการผลิตในวันที่ 5 ตุลาคม 2011 และก่อนที่จะเลิกผลิตได้มีรุ่นพิเศษในชื่อว่า Civic Sport White Pearl เป็นรุ่นพิเศษรุ่นสุดท้าย ก่อนโรงงานของ ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะถูกน้ำท่วมไม่กี่สัปดาห์ ทำให้ผลิตและจำหน่ายให้ลูกค้าออกมาไม่ครบตามจำนวนที่ตั้งใจไว้
รุ่นที่ 9 (FB/FG/FK; ค.ศ. 2011–2015)
[แก้]โฉมนี้ ปัจจุบันกำลังอยู่ในการเตรียมตัวเพื่อเข้าแทนที่โฉมที่ 8 ในหลายประเทศ ซึ่งเดิมทีนั้น ทางฮอนด้าวางแผนจะเปิดตัวตามประเทศต่างๆ ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2011 แต่ด้วยวิกฤตแผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศญี่ปุ่น ทำให้โรงงานผลิตชิ้นส่วนได้รับความเสียหาย จึงต้องเลื่อนไปก่อน ซีวิคโฉมนี้โดน Consumer Report ในอเมริกา วิจารณ์ ว่าแย่ เนื่องจากใช้วัสดุที่ไม่ค่อยดีและการใส่ออพชั่นที่น้อย
โฉมนี้ มีตัวถัง 2 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู (FG3–4, อเมริกาเหนือ) ซีดาน 4 ประตู (FB1–6) แฮทช์แบ็ก 5 ประตู (FK1/2) และ Station wagon 5 ประตู (FK3; Civic Tourer) โดยในประเทศไทยนั้นทางฮอนด้าจะจำหน่ายเฉพาะแบบซีดาน 4 ประตู (รหัส FB) มีเครื่องยนต์ให้เลือก 7 ขนาด คือ 1.4, 1.5, 1.8, 2.0, 2.2 และ 2.4 ลิตร โดยในประเทศไทยจะมีจำหน่ายเฉพาะรุ่น 1.8 (R18Z1) SOHC i-VTEC 16-valve 141 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด และ 2.0 ลิตร (R20Z1) SOHC i-VTEC 16-valve 155 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด เท่านั้น
สำหรับประเทศไทย เลื่อนการเปิดตัวออกไปอย่างไม่มีกำหนด จากเดิมจะทำการเปิดตัวต่อสาธารณชนใน งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 28 (Thailand International Motor Expo 2011) เนื่องจากมหาอุทกภัยในประเทศไทย 2011
จนถึงเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2012 ฮอนด้า ซีวิค โฉมนี้ ก็ได้เปิดตัวที่ Royal Paragon Halls
แต่อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการทำตลาดซีวิคโฉมนี้ในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากยอดขายของซีวิครุ่นที่ 8 ตกต่ำลงอย่างมากในช่วงปลายอายุตลาดมาก รวมทั้งเวอร์ชั่นไฮบริดด้วยเช่นกัน และในประเทศสหรัฐอเมริกา มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ซีวิครุ่นนี้ในแง่ลบ ทำให้ต้องมีการ Minorchange ขึ้นในอเมริกา และเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2013 ก็ได้เปิดตัวรุ่น Hybrid ในประเทศไทยซึ่งใช้ระบบไฮบริด IMA Intergrated Hybrid Motor (เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร SOHC 16 valve รุ่น LEA-MF6 (i-VTEC + IMA) มาพร้อม DC brushless permanent magnet motor) และเกียร์แปรผัน (CVT) ซึ่งทำให้ประหยัดน้ำมันมาก
-
ฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด
และฮอนด้า ซีวิค สามารถใช้พลังงานทดแทนพิเศษ แก๊สโซฮอล์ E85 ได้อีกด้วย ปลายเดือนตุลาคม 2013 ทางฮอนด้าก็ได้ผลิตรุ่น Modulo ขึ้นโดยนำรุ่น 1.8E มาตกแต่งด้วยชุดแต่งเฉพาะตัวของ Modulo
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2014 ฮอนด้า ซีวิค ได้ทำการปรับปรุงกระจังหน้าและเพิ่มรุ่นพิเศษคือรุ่น 1.8ES ซึ่งมีสเกิร์ตรอบคันและรุ่น 2.0ES ที่มีสเกิร์ตรอบคันเช่นกัน ได้ปรับปรุงให้มีระบบสตาร์ทอัจฉริยะตั้งแต่รุ่น 1.8E ขึ้นไป
-
2014 ฮอนด้า ซีวิค โฉมที่ 9 (facelift)
รุ่นที่ 10 (FC/FK; ค.ศ. 2016-2021)
[แก้]ในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559 บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ได้มีการเปิดตัวรถฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 10 เป็นประเทศที่สองต่อจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยได้ผลิตในโรงงานแห่งใหม่ของฮอนด้าที่จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อส่งออกไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้[2] รุ่นนี้ได้ใช้แพลตฟอร์มใหม่ที่พัฒนามาจากฮอนด้า แอคคอร์ด ทำให้ภายในห้องโดยสารและมิติของตัวถังมีความกว้างขวางกว่ารุ่นที่ผ่านมา[3]
ตัวถังมีการออกแบบเป็นแบบฟาสต์แบ็ก (ซึ่งมีลักษณะเป็นหลังคาเทลาดลงไปจนเกือบถึงด้านท้ายสุดของกระโปรงท้าย) ภายนอกมีการออกแบบกระจังหน้าใหม่ที่ลากยาวเชื่อมต่อไปถึงสองฝั่งของไฟหน้า โดยสำหรับรุ่น Turbo RS ได้ใช้ไฟหน้า LED และกระจังหน้าสีดำ ส่วนรุ่น E, EL และ Turbo ไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์และกระจังหน้าโครเมียม ส่วนไฟท้ายมีลักษณะเป็นตัว C มีไฟเลี้ยวแสดงตำแหน่งตรงที่หน้าซุ้มล้อหน้าคล้ายกับเวอร์ชั่นอเมริกาแต่จะเป็นโคมสีขาว
ภายในนั้นมีการปรับปรุงใหม่มากมายซึ่งมีความแตกต่างจากรุ่นที่ 9 มาก รุ่นนี้ได้ใช้หน้าจอมาตรวัดความเร็วเป็นแบบหน้าจอดิจิทัล LCD ขนาด 7 นิ้วแบบใหม่ ซึ่งไม่เป็นแบบสองชั้นแบบรุ่นที่แล้ว และมีหน้าจอเอ็นโฟนเทนเมนต์สัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่สามารถรองรับระบบแอปเปิ้ล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้[4][5]
รุ่นนี้แบ่งเครื่องยนต์เป็น 2 รุ่น คือ เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร (R18Z1) บล็อกเดิม และเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบ (L15B7) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ซึ่งทั้งเครื่องยนต์และระบบเกียร์ดังกล่าวได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตันเมตร ที่ 1,700–5,500 รอบต่อนาที ให้กำลังเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร มีอัตราการประหยัดน้ำมันเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร โดยเครื่องยนต์ทั้งสองรุ่นไม่มีเกียร์แบบธรรมดาในประเทศไทยแล้ว
ฮอนด้า ซีวิค รุ่นที่ 10 ในประเทศไทยได้แบ่งออกเป็น 4 รุ่นย่อยคือ 1.8 E, 1.8 EL, 1.5 Turbo และ 1.5 Turbo RS
แฮทช์แบ็ก (FK)
[แก้]ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ได้เปิดตัวไปก่อนหน้าที่ต่างประเทศแล้วที่งานปารีส มอเตอร์โชว์ เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2559 แต่สำหรับบ้านเราได้เปิดตัวเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 2017 เป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียน[6] และเริ่มจำหน่ายวันที่ 21 มีนาคม ที่ปีเดียวกัน สาเหตุที่รุ่นแฮทช์แบ็กได้เปิดตัวในประเทศไทย ก็เพราะประเทศไทยนั้นได้ผลิตรุ่นแฮทช์แบ็กส่งออกไปยังประเทศออสเตรเลียอยู่แล้ว ประเทศของเราก็พลอยได้อนิสงค์ไปด้วย เป็นการหวนกลับมาทำตลาดตัวถังแฮทช์แบ็กอีกครั้ง หลังจากที่เคยเปิดตัวซีวิค EG แฮทช์แบ็ก 3 ประตู เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2536[7]
รุ่นแฮทช์แบ็กในประเทศไทยมีเพียงเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ พร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT เท่านั้น[8] โดยใช้เครื่องยนต์เช่นเดียวกับรุ่นซีดาน เทอร์โบ ภายในห้องโดยสารมีขนาดกว้างขวางกว่ารุ่นซีดานเล็กน้อย เนื่องจากมีพื้นที่เหนือศีรษะมากกว่า ส่วนด้านท้ายมีความจุ 414 ลิตร[9] และมีความยาวของตัวถังสั้นกว่ารุ่นซีดาน 129 มิลลิเมตร รุ่นนี้มีการตัดออฟชั่นบางอย่างจากรุ่นซีดาน Turbo RS คือ Honda Lanewatch, ระบบนำทาง และกระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ[10] อีกทั้งไม่ได้หลังคากระจกแก้วและท่อไอเสียคู่กลางเช่นเดียวกับเวอร์ชั่นต่างประเทศ
จนในปี พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ก็ได้มีการปรับโฉม โดยได้จำหน่ายในรุ่น RS เพื่อจำหน่ายแทนรุ่น 1.5 VTEC Turbo เดิม ซึ่งมาพร้อมด้วยท่อไอเสียแบบออกกลางคู่, ชุดแต่งรอบคันแบบ RS, ระบบเชื่อมต่อ Honda Connect, Honda Lanewatch, ระบบ Honda Sensing, หน้าจอ Touchscreen 7 นิ้ว และได้มีการเปลี่ยนวัสดุตกแต่งภายในลายใหม่ นอกจากนี้ยังได้เพิ่มสีใหม่ สีเทา Sonic Grey Pearl[11]
คูเป้ (FC3/FC4)
[แก้]ฮอนด้า ซีวิค คูเป้นี้มีแนวคิดการออกแบบมาจากฮอนด้า ซีวิค คอนเซ็ปต์ ที่เผยโฉมในงานนิวยอร์ก ออโต้โชว์เมื่อปี 2015 ต่อมาโฉมผลิตจริงก็ได้เผยโฉมที่งานลอส แองเจอลิส ออโต้โชว์เมื่อเดือนพฤศจิกายนในปีเดียวกัน
ซีวิค คูเป้ ได้เริ่มขายที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2559[12]
ไทป์ อาร์ (FK8)
[แก้]ฮอนด้า ซีวิค ไทป์ อาร์ รุ่นต้นแบบได้เผยโฉมครั้งแรกในระหว่างงานปารีส มอเตอร์โชว์ ประจำปี ค.ศ. 2016[13][14] รุ่นต้นแบบนั้นมีได้มีการใช้ตัวถังร่วมกันกับรุ่นแฮทช์แบ็ก แต่ได้มีการเพิ่มชุดแต่งพิเศษเข้าไป อย่างเช่น ตัวถังสีเงาอะลูมิเนียม ล้อสีดำ (เปียโนแบล็ค) ขนาด 20 นิ้ว และสปอยเลอร์ขนาดใหญ่[15] ในโฉมผลิตจริง ฮอนด้า ซีวิค ไทป์ อาร์ ได้ใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ เหมือนกับไทป์ อาร์รุ่นก่อนหน้า[16] และเป็นครั้งแรกของไทป์ อาร์ที่ได้จำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา
ในวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560 ไทป์ อาร์ (รุ่นก่อนโฉมผลิตจริง) ได้ทำเวลาไว้ที่ 7:43:80 นาที ในสนามแข่งนูร์เบอร์กริง ซึ่งเร็วกว่าไทป์ อาร์รุ่นที่แล้วอยู่ 7 วินาที และได้สร้างสถิติใหม่ไว้ว่าเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าที่เร็วที่สุดด้วย
ซีวิค ไทป์ อาร์ ได้เริ่มจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560 โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ $33,900[17]
รุ่นปรับโฉม
[แก้]Honda Civic เจเนอร์เรชั่นที่ 10 เปิดตัวโฉมไมเนอร์เชนจ์ไปแล้วในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2561 ที่งาน Motor Expo 2018 ซึ่งชูจุดเด่นที่การเพิ่มสีใหม่ Brilliant sporty blue และระบบความปลอดภัย Honda Sensing กับราคาที่เพิ่มมา 5,000-20,000 บาท ซึ่งนอกจาก 2 อย่างนี้แล้ว ยังได้มีความเปลี่ยนแปลงจากโฉมเดิมหลายจุดทั้งภายนอกและภายใน แถมใส่ออพชั่นดีๆที่เราคิดไม่ถึงอีกด้วย
ราคาอย่างเป็นทางการ
- 1.8 E CVT 874,000 บาท
- 1.8 EL CVT 964,000 บาท
- 1.5 Turbo CVT 1,104,000 บาท
- 1.5 Turbo RS CVT 1,219,000 บาท
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิม
- เปลี่ยน ดีไซน์กันชนหน้า, วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร เป็น ลายกราฟิกใหม่ (ทุกรุ่น)
- เพิ่ม แถบโครเมียมที่กันชนหลัง, ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง (ทุกรุ่น)
- เพิ่ม สีน้ำเงินใหม่ Brilliant Sporty Blue และ สีขาวมุก Platinum White Pearl (เพิ่มเงิน 10,000 บาท) (ทุกรุ่น)
- เพิ่ม กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อกรถ (เฉพาะรุ่น EL, Turbo และ Turbo RS)
- เปลี่ยน ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว เป็นสีรมดำ (เฉพาะรุ่น Turbo และ Turbo RS)
รุ่น E
- เพิ่ม ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control, คิ้วโครเมียมที่กรอบไฟตัดหมอก, กล้องมองภาพขณะถอยจอด
- เปลี่ยน ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ สีเงินปัดเงา (ของรุ่น EL เดิม)
รุ่น EL
- เพิ่ม ม่านถุงลมนิรภัย 2 ตำแหน่ง, ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor, ระบบกล้องมองภาพกระจกมองข้างฝั่งผู้โดยสาร Honda LaneWatch
- เปลี่ยน ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ สีรมดำ
รุ่น Turbo
- เพิ่ม แป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift
- เปลี่ยน สีล้อขนาด 17 นิ้ว ลายใบพัดเดิม จากปัดเงาสีเงินเป็นสีเทาดำ
รุ่น Turbo RS
- เพิ่ม สัญลักษณ์ RS ที่กระจังหน้า, การตกแต่งภายในห้องโดยสาร ด้วยตะเข็บด้ายสีแดง, ระบบ Honda SENSING ประกอบไปด้วย
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto High-Beam
- ระบบเตือน และ ช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ RDM with LDM
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ LKAS
- ระบบเตือนการชนรถ และ คนเดินถนน พร้อมระบบช่วยเบรก CMBS
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมปรับความเร็วตามคันหน้า Adaptive Cruise Control ACC with LSF Low Speed Following
- เปลี่ยน เสาอากาศวิทยุ เป็นแบบครีบฉลาม Shark Fin, สีล้อแม็ก ขนาด 17 นิ้ว จากปัดเงาทูโทนเป็นสีดำ
ราคา
- ปรับราคาเพิ่ม 5,000 บาท (รุ่น E, EL และ Turbo; จากเดิม 869,000 / 959,000 / 1,099,000 บาท)
- ปรับราคาเพิ่ม 20,000 บาท (รุ่น Turbo RS; จากเดิม 1,199,000 บาท)
-
Civic sedan (facelift)
-
Civic hatchback (facelift)
-
Civic hatchback (facelift)
-
Civic coupe (facelift)
-
Civic coupe (facelift)
รุ่นที่ 11 (FE/FL; ค.ศ. 2021–ปัจจุบัน)
[แก้]รุ่นที่ 11 (FE/FL) | |
---|---|
ภาพรวม | |
เริ่มผลิตเมื่อ | พฤษภาคม พ.ศ. 2564–ปัจจุบัน |
รุ่นปี | 2022–ปัจจุบัน |
แหล่งผลิต |
|
ผู้ออกแบบ | ยูกิ อิชิอิและฮิโตมาโระ อาซะโนะ[20][21] |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
รูปแบบตัวถัง | 4 ประตู ซีดาน (FE) 5-ประตู ลิฟต์แบ็ก (FL) |
โครงสร้าง | เครื่องวางหน้าขับเคลื่อนล้อหน้า |
แพลตฟอร์ม | Honda Architecture (HA) |
รุ่นที่คล้ายกัน | ฮอนด้า อินทีกรา (จีน) |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ | |
มอเตอร์ไฟฟ้า | 2x AC PMSM (Civic e:HEV) |
ระบบเกียร์ |
|
ระบบขับเคลื่อนรถไฮบริด | Sport Hybrid i-MMD (Civic e:HEV) |
ฮอนด้า ซีวิครุ่นที่สิบเอ็ดได้ถูกเผยโฉมในรูปแบบโปรโตไทป์เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563[23][24] ต่อมารูปภาพอย่างเป็นทางการก็ได้เผยโฉมเมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2563 และเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 28[25] เริ่มวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ที่อเมริกาเหนือเป็นรุ่นปี 2022[26][27] ส่วนรุ่นท้ายลาด (ทำการตลาดในชื่อ "ซีวิค แฮทช์แบ็ก") ได้เปิดตัวตามหลังไปเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ทำการตลาดสำหรับอเมริกาเหนือและญี่ปุ่น[28] นอกจากนี้ รุ่นสองประตูจะไม่มีการจำหน่ายต่อไปอีกเนื่องจากยอดขายที่ลดลง[29] ซีวิคตัวถังเก๋ง (ซีดาน) รุ่นที่สิบเอ็ดจะไม่มีจำหน่ายในญี่ปุ่นและออสเตรเลีย เนื่องจากยอดขายที่แย่ลงของรุ่นก่อน จึงทำให้แอคคอร์ดเป็นซีดานเพียงรุ่นเดียวที่ฮอนด้าจำหน่ายในตลาดเหล่านั้น
ตลาด
[แก้]อเมริกาเหนือ
[แก้]ในสหรัฐอเมริกา ซีวิตมาใน 4 รุ่นย่อย คือ แอลเอ็กซ์ สปอร์ต อีเอ็กซ์ และทัวริ่ง (หรือชื่อว่าสปอร์ตทัวริ่งในซีวิค แฮทช์แบ็ก)[30] รุ่นย่อยแอลเอ็กซ์และสปอร์ตจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรสี่สูบ ในขณะที่รุ่นอีเอ็กซ์และทัวริ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 1.5 ลิตรสี่สูบ ส่วนในแคนาดาซีวิคก็มี 4 รุ่นย่อยเช่นเดียวกัน แต่มีการจัดลำดับที่ต่างกันคือ แอลเอ็กซื อีเอ็กซ์ สปอร์ต และทัวริ่ง ซึ่งมีเพียงรุ่นย่อยทัวริ่งเท่านั้นที่ได้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 4 สูบเทอร์โบชาร์จ ทั้งรุ่นเก๋งและลิฟต์แบ็กมาพร้อมกับเกียร์แปรผันต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม รุ่นลิฟต์แบ็กสามารถเลือกเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะในรุ่นสปอร์ตและทัวริ่ง[28]
หลังจากนั้นมีการเปิดตัวรุ่นเอสไอเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 เป็นรุ่นปี 2022 ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบชาร์จ 200 แรงม้าและใช้เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะThe Si v[31]
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
[แก้]ในประเทศไทย ซีวิครุ่นที่สิบเอ็ดได้เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ในรุ่นย่อยอีแอล อีแอลพลัส และอาร์เอส[32] โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบชาร์จรหัส L15BG FFV 178 แรงม้า ในวันเดียวกันก็ยังเปิดตัวที่ประเทศเม็กซิโก (นำเข้า) ด้วยในรุ่นย่อยไอสไตล์ สปอร์ต และทัวริ่ง โดยมีทั้งเครื่องยนต์ทั้ง 2.0 ลิตรและ 1.5 ลิตรเทอร์โบชาร์จ[33]
ในประเทศสิงคโปร์ ซีวิครุ่นที่สิบเอ็ดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2564 โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบชาร์จรหัส L15BJ แต่ถูกลดลงมาอยู่ที่ 127 แรงม้าที่ 5,500 - 6,000 รอบต่อนาทีและแรงบิด 180 นิวตันเมตรจาก 1,700 ถึง 4,500 รอบต่อนาทีเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย Vehicle Quota System (VQS)[34]
ฮอนด้า ซีวิตรุ่นที่สิบเอ็ดเปิดตัวที่อินโดนีเซียเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ในรุ่นย่อยอาร์เอส[35]
ในประเทศฟิลิปปินส์ ซีวิครุ่นที่สิบเอ็ดถูกเผยโฉมเมื่อวันที่ 23 พฤษจิกายน พ.ศ. 2564 ในรุ่นย่อยเอส วี และอาร์เอส โดยทุกรุ่นย่อยใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบ 4 สูบจับคู่กับเกียร์แปรผันอัตโนมัติ[36][37]
ในประเทศมาเลเซีย ฮอนด้ามาเลเซียเผยโฉมฮอนด้า ซีวิครุ่นที่สิบเอ็ดเมื่อปลายเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 และเปิดตัวในวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2565[38][39] โดยมาพร้อมกับ 3 รุ่นย่อยคือรุ่นอี วี และอาร์เอส ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ L15B7 1.5 ลิตร 4 สูบวีเทคเทอร์โบให้กำลัง 180 แรงม้าและแรงบิด 240 นิวตันเมตร อีกทั้งยังมีฮอนด้าเซนซิ่งให้ในทุกรุ่นย่อย[40]
ในประเทศเวียดนาม ซีวิครุ่นที่สิบเอ็ดได้เปิดตัวเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 จำนวนสามรุ่นย่อยคือรุ่นอี จี และอาร์เอส โดยทุกรุ่นมาพร้อมกับเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตรเช่นกัน[41][42]
ประเทศจีน
[แก้]ฮอนด้า ซีวิครุ่นที่สิบเอ็ดได้เปิดตัวที่ประเทศจีนเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2564[43] และในเดือนเดียวกันก็เปิดตัว ฮอนด้า อินทีกรา (จีน: 型格; พินอิน: Xínggé) ซึ่งเป็นรุ่นที่ออกแบบใหม่ให้แตกต่างจากซีวิคโดยกวางฉีฮอนด้า[43]
-
ฮอนด้า อินทีกร้า รุ่นปี 2021 (ประเทศจีน)
Civic e:HEV
[แก้]รายงานข่าวแจ้งว่า บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Honda เปิดตัว Honda Civic e:HEV รถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริดครั้งแรกในโลกอย่างเป็นทางการในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่จัดระหว่างวันที่ 23 มี.ค.-3 เม.ย. 2565 ทางฝั่งยุโรป Honda ได้ปล่อยรายละเอียดเบื้องต้นของ Civic e:HEV ตัวถัง Hatchback ในวันที่ 23 มีนาคม ก่อนหน้าประเทศไทยเพียง 1 วัน
Honda ยุโรปกล่าวว่า ในฐานะที่ Civic ตัวถัง Hatchback ครบรอบ 50 ปีของการทำตลาด จึงได้เปิดตัวเจเนอเรชั่นที่ 11 โดยใช้ขุมพลัง e:HEV เป็นอุปกรณ์มาตรฐานแต่เพียงขุมพลังเดียว โดยไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วนให้เลือก
Honda Civic e:HEV มาพร้อมดีไซน์การออกแบบที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความสปอร์ตพรีเมียม โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่บ่งบอกความเป็นยนตรกรรมไฮบริดที่ชัดเจนด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วทูโทนสีใหม่
ด้านขุมพลังมาพร้อมกับเทคโนโลยีฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ส่วนสเปคยุโรป ขุมพลังจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ Atkinson Cycle ขนาด 2.0 ลิตร 1,993 ซีซี. ฉีดจ่ายน้ำมันแบบ Direct-Injection โดยยังไม่มีการเผยถึงตัวเลขสมรรถนะจากเครื่องยนต์ แต่เคลมว่ามี thermal efficiency สูงถึง 41% เลยทีเดียว เครื่องยนต์ตัวนี้ทำงานคู่กับ มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า จะได้พละกำลังรวม 184 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 315 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Fixed Gear Transmission และใช้แบตเตอรี่ Lithium-ion จำนวน 72 เซลล์
โดยฮอนด้า จะเปิดตัว และจำหน่าย Civic e:HEV เตรียมประกาศราคาอย่างเป็นทางการ 15 มิถุนายน 2565 แต่ช่วงนี้เปิดรับจองเรียบร้อยแล้ว พร้อมแคมเปญพิเศษ ลูกค้าที่จองสิทธิ์ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 เวลา 22.00 น.
ลูกค้าที่จองสิทธิ์ ระหว่างวันที่ 24 มีนาคม 2565 ถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2565 เวลา 19.00 น.รับฟรีแพ็กเกจขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ Honda Ultimate Care เพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร โดยจะได้รับสิทธิ์เมื่อจองและรับรถภายในวันที่บริษัทฯ กำหนด
- Civic e:HEV EL+ : 1,129,000 บาท
- Civic e:HEV RS : 1,259,000 บาท
-
ฮอนด้า ซีวิค อี-เอชอีวี Hatchback
-
ฮอนด้า ซีวิค อี-เอชอีวี Hatchback (ด้านหลัง)
รุ่นปรับโฉม
[แก้]Honda Civic เจเนอร์เรชั่นที่ 11 เปิดตัวโฉมไมเนอร์เชนจ์ไปแล้วในวันที่ 23 สิงหาคม 2567 ที่งาน Big motor sale 2024
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิม
- เปลี่ยน ดีไซน์กันชนหน้า (ยาวขึ้น 3 มิลลิเมตร), กระจังหน้าดีไซน์ใหม่, รายละเอียดภายในโคมไฟท้ายเป็นสีรมดำ Chrome black (ทุกรุ่น)
- เปลี่ยน เบาะหนังแบบใหม่ ลาย Prime smooth หนังแท้ สลับ หนังกลับสีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
- เพิ่ม สีน้ำเงินใหม่ Brilliant Sporty Blue และ สีขาวมุก Platinum White Pearl (เพิ่มเงิน 10,000 บาท) (ทุกรุ่น)
- เพิ่ม เซ็นเซอร์กะระยะช่วยจอด 8 จุดรอบคัน (เฉพาะรุ่น e:HEV)
- เปลี่ยน ล้อแม็กอัลลอยใหม่ จาก 16 นิ้ว เป็น 17 นิ้ว สีดำทูโทนปัดเงา แบบเดียวกับรุ่น Turbo RS ตัวเดิม (เฉพาะรุ่น Turbo EL+)
- เปลี่ยน ล้อแม็กอัลลอยใหม่ จาก 17 นิ้ว เป็น 18 นิ้ว สีดำด้าน Matte Black ลายเดียวกับในรุ่น Sport Touring Hybrid sedan เวอร์ชั่นสหรัฐฯ
- เพิ่มสีใหม่ สีน้ำเงิน Canyon river blue metallic แทนที่ สีฟ้า Morning Mist blue (เฉพาะรุ่น EL+)
- ตัดรุ่น Turbo EL ทิ้ง
- เพิ่มขนาดหน้าจอเครื่องเสียง ระบบสัมผัส Touchscreen จาก 7 มาเป็น 9 นิ้ว ดีไซน์ใหม่
- เพิ่มโหมดการขับขี่แบบ Individual ปรับโหมดแยกส่วน Sport / Normal (เฉพาะรุ่น e:HEV)
- เพิ่มระบบ Google Built-in ในจอกลาง (ทุกรุ่น)
- เพิ่มเครื่องเสียงใหม่ BOSE Premium sound Surround System 12 ลำโพง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
- เปลี่ยนรูปแบบช่องเชื่อมต่อ USB จาก Type A เป็น Type C 4 จุด (รุ่น e:HEV) / เพิ่มช่อง USB Type C ด้านหลัง 2 จุด ในรุ่น Turbo EL+
- เพิ่มเบาะนั่งด้านหลังพับแยกอิสระ (เฉพาะรุ่น EL+)
- เพิ่มไฟส่องสว่างที่แผงบังแดดคู่หน้า (ทุกรุ่น)
ราคา
[แก้]- รุ่น Turbo EL+: ขึ้นราคา 20,000 บาท
- รุ่น e:HEV EL+: ลดราคา 30,000 บาท
- รุ่น e:HEV RS: ลดราคา 20,000 บาท
เครื่องยนต์
[แก้]เครื่องยนต์ | รหัสตัวถัง | แรงม้า | แรงบิด |
---|---|---|---|
1.5 L L15B7 l4 turbo petrol | FE1 (เก๋ง) FL1 (แฮทช์แบ็ก) |
180 hp (134 kW) at 5,700 rpm | 180 lb·ft (240 N·m) at 1,700-4,500 rpm |
1.5 L L15C l4 turbo petrol | FL1 (แฮทช์แบ็ก) | ||
2.0 L K20C2 l4 petrol | FE2 (เก๋ง) FL2 (แฮทช์แบ็ก) |
158 hp (118 kW) at 6,500 rpm | 138 lb·ft (187 N·m) at 4,200 rpm |
1.5 L L15BG FFV l4 turbo petrol | FE1 (เก๋ง) | 178 hp (133 kW) at 6,000 rpm | 180 lb·ft (240 N·m) at 1,700-4,500 rpm |
1.5 L L15BJ l4 turbo petrol | 127 hp (95 kW) at 5,700 rpm | 130 lb·ft (180 N·m) at 1,700-4,500 rpm | |
1.5 L L15CA l4 turbo petrol | FE1 (เก๋ง รุ่น Si) | 200 hp (149 kW) at 6,000 rpm | 190 lb·ft (260 N·m) at 1,800-5,000 rpm |
2.0 L LFA1 / LFB1 I4 hybrid gasoline | FL3 (แฮทช์แบ็ก) | 143 แรงม้า (107 กิโลวัตต์) at 6,200 rpm (เครื่องยนต์) 181 แรงม้า (135 กิโลวัตต์) at 5,000-6,000 rpm (มอเตอร์ไฟฟ้า) 212 hp (158 kW) (รวมทั้งระบบ) |
129 lb·ft (175 N·m) at 3,500 rpm (เครื่องยนต์) 232 lb·ft (315 N·m) at 0-2,000 rpm (มอเตอร์ไฟฟ้า) |
2.0 L LFC2 I4 hybrid gasoline | FE4 (เก๋ง) | 141 แรงม้า (105 กิโลวัตต์) at 6,000 rpm (เครื่องยนต์) 184 แรงม้า (137 กิโลวัตต์) at 5,000 – 6,000 rpm (มอเตอร์ไฟฟ้า) 215 hp (160 kW) (รวมทั้งระบบ) |
182 N·m (134 lb·ft) at 4,500 rpm (เครื่องยนต์) 315 N·m (232 lb·ft) at 0-2,000 rpm (มอเตอร์ไฟฟ้า) |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Our Company – Honda Canada Manufacturing". Honda of Canada Mfg. สืบค้นเมื่อ 21 November 2020.
- ↑ "ฮอนด้าเริ่มเดินสายการผลิตเครื่องยนต์ ณ โรงงานแห่งใหม่ จ.ปราจีนบุรี เตรียมพร้อมเดินสายการผลิต ฮอนด้า ซีวิค ใหม่". honda.co.th. 19 February 2016.[ลิงก์เสีย]
- ↑ Neal E. Boudette. "Honda readies 'epic' Civic with American pedigree". Automotive News. สืบค้นเมื่อ 12 September 2015.
- ↑ "มาแล้ว ฮอนด้า เปิดตัวปล่อยราคา CIVIC ใหม่ มาครบ 1.8 และ 1.5 เทอร์โบ". thairath.co.th.
- ↑ "Honda Civic Sedan (2016)".
- ↑ "Honda previews ASEAN-spec Civic Hatchback". autoindustriya.com.
- ↑ "Honda Civic Hatchback เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย 9 มีนาคม นี้". headlightmag.com.
- ↑ "Honda เปิดตัว Civic Hatchback ใหม่ สปอร์ต โฉบเฉี่ยว ราคา 1,169,000 บาท". brandinside.asia.
- ↑ "Honda Civic Hatchback การกลับมาอีกครั้งของแฮทช์แบครุ่นยอดนิยม". motortrivia.com.
- ↑ "ราคาอย่างเป็นทางการ Honda Civic Hatchback 1.5 Turbo CVT". headlightmag.com.
- ↑ "ราคาอย่างเป็นทางการ Honda Civic Hatchback Minorchange 1.5 TURBO RS : 1,229,000 บาท". HeadLight Magazine. 2019-11-08.
- ↑ "All-New 2016 Honda Civic Coupe Goes on Sale March 15 Providing Enthusiasts with the Most Stylish, Refined, Dynamic and Connected Vehicle in its Class". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-08-01. สืบค้นเมื่อ 2017-05-19.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อworld.honda.com
- ↑ "Honda Worldwide - September 30, 2016 Civic Hatchback and Type R Prototype Take Center Stage at Paris".
- ↑ "New Honda Civic Type R Prototype Cars for Sale | New New Civic Type R Prototype Cars - Brayley Honda". www.brayleys.co.uk. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-12-20. สืบค้นเมื่อ 2016-12-14.
- ↑ "Honda previews 2017 Civic Type R in Paris". CAR Magazine. สืบค้นเมื่อ 2016-12-14.
- ↑ "First-Ever Civic Type R for America Goes On Sale Tomorrow". Honda News. 2017-04-07. สืบค้นเมื่อ 2017-06-16.
- ↑ https://paultan.org/2021/12/14/2022-honda-civic-previewed-in-malaysia-11th-gen-fe-with-182-ps-open-for-booking-launching-in-q1-2022/
- ↑ "Honda launches all-new Honda Civic 2022".
- ↑ "Design 202012854". Search.ipaustralia.gov.au. สืบค้นเมื่อ 2021-07-18.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Design 202012848". Search.ipaustralia.gov.au. สืบค้นเมื่อ 2021-07-18.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Civic" (PDF). Honda.co.jp (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ August 19, 2021.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Oldham, Scott (2020-11-18). "2022 Honda Civic Prototype Is Still Cool but Surprisingly Sophisticated". Car and Driver (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2020-11-18.
- ↑ "2022 Honda Civic Prototype: Bold Looks, Better Tech, More Safety". Motor1.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2020-11-18.
- ↑ "2022 Honda Civic Debuts New Outside Look With Gobs Of Tech Underneath". Motor1.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-04-29.
- ↑ "2022 Civic: Coming Soon". Honda Automobiles (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-12-31. สืบค้นเมื่อ 2021-01-21.
- ↑ Allan, Lawrence (2021-01-11). "New Civic Type R to fly flag for last pure-petrol Hondas". Autocar (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-01-21.
- ↑ 28.0 28.1 Capparella, Joey (2021-06-24). "2022 Honda Civic Hatchback Looks Great and Offers a Manual". Car and Driver (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2021-06-24.
- ↑ Capparella, Joey (2020-07-17). "Honda Civic Coupe Is Dead, New Sedan and Hatch Coming Next Year". Car and Driver (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2021-06-24.
- ↑ "Autotrader - page unavailable". Autotrader.com. สืบค้นเมื่อ 2021-06-24.
- ↑ 2022 Honda Civic Si Says Yes to Affordable Performance - Derek Powell, Car and Driver, 19 October 2021
- ↑ Lye, Gerard (2021-07-21). "All-new Honda Civic launching in Thailand on August 6". Paultan.org. Malaysia: Driven Communications. สืบค้นเมื่อ 2021-08-04.
- ↑ García, Gerardo (6 August 2021). "El Honda Civic 2022 ya tiene precio en México: la 11ª generación llega a tope de tecnología". Motorpasión México (ภาษาสเปนแบบเม็กซิกัน). สืบค้นเมื่อ 6 August 2021.
- ↑ Lye, Gerard (13 August 2021). "2022 Honda Civic launched in Singapore – 1.5L VTEC Turbo with 129 PS; Honda Sensing, priced at RM384k". Paul Tan's Automotive News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 13 August 2021.
- ↑ Rizqi Pradana, Muhammad (2021-10-28). "All New Honda City Sedan dan Civic RS Resmi Mengaspal di Indonesia, Sudah Bisa Dipesan, Berikut Harga dan Tanggal Pengirimannya!". GridOto.com (ภาษาอินโดนีเซีย). สืบค้นเมื่อ 2021-10-28.
- ↑ De Guzman, Marcus (23 November 2021). "Honda launches all-turbo 2022 Civic, prices start at PHP 1.290M". AutoIndustriya.com. Philippines.
- ↑ "Honda Cars PH Launches All-New 2022 Civic. Prices Start At 1.290M (w/ Specs)". CarGuide.PH. Philippines. 23 November 2021.
- ↑ Lee, Jonathan (14 December 2021). "2022 Honda Civic previewed in Malaysia – 11th-gen FE with 182 PS open for booking, launching in Q1 2022". Paul Tan's Automotive News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 13 January 2022.
- ↑ Lee, Jonathan (13 January 2022). "2022 Honda Civic launched in Malaysia – standard VTEC Turbo, Sensing; priced from RM126k-RM144k". Paul Tan's Automotive News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 13 January 2022.
- ↑ H Tong, Matthew (6 January 2022). "2022 Honda Civic in Malaysia – 3 variants, 1.5L VTEC Turbo engine, CVT and Honda Sensing as standard!". Paul Tan's Automotive News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 13 January 2022.
- ↑ Minh, Quốc (16 February 2022). "Ra mắt Honda Civic 2022 tại Việt Nam: Giá từ 730 triệu đồng, bản G và RS rẻ hơn đời cũ, nhiều nâng cấp lớn để đối đầu Toyota Corolla Altis". AutoPro (ภาษาเวียดนาม). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-03-12. สืบค้นเมื่อ 2022-03-11.
- ↑ Dũng, Hoàng (16 February 2022). "Chênh tới 140 triệu đồng, đây là sự khác biệt giữa 3 phiên bản Honda Civic 2022 mà khách Việt cần biết để lựa chọn xe phù hợp nhất". AutoPro (ภาษาเวียดนาม). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-03-13. สืบค้นเมื่อ 2022-03-11.
- ↑ 43.0 43.1 "广汽本田INTEGRA正式亮相 中文名"型格"/有望年内上市_易车". news.yiche.com. สืบค้นเมื่อ 2021-09-29.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ ฮอนด้า ซีวิค
อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref>
สำหรับกลุ่มชื่อ "lower-alpha" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="lower-alpha"/>
ที่สอดคล้องกัน