สมบัด สมพอน
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
สมบัด สมพอน | |
---|---|
ສົມບັດ ສົມພອນ | |
สมบัด สมพอนใน ค.ศ. 2006 | |
เกิด | 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1952 แขวงคำม่วน ประเทศลาว |
สาบสูญ | 15 ธันวาคม 2012 (อายุ 60) เวียงจันทน์ ประเทศลาว |
สถานะ | สูญหายมาแล้ว 12 ปี 17 วัน |
อาชีพ | นักพัฒนาชุมชน |
สมบัด สมพอน (ลาว: ສົມບັດ ສົມພອນ) เป็นนักพัฒนาสังคมชาวลาวและเจ้าของรางวัลแมกไซไซ ซึ่งได้หายตัวไปเนื่องจากการลักพาตัวที่กรุงเวียงจันทน์ในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2555[1] แม้ว่ารัฐบาลลาวปฏิเสธการเชื่อมโยงและอ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็น แต่เชื่อว่ามีทฤษฎีสมคบคิดมากพอที่ทำให้เชื่อว่ารัฐบาลลาววางแผนการลักพาตัว เนื่องจากว่าไม่เคยยอมเปิดเผยการลักพาตัวสมเลยแม้แต่น้อย
ประวัติ
[แก้]สมบัด สมพอน เกิดเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2495 ที่บ้านดอนเขียว เมืองหนองบก แขวงคำม่วน ประเทศลาว เขาได้เกิดในครอบครัวที่ยากจน และเป็นบุตรคนโตของพี่น้องทั่งหมด ต่อมา เขาได้ทุนเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาและได้เรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาที่ รัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ต่อมา ในช่วงต้นทศวรรษที่ 70 เขาได้รับทุนเรียนต่อที่ มหาวิทยาลัยฮาวาย และได้เรียนจบปริญญาตรีสาขาการศึกษาในปี พ.ศ. 2517 และ ปริญญาโทสาขาเกษตรกรรมในปี พ.ศ. 2521[2]
ต่อมา สมบัดได้กลับมาประเทศลาวหลังจากการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองแล้วในช่วงปี พ.ศ. 2524 งานแรกที่เขาได้ทำคือ การสอนวิธีการทำเกษตรอย่างยั่งยืนเพื่อส่งเสริมความปลอดภัยของอาหารที่มาจากการเกษตร นอกจากนี้เขายังเป็นผู้บุกเบิกการใช้เทคนิคการประเมินในชนบทแบบมีส่วนร่วมในลาวด้วย ในปี พ.ศ. 2539 เขาได้รับอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการของประเทศลาวให้ทำการก่อตั้งศูนย์อบรมร่วมพัฒนา (PADETC) เพื่อฝึกการอบรมให้กับชาวลาววัยหนุ่มสาวและเจ้าหน้าที่พัฒนาท้องถิ่น[3]
ตามชีวประวัติของเขาที่มีการเผยแพร่ในปี พ.ศ. 2548 PADETC ได้ดำเนินการริเริ่มหลายๆโครงการเพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมผู้ประกอบการเกษตรรายย่อย รวมไปถึงการแนะนำการใช้ปุ๋ยอินทรีย์, การรีไซเคิลขยะ และ และเตาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพ และการประเมินผลรูปแบบใหม่สำหรับองค์กรธุรกิจเกษตรรายเล็ก โครงการนี้ได้ดำเนินงานในฐานะส่วนหนึ่งของการฝึกอบรมอาสาสมัครหนุ่มสาวและการฝึกเรียนรู้ในชั้นเรียน (ตั้งแต่ในระดับมัธยมศึกษา,วิทยาลัย และ บัณฑิตวิทยาลัย) PADETC ได้สอนให้อาสาสมัครหนุ่มสาวได้มีประสบการณ์ในการเรียนรู้ความเป็นผู้นำ,การทำงานเป็นทีม,การบริหารจัดการโครงงาน และ ความหลากหลายในการดำรงชีวิต เรื่องราวความรู้ในท้องถิ่น, การตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม, การทำเกษตรที่ดี, การเป็นผู้ประกอบการ และ ปัญหาที่ควรแก้ไขอย่างเร่งด่วน เช่น ปัญหาด้านยาเสพติด[4]
ตลอดชีวิตของสมบัดนั้น เขาได้พยายามที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องราวทางการเมืองหรือการมีส่วนร่วมทางการเมืองใดๆมาตลอด ในปี พ.ศ. 2556 ภรรยาของเขาได้กล่าวว่า "ในบทความที่ผ่านมาจำนวนมากและแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวของสมบัด บางครั้งเขาได้ถูกเรียกเก็บเงินจากการเป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนและนักเคลื่อนไหวเพื่อสังคม คำนี้ไม่ต้องพูดถึงสมบัด ตัวเขาหรืองานของเขาเลบ มันคือความจริงที่สมบัดได้ผ่านการทำงานอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อยเพื่อก้าวไปสู่ความอยู่ดีกินดี และสนับสนุนการสร้างขีดความสามารถในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของคนยากจนในชนบท แต่ งานของสมบัดไม่เคยได้คาดคั้นหรือเป็นศัตรูกับนโยบายของรัฐบาลเลย ทุกโครงการและกิจกรรมที่สมบัดได้ดำเนินการทุกอย่าง ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น" [5]
ปีถัดมา สมบัดได้มีบทบาทสำคัญในการแนะนำแนวคิดดัชนีความสุขมวลรวมมายังลาว ในปี พ.ศ. 2550 เขาได้เป็น 1 ในผู้จัดการการประชุมนานาชาติว่าด้วยความสุขมวลรวมประชาชาติ ครั้งที่ 3 ขณะที่ปี พ.ศ. 2555 เขาได้เป็นที่ปรึกษาอาวุโสในหนังสั้นเรื่อง "ความสุขของประเทศลาว" ซึ่งได้ฉายในการประชุมเวทีประชาชนเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 9 งานนี้มีความใกล้ชิดกับการมีส่วนร่วมของสมบัดในเครือข่ายพุทธศาสนิกสัมพันธ์เพื่อสังคม ซึ่งตั้งโดย สุลักษณ์ ศิวรักษ์ เพื่อนของเขา[6]
การยอมรับ
[แก้]ในปี พ.ศ. 2544 สมบัด สมพอน ได้รับรางวัลการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จากการเสริมสร้างศักยภาพของคนยากจนในชนบทของลาวจาก คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ
ในปี พ.ศ. 2548 เขาได้รับรางวัลแมกไซไซสำหรับการเป็นผู้นำชุมชน จากการที่เขา "ได้ตระหนักถึงความพยายามของเขาที่หวังที่จะส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในประเทศลาวโดยการฝึกอบรมและสร้างแรงจูงใจให้คนหนุ่มสาวที่จะกลายเป็นคนรุ่นผู้นำ"[7] สมบัดยังเป็นคนลาวเพียงคนเดียวที่ได้รับรางวัลนี้
ในปี พ.ศ. 2553 ศูนย์ อีสต์-เวสต์ ได้ยอมรับการทำงานเพื่อสังคมของเขาผ่านการเผยแพร่ "50 ปี 50 เรื่อง" [8] ในปี พ.ศ. 2554 เขายังได้ปาฐกถาพิเศษ ณ การประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาค เอพีไอ ครั้งที่ 10; [9] คือเครือข่ายของปัญญาชนสาธารณะแห่งเอเชียโดยได้รับการสนับสนุนทุนจากมูลนิธินิปปอน. ในปี พ.ศ. 2555 เขายังได้ปาฐกถาพิเศษในการประชุมเวทีประชาชนเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 9 ที่ กรุงเวียงจันทน์ คณะกรรมการจัดการแข่งขันระหว่างประเทศของ AEPF ได้กล่าวว่าสมบัดคือ "หนึ่งในผู้ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดและมีอิทธิพลระยะยาวสำหรับประชาชน เป็นศูนย์กลางและได้พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในประเทศลาว"[10]
การหายตัวไปและการตอบสนอง
[แก้]สมบัดถูกลักพาตัวในกรุงเวียงจันทน์ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2555 กล้องวงจรปิดได้แสดงภาพที่มีตำรวจเรียกเขาลงมาจากรถและนำเขาขึ้นรถกระบะไป[11] รัฐบาลลาวได้ปฏิเสธการรับผิดชอบของการหายตัวเขาไปในทันที[12]
การหายตัวไปของสมบัด สมพอนสร้างความกังวลให้กับคนและรัฐบาลทั่วโลก ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปด้านการต่างประเทศ, สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ, สภาชิกสภาจากเอเชียและยุโรป องค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศ (เอ็นจีโอ) และอีกหลายองค์กร ได้เรียกร้องให้รัฐบาลลาวดำเนินการที่ควรจำเป็น เพื่อให้แน่ใจในการปล่อยตัวอย่างปลอดภัยของเขา[13] เดสมอนต์ ตูตู บิชอปแห่งแอฟริกาใต้ ได้เขียนจดหมายไปยังทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรีลาวในขณะนั้น เรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน แต่ทว่าไม่มีการตอบสนองใด ๆ จากรัฐบาลลาว[14]
ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2556 องค์การนิรโทษกรรมสากล เรียกร้องรัฐบาลลาวให้ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยด่วน[15] ตามมาด้วยการเผยแพร่เอกสารสรุปการบรรยาย 26 หน้าเรื่อง ลาว:จับจากกล้อง การบังคับการหายตัวไปของสมบัด สมพอน (Laos: Caught on Camera - the enforced disappearance of Sombath Somphone)[16]
ศูนย์วิเคราะห์นโยบายสาธารณะในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และเขตภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, องค์กรวิจัยนโยบายสาธารณะเอกชน (เอ็นจีโอ) ได้เรียกร้องให้รัฐบาลลาวและหน่วยความปลอดภัยปล่อยตัวสมบัด สมพอน อย่างต่อเนื่อง[17] ศูนย์วิเคราะห์นโยบายสาธารณะมักยกประเด็นสมบัด สมพอนว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่รุนแรงเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับการฆ่าล้างชาวลาวและชาวม้งและความขัดแย้งทางศาสนาในลาว[18]
หนึ่งเดือนหลังการหายตัวไปของเขา ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐในขณะนั้น ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลลาว "ให้มีการตรวจสอบความโปร่งใสของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้และทำทุกอย่างในอำนาจของตนเพื่อที่จะดำเนินการเรื่องทันทีและปล่อยตัวสมบัดกลับบ้านไปหาครอบครัวของเขา"[19] วันที่ 24 มีนาคม จอห์น เคร์รีซึ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งต่อ ได้ออกแถลงการณ์ในวันที่ครบรอบ 100 วันนับตั้งแต่สมบัดถูกลักพาตัวไป เขากล่าวว่า "เป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างต่อเนื่อง การหายตัวไปอย่างอธิบายไม่ได้ของสมบัด สมพอน ผู้ที่ซึ่งได้รับการนับถืออย่างกว้างขวางและสร้างแรงบันดาลใจให้พลเมืองลาวซึ่งได้สร้างคุณประโยชน์อย่างมากขึ้นในประเทศของเขา ก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการกระทำผิดของรัฐบาลลาวในการใช้กฎหมายและการมีส่วนร่วมรับผิดชอบกับโลกนี้[20]
สามคณะผู้แทนของสมาชิกรัฐสภาจากเอเชียและยุโรปเดินทางมายังกรุงเวียงจันทน์ในปี พ.ศ. 2556 เพื่อหารือเกี่ยวกับการหายตัวไปของสมบัดกับรัฐบาลลาว การเยือนครั้งแรกในเดือนมกราคม วัลเดน เบลโล สมาชิกสภาคองเกรสจากฟิลิปปินส์และผู้ก่อตั้ง โฟกัสออนเดอะโกลบอลเซาท์ (Focus on the Global South) ระบุว่า "เราอยู่ห่างไกลจากความพึงพอใจกับคำตอบที่เราได้"[21]วุฒิสภาชิกดัตช์ ทู เอลซิลฟา กล่าวหลังจากการไปเยือนในเดือนมีนาคม "ถ้าเจ้าหน้าที่ลาวคิดว่าปัญหาของการหายตัวไปของสมบัดจะทำให้ปัญหาหมดไป พวกเขาคิดผิด"[22]ในเดือนกันยายน 3 คณะผู้แทน ประกอบด้วยผู้แทนจากเดนมาร์กและเบลเยียม ได้ข้อสรุปว่า "ทางการลาวดูห่างไกลและไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจหรือความสามารถเพียงพอที่จะหาทางออกกับกรณีนี้และได้ปฏิเสธข้อเสนอการให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคใด ๆ เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้"[23]
ระหว่างการประชุมระดับสูงกับรัฐบาลลาวที่จัดขึ้นในกรุงเวียงจันทน์ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2556 จำนวนของผู้บริจาคต่างประเทศแสดงความกังวลของพวกเขาเกี่ยวกับการหายตัวไปของสมบัด คำสั่งจากองค์การพัฒนายุโรปเรียกร้องให้รัฐบาลลาว "ดำเนินการตรวจสอบอย่างครอบคลุมและให้มีความโปร่งใสของคดีนี้อย่างเต็มที่และให้ความร่วมมือกับหน่วยงานของสหประชาชาติเช่น คณะที่ทำงานเกี่ยวกับการบังคับบุคคลให้สูญหายในเจนีวา"[24]
ในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556 ครบรอบหนึ่งปีของการหายสาบสูญของสมบัด สมพอน ได้ถูกประกาศไว้โดยแถลงการณ์ของรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์, อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา[25] และการเดินขบวนประท้วงสถานทูตลาวในกรุงเทพมหานคร[26] โตเกียว[27] และแคนเบอร์รา องค์การนิรโทษกรรมสากลออกมาเรียกร้องอีกครั้งเพื่อให้มีการดำเนินการเรื่องนี้[28]ขณะที่เอ็นจีโอเอเชีย 62 กลุ่ม ได้เรียกร้องให้มีการสอบสวนใหม่ [29] ขณะเดียวกันคณะรายงานพิเศษเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและการสมาคมแห่งสหประชาชาติ ได้กล่าวขอให้รัฐบาลลาว "ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน และขั้นตอนพิเศษ โดยเฉพาะการเลือกตั้งสภาสิทธิมนุษยชนในปี2016"[30]
สื่อระหว่างประเทศยังได้รายงานการหายตัวไปของสมบัด เช่น บีบีซี, อัลญะซีเราะฮ์ ฟอกซ์นิวส์, ดอยช์ เวเลย์, เลอมงด์, เดอะการ์เดียน, เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล, เอบีซี ออสเตรเลีย และสื่ออื่น ๆ อีกมากมาย[31]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Joshi, Vijay (5 September 2016). "Rare focus on little-known Laos as it hosts major summit". Associated Press (AP). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-10-11. สืบค้นเมื่อ 5 September 2016.
- ↑ Sombath Somphone: Farmer, Scholar, Scientist, Community Developer
- ↑ "PADETC - 10 years in balance (report)" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2013-09-21. สืบค้นเมื่อ 2015-05-09.
- ↑ "Sombath Somphone: Biography". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-09-24. สืบค้นเมื่อ 2015-05-09.
- ↑ "An Open Letter to Sombath's Well-Wishers, From Ng Shui Meng, wife of Sombath Somphone". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-12-19. สืบค้นเมื่อ 2015-05-09.
- ↑ "'Unhappy Laos' - article at website of International Network of Engaged Buddhists". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-12-19. สืบค้นเมื่อ 2015-05-09.
- ↑ "The 2005 Ramon Magsaysay Award for Community Leadership, Citation for Sombath Somphone". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-25. สืบค้นเมื่อ 2015-05-09.
- ↑ Sombath Somphone - Preparing a Generation of Leaders in Laos in 'East West Centre: 50 years, 50 stories', University of Hawaii, 2010
- ↑ เอพีไอ เก็บถาวร 2019-06-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ AEPF statement of concern over the disappearance of Mr. Sombath Somphone
- ↑ CCTV footage showing the abduction of Sombath Somphone ที่ยูทูบ
- ↑ 'Statement of the Lao spokesman on the Missing of Mr. Sombath Somphone', KPL news agency, 19 December 2012
- ↑ A collection of statements of concern relating to the disappearance of Sombath Somphone
- ↑ Archbishop Tutu speaks out for Sombath
- ↑ "Amnesty International: Lao Citizen Abducted, Not Seen or Heard From, 18 January 2013". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-23. สืบค้นเมื่อ 2015-05-09.
- ↑ "Amnesty International: Laos must ensure return of disappeared civil society leader, 13 June 2013". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-07-25. สืบค้นเมื่อ 2015-05-09.
- ↑ The Centre for Public Policy Analysis (CPPA), Washington, D.C. http://www.centerforpublicpolicyanalysis.org
- ↑ Business Wire (4 March 2013) "Laos: Attacks Intensify Against Lao, Hmong People" http://www.businesswire.com/news/home/20130304006755/en/Laos-Attacks-Intensify-Lao-Hmong-People
- ↑ Press Statement by Hillary Clinton, U.S. Secretary of State, 16 January 2013
- ↑ Press Statement by John Kerry, U.S. Secretary of State, 24 March 2013
- ↑ "Statement of Rep. Walden Bello on the Preliminary findings of ASEAN Parliamentary Delegation to the Lao PDR on the disappearance of Sombath Somphone". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-04-05. สืบค้นเมื่อ 2015-05-09.
- ↑ The clock is ticking for Laos with the case of Sombath Somphone
- ↑ Statement of the Third Parliamentary Delegation to the Lao PDR on the enforced disappearance of Sombath Somphone
- ↑ European Development Partners’ Statement at Lao PDR’s Round Table Meeting Vientiane, 19th November 2013
- ↑ Global Concern - a complete list of statements made by international organisations
- ↑ Bangkok Post - Rally at Lao embassy for missing activist
- ↑ Action in front of the Lao embassy in Tokyo (article in Japanese)
- ↑ Laos: Further information: Fears grow for Lao civil society leader
- ↑ Sombath Somphone one year on: 62 NGOs call for a new investigation into his enforced disappearance
- ↑ A year on, the enforced disappearance of Sombath Somphone continues with impunity in Lao PDR
- ↑ "Links to more than 175 news reports on the disappearance of Sombath Somphone". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-07-10. สืบค้นเมื่อ 2015-05-09.