วัดราษฎรบำรุง (อำเภอดอนเจดีย์)
วัดราษฎรบำรุง | |
---|---|
ชื่อสามัญ | วัดราษฎรบำรุง |
ที่ตั้ง | เลขที่ 1 หมู่ที่ 1 ตำบลดอนเจดีย์ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี 72170 |
ประเภท | วัดราษฎร์ |
นิกาย | มหานิกาย |
ก่อตั้ง | สมัยรัชกาลที่ 5 |
เจ้าอาวาส | พระครูวิสุทธิ์สุวรรณสีล (สมมาตร วิสุทฺธสีโล) |
มหามงคล | - รูปเหมือนหลวงพ่ออินทร์ - รูปเหมือนหลวงพ่อเทพ - รูปเหมือนหลวงพ่อแช่ม |
จุดสนใจ | - อุโบสถ - เมรุทรงปรางค์ |
สถานีย่อยพระพุทธศาสนา |
วัดราษฎรบำรุง [วัด-ราด-สะ-ดอน-บำ-รุง] ตั้งอยู่เลขที่ 1 ถนนทางหลวงชนบทสุพรรณบุรี หมายเลข 3011 หมู่ที่ 1 ตำบลดอนเจดีย์ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นวัดราษฎร์ คณะสงฆ์มหานิกาย เขตปกครองคณะสงฆ์ตำบลดอนเจดีย์ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี คณะสงฆ์ ภาค 14
ประวัติ
[แก้]สมัยแรกเริ่ม
[แก้]วัดสร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน อยู่ในช่วงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ แรกเริ่มสร้างวัด ชื่อว่า วัดใหม่ แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดใหม่โรงหีบ ตามชื่อหมู่บ้าน[1]
พื้นที่ตั้งวัดเดิมอยู่ที่ลานท่าดุมเกวียน (ใต้วัดในปัจจุบัน) มีกุฏิทำด้วยไม้ไผ่ หลังคามุงด้วยแฝก ฝาทำด้วยใบตาล จำนวน 2 - 3 หลัง มีลักษณะเป็นสำนักสงฆ์ชั่วคราว เมื่อถึงฤดูตรุษสงกรานต์และพรรษากาล ชาวบ้านต้องไปนิมนต์พระภิกษุตามวัดต่างๆ มาพัก เพื่อให้ได้ทำบุญกัน
ต่อมามีหลวงพ่อเผือก เป็นพระภิกษุชาวพระนครศรีอยุธยา และพระอนุจรอีกจำนวนหนึ่งมาจำวัดอยู่ที่นี่ เห็นว่าสถานที่ตั้งวัดไม่เหมาะสม จึงชักชวนชาวบ้านช่วยกันย้ายวัดขึ้นมาอยู่ในพื้นที่ปัจจุบันนี้ เริ่มจากสร้างกุฏิ ทำด้วยวัสดุไม้ไผ่บ้าง ไม้จริงบ้าง หลังคามุงด้วยแฝก จำนวน 3 หลัง สร้างหอสวดมนต์ เครื่องบนทำด้วยไม้สัก ฝาไม้สัก จำนวน 1 หลัง สร้างศาลาดิน จำนวน 1 หลัง เรี่ยไรวัสดุทองเหลืองนำมาหล่อเป็นพระศรีอริยเมตไตรย จำนวน 1 องค์ ระฆังใบใหญ่ จำนวน 1 ใบ แล้วหลวงพ่อเผือกจึงย้ายไปอยู่ที่อื่น พระผ่องซึ่งเป็นพระอนุจรติดตามจึงปกครองวัดสืบมา[2]
สมัยเสื่อมโทรม
[แก้]สมัยพระผ่องปกครอง ปล่อยวัดทรุดโทรมลงเป็นลำดับ ชาวบ้านขาดความเลื่อมใส ในที่สุดพระผ่องจึงลาสิกขาไป มีหลวงปู่คุ้มเป็นพระผู้เฒ่าเฝ้าวัดอยู่เพียงรูปเดียว ต่อมาเมื่อหลวงปู่คุ้มมรณภาพ วัดนี้จึงไม่มีพระภิกษุเลยในราว พ.ศ.2446
เมื่อวัดไม่มีพระภิกษุดูแล นายผ่อง (อดีตพระผ่อง) จึงนำสิ่งปลูกสร้าง ถาวรวัตถุภายในวัด ไปขายให้เจ้าอธิการอินทร์ เจ้าอาวาสวัดโพธาราม (บ้านคอยเหนือ) แล้วชาวบ้านวัดโพธารามจึงมารื้อหอสวดมนต์ กุฏิที่ทำด้วยวัสดุไม้จริง กับพระศรีอริยเมตไตรย ระฆัง และวัสดุทองเหลืองที่เหลือจากการหล่อนำไปวัดโพธารามทั้งหมด
ชาวบ้านทะเลาะถึงขั้นจะฟ้องร้องเป็นคดีความ เกิดความไม่สบายใจต่อกัน จึงนำเรื่องดังกล่าวไปปรึกษาพระครูปลื้ม วัดพร้าว (เจ้าคณะแขวงศรีประจันต์) ท่านไม่อยากให้ชาวบ้านแตกแยก จึงชี้แจงทำความเข้าใจว่าของที่เขาเอาไปก็ไม่มีราคาค่างวดอะไรมากนัก เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เขารื้อเอาไปก็เอาไปไว้ในวัด การที่จะไปฟ้องร้องเอากลับคืนมา ก็ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรนัก ลำบากกันไปเปล่าๆ เราควรจะสร้างเอาใหม่ดีกว่า พร้อมทั้งรับรองว่าจะส่งพระภิกษุผู้มีความรู้ความสามารถมาอยู่ เพื่อให้เป็นผู้ก่อสร้างวัดขึ้นใหม่ ชาวบ้านจึงยอมล้มเลิกที่จะฟ้องร้องกันต่อไป[2]
สภาพวัดในขณะนั้นแทบไม่หลงเหลืออะไรเลย มีเพียงกุฏิทำด้วยไม้ไผ่ หลังคามุงแฝก ฝาทำด้วยใบตาล อยู่เพียงหลังเดียว พื้นที่แถบตะวันตกตั้งแต่หลังวัดเป็นต้นไปมีสภาพเป็นป่า มีสัตว์ป่า เช่น เสือ สุนัขป่า เก้ง ละมั่ง กวาง อาศัยชุกชุม บ้านเรือนชาวบ้านมีน้อย สภาพความเป็นอยู่ลำบาก เมื่อพระครูปลื้มให้พระภิกษุรูปใดมาอยู่ จึงไม่มีผู้ใดมา
สมัยฟื้นฟู - รุ่งเรือง
[แก้]จวนใกล้เข้าพรรษา พระครูปลื้มก็ยังหาผู้ใดมาอยู่ไม่ได้ เพื่อไม่ให้เสียคำที่ท่านได้รับรองกับชาวบ้านไว้ จึงตกลงมาอยู่เอง เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ พระภิกษุรูปอื่นในวัดพร้าวและวัดอื่นจึงพากันติดตามท่านมา รวมเป็น 10 รูป มีพระใบฎีกาอินทร์ (พระฐานานุกรมของพระครูปลื้ม) กับพระอาจารย์สุ่ม เป็นต้น
ขณะนั้นวัดใหม่มีกุฏิทำด้วยไม้ไผ่เหลืออยู่เพียงจำนวน 1 หลัง พระครูปลื้มจึงขอให้ชาวบ้านช่วยสร้างกุฏิชั่วคราวอีกจำนวน 2 หลัง เพียงพอให้พระภิกษุจำนวน 10 รูป อาศัยอยู่จำพรรษาได้ จวบจนออกพรรษา (ปวารณาแล้ว) พระครูปลื้มจึงกลับวัดพร้าวตามเดิม และมอบหมายให้พระใบฎีกาอินทร์ เป็นหัวหน้าปกครองวัดสืบต่อมา
พระใบฎีกาอินทร์กับพระอาจารย์สุ่ม เป็นพระมีความรู้ความสามารถในวิชาช่าง การก่อสร้างใดๆ ท่านล้วนเป็นช่างก่อสร้าง โดยมีชาวบ้านเป็นลูกมือ (ผู้ช่วย) เข้าป่าพลีไม้นำมาสร้างกันเอง เริ่มจากสร้างหอสวดมนต์ จำนวน 1 หลัง สร้างกุฏิทำด้วยวัสดุไม้จริง รวมจำนวน 5 หลัง ทำนอกชานหอสวดมนต์เชื่อมกุฏิทั้งหมดติดต่อกัน สร้างศาลาการเปรียญ จำนวน 1 หลัง ต่อมามีชาวบ้านศรัทธาเลื่อมใสท่านมาก ศาลาการเปรียญไม่เพียงพอรองรับจำนวนคน จึงต้องสร้างศาลาคู่ขึ้นอีก 2 หลัง
นอกจากสร้างเสนาสนะ ถาวรวัตถุภายในวัดใหม่ พระใบฎีกาอินทร์ยังช่วยวัดอื่นสร้างอีก แม้กระทั่งสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ถนน สระน้ำ ศาลาพักริมทาง ท่านก็เป็นผู้นำชาวบ้านสร้าง ผลงานสุดท้ายท่านสร้างหอไตร 2 ชั้น จำนวน 1 หลัง และมีโครงการจะสร้างอุโบสถทำด้วยไม้ทั้งหลัง แต่ก็มรณภาพเสียก่อน
ต่อมาเมื่อขอพระราชทานวิสุงคามสีมาสร้างอุโบสถ พ.ศ. 2468 พบว่าชื่อวัดใหม่ซ้ำกับหลายวัด จึงถือโอกาสเปลี่ยนเป็น วัดราษฎร์บำรุง [วัด-ราด-บำ-รุง] โดยมี พระครูธรรมสารรักษา (พริ้ง วชิรสุวณฺโณ) เจ้าคณะแขวงศรีประจันต์ เป็นผู้ดำเนินเรื่อง และเป็นประธานสร้างอุโบสถจวบจนแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2470[2]
ถึงสมัยพระครูสิริยาภินันท์ (แช่ม ฐานคุโณ) เป็นเจ้าอาวาส จึงใช้ชื่อ วัดราษฎรบำรุง [วัด-ราด-สะ-ดอน-บำ-รุง] ไม่มีการันต์ เพื่อไม่ให้ซ้ำกับชื่อวัดราษฎร์บำรุง [วัด-ราด-บำ-รุง] ที่อำเภอบางปลาม้า ในจังหวัดเดียวกัน เนื่องจากเกิดปัญหาด้านความสับสน และคงใช้ชื่อนี้ถึงปัจจุบัน
พระครูสิริยาภินันท์ (แช่ม ฐานคุโณ) เป็นพระเถราจารย์ที่มีชื่อเสียง เป็นที่เคารพนับถือของประชาชน มีพระเทพคุณาธาร (ผล ชินปุตฺโต) ศิษย์เก่าของวัด เป็นผู้อุปถัมภ์ในการพัฒนาวัด สมัยนี้วัดมีความเจริญรุ่งเรือง และมีศิษย์วัดเป็นจำนวนมาก
ที่ดินตั้งวัดมีพื้นที่จำนวน 23 ไร่ 3 งาน 78 ตารางวา[3] ได้รับอนุญาตตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2448 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2468[4]
ทำเนียบเจ้าอาวาส
[แก้]ทำเนียบเจ้าอาวาสวัดราษฎรบำรุง อดีต - ปัจจุบัน เท่าที่พบข้อมูล[2][5][6]
ลำดับ | รายนาม | เริ่มวาระ | สิ้นสุดวาระ | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|
1 | หลวงพ่อเผือก | - | - | ย้ายวัด |
2 | พระผ่อง | - | - | ลาสิกขา |
3 | หลวงปู่คุ้ม | - | - | รักษาวัด , มรณภาพ |
4 | พระครูปลื้ม (วัดพร้าว) | พ.ศ. 2446 | พ.ศ. 2446 | เจ้าคณะแขวง รักษาการ 1 พรรษา |
5 | พระใบฎีกาอินทร์ | พ.ศ. 2446 | 26 กันยายน พ.ศ. 2463 | เจ้าอาวาส , เจ้าคณะหมวด , มรณภาพ |
6 | พระอาจารย์ทอง ศรีคำ | พ.ศ. 2463 | พ.ศ. 2466 | รักษาการ , ลาสิกขา |
7 | พระอาจารย์โพธิ์ ศรีคำ | พ.ศ. 2466 | พ.ศ. 2470 | รักษาการ , ลาสิกขา |
8 | พระเสงี่ยม | พ.ศ. 2470 | พ.ศ. 2472 | รักษาวัด |
9 | หลวงตาอิ่ม | พ.ศ. 2472 | พ.ศ. 2474 | ลาสิกขา |
10 | พระอธิการเพชร | พ.ศ. 2474 | พ.ศ. 2478 | เจ้าอาวาส , ลาออก ไปอยู่วัดไผ่แขก |
11 | พระอธิการหวาด จิณฺณธมฺโม | พ.ศ. 2478 | พ.ศ. 2480 | รักษาการ |
24 ธันวาคม พ.ศ. 2480 | 19 ธันวาคม พ.ศ. 2487 | เจ้าอาวาส , มรณภาพ | ||
12 | พระครูสิริยาภินันท์ (แช่ม ฐานคุโณ) | พ.ศ. 2487 | พ.ศ. 2489 | รักษาการ |
1 มิถุนายน พ.ศ. 2489 | 13 มีนาคม พ.ศ. 2524 | เจ้าอาวาส , เจ้าคณะตำบล , มรณภาพ | ||
13 | พระปลัดสวาท ปญฺญาสาโร | 19 มีนาคม พ.ศ. 2524 | พ.ศ. 2526 | รักษาการ , มรณภาพ |
14 | พระมหาสุจินต์ อธิวโร ป.ธ.3 | พ.ศ. 2526 | - | รักษาการ , ลาออก ไปศึกษา 2 ปี |
15 | พระครูปริยัติวราภรณ์ (เฉลี่ย สิริธโร) ป.ธ.3 (วัดธัญญวารี) | - | - | เจ้าคณะตำบล รักษาการ 1 พรรษา |
16 | พระครูปริยัตยานุศาสก์ (สุจินต์ อธิวโร) ป.ธ.3 | 25 มิถุนายน พ.ศ. 2529 | พ.ศ. 2541 | เจ้าอาวาส , เจ้าคณะตำบล , ลาสิกขา |
17 | พระครูวิสุทธิ์สุวรรณสีล (สมมาตร วิสุทฺธสีโล) | พ.ศ. 2541 | พ.ศ. 2543 | รักษาการ |
พ.ศ. 2543 | - | เจ้าอาวาส , ปัจจุบัน | ||
การศึกษา
[แก้]- สำนักศาสนศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรม วัดราษฎรบำรุง ก่อตั้งโดยพระมหาสุนทร ศรีโสภาค เปิดสอนเมื่อ พ.ศ. 2466 - ปัจจุบัน
- เป็นสถานที่ตั้งโรงเรียนวัดราษฎรบำรุง ตำบลดอนเจดีย์ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ก่อตั้งเมื่อ วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2478[1]
เทศกาล และงานประจำปี
[แก้]- วันบูรพาจารย์ , พิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน วันคล้ายวันมรณภาพพระครูสิริยาภินันท์ (แช่ม ฐานคุโณ) วันที่ 13 มีนาคม ของทุกปี
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 พระศีลขันธโศภิต. (2499). ที่ระลึกในงานเปิดป้ายและฉลองอาคารเรียน โรงเรียนประชาบาลตำบลดอนเจดีย์ 1 (วัดราษฎร์บำรุง). ม.ป.ท.: ม.ป.พ.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 พระอธิการจุ้ย ตนฺติปาโล. (2525). อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พระครูสิริยาภินันท์ (หลวงพ่อแช่ม ฐานคุโณ). สุพรรณบุรี: มนัสการพิมพ์
- ↑ กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ. (2545). ประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่ม 21. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์การศาสนา
- ↑ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสุพรรณบุรี. (2535). ทำเนียบวัดและโบราณสถานจังหวัดสุพรรณบุรี. ม.ป.ท.: ม.ป.พ.
- ↑ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสุพรรณบุรี. (2535). ทำเนียบวัดและโบราณสถานจังหวัดสุพรรณบุรี. ม.ป.ท.: ม.ป.พ.
- ↑ กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ. (2545). ประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่ม 21. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์การศาสนา