ลุดมีลา ปัฟลีเชนโค
ลุดมีลา มีฮาอิลอฟนา ปัฟลีเชนโค | |
---|---|
ปัฟลีเชนโค ในปี 1943 | |
ชื่อพื้นเมือง | Людмила Михайлівна Павличенко |
ชื่อเกิด | ลุดมีลา มีฮาอิลอฟนา เบโลวา |
ชื่อเล่น | Lady Death |
เกิด | 12 กรกฎาคม [ตามปฎิทินเก่า: 29 มิถุนายน] 1916[1] บีลัตแซร์กวา, จักรวรรดิรัสเซีย (ปัจจุปันคือยูเครน) |
เสียชีวิต | 10 ตุลาคม ค.ศ. 1974 มอสโก, สาธารณรัฐรัสเซีย สหภาพโซเวียต | (58 ปี)
รับใช้ | สหภาพโซเวียต |
แผนก/ | กองทัพแดง |
ประจำการ | 1941–1953 |
ชั้นยศ | ร้อยตรีในกองทัพบก นักวิจัยอาวุโสที่มียศพันตรีในกองทัพเรือโซเวียต |
หน่วย | กรมทหารปืนไรเฟิลสเตนคา ราซินที่ 54 กองพลปืนไรเฟิลที่ 25 เจ้าหน้าที่กองทัพเรือโซเวียต |
การยุทธ์ | สงครามโลกครั้งที่สอง |
บำเหน็จ | วีรชนแห่งสหภาพโซเวียต |
คู่สมรส | Aleksey Pavlichenko[1] |
บุตร | Rostislav Pavlichenko[1] |
งานอื่น | คณะกรรมการทหารผ่านศึกสหภาพโซเวียต |
ลุดมีลา มีฮาอิลอฟนา ปัฟลีเชนโค (รัสเซีย: Людми́ла Миха́йловна Павличе́нко; ยูเครน: Людмила Михайлівна Павличенко, สกุลเดิม: เบโลวา; 12 กรกฎาคม [ตามปฎิทินเก่า: 30 พฤษภาคม] 1916 – 10 ตุลาคม 1974) เป็นพลซุ่มยิงหญิงชาวโซเวียตของกองทัพแดงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เธอถูกบันทึกซึ่งได้รับการยืนยันในการฆ่าศัตรูจำนวน 309 คน[a][2][3] ทำให้เธอเป็นพลซุ่มยิงหญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกไว้[4][5]
ปัฟลีเชนโคถูกตั้งฉายาว่า "สตรีแห่งความตาย" (Lady Death) เนื่องจากความสามารถของเธอกับปืนไรเฟิล[6] เธอรับใช้กองทัพแดงระหว่างการล้อมที่ออแดซาและการล้อมที่เซวัสโตปอลในช่วงแรกของการสู้รบในมหาสงครามของผู้รักชาติ
หลังจากที่เธอได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบด้วยกระสุนปืนครก เธอถูกอพยพไปกรุงมอสโก[6] หลังจากที่เธอหายจากอาการบาดเจ็บ เธอได้ฝึกพลซุ่มยิงของกองทัพแดงคนอื่น ๆ และทำหน้าที่เป็นโฆษกให้กองทัพแดง ในปี 1942 เธอได้ไปท่องเที่ยวทั้งในสหรัฐ แคนาดา และบริเตนใหญ่ หลังจากสงครามสิ้นสุดลงในปี 1945 เธอได้รับมอบหมายใหม่ให้เป็นนักวิจัยอาวุโสของกองทัพเรือโซเวียต เธอเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน สิริอายุ 58 ปี[2][7]
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ แหล่งข่าวส่วนใหญ่ให้ชื่อเสียงกับเธอด้วยการฆ่าศัตรูจำนวน 309 คนตามคำกล่าวอ้างของเธอและจากทางการโซเวียต แต่นักประวัติศาสตร์สมัยใหม่เริ่มตั้งคำถามกับตัวเลขดังกล่าว โอเลก คามีนสกี นักประวัติศาสตร์ชาวรัสเซีย ได้ตั้งคำถามถึงการกระทำหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับเธอโดยการวิเคราะห์คำกล่าวอ้างที่ขัดแย้งกันของเธอและลำดับเวลาของเหตุการณ์ แหล่งข้อมูลอื่นระบุว่าการฆ่าศัตรูของเธออาจสูงขึ้นเนื่องจากต้องมีพยานยืนยันการสังหาร
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 Simonov & Chudinova 2017, p. 160.
- ↑ 2.0 2.1 Lockie, Alex. "Meet the world's deadliest female sniper who terrorized Hitler's Nazi army". Business Insider. สืบค้นเมื่อ 2019-10-20.
- ↑ Vinogradova, Lyuba (2017). Avenging Angels: Young Women of the Soviet Union's WWII Sniper Corps (ภาษาอังกฤษ). Quercus. pp. 37–47. ISBN 9781681442839.
- ↑ Lady Sniper, TIME Magazine (Monday, 28 September 1942)
- ↑ Farey, Pat; Spicer, Mark (2009-05-05). Sniping: An Illustrated History (ภาษาอังกฤษ). Voyageur Press. p. 129. ISBN 9780760337172.
- ↑ 6.0 6.1 "Lady Death: Lyudmila Pavlichenko, the Greatest Female Sniper of All Time". mentalfloss.com (ภาษาอังกฤษ). 2018-12-06. สืบค้นเมื่อ 2019-10-20.
- ↑ Linge, Mary Kay (2018-05-12). "Soviet 'girl sniper' had 309 kills — and a best friend in the White House". New York Post (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2019-10-20.
บรรณานุกรม
[แก้]- Simonov, Andrey; Chudinova, Svetlana (2017). Женщины - Герои Советского Союза и России. Moscow: Russian Knights Foundation, Museum of Technology V. Zadorozhny. ISBN 9785990960701. OCLC 1019634607.
- Pavlichenko, Lyudmila; Pavlichenko (2018). Lady Death: The Memoirs of Stalin's Sniper. Greenhill Books, London. ISBN 9785990960701.