ข้ามไปเนื้อหา

ยุพ ไฮน์เคิส

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก ยุพพ์ ไฮน์เคส)
ยุพ ไฮน์เคิส
ไฮน์เคิสขณะคุมให้กับไบเอิร์นมิวนิกใน ค.ศ. 2013
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม โยเซ็ฟ ไฮน์เคิส
วันเกิด (1945-05-09) 9 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 (79 ปี)
สถานที่เกิด เมินเชนกลัดบัค ประเทศเยอรมนี
ส่วนสูง 1.80 เมตร (5 ฟุต 11 นิ้ว)
ตำแหน่ง กองหน้า
สโมสรเยาวชน
1956–1962 Grün-Weiß Holt
1962–1964 โบรุสซีอาเมินเชินกลัทบัค
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
1963–1967 โบรุสซีอาเมินเชินกลัทบัค 82 (50)
1967–1970 ฮันโนเฟอร์ 96 86 (25)
1970–1978 โบรุสซีอาเมินเชินกลัทบัค 226 (168)
รวม 394 (243)
ทีมชาติ
1966–1967 เยอรมนีตะวันตก อายุไม่เกิน 23 ปี 3 (1)
1967–1976 เยอรมนีตะวันตก 39 (14)
จัดการทีม
1979 โบรุสซีอาเมินเชินกลัทบัค (ผู้ช่วย)
1979–1987 โบรุสซีอาเมินเชินกลัทบัค
1987–1991 บาเยิร์นมิวนิก
1992–1994 อัตเลติกเดบิลบาโอ
1994–1995 ไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟูร์ท
1995–1997 เตเนรีเฟ
1997–1998 เรอัลมาดริด
1999–2000 ไบฟีกา
2001–2003 อัตเลติกเดบิลบาโอ
2003–2004 ชัลเคอ 04
2006–2007 โบรุสซีอาเมินเชินกลัทบัค
2009 บาเยิร์นมิวนิก (รักษาการ)
2009–2011 ไบเออร์เลเวอร์คูเซิน
2011–2013 บาเยิร์นมิวนิก
2017–2018 บาเยิร์นมิวนิก
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น

โยเซ็ฟ "ยุพ" ไฮน์เคิส (เยอรมัน: Josef "Jupp" Heynckes; เกิดเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 1945) เป็นอดีตนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ไฮน์เคิสเป็นผู้จัดการทีมคนที่สี่ ที่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ได้ถึงสองสโมสรหลังจากเขาพา สโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด เป็นแชมป์ฤดูกาล 1997–98 และสโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิก ฤดูกาล 2012–13

ประวัติ

[แก้]

ยุพ ไฮน์เคิส เกิดเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 ในเมือง เมินเชนกลัดบัค ประเทศเยอรมนี โดยไฮน์เคิสเป็นลูกคนเดียวของ คุณพ่อและคุณแม่ของเขา โดยคุณพ่อมีอาชีพเป็น กัปตันเรือ ในท่าเรือแห่งหนึ่งในเขตย่านเมืองเมินเชนกลัดบัค และคุณแม่ของไฮน์เคิสทำอาชีพเป็นแม่ครัวของโรงแรมมฟริสสตาร์ออลไดรฟ์ ในเมือง เมินเชนกลัดบัค แล้วในปี ค.ศ. 1975 ไฮน์เคิสได้แต่งงานกับหญิงสาวคนหนึ่งในเมืองมิวนิก โดยมีลูกสองคน

นักฟุตบอลมืออาชีพ

[แก้]

ไฮน์เคิสเริ่มสนใจฟุตบอลตั้งแต่เด็ก โดยเขาเริ่มเป็นนักฟุตบอลตั้งแต่วัย 18 ปี ในปี ค.ศ. 1963 ไฮน์เคิสได้ทำสัญญาฉบับแรกของเขากับสโมสรฟุตบอลโบรุสซีอาเมินเชินกลัทบัคในบุนเดิสลีกา (ปัจจุบัน) โดยเขาได้เล่นในตำแหน่งกองหน้า ซึ่งไฮน์เคิสจะถูกวางไว้หน้าเป้าคนเดียว ไฮน์เคิสมีความคล่องตัวสูงและตัวสูงไม่เกิน 185 ซ.ม. จึงทำให้หลบหลีกนักฟุตบอลในตำแหน่งกองหลังของทีมอื่นได้อย่างง่ายดาย แล้วในปี ค.ศ. 1967 ฮันโนเฟอร์ 96 ได้ขอยืมตัวไฮน์เคิสไปเล่นเป็นเวลา 3 ปี แล้วในปี ค.ศ. 1970 ไฮน์เคิสได้กับมาอยุ่กับเมินเชนกลัดบัค โดยการกลับมาในรอบนี้ ไฮน์เคิสได้ถูกวางตำแหน่งไว้หน้าเป้าคนเดียวเหมือนเดิม แต่คราวผู้จัดการทีมของเมินเชนกลัดบัคได้ปรับแผนใหม่โดยจะมีปีกซ้ายและปีกขวามาช่วยส่งบอลให้ไฮน์เคิส โดยไฮน์เคิสได้เป็นฮีโรของเมินเชนกลัดบัคหลายรอบ ในช่วง 1971-1977 เมินเชนกลัดบัคได้แชมป์ บุนเดิสลีกา 4 สมัย ยูฟ่าคัพ 3 สมัย และ เดเอ็ฟเบ-โพคาล 1 สมัย โดยเขาได้ลงเล่นให้กับเมินเชนกลัดบัคทั้งหมด 400 นัด ทำประตูไปได้ 292 ประตู ปัจจุบัน ไฮน์เคิสยังเป็นมือ 3 ของนักเตะในเมินเชนกลัดบัคทั้งหมดตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรขึ้นมาที่ยิงประตูได้เยอะสุด แล้วในปี ค.ศ. 1978 ไฮน์เคิสในวัย 33 ปี ประกาศตนแขวนสตั๊ดไว้กับเมินเชนกลัดบัค โดยได้ออกมากล่าวก่อนที่จะเลิกเล่นเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพไว้ว่า ชีวิตของผมในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพคงมาหยุดไว้แค่นี้ เนื่องจากผมมีครอบครัวแล้ว ผมต้องดูและลูกและภรรยาและญาติ ๆ ของผม ผมทิ้งครอบครัวแล้วมาเลือกเล่นอาชีพนักฟุตบอลต่อก็คงไม่ได้ เพราะผมที่เป็นพ่อ ยังมีทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องทำในอนาคตข้างหน้า

การติดทีมชาติ

[แก้]

ไฮน์เคิสติดทีมชาติตั้งแต่วัย 22 ปี โดยเขาได้เล่นในฟุตบอลทีมชาติเยอรมนีในชุดตัวจริง โดยไฮน์เคิสเล่นให้กับทีมชาติเยอรมนีมาทั้งหมด 39 นัด ในปี ค.ศ. 1972 ทีมชาติเยอรมนีคว้าแชมป์ยูโรมาครองได้โดยชนะฟุตบอลทีมชาติสหภาพโซเวียต ไปได้ 3-0 และในปี ค.ศ. 1974 ในการแข่งขันฟุตบอลโลก ทีมชาติเยอรมนีชนะฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ไปได้ 2-1 โดยได้ไฮน์เคิสไม่ได้ทำประตูแต่มีส่วนช่วยในการส่งบอลให้เพื่อน โดยผลการติดทีมชาติทั้งหมดของไฮน์เคิส ลงเล่นทั้งหมด 66 นัด ทำประตูไปได้ 14 ประตู นัดสุดท้ายที่เขาได้ลงเล่นคือ ในปี ค.ศ. 1976 ที่เยอรมนีอุ่นเครื่องกับยูเครน โดยเยอรมนีชนะไป 4-2 ไฮน์เคิสได้ทำไป 2 ประตู

ผู้จัดการทีมฟุตบอล

[แก้]

โบรุสซีอาเมินเชินกลัทบัค

[แก้]

แล้วจากที่เขาได้เลิกเล่นฟุตบอลไปแล้วในปี ค.ศ. 1978 1 ปีให้หลังต่อมา ไฮน์เคิสได้กลับมาอยู่ในวงการฟุตบอลอีกครั้ง โดยเขาได้ออกมายืนยันกับทางสโมสรว่า เขากับภรรยาได้ตัดสินใจกันแล้วว่า เขากับภรรยาและลูกของเขาได้ย้ายบ้านมาอยู่ในเมืองเมินเชนกลัดบัค บ้านเก่าของไฮน์เคิส ภรรยาของเขาบอกไว้ว่า จะให้ไฮน์เคิสทำงานในวงการฟุตบอลต่อ เพื่อความสะดวกสบายของครอบครัวและความสุขของสามี แล้วหลังจากนั้นไฮน์เคิสก็ได้มาเป็นผู้จัดการทีมของโบรุสซีอาเมินเชินกลัทบัค โดยในปีแรก ไฮน์เคิสนำเมินเชนกลัดบัคจบอันดับ 5 ได้ไปเล่นยูโรปาลีกได้ แต่ก็ต้องตกรอบในโซนแบ่งกลุ่ม โดยตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 ถึง ปี ค.ศ. 1987 ไฮน์เคิสไม่เคยนำทีมเมินเชนกลัดบัคจบอันดับที่ต่ำกว่าที่ 6 โดยตลอด แล้วในปี ค.ศ. 1987 ไฮน์เคิสได้ขอลาออกแล้วไปคุมสโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิก

บาเยิร์นมิวนิก (ปี 1989-1991)

[แก้]

ในปี ค.ศ. 1989 ไฮน์เคิสนำทีมเสือใต้ บาเยิร์นมิวนิก คว้าแชมป์บุนเดิสลีกา 2 สมัย และแชมป์เดเอฟอัลซูเปอร์คัพ 1 สมัย แล้วในปี ค.ศ. 1991 ไฮน์เคิสได้ไปคุมอัตเลติกเดบิลบาโอในลาลิกา ประเทศสเปน ต่อ

อัตเลติกเดบิลบาโอ

[แก้]

ในปี ค.ศ. 1992 ไฮน์เคิสได้มาคุมอัตเลติกเดบิลบาโอ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขามาคุทีมในลาลิกา ประเทศสเปน โดยในปีแรกที่เขาเข้ามาคุม ไฮน์เคิสนำอัตเลติกเดบิลบาโอจบในอันดับที่ 6 แล้วในปีทีสองในการคุมทีม ไฮน์เคิสนำอัตเลติกเดบิลบาโอจบในอันดับที่ 5 แล้วได้พาทีมอัตเลติกเดบิลบาโอไปเล่นในยูฟ่าคัพ เป็นครั้งที่ 12 ของสโมสร แต่เขาก็ขอลาออก หลังจากนั้นไปเขาก็ไปคุมไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟูร์ท สโมสรในประเทศบ้านเกิดของตน

เรอัลมาดริด

[แก้]

ในปี ค.ศ. 1997 ไฮน์เคิสได้ถูกเชิญตัวจากสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด มานั่งในตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่ โดยไฮน์เคิสเริ่มทำผลงานในการคุมทีมของเขาดีขึ้น โดยนำราชันชุดขาวได้แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ได้ในปี ค.ศ. 1997 โดยชนะสโมสรฟุตบอลยูเวนตุสจากประเทศอิตาลี ไปได้ 1-0 และได้แชมป์ซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา โดยชนะสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา คู่แข่งประจำประเทศไป 5-3

ชัลเก 04

[แก้]

ในปี ค.ศ. 2003 ไฮน์เคิสได้ย้ายมาคุมชัลเก 04 ในบุนเดิสลีกา ประเทศเยอรมนี โดยครั้งนี้ไฮน์เคิสนำทีมชัลเก 04 ได้แชมป์ยูฟ่าอินเตอร์โตโตคัพ 2 สมัยติดกัน โดยในปี ค.ศ. 2003 ชนะเอสเฟาพาชิงจากประเทศออสเตรีย ไปได้ 2-0 และในปี ค.ศ. 2004 ชนะสโลวาน ลิเบอร์เรซ จากสาธารณรัฐเช็ก ไปได้ 3-1

บาเยิร์นมิวนิก (ปี 2011-2013)

[แก้]
ถ้วยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปี 2013

ไฮน์เคิสได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมบาเยิร์นมิวนิกอีกครั้ง โดยในฤดูกาล 2011-12 บาเยิร์นมิวนิกปิดฤดูกาลด้วยการเป็นรองแชมป์ใน 3 รายการใหญ่ ได้แก่ จบอันดับ 2 ในบุนเดสลีกา และแพ้ในนัดชิงของเดเอ็ฟเบ-โพคาล ทั้งสองรายการต่อโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ ของ เยือร์เกิน คล็อพ และยังแพ้ในนัดชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกอย่างน่าผิดหวังต่อเชลซีอีกด้วย[1] โดยในวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2012 ไฮน์เคิสได้ทำสถิติคุมทีมในบุนเดสลีกาครบ 600 นัด ในฤดูกาลถัดไปบาเยิร์นมิวนิกจบฤดูกาลด้วยการชนะเลิศทั้งสามแชมป์ใหญ่[2] โดยได้อันดับ 1 ในบุนเดสลีกาพร้อมสร้างสถิติมากมายเช่น ได้แต้มมากที่สุด แต้มทิ้งห่างอันดับ 2 มากที่สุด และได้รับการการันตีแชมป์เร็วที่สุด รวมถึงยังแพ้ในลีกเพียง 1 นัด ในเวทียุโรปบาเยิร์นมิวนิกเอาชนะ บาร์เซโลน่าในรอบรองชนะเลิศและชนะโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ 2-1 ในนัดชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รวมถึงชนะเลิศรายการบอลถ้วยเดเอ็ฟเบ-โพคาล ตำนานสโมสร ฟรันทซ์ เบ็คเคินเบาเออร์ ได้ยกย่องบาเยิร์นมิวนิกในฤดูกาล 2012-13 ว่าเป็น "ทีมบาเยิร์นที่ดีที่สุด"

ไฮน์เคิสได้ประกาศว่าตนจะไม่คุมทีมต่อไปในฤดูกาล 2013-2014 และสโมสรได้แต่งตั้งแป็ป กวาร์ดิออลา มาทำหน้าที่แทน

เกียรติประวัติ

[แก้]

นักฟุตบอล

[แก้]

ระดับสโมสร

[แก้]

ระดับทีมชาติ

[แก้]

ผู้จัดการทีม

[แก้]

บาเยิร์นมิวนิก

[แก้]

เรอัลมาดริด

[แก้]

ชาลาเก 04

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 "Chelsea 1-1 Bayern Munich (aet, 4-3 pens)". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2022-11-13.
  2. https://fcbayern.com/en/news/2020/02/2013-the-most-successful-year-in-the-history-of-fcb

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]