พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจีน
中国国家博物馆 | |
ก่อตั้ง | 2003 |
---|---|
ที่ตั้ง | ปักกิ่ง |
ประเภท | พิพิธภัณฑ์ศิลปะ, พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ |
ผลงาน | ศิลปะจีน |
ขนาดผลงาน | 1.3 ล้าน |
จำนวนผู้เยี่ยมชม | 2,377,600 (2021)[1] |
ผู้อำนวยการ | หวัง ชุนฟา[2] |
เจ้าของ | กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว |
ขนส่งมวลชน | 1 เทียนอันเหมินตะวันออก |
เว็บไซต์ | en |
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจีน (จีน: 中国国家博物馆; พินอิน: Zhōngguó guójiā bówùguǎn) เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะและประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจัตุรัสเทียนอันเหมิน ใจกลางกรุงปักกิ่ง มีพื้นที่อาคารทั้งหมดประมาณ 200,000 ตารางเมตร มีผลงานมากกว่า 1.4 ล้านชิ้น และห้องนิทรรศการ 48 ห้อง เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีพื้นที่อาคารเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมจีนไว้มากที่สุด[3] และยังเป็นสถาบันสาธารณะระดับชาติชั้นนำที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว[4]
ประวัติศาตร์
[แก้]รูปแบบนิติบุคคลปัจจุบันของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 2003[5] โดยการควบรวมสองพิพิธภัณฑ์ที่เคยครอบครองอาคารเดียวกันมาตั้งแต่ ค.ศ. 1959 ได้แก่ พิพิธภัณฑ์การปฏิวัติจีน (ตั้งอยู่ทางปีกเหนือ) ซึ่งมีต้นกำเนิดจากสำนักงานพิพิธภัณฑ์การปฏิวัติแห่งชาติที่ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1950 เพื่อรักษามรดกของการปฏิวัติ ค.ศ. 1949 และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์จีนแห่งชาติ (ตั้งอยู่ทางปีกใต้) ซึ่งมีต้นกำเนิดจากทั้งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติปักกิ่งที่ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1949 และสำนักงานพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติที่ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1912 มีหน้าที่ในการปกป้องมรดกทางประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของจีน
ตัวอาคารแล้วเสร็จใน ค.ศ. 1959 ในฐานะหนึ่งในสิบมหาอาคารที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นส่วนเสริมที่สมบูรณ์แบบของมหาศาลาประชาชนซึ่งสร้างขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ตั้งอยู่บนพื้นที่ 6.5 เฮกตาร์ (16 เอเคอร์) มีความยาวด้านหน้า 313 เมตร (1,027 ฟุต) สูง 4 ชั้น รวมความสูง 40 เมตร (130 ฟุต) และมีความกว้าง 149 เมตร (489 ฟุต)[6] ส่วนหน้าของอาคารมีเสาสี่เหลี่ยมจำนวน 10 ต้น
ภายหลังการปรับปรุงครั้งใหญ่เป็นเวลาสี่ปี พิพิธภัณฑ์ได้เปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2011 พร้อมด้วยห้องนิทรรศการใหม่ 28 ห้อง ซึ่งเพิ่มพื้นที่จัดแสดงมากกว่าของเดิมสามเท่า และสิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดแสดงและจัดเก็บที่ทันสมัย มีพื้นที่จัดแสดงรวมเกือบ 200,000 ตารางเมตร (2.2 ล้านตารางฟุต)[7] การปรับปรุงดังกล่าวได้รับการออกแบบโดยบริษัท เกอร์คาน, มาร์ก แอนด์พาร์ตเนอส์ จำกัด จากประเทศเยอรมนี[8]
นิทรรศการ "เส้นทางสู่การฟื้นฟู" ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวปราศรัยถึงแนวคิดทางการเมือง "ฝันจีน" เป็นครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2012[9]: 56 ครึ่งแรกของนิทรรศการนี้แสดงให้เห็นภาพศตวรรษแห่งความอัปยศอดสูของจีน[9]: 56 ส่วนครึ่งหลังนั้นได้นำเสนอคุณธรรมของจีนในการเอาชนะความทุกข์ยาก การปฏิวัติคอมมิวนิสต์จีน และการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน[9]: 56-57 หลังจากการเยี่ยมชมนิทรรศการแล้ว สีได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า "การฟื้นฟูชาติจีนให้กลับมามีความเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งนั้นเป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ที่สุดของประชาชาติจีนในสมัยปัจจุบัน"[9]: 57
เนื่องจากการระบาดทั่วของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ปิดทำการตลอดปี ค.ศ. 2020 ส่งผลให้จำนวนผู้เข้าชมลดลงอย่างมากถึงร้อยละ 78 เหลือเพียง 1,600,000 คน อย่างไรก็ตามใน ค.ศ. 2021 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็ยังคงได้รับความนิยมเป็นอันดับสองในรายชื่อพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดรองจากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์[10]
นิทรรศการ
[แก้]พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจีนได้จัดนิทรรศการถาวรและชั่วคราวมากกว่า 10 รายการตลอดทั้งปี ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาของจีนในสมัยโบราณและสมัยใหม่เท่านั้น แต่ยังพยายามที่จะเป็นหน้าต่างแสดงอารยธรรมโลกอีกด้วย
- นิทรรศการถาวร
- จีนโบราณ
- ถนนสู่การปฏิวัติ
- ผลงานศิลปะคลาสสิกสมัยใหม่
- นิทรรศการเฉพาะเรื่องถาวร
- ศิลปะสำริดจีนโบราณ
- พระพุทธรูปศิลปะจีนโบราณ
- ศิลปะเครื่องลายครามจีนโบราณ
- ศิลปะหยกจีนโบราณ
- เหรียญจีนโบราณ
- ศิลปะประติมากรรมแอฟริกัน
- ราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง
- การออกแบบสถาปัตยกรรมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจีน
- ประวัติโดยย่อและความสำเร็จของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจีน
- นิทรรศการพิเศษ (เปิดเป็นครั้งคราว)
- ศิลปะเมโทรโพลิแทน
- ฟลอเรนซ์และยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา: นิทรรศการผลงานชิ้นเอก
คอลเลกชัน
[แก้]พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ครอบคลุมประวัติศาสตร์จีนตั้งแต่ยุคมนุษย์หยวนโมวเมื่อ 1.7 ล้านปีก่อนจนถึงปลายราชวงศ์ชิง (ราชวงศ์สุดท้ายในประวัติศาสตร์จีน) มีของสะสมถาวรกว่า 1,050,000 ชิ้น[11] ด้วยโบราณวัตถุล้ำค่าและหายากมากมายที่ไม่สามารถพบเจอได้ในพิพิธภัณฑ์แห่งใดในจีนหรือที่อื่น ๆ ในโลก
หนึ่งในสิ่งของที่สำคัญที่สุดในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจีน ได้แก่ "โฮ่วหมู่อู้ติ่ง" (后母戊鼎) สมัยราชวงศ์ชาง ซึ่งเป็นเครื่องสำริดโบราณที่มีน้ำหนักมากที่สุดในโลก หนักประมาณ 832.84 กิโลกรัม,[12] ซุนบรอนซ์ทรงสี่เหลี่ยมประดับด้วยหัวแกะสี่ตัวสมัยราชวงศ์ชาง,[12] กระทะน้ำสำริดขนาดใหญ่สมัยราชวงศ์โจวตะวันตก,[12] เหรียญสำริดเลี่ยมทองเป็นรูปเสือสมัยราชวงศ์ฉิน,[12] ชุดหยกฝังศพเย็บด้วยด้ายสีทองสมัยราชวงศ์ฮั่น,[12] และคอลเลกชันซันฉ่ายเคลือบสามสีสมัยราชวงศ์ถังและเซรามิกสมัยราชวงศ์ซ่ง[12]
นอกจากนี้ยังมีของสะสมเกี่ยวกับเหรียญที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงเหรียญ 15,000 เหรียญที่บริจาคโดยหลัว ปั๋วจ้าว (羅伯昭)[13]
พิพิธภัณฑ์มีนิทรรศการถาวรชื่อ ถนนสู่การปฏิวัติ (The Road to Rejuvenation) ซึ่งนำเสนอประวัติศาสตร์ล่าสุดของจีนตั้งแต่จุดเริ่มต้นของสงครามฝิ่นครั้งที่หนึ่ง โดยเน้นที่ประวัติศาสตร์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและความสำเร็จทางการเมืองของพรรค[14]
แกลเลอรี
[แก้]-
ชุดฝังศพหยกเย็บด้วยด้ายสีทองสมัยราชวงศ์ฮั่น
-
แจกันกระเบื้องเคลือบสีพาสเทลจากยุคเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง
-
แผ่นทองแดงสำหรับพิมพ์ธนบัตร แบบสายเดียวสมัยราชวงศ์หมิง
-
งานแกะสลักหินสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก มีภาพศาลาริมน้ำที่มองเห็นทะเลสาบที่เต็มไปด้วยปลา เต่า และนกน้ำ
-
บัตรสองส่วนสีบรอนซ์ (ไผจือ) พร้อมอักษรตังกุตสี่ตัว ฝังด้วยเงินสมัยเซี่ยตะวันตก
-
ภาชนะสำริดรูปนกฮูกจากสุสานของพระนางฟู่ ห่าว สมัยราชวงศ์ชาง
-
ปลายกระเบื้องมุงหลังคาสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก
-
ภาพสลักหินสลักภาพนักรบสมัยราชวงศ์เหลียงยุคหลัง
-
เครื่องรักสีแดงสมัยราชวงศ์ชิง
-
เครื่องปั้นดินเผาทาสีวัฒนธรรมหย่างเฉา ยุคหินใหม่ โดยมีภาพนกกระสาจับปลาและขวานหินด้านข้าง
-
ภาพสลักนูนต่ำรูปนักปราชญ์สองคนและสาวใช้สองคนสมัยราชวงศ์ทางตอนใต้
-
แผ่นทองสัมฤทธิ์สำหรับพิมพ์โฆษณาร้านเข็มตระกูลหลิวที่เมืองจี่หนาน ราชวงศ์ซ่ง เป็นตัวอย่างโฆษณาเชิงพาณิชย์ยุคแรกสุดที่ยังหลงเหลืออยู่
-
ปืนใหญ่สำริดจารึกปีจื้อหยวนที่ 3 (ค.ศ. 1332) สมัยราชวงศ์หยวน
-
อ่างทองแดงขนาดใหญ่สมัยราชวงศ์โจวตะวันตก
-
ลี่กุ้ย ภาชนะสำริดสมัยราชวงศ์โจวยุคแรกสุดที่ถูกค้นพบ และเป็นหลักฐานทางภาพเพียงชิ้นเดียวที่แสดงถึงวันที่ราชวงศ์ชางพิชิตราชวงศ์โจว
-
โฮ่วหมู่อู้ติ่ง (后母戊鼎) งานสำริดชิ้นใหญ่ที่สุดในโลกที่ค้นพบ ณ ปัจจุบัน สร้างขึ้นในช่วงปลายราชวงศ์ชาง ที่เมืองอันหยาง
-
เครื่องปั้นดินเผารูปนกอินทรีวัฒนธรรมหย่างเฉา ยุคหินใหม่
-
สำเนาภาพเหมือนของเหลียง ในสมัยราชวงศ์ซ่ง มีอายุตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 6 เป็นภาพทูตจากรัฐย่อยต่าง ๆ
นาฬิกานับถอยหลัง
[แก้]ตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1990 มีการติดตั้งนาฬิกานับถอยหลังที่เกี่ยวข้องกับโอกาสสำคัญระดับชาติ เช่น การโอนอำนาจอธิปไตยฮ่องกงใน ค.ศ. 1997 การโอนอำนาจอธิปไตยมาเก๊าใน ค.ศ. 1999 การเริ่มต้นโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 และการเปิดงานเอ็กซ์โป 2010 ที่เซี่ยงไฮ้
ดูเพิ่ม
[แก้]- รายชื่อพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีผู้เข้าชมมากที่สุด
- รายชื่อพิพิธภัณฑสถานในประเทศจีน
- พิพิธภัณฑ์พระราชวัง (พระราชวังต้องห้าม)
- กระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "National Museum Annual Report Information System". NCHA. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-10-23. สืบค้นเมื่อ 2022-10-25.
- ↑ "Wang Chunfa became the director of NMC". Wangyi News. 2018-01-04. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-01-05. สืบค้นเมื่อ 2018-01-05.
- ↑ "中国国家博物馆正式开馆 藏品数量120余万件-中新网". www.chinanews.com.cn. สืบค้นเมื่อ 2024-03-31.
- ↑ "中国国家博物馆2023年度公开招聘工作人员公告 _中华人民共和国人力资源和社会保障部". www.mohrss.gov.cn. สืบค้นเมื่อ 2024-03-31.
- ↑ "Message from NCM Director (Wang Chunfa)". en.chnmuseum.cn. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 3, 2016. สืบค้นเมื่อ November 30, 2018.
- ↑ "The National Museum of Chinese History". www.china.org.cn. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-04-15. สืบค้นเมื่อ 2023-07-19.
- ↑ "China's National Museum to reopen on April 1". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-02-16. สืบค้นเมื่อ 2011-02-24.
- ↑ "ZEIT ONLINE | Lesen Sie zeit.de mit Werbung oder im PUR-Abo. Sie haben die Wahl". www.zeit.de. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-01-28. สืบค้นเมื่อ 2023-07-19.
- ↑ 9.0 9.1 9.2 9.3 Roach, Stephen (2022). Accidental Conflict: America, China, and the Clash of False Narratives. Yale University Press. doi:10.2307/j.ctv2z0vv2v. ISBN 978-0-300-26901-7. JSTOR j.ctv2z0vv2v. S2CID 252800309.
- ↑ "The Art Newspaper", List of most-visited art museums, 30 March 2021
- ↑ "National Museum gets major makeover". China Economic Review. 2011-02-21. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-08-16. สืบค้นเมื่อ 2012-06-03.
- ↑ 12.0 12.1 12.2 12.3 12.4 12.5 "The National Museum of China". China Culture. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-05-27.
- ↑ Luo Bozhao qianbixue wenji by Ma Feihai, Zhou Xiang, Luo Jiong, Luo Bozhao, review by Helen Wang The Numismatic Chronicle, Vol. 165 (2005), pp. 413-414
- ↑ Varutti, Marzia (20 February 2014). Museums in China : the politics of representation after Mao. Woodbridge. p. 115. ISBN 9781782042105. OCLC 869551750.