ข้ามไปเนื้อหา

พระยาสุรวงศ์วิวัฒน์ (เตี้ยม บุนนาค)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

พระยาสุรวงศ์วิวัฒน์
(เตี้ยม บุนนาค)

เกิดเตี้ยม
20 ธันวาคม พ.ศ. 2422
บ้านตลาดแขก เมืองธนบุรี ประเทศสยาม
เสียชีวิต25 มิถุนายน พ.ศ. 2505 (82 ปี)
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนคร ประเทศไทย
ศิษย์เก่า
อาชีพ
ปีปฏิบัติงานพ.ศ. 2441 – พ.ศ. 2505
คู่สมรสหม่อมหลวงวงศ์ ฉัตรกุล
บุตร5 คน
บิดามารดา
ครอบครัวบุนนาค
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง
รับใช้ ไทย
สังกัด กองทัพบกไทย
ประจำการพ.ศ. 2441 – พ.ศ. 2470
ยศ พลตรี
บังคับบัญชา

พลตรี พระยาสุรวงศ์วิวัฒน์ นามเดิม เตี้ยม บุนนาค (20 ธันวาคม พ.ศ. 2422 – 25 มิถุนายน พ.ศ. 2505) เป็นนายทหาร ขุนนางและข้าราชการชาวไทย เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ ๆ เช่น สมุหพระราชมณเฑียร, ปลัดกรมเสนาธิการทหารบก, ผู้ช่วยทูตทหารบกประจำประเทศเยอรมนี, ออสเตรีย, รัสเซีย, สวีเดน, นอร์เวย์, เดนมาร์ก, เนเธอร์แลนด์, เบลเยียม และอิตาลี เป็นบิดาของวรันดับ ฉัตรกุล ณ อยุธยา อดีตนางกำนัลในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี

ประวัติ

[แก้]

ชีวิตส่วนตัว

[แก้]

พลตรี พระยาสุรวงศ์วิวัฒน์ (เตี้ยม บุนนาค)[1] เกิดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2422 ที่บ้านตลาดแขก เมืองธนบุรี เป็นบุตรคนที่ 3 ของพลโท เจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ (โต บุนนาค) กับท่านผู้หญิงตลับ สุรวงศ์วัฒนศักดิ์ (สกุลเดิม โอสถานนท์) มีพี่น้องทั้งหมด 27 คน

เมื่ออายุได้ 3 ปี บิดาได้ถวายเป็นโอรสบุญธรรมในสมเด็จเจ้าฟ้า ฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เนื่องด้วยในเวลานั้นพระองค์ยังไม่มีพระโอรสและพระธิดา จึงอยู่ที่วังบูรพาภิรมย์เรื่อยมาจนกระทั่งไปศึกษาวิชาการที่ต่างประเทศ เมื่ออายุได้ 13 ปี

พลตรี พระยาสุรวงศ์วิวัฒน์ (เตี้ยม บุนนาค) สมรสกับหม่อมหลวงวงศ์ ฉัตรกุล ธิดาคนใหญ่ของจอมพล เจ้าพระยาบดินทรเดชานุชิต (หม่อมราชวงศ์อรุณ ฉัตรกุล) กับท่านผู้หญิงวร บดินทรเดชานุชิต มีบุตรธิดารวม 5 คนคือ

  1. ศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ท่านผู้หญิงตวันสุรวงศ์ บุนนาค
  2. วรันดับ ฉัตรกุล ณ อยุธยา
  3. นาวาโท ตัปนวงศ์ บุนนาค
  4. ต่อพงศ์ภัสสร์ บุนนาค
  5. ภาวาส บุนนาค

การศึกษา

[แก้]

พลตรี พระยาสุรวงศ์วิวัฒน์ ได้เข้าเรียนในโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบเป็นปฐม พอสอบได้ประโยคหนึ่ง และเจริญวัยพอที่จะออกไปศึกษา ณ ต่างประเทศได้แล้ว สมเด็จเจ้าฟ้า ฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช จึงโปรดส่งไปประเทศอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ. 2435 เข้าเรีบนวิชาสามัญที่โรงเรียนมาลเวิร์น เมืองวุร์สเตอร์เชอร์ จนจบหลักสูตร แล้วเข้าศึกษาต่อ เป็นนักเรียนนายร้อยทหารบกที่ โรงเรียนนายร้อยทหารบกแซนด์เฮิสต์ เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2441 ถึงเดือนธันวาคม สอบไล่ได้ ได้รับยศเป็นนายร้อยตรี ประเภทนายทหารนอกกอง สังกัดกองร้อยที่ 2 แห่งกรมทหารแมนเชสเตอร์ที่อัลเดอร์ช็อต แต่ยังศึกษาต่อไปจนถึงปี พ.ศ. 2444 สมเด็จเจ้าฟ้า ฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เมื่อทรงยังดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เสด็จออกไปทรงศึกษาวิชาการทหาร ณ ประเทศเยอรมนี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ไปเป็นราชองครักษ์ประจำพระองค์สมเด็จเจ้าฟ้าฯ พระองค์นั้น[1]

การทำงาน

[แก้]

ราชการทหาร

[แก้]

พลตรี พระยาสุรวงศ์วิวัฒน์ เริ่มเข้ารับราชการในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2441 เป็นนักเรียนนายร้อยทหารบกออกไปศึกษาวิชาการทหาร ณ ประเทศอังกฤษ เป็นนายทหารสัญญาบัตรครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2442 แต่ยังคงศึกษาอยู่ต่อไปจนถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2444 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปเป็นราชองครักษ์ประจำพระองค์สมเด็จเจ้าฟ้า ฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ที่ประเทศเยอรมนี จนถึงปี พ.ศ. 2446 จึงเดินทางกลับประเทศไทย รับราชการเป็นหัวหน้าแผนก 2 กรมเสนาธิการทหารบก ดำรงตำแนห่งสำคัญ ๆ เช่น

  • พ.ศ. 2449 – ปลัดกรมบัญชาการมณฑลทหารบก
  • เมษายน พ.ศ. 2450 – เสนาธิการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ แต่ยังคงรั้งตำแหน่งปลัดกรมบัญชามณฑลทหารบก อยู่ด้วย
  • มีนาคม พ.ศ. 2451 – ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3
  • มีนาคม พ.ศ. 2452 – ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 2
  • พ.ศ. 2453 – ผู้ช่วยทูตทหารบก สังกัดกรมเสนาธิการทหารบก ประจำประเทศเยอรมนี ออสเตรีย รัสเซีย สวีเดน นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม และอิตาลี ประจำที่กรุงเบอร์ลิน
  • พ.ศ. 2456 – ผู้ช่วยจเรทหารราบ ประจำกรมจเรทหารบก และเป็นนายทหารคนสนิทของจเรทหารบก
  • 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2459 – ผู้ช่วยสมุหราชองครักษ์ แต่ยังสังกัดกรมจเรทหารบก จนถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2463 ถึงย้ายประจำที่กรมราชองครักษ์[2]
  • 23 ธันวาคม พ.ศ. 2468 – ปลัดกรมเสนาธิการทหารบก[3]

และตำแหน่งสุดท้ายในราชการ คือ ปลัดกรมเสนาธิการทหารบก จนถึงสิ้นปี พ.ศ. 2470 จึงโอนมารับราชการในกระทรวงวัง[1]

ราชการในวัง

[แก้]

ต่อมา พลตรี พระยาสุรวงศ์วิวัฒน์ โอนมารับราชการที่กระทรวงวัง ในตำแหน่งเจ้ากรม กรมวัง ในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2471[4] แล้วทำการแทนสมุหพระราชมณเฑียรด้วยอีกตำแหน่งหนึ่งในปี พ.ศ. 2472[5]

วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2473 ย้ายจากตำแหน่งเจ้ากรมวังของสมเด็จพระบรมราชินี มาเป็นสมุหพระราชมณเฑียร[6] และดำรงตำแหน่งนี้ต่อมาจนออกรับบำนาญเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2478 ในคราวการปรับปรุงกระทรวงวังเป็นสำนักพระราชวัง

ถึงปี พ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กลับมาดำรงตำแหน่งสมุหพระราชมณเฑียร ในคณะกรรมการพระราชสำนักอีกครั้งหนึ่ง[7] ต่อมาจึงกราบบังคมทูลขอลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2499 แต่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อยู่ในตำแหน่งไปก่อน จึงอยู่ในตำแหน่งสมุหพระราชมณเฑียรจนตลอดชีวิต[1]

ราชการพิเศษ

[แก้]

ระหว่างที่พระยาสุรวงศ์วิวัฒน์ เป็นเจ้ากรมวังนั้น ได้ตามเสด็จประพาสสิงคโปร์ ชวา และบาหลีคราวหนึ่ง ในเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2472 ต่อมาเสด็จพระราชดำเนินประพาสอินโดจีนก็ได้ตามเสด็จอีกครั้งหนึ่ง เมื่อต้นปี พ.ศ. 2473 คราวนี้ได้ประสพอุปัทวเหตุรถยนต์คว่ำที่เมืองกำปงธม ระหว่างทางเสด็จพระราชดำเนินจากไซ่ง่อนไปเสียมราฐ แต่ไม่เป็นอันตราย[1]

และระหว่างที่ดำรงตำแหน่งสมุหพระราชมณเฑียร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระยายืนชิงช้าในการพระราชพิธีตรียัมปวายเมื่อปี พ.ศ. 2475 กับเป็นพระยาแรกนาในการพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในปีต่อมา นับเป็นการณ์พิเศษ เพราะน้อยคนนักที่จะได้เป็นทั้งพระยายืนชิงช้าและพระยาแรกนา[1]

พระยาสุรวงศ์วิวัฒน์ ดำรงตำแหน่งในราชการพิเศษ เช่น

ถึงแก่อนิจกรรม

[แก้]

พลตรี พระยาสุรวงศ์วิวัฒน์ (เตี้ยม บุนนาค) ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2505 เวลา 11.30 น. ด้วยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ สิริอายุ 82 ปี 187 วัน มีพิธีพระราชทานเพลิงศพที่ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส[1]

เกียรติยศ

[แก้]

ยศทหาร

[แก้]
  • 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2442 – เป็นร้อยตรี[10]
  • 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2446 – เป็นร้อยโท[11]
  • 23 ตุลาคม พ.ศ. 2447 – เป็นร้อยเอก[12]
  • 21 กันยายน พ.ศ. 2449 – เป็นพันตรี[13]
  • 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2452 – เป็นพันโท[14]
  • 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2459 – เป็นพันเอก[15]
  • 24 เมษายน พ.ศ. 2463 – เป็นพลตรี[16]

ยศในพระราชสำนัก

[แก้]
  • 4 เมษายน พ.ศ. 2471 – เป็นมหาเสวกตรี[17]

บรรดาศักดิ์

[แก้]
  • 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2447 – เป็นหลวงจัตุรงควิไชย
  • 6 มกราคม พ.ศ. 2453 – เป็นพระทรงสุรเดช ถือศักดินา 1000[18]
  • 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2459 – เป็นพระยาสุรวงศ์วิวัฒน์ ถือศักดินา 1500[19]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

[แก้]

พลตรี พระยาสุรวงศ์วิวัฒน์ (เตี้ยม บุนนาค) ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งไทยและต่างประเทศ ดังนี้[1]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย

[แก้]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ

[แก้]

หมายเหตุ

[แก้]
  1. ในฐานะเสนาธิการ
  2. ในฐานะผู้บังคับการ
  3. ในฐานะผู้บังคับการ

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 1.6 1.7 1.8 พระคลัง (หน), เจ้าพระยา (2505). บทนิพนธ์ของพระยาพระคลัง (หน) ตีพิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พลตรี พระยาสุรวงศ์วิวัฒน์ (เตี้ยม บุนนาค) ม.ว.ม., ป.ช, ท.จ.ว. ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พุทธศักราช 2505. โรงเรียนช่างวุฑฒิศึกษา (แผนกการพิมพ์).
  2. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความกระทรวงกลาโหม เรื่อง ตั้งผู้ช่วยสมุหราชองครักษ์และตั้งราชองครักษ์เวร, เล่ม ๓๓ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๕๓๙, ๔ มิถุนายน ๒๔๕๙
  3. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความกระทรวงกลาโหม เรื่อง เลื่อนและย้ายนายทหารรับราชการ, เล่ม ๔๒ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๙๘๘, ๒๗ ธันวาคม ๒๔๖๘
  4. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกระทรวงวัง เรื่อง ปลดและแต่งตั้งข้าราชการ, เล่ม ๔๕ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๑๖, ๑ เมษายน ๒๔๗๑
  5. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกระทรวงวัง เรื่อง ปลดและบรรจุข้าราชการ, เล่ม ๔๖ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๖๘๔, ๒ มิถุนายน ๒๔๗๒
  6. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกระทรวงวัง เรื่อง เลื่อน ย้าย และบรรจุข้าราชการ, เล่ม ๔๗ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๑๕๓๑, ๒๗ กรกฎาคม ๒๔๗๓
  7. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งสมุหพระราชมณเฑียร ในคณะกรรมการราชสำนัก, เล่ม ๖๓ ตอนที่ ๓๗ ง หน้า ๗๐๓, ๔ มิถุนายน ๒๔๘๙
  8. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความกรมยุทธนาธิการ, เล่ม ๒๕ ตอนที่ ๕๑ หน้า ๑๔๗๔, ๒๑ มีนาคม ๑๒๗
  9. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ แต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา, เล่ม ๖๔ ตอนที่ ๕๖ ก ฉบับพิเศษ หน้า ๑๕, ๒๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๐
  10. ราชกิจจานุเบกษา, ส่งสัญญาบัตรทหารไปพระราชทาน, เล่ม ๑๖ ตอนที่ ๓๖ หน้า ๕๑๑, ๒ ธันวาคม ๑๑๘
  11. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานสัญญาบัตรทหารบก, เล่ม ๒๐ ตอนที่ ๙ หน้า ๑๓๐, ๓๑ พฤษภาคม ๑๒๒
  12. ราชกิจจานุเบกษา, ส่งสัญญาบัตรทหารบกไปพระราชทาน, เล่ม ๒๑ ตอนที่ ๓๑ หน้า ๕๔๖, ๓๐ ตุลาคม ๑๒๓
  13. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานสัญญาบัตรทหารบก, เล่ม ๒๓ ตอนที่ ๒๗ หน้า ๖๗๘, ๓๐ กันยายน ๑๒๕
  14. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานสัญญาบัตรทหารบก, เล่ม ๒๖ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๑๙, ๑๖ พฤษภาคม ๑๒๘
  15. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานยศนายทหารบก, เล่ม ๓๓ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๔๘๕, ๔ มิถุนายน ๒๔๕๙
  16. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานยศทหารบก, เล่ม ๓๗ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๓๐, ๙ พฤษภาคม ๒๔๖๓
  17. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานยศ, เล่ม ๔๕ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๑๕๔, ๑๕ เมษายน ๒๔๗๑
  18. ราชกิจจานุเบกษา, ส่งสัญญาบัตรขุนนางไปพระราชทาน, เล่ม ๒๗ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๔๓๙, ๑๕ มกราคม ๑๒๙
  19. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักดิ์, เล่ม ๓๓ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๒๐๓, ๑๙ พฤศจิกายน ๒๔๕๙
  20. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๗๔ ตอนที่ ๖ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๓๖, ๑๒ มกราคม ๒๕๐๐
  21. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๖๙ ตอนที่ ๒๕ ง หน้า ๙๕๙, ๑๕ เมษายน ๒๔๙๕
  22. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จุลจอมเกล้าฝ่ายหน้า, เล่ม ๔๑ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๖๕๖, ๒๓ พฤศจิกายน ๒๔๖๗
  23. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานตราวชิรมาลา, เล่ม ๓๔ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๙๐๐, ๖ มกราคม ๒๔๖๐
  24. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญจักรมาลา, เล่ม ๓๑ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๔๐๔, ๑๐ มกราคม ๒๔๕๗
  25. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๓๖ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๓๒๐, ๒๕ มกราคม ๒๔๖๒
  26. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัจนาภรณ์ฝ่ายหน้า, เล่ม ๔๓ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๑๒๕, ๒๖ พฤศจิกายน ๒๔๖๙
  27. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลที่ ๘, เล่ม ๖๗ ตอนที่ ๓๙ ง หน้า ๓๐๔๐, ๑๘ กรกฎาคม ๒๔๙๓
  28. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๗๐ ตอนที่ ๔๘ ง หน้า ๒๖๐๘, ๒๑ กรกฎาคม ๒๔๙๖
  29. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญราชรุจิ, เล่ม ๓๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๑๒, ๘ พฤษภาคม ๒๔๖๔
  30. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๒๐ ตอนที่ ๑๐ หน้า ๑๕๔, ๗ มิถุนายน ๑๒๒
  31. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๒๐ ตอนที่ ๙ หน้า ๑๓๒, ๓๑ พฤษภาคม ๑๒๒
  32. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๓๐ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๘๖๘, ๘ มีนาคม ๒๔๕๖
  33. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๒๔ ตอนที่ ๑๓ หน้า ๓๓๒, ๓๐ มิถุนายน ๑๒๖
  34. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญต่างประเทศ, เล่ม ๒๔ ตอนที่ ๒๑ หน้า ๕๕๐, ๒๕ สิงหาคม ๑๒๖
  35. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์เฮนรีดีไลออนกรุงบรันซวิก, เล่ม ๒๗ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๕๖, ๑๐ เมษายน ๑๒๙
  36. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๒๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๗๕๙, ๑๖ กรกฎาคม ๑๓๐
  37. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๒๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๑๕๐๖, ๘ ตุลาคม ๑๓๐
  38. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญต่างประเทศ, เล่ม ๓๑ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๖๘๘, ๒๑ มิถุนายน ๒๔๕๗
  39. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๓๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๑๑๖, ๒๒ มกราคม ๒๔๖๔
  40. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับตราต่างประเทศ, เล่ม ๔๗ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๖๕, ๒๗ เมษายน ๒๔๗๓
  41. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับตราต่างประเทศ, เล่ม ๔๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๓๔๘, ๔ ตุลาคม ๒๔๗๔