ข้ามไปเนื้อหา

พนม นพพร

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พนม นพพร
เกิด27 พฤษภาคม พ.ศ. 2489
ชาตรี ชินวุฒิ
เสียชีวิต13 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 (77 ปี)
อาชีพนักร้อง นักแสดง ผู้สร้างภาพยนตร์ ผู้กำกับการแสดง
ปีที่แสดงพ.ศ. 2509 - 2552 (43 ปี)

พนม นพพร (27 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 - 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2566) เป็นนักร้องเพลงลูกทุ่งชายเสียงดี ใบหน้าหล่อเหลาชาวเมืองน้ำเค็ม ที่สามารถร้องเพลงได้ดีทั้งแนวสนุกสนานและแนวหวานซึ้ง โด่งดังอย่างมากจากเพลง "ลาสาวแม่กลอง" นอกจากนั้นก็ยังมีเพลงฮิตติดหูผู้ฟังอีกมากมายหลายเพลง พนม ยังมีฝีมือในด้านการแสดงภาพยนตร์อีกด้วย โดยได้ฝากฝีมือไว้ในด้านการแสดงภาพยนตร์หลายเรื่อง และเมื่อประสบการณ์ด้านการแสดงมีมากขึ้น เขาก็ยังหันมาเอาดีทางด้านการสร้างภาพยนตร์เองและก็ประสบความสำเร็จ พนม ยังหันมาจับธุรกิจจัดรายการโทรทัศน์ และตั้งค่ายเพลงซึ่งก็ประสบความสำเร็จและนับเป็นนักร้องเพลงลูกทุ่งที่ประสบความสำเร็จในแวดวงธุรกิจมากที่สุดอีกคนหนึ่งของเมืองไทย

ประวัติ

[แก้]

พนม นพพร มีชื่อจริงว่า ชาตรี ชินวุฒิ (ต่อมาเปลี่ยนเป็น ชมมงคล) มีชื่อเล่นว่า โอ เกิดเมื่อ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 เกิดที่ ต.หนองตำลึง อ.พานทอง จ.ชลบุรี ในครอบครัวที่มีฐานะไม่ลำบากนัก โดยครอบครัวมีที่นาไว้ให้เช่า และมีร้านกาแฟ มีพี่น้อง 4 คน โดยเป็นคนที่ 3 พนม นพพร จบการศึกษาชั้นมัธยม 6 (ระบบเก่า) จากโรงเรียนพัฒนศิลป์ ที่ จ. ชลบุรี และไม่ได้เรียนต่อเพราะว่าอยากเป็นนักร้องลูกทุ่ง แม้ว่าพ่อแม่อยากให้รับราชการมากกว่าก็ตาม

พนม นพพร มีอาการป่วยด้วยโรคเส้นเลือดสมองแตกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 และรักษาตัวมาตลอด ต่อมามีอาการลิ่มเลือดจากหัวใจหลุดขึ้นไปที่สมองทำให้ต้องผ่าตัดและกลับมาพักฟื้นที่บ้านเป็นเวลา 3 เดือน ก่อนจะเสียชีวิตโดยสงบ[1] เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 สิริอายุ 77ปี

สำหรับกำหนดการสวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศล ได้เริ่มจัดพิธีรดน้ำศพในวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 เวลา 16.00 น. ที่ ณ ศาลาการเปรียญ วัดบางรักน้อย ถนนบ้านไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี กำหนดการสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 4 คืน ตั้งแต่วันที่ 14 - 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 เวลา 18.00 น. และส่วนกำหนดการพิธีฌาปนกิจศพจะจัดขึ้นในวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

เข้าสู่วงการเพลง

[แก้]

พนม นพพร ชื่นชอบเพลงลูกทุ่งอย่างมาก โดยมีสาเหตุมาจากการชอบไปดูรำวงและฟังวิทยุ ซึ่งในสมัยนั้นก็นิยมเปิดเพลงลูกทุ่งอย่างมาก จากนั้นก็เริ่มหัดร้องโดยยึดแนวของนักร้องมากมายหลายคน อาทิ คำรณ สัมบุณณานนท์ , ชาย เมืองสิงห์, พร ภิรมย์, ไพรวัลย์ ลูกเพชร, ไวพจน์ เพชรสุพรรณ พนม นพพร เคยตระเวนประกวดตามเวทีประกวดมาบ้าง แต่ปรากฏว่าไม่เคยชนะเลย ในระหว่างนั้นก็เคยขึ้นไปร้องเชียร์รำวงอยู่บ้าง โดยได้ค่าร้องคืนละ 20 บาท เนื่องจากบ้านอยู่ใกล้กับคณะรำวงชื่อดังแห่งยุคนั้นอย่างเช่น วงดาวน้อย และดาวทอง

ต่อมาวงดนตรีของเทียนชัย สมยาประเสริฐ มาเปิดการแสดงแถว ต.บางพระ จ.ชลบุรี และมีการประกวดร้องเพลง ซึ่งพนม นพพร ก็ไปประกวด แต่ในงานนี้เป็นการประกวดแบบอัดเทป ไม่มีการประกาศผลทันที แต่จะประกาศผลทางสถานีวิทยุในภายหลัง ซึ่งก็ปรากฏว่า พนม นพพร เป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะ ประจวบกับช่วงนั้นเขาจบการศึกษาแล้ว ก็จึงเก็บเสื้อผ้าเข้ากรุงเทพ ฯ โดยมาอยู่ที่บ้านของเทียนชัย สมยาประเสิรฐ เพื่อฝึกร้องเพลงและร่วมวงดนตรี ซึ่งที่นี่เขาได้บันทึกเสียงเพลงแรกชื่อเพลง “ลมร้อน “ ผลงานการประพันธ์ของ อรุณ รุ่งรัตน์ ขณะที่พนม นพพร ใช้ชื่อว่า พนาวัลย์ ลูกเมืองชล ซึ่งเพลงนี้ก็ทำให้เขาเป็นที่รู้จักพอสมควร แต่อยู่ได้ไม่นานวงเทียนชัยก็แตก เนื่องจากลูกวงแยกย้ายกันไปตั้งวงเอง

เมื่อไม่มีที่ให้สังกัด พนม นพพร จึงต้องหาเลี้ยงชีพโดยการไปเป็นนักร้องสลับฉากให้กับคณะลิเก รวมทั้งวงดนตรีอื่นๆ ทั้งเพลิน พรมแดน , นิยม มารยาท และอื่นๆ ต่อมามีผู้ชวนไปสมัครอยู่กับวงจุฬารัตน์ของครูมงคล อมาตยกุล ปรากฏว่าครูไม่รับ โดยให้เหตุผลว่านักร้องเต็ม พนม นพพร จึงพยายามอีกด้วยการร้องเพลงให้ฟัง ครูก็ยังไม่รับ พนม นพพร จึงต้องเสนอตัวเป็นเด็กรถประจำวงและรับใช้นักร้องในวง แค่พอให้มีข้าวกินไปวันๆ ซึ่งครูก็ตอบตกลง

ระหว่างที่วงไปเดินสายแถวอีสาน เมื่อจะไปแสดงที่ อ.ชุมแพ นักร้องเริ่มป่วยกันมากขึ้น ทางวงเกรงว่าโปรแกรมการแสดงจะไม่พอ จึงนำเอาพนม นพพร ที่ต้องทำหน้าที่เก็บตั๋ว ไปร้องเพลงฆ่าเวลา โดยให้ร้องเปิดวงเป็นคนแรก ซึ่ง พนม นพพร ก็ได้ร้องเพลง อนิจจา ของโฆษิต นพคุณ ปรากฏว่าเป็นที่ถูกอกถูกใจของคนในวงและผู้ชมอย่างมาก แต่ชีวิตของเขาหลังจากนั้นก็ยังเหมือนเดิม เมื่อลงจากเวทีก็ยังต้องไปทำงานระดับล่างต่อไป แต่เขาก็ได้ร้องเพลงเปิดวงครั้งละ 1 เพลงมาตลอด

เมื่อกลับมากรุงเทพฯ วันหนึ่ง นักร้องดังๆในวงต้องไปอัดแผ่นเสียง ซึ่งพนม นพพร ก็ตามไปรับใช้ด้วย ปรากฏว่าวันนั้นราวตี 3 ก็อัดเสร็จแล้ว ซึ่งถือว่าเร็วมาก ครูมงคล อมาตยกุล เห็นว่าพอมีเวลาเหลือ จึงเรียกพนม นพพร มาลองซ้อมเพลง ตอนนั้น สรวง สันติ ได้แต่งเพลงให้พนม นพพร เพลงหนึ่ง เขาจึงนำเพลงนี้มาเสนอครูมงคล ปรากฏว่าซ้อมไปซ้อมมาครูเกิดชอบ จึงเขียนโน้ตให้นักดนตรี และบันทึกเสียงกันในตอนนั้นเลย เพลงนี้มีชื่อว่า “ สุขีเถิดที่รัก “ ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างมาก

จากนั้น เมื่อพนม นพพร มีอายุประมาณ 22 ปี ก็มีโอกาสบันทึกเสียงอีก 2 เพลง เพลงแรกชื่อ “ อัดอั้นตันใจ “ ของลพ บุรีรัตน์ (ตอนนั้นใช้ชื่อ กนก เกตุกาญจน์ ) ส่วนอีกเพลง พนม นพพร บอกว่าเขาไม่ค่อยชอบ เพราะไม่ใช่แนวของเขา แต่ครูมงคลแนะนำว่า ยิ่งไม่ชอบยิ่งต้องใช้ความพยายาม แต่เพลงนี้ก็เป็นเพลงที่สร้างชื่อให้พนม นพพร ขึ้นมาอยู่ในชั้นแนวหน้าของวงการลูกทุ่งไทย โดยเพลงนั้นก็คือเพลง “ ลาสาวแม่กลอง “ (แต่งโดย เลิศ วงศ์สาโรจน์ และขายสิทธ์ไปให้ เกษม สุวรรณเมนะ เป็นเจ้าของผู้เผยแพร่ เนื้อร้องและทำนอง เนื่องจากผู้แต่งไม่มีความรู้ในการบันทึกตัวโน๊ต)

เข้าสู่วงการภาพยนตร์

[แก้]

พนม นพพร อยู่กับวงจุฬารัตน์มานานหลายปี จนความนิยมที่มีต่อวงค่อยๆลดลงไป ครูมงคล อมาตยกุล จึงยุบวง ชินกร ไกรลาศ ซึ่งตอนนั้นก็ได้เข้าสู่วงการภาพยนตร์ไปก่อนแล้ว ก็ชวน พนม นพพร ไปเป็นตัวประกอบประเภทวิ่งผ่านหน้าฉาก ซึ่งเขาก็ร่วมแสดงอยู่หลายเรื่องจนได้พอมีบทบาทบ้างในภาพยนตร์เรื่อง “ ลมรักทะเลใต้ “ จากนั้นก็มีบทดีๆเรื่อยๆ

ขณะเดียวกัน เมื่อภาพยนตร์ดัง เพลงที่เขาร้องประกอบภาพยนตร์ก็ดังตามไปด้วย จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจตั้งวงดนตรีพนม นพพร ออกเดินสายแสดงดนตรีร่วมกับงานด้าน การแสดงไปด้วย วงพนม นพพร เดินสายอยู่ 5 – 6 ปี ก็ยุบวง

หลังจากที่พอมีประสบการณ์เกี่ยวกับวงการภาพยนตร์อยู่บ้าง พนม นพพร ซึ่งมั่นใจในความสามารถของตน ทั้งด้านการแสดง การเขียนบท การตัดต่อ ก็ลองสร้างภาพยนตร์เรื่องแรกดูบ้าง ชื่อ “ คมนักเลง “ เป็นภาพยนตร์แนวบู๊ มี สมบัติ เมทะนี และ อรัญญา นามวงศ์ นำแสดง แต่เมื่อสร้างเสร็จ ภาพยนตร์บู๊ตกยุคไปแล้ว พนม นพพร จึงล้มเหลวในงานสร้างภาพยนตร์ แต่เขาก็ไม่ท้อ เมื่อมีการสร้างต่อในเรื่องที่ 2 ชื่อ “ คุณพ่อขอโทษ “ ที่มี ไพโรจน์ สังวริบุตร และ ลลนา สุลาวัลย์ นำแสดง ปรากฏว่าเรื่องนี้พอประสบความสำเร็จอยู่บ้าง แต่พอถึงเรื่องที่ 3 คือ “ จับกัง “ ที่มี สรพงษ์ ชาตรี นำแสดง พนม นพพร ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ได้ทั้งเงินและกล่อง สมความตั้งใจ จากนั้นพนม นพพร ก็สร้างภาพยนตร์เพิ่มอีก 2 – 3 เรื่อง

บริษัท นพพร โปรโมชั่น

[แก้]

หลังประสบความสำเร็จในแวดวงภาพยนตร์ พนม นพพร ก็หันมาจับธุรกิจโทรทัศน์โดยการเปิดบริษัท นพพร โปรโมชั่น เพื่อซื้อรายการโทรทัศน์เพื่อนำมาให้เช่าเวลาเปิดเพลงของค่ายต่างๆ และเรื่องนี้ก็เป็นสาเหตุให้เขาต้องเปิดค่ายเพลง เอ ไอเดีย และ นพพร ซิลเวอร์โกลด์ ตามมา โดยปัจจุบัน นพพร ซิลเวอร์โกลด์ มีนักร้องอยู่ในสังกัดกว่า 20 คน เช่น อัศวิน สีทอง , สาลี่ ขนิษฐา , แมงปอ ชลธิชา , อร อรดี , ลูกปัด พิมพ์ชนก และอื่นๆ นอกจากนี้ยังได้ผลิตละครโทรทัศน์ โดยมีผลงานออกอากาศทาง ช่อง 7 สี

ผลงานเพลงดัง

[แก้]
  • ฮักสาวขอนแก่น (เกษม สุวรรณเมนะ)
  • ลาสาวแม่กลอง (เกษม สุวรรณเมนะ)
  • ตุ๊กติ๊ก
  • เซิ้งสวิง (สัญญา จุฬาพร)
  • ข้าวเหนียวติดมือ (ราชัน สุวรรณไตรย์; ช.คำชะอี)
  • เขียนจดหมายส่งมา (ไพรสณฑ์ รุ่งรังษี)
  • 11 ไฮโล (สรวง สันติ)
  • นักร้องพเนจร (ณรงค์ โกษาผล)
  • หนุนขอนต่างแขน (สรวง สันติ)
  • ใต้เงาโศก
  • สุขีเถิดที่รัก (สรวง สันติ)
  • สาวทุ่งในกรุงเทพฯ
  • ฮักสาวลาวพวน
  • ตะวันลับฟ้า
  • ฟ้ากับดิน
  • อัดอั้นตันใจ
  • ดอกฟ้า
  • พิมพ์จ๋าพิมพ์
  • ทะเลร่ำไห้
  • น้องจ๋า
  • คนขี้อาย
  • ตะรางดวงใจ (ไพบูลย์ บุตรขัน; เดิม ชาญ เย็นแข เป็นผู้ขับร้องเพลงนี้คนแรก)

ผลงานการแสดงภาพยนตร์

[แก้]
  • เพลงรักแม่น้ำแคว (2513)
  • เสน่ห์ลูกทุ่ง (2513)
  • มันมากับความมืด (2514)
  • มนต์รักชาวไร่ (2514)
  • สวรรค์นางไพร (2514)
  • ลำดวน (2514)
  • สะใภ้ยี่เก (2514)
  • ค่าของคน (2514)
  • แม่ศรีไพร (2514)
  • เทวดามาแล้ว (2514)
  • เจ้าพระยาที่รัก (2514)
  • ขวัญใจไอ้หนุ่ม (2515) รับบท เผือก
  • สวนสน (2515)
  • ศาลาลอย (2515)
  • หาดทรายแก้ว (2515)
  • หัวใจป่า (2515)
  • นางฟ้าชาตรี (2515)
  • บุหงาหน้าฝน (2515)
  • ขอบฟ้าเขาเขียว (2516)
  • ยอดชาย (2516)
  • แก้วกลางนา (2516)
  • แก้วตาขวัญใจ (2516)
  • คนองกรุง (2516)
  • วางฟูซาน (2516)
  • ดรุณีผีสิง (2516)
  • เตะฝุ่น (2516)
  • ดอนโขมด (2516)
  • อะไรกันนักหนา (2516)
  • ธิดาพญายม (2517)
  • แว่วเสียงลมรัก (2517)
  • เพชฌฆาตรัก (2518)
  • ตะบันไฟตะไลเพลิง (2518)
  • ปล้นครั้งสุดท้าย (2518)
  • ไอ้สากเหล็ก (2520)
  • คมนักเลง (2521)
  • ลูกทาส (2522)
  • เรือเพลง (2522)
  • คุณพ่อ…ขอโทษ..! (2522)
  • ชาติหน้าก่อนเที่ยง (2522)
  • ไอ๊หยาอาตือ (2524)
  • ไอ้จอมเก (2527)
  • ตำรวจเหล็ก (2529)
  • รักซึมลึก (2530)
  • สงครามเพลงแผน 2 (2533) รับเชิญ

ผลงานการสร้างภาพยนตร์

[แก้]
  • คมนักเลง
  • คุณพ่อขอโทษ
  • จับกัง
  • หมามุ่ย
  • อุ๊ย ! เขิน
  • บัวตูมบัวบาน
  • พูดด้วยปืน
  • แม่ครัวหัวไข่
  • บ้านไร่อลเวง
  • บุญยัง จับกังกำลัง 2
  • ยุทธการกล้วยไม้ป่า
  • เพลงรักแผ่นดินเพลิง
  • คนในซอย
  • ไอ้ขี้เมา

ผลงานการแสดงละครโทรทัศน์

[แก้]

ช่อง 7

[แก้]

ผลงานการสร้างละครโทรทัศน์

[แก้]

ช่อง 3, ช่อง 7

[แก้]

ช่อง 7

[แก้]

ผลงานละครโทรทัศน์ทั้งหมดในฐานะผู้จัดละคร

ละครโทรทัศน์
ปี พ.ศ. เรื่อง นักแสดงนำ ออกอากาศ หมายเหตุ
2553 แม่ศรีไพร จีรนันท์ มะโนแจ่ม
อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
รังสิโรจน์ พันธุ์เพ็ง
นวพล ภูวดล
อรวรรษา ฐานวิเศษ
ช่อง 7 เอชดี
2554 เสน่ห์บางกอก ศรัณย์ ศิริลักษณ์
ป่านทอง บุญทอง
ณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม
ธันย์ชนก ฤทธินาคา
เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์
2555 ไข่ลูกเขย รพีภัทร เอกพันธ์กุล
เอมี่ กลิ่นประทุม
อานัส ฬาพานิช
อุษณีย์ วัฒฐานะ
นพพล พิทักษ์โล่พานิช
แพร เอมเมอรี่
แม่ปูเปรี้ยว รังสิต ศิรนานนท์
ทัศนียา การสมนุช
อานัส ฬาพานิช
ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล
ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี
พรรัมภา สุขได้พึ่ง
2556 โทน ชนะพล สัตยา
อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์
ภาณุ สุวรรณโณ
อธิชนัน ศรีเสวก
ธีรภัทร์ แย้มศรี
วรภร เลิศเกียรติไพบูลย์
2557 แหม่มจ๋า ธนา สุทธิกมล
เอมี่ กลิ่นประทุม
ชวัลนันท์ จันทร์ทรัพย์
ณัฐชา นวลแจ่ม
พิชยดนย์ พึ่งพันธ์
ปทิตตา อัธยาตมวิทยา
ลูกผู้ชายหัวใจเข้ม ชนะพล สัตยา
ธันญ์ ธนากร
สเตฟานี เลอร์ช
แก้วใส คริสตัล
ภูมิภาฑิต นิตยารส
ฮาน่า ลีวิส
2558 จับกัง ลิขิต บุตรพรม
ปาณิชดา แสงสุวรรณ
ภูษณะ บัวงาม
ธนากร ศรีบรรจง
ปริตา ไชยรักษ์
2559 คู่หู รพีภัทร เอกพันธ์กุล
ธันญ์ ธนากร
ป่านทอง บุญทอง
แก้วใส คริสตัล
นวพล ภูวดล
กวินตรา โพธิจักร
2560 มือปืนพ่อลูกติด จุติ จำเริญเกตุประทีป
อัปสรสิริ อินทรคูสิน
พิชยดนย์ พึ่งพันธ์
ญดา สุวรรณปัฏนะ
ธีระธันญ์ ขจรชัยเดชาวัฒน์
ณธษา เวชประสิทธิ์
2562 มาดามบ้านนา พงศกร โตสุวรรณ
ปภาวดี ชาญสมอน
ธาราเขต เพ็ชร์สุกใส
นิชานันท์ ฝั้นแก้ว
สกลรัฐ พันเทศ
พิมพาภรณ์ เสริมพณิชกิจ
2563 พ่อหม้ายเลขท้ายสองตัว วรากร ศวัสกร
ปาณิชดา แสงสุวรรณ
พรหมพิริยะ ทองพุทธรักษ์
กชกร ส่งแสงเติม
ณัฐชนน ภูวนนท์
พลอยไพลิน ตั้งประภาพร
2564 บ้านไร่สายสมร ชนกันต์ พูนศิริวงศ์
พัชญา เพียรเสมอ
ณัฐพล ไรยวงค์
สุพิชฌาย์ ศรีสวัสดิ์
ณัฐภัทร จิรภาวสุทธิ์
พัฒนิดา พุ่มชูแสง

อ้างอิง

[แก้]