ปิยกุล บุญเพิ่ม
ปิยกุล บุญเพิ่ม | |
---|---|
ประธานศาลฎีกา คนที่ 47 | |
ดำรงตำแหน่ง 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564 – 30 กันยายน พ.ศ. 2565 | |
ก่อนหน้า | เมทินี ชโลธร |
ถัดไป | โชติวัฒน์ เหลืองประเสริฐ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 28 ตุลาคม พ.ศ. 2499 |
ศาสนา | พุทธ |
ปิยกุล บุญเพิ่ม (28 ตุลาคม พ.ศ. 2499) ประธานศาลฎีกา คนที่ 47 โดยเป็นประธานศาลฏีกาหญิงที่สองในประวัติศาสตร์ศาลยุติธรรมของประเทศไทย[1]
ประวัติ
[แก้]ปิยกุลสำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 2) มหาวิทยาลัยรามคำแหง นิติศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา[2] ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษา เมื่อพ.ศ. 2525 และได้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญ เช่น ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลแพ่ง ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์[2]
ในการทำงานผู้พิพากษา ปิยกุลเคยเป็นองค์คณะพิจารณาชั้นอุทธรธ์คดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น คดี อม.อธ.3/2562 (คดีจีทูจี) ในส่วนของจำเลยที่ 16 (นายสุธี เชื่อมไธสง), อม.อธ.4/2562 ของนางชญาดา วิภัติภูมิประเทศ อดีตสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ในคดีบัญชีทรัพย์สิน, คดี อม.อธ.5/2562 คดีนางนาที รัชกิจประการ ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง[3]
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ได้พิจารณาเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา คนที่ 47 ต่อจากนางเมทินี ชโลธร โดยดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564[4] - 30 กันยายน พ.ศ. 2565 สิ้นสุดวาระเนื่องจากอายุครบ 65 ปี
ระหว่างการดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา ได้มีการจัดตั้งแผนกคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลแพ่ง เนื่องจากช่องทางระงับข้อพิพาทที่มีอยู่ไม่เอื้อต่อการที่ผู้บริโภคจะเข้าถึงได้โดยสะดวก เป็นผลให้ผู้บริโภคจำนวนมากไม่ได้รับการเยียวยาความเสียหาย จากการถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่สุจริต จึงมีความจำเป็นต้องจัดตั้งแผนกคดีซื้อขายออนไลน์ขึ้นในศาลแพ่งให้เป็นระบบศาลอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ ซึ่งผู้ที่มีข้อพิพาทอันเกิดจากการบริโภควิถีใหม่สามารถเข้าถึงศาล และใช้สิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีด้วยตนเองได้โดยสะดวก เพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้อย่างเป็นธรรมและเป็นไปด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น[5]
หลังจากพ้นจากตำแหน่งประธานศาลฎีกา ปิยกุลยังคงทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และเป็นองค์คณะพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น คดี อม.9/2567[6]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
[แก้]- พ.ศ. 2546 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[7]
- พ.ศ. 2543 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[8]
- พ.ศ. 2546 – เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)[9]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "มติ "ปิยกุล บุญเพิ่ม" ประธานฎีกาหญิงคนที่ 2 แทน "เมทินี ชโลธร"". www.thairath.co.th. 2021-07-22.
- ↑ 2.0 2.1 ประวัติ นางสาวปิยกุล บุญเพิ่ม ประธานศาลฎีกา คนที่ 47 เก็บถาวร 2021-11-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน เว็บไซต์สำนักประธานศาลฎีกา
- ↑ "ก.ต.มีมติให้ "ปิยกุล บุญเพิ่ม" ขึ้นเป็น ปธ.ศาลฎีกาคนที่ 47 มีผล 1 ต.ค. 64". www.thairath.co.th. 2021-07-21.
- ↑ "โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง "ปิยกุล บุญเพิ่ม" เป็นประธานศาลฎีกา มีผล 1 ต.ค.นี้". www.thairath.co.th. 2021-08-09.
- ↑ "ประกาศจัดตั้งแผนกคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลแพ่ง รองรับการบริโภควิถีใหม่". www.thairath.co.th. 2021-12-20.
- ↑ ประกาศศาลฎีกา เรื่อง รายชื่อองค์คณะผู้พิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม. 9/2567[ลิงก์เสีย]
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เก็บถาวร 2015-09-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๐ ตอนที่ ๑๙ ข หน้า ๘, ๑ ธันวาคม ๒๕๔๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย, เล่ม ๑๑๗ ตอนที่ ๒๕ ข หน้า ๒๖, ๑ ธันวาคม ๒๕๔๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลา, เล่ม ๑๒๑ ตอนที่ ๔ ข หน้า ๓๗๐, ๑๐ มีนาคม ๒๕๔๗