บุชรอ อัลอะซัด
บุชรอ อัลอะซัด | |
---|---|
بُشْرَى ٱلْأَسَدِ | |
บุชรอ อัลอะซัด, ป. ค.ศ. 1993 | |
เกิด | ประเทศซีเรีย | 24 ตุลาคม ค.ศ. 1960
ศิษย์เก่า | มหาวิทยาลัยดามัสกัส |
คู่สมรส | อาศิฟ เชากัต (สมรส 1995; 2012) |
บุตร | 5 |
บิดามารดา |
|
ครอบครัว | ตระกูลอัลอะซัด |
บุชรอ อัลอะซัด (อาหรับ: بُشْرَى ٱلْأَسَدِ, อักษรโรมัน: Bušrā al-ʾAsad; เกิดวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1960)[1] เป็นบุตรคนแรกและบุตรีคนเดียวของฮาฟิซ อัลอะซัด ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีซีเรียใน ค.ศ. 1971 ถึง 2000 เธอเป็นพี่สาวของบัชชาร อัลอะซัด อดีตประธานาธิบดีซีเรีย และเป็นภรรยาหม้ายของอาศิฟ เชากัต รองหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการกองทัพซีเรียและอดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองทหารซีเรียที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่ดามัสกัสเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 โดยกลุ่มกบฏฝ่ายค้านซีเรียได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบ[2]
เนื่อด้วยผลของสงครามกลางเมืองซีเรีย ทำให้ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2012 เธอถูกจัดให้อยู่ในรายชื่อบุคคลสำคัญของรัฐบาลซีเรียที่ถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและห้ามเดินทางเข้าสหภาพยุโรป[3] ณ วันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 2012 มีรายงานว่าบุชรอ อัลอะซัดหนีออกจากซีเรียพร้อมกับลูก 5 คน เพื่อลี้ภัยที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์[4] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2013 อะนีซะฮ์ มัคลูฟ มารดาของเธอ เข้าร่วมกับเธอที่ดูไบ[5]
ชีวประวัติ
[แก้]มีรายงานว่าบุชรอมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฮาฟิซ อัลอะซัด ผู้เป็นพ่อ และมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการเป็นผู้นำช่วงปีสุดท้ายของชีวิตบิดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่สุขภาพของฮาฟิซเริ่มทรุดโทรมลงในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 งานบริหารและแม้แต่การตัดสินใจที่สำคัญส่วนใหญ่ถูกมอบหมายให้แก่บุชรอผู้ตั้งสำนักงานของเธอข้าง ๆ ของบิดาในทำเนียบประธานาธิบดี[6] ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1970 เธอเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับบิดาและมีบทบาทในการตัดสินใจภายในวงในของบิดาอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและกิจการต่างประเทศ ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าเธอได้รับการพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งผู้นำและอาจเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งด้วยซ้ำ ถึงจะเป็นเช่นนี้ ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980 บาซิล น้องชายของเธอ ได้เข้ามารับตำแหน่งแทน และหลังจาก ค.ศ. 1994 บัชชาร น้องชายคนที่สองของเธอ ก็เข้ามารับตำแหน่งนี้เช่นกัน ในทั้งสองกรณีนี้ เธอพยายามต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังบัชชารได้รับเลือก เพราะเชื่อว่าเขาไม่มีความสามารถที่จะดำรงตำแหน่งนี้[6] ทำให้เกิดการคาดการณ์อย่างกว้างขวางว่าหากไม่ใช่เพราะเพศของเธอแล้ว บุชรอคงได้รับการฝึกฝนให้เป็นประธานาธิบดีตามความเหมาะสมแล้ว[7]
บุชรอเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยดามัสกัสร่วมกับบุษัยนะฮ์ ชะอ์บาน ผู้กลานเป็ยสมาชิกคณะรัฐมนตรีซีเรีย[8][9] บุชรอแต่งงานกับเชากัตใน ค.ศ. 1995 แม้ว่าทางครอบครัวจะคัดค้านก็ตาม[10]
นับตั้งแต่บาซิล อัลอะซัด น้องชายของเธอ เสียชีวิตใน ค.ศ. 1994 บุชรอได้รับการระบุว่ามีอิทธิพลในซีเรียมากขึ้น มีรายงานว่าบุชรอทำงานให้กับสามีผู้ล่วงลับเพื่อให้ได้รับการยอมรับและการรับรอง เชากัตมีบทบาทสำคัญด้านความปลอดภัยในหน่วยข่าวกรอง[8][11]
มีรายงานว่าบุชรอไม่เห็นด้วยกับการที่อัสมาอ์ อัลอะซัดรับบทบาทสาธารณะเช่นนี้[8]
บุชรอย้ายไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2012[10] หลังสามีเสียชีวิตจากเหตุุระเบิด แม้ว่าฝ่ายกบฏอ้างความรับผิดชอบ แต่มีการคาดการณ์อยู่บ้างว่าฝ่ายปกครองของน้องชายอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง[12] บุชรออาศัยอยู่ที่ดูไบพร้อมกับลูก 5 คน[13]
ใน ค.ศ. 2019 มีรายงานว่า Anisa ลูกสาวของบุชรอ กำลังศึกษาด้านการออกแบบเชิงพื้นที่ในมหาวิทยาลัยศิลปะแห่งลอนดอน แม้ว่าจะเป็นสมาชิกของครอบครัวที่ถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติก็ตาม ในเวลาต่อมา ทาง National Crime Agency ยึดเงินที่เหลือจากบัญชีของเธอถึง 25,000 ปอนด์[14][15]
ข้อมูล
[แก้]- Dagher, Sam (2019). Assad or we Burn the Country (First U.S. ed.). New York: Little, Brown & Company. ISBN 978-0316556705.
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Council Implementing Decision". Official Journal. 24 March 2012. สืบค้นเมื่อ 14 January 2013.
- ↑ "Bashar al-Assad's widowed sister has left Syria for UAE: source". Reuters. 27 September 2017. สืบค้นเมื่อ 1 March 2020.
- ↑ "Council Implementing Decision 2012/172/CFSP of 23 March 2012 implementing Decision 2011/782/CFSP concerning restrictive measures against Syria".
- ↑ "Bashar al-Assad's widowed sister has left Syria for UAE: source". chicagotribune.com. 27 September 2012.
- ↑ "Assad's mother leaves Syria". The Sydney Morning Herald. 21 January 2013. สืบค้นเมื่อ 21 January 2013.
- ↑ 6.0 6.1 Dagher 2019, p. 241.
- ↑ Carsten, Paul (23 March 2012). "Asma al-Assad and those who have been sanctioned". The Telegraph. London. สืบค้นเมื่อ 14 January 2013.
- ↑ 8.0 8.1 8.2 "mideastmonitor.org". www.mideastmonitor.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 July 2011.
- ↑ "Interview With Syrian Cabinet Minister Buthaina Shaaban; Interview With Arlen Specter.–International Wire (February, 2005)".
- ↑ 10.0 10.1 "Assad's sister fled to UAE – Sources". Asharq Alawsat. 20 September 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 March 2013. สืบค้นเมื่อ 5 April 2013.
- ↑ "World Council for the Cedars Revolution - Syria: Trouble in Damascus". www.cedarsrevolution.net. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 August 2018. สืบค้นเมื่อ 10 July 2008.
- ↑ Pelham, Nicolas (2021-03-10). "Banker, princess, warlord: the many lives of Asma Assad". The Economist. ISSN 0013-0613. สืบค้นเมื่อ 2021-04-11.
- ↑ "UAE backs 'non-sectarian' change in Syria". Middle East Online. 26 December 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 April 2016. สืบค้นเมื่อ 8 January 2013.
- ↑ "Assad family cash frozen after dictator's niece found living in London". Evening Standard. 18 April 2019.
- ↑ "The UK Impounds $30,000 of Assad's Niece". albawaba.com. 23 May 2019.