กองทัพผสมรัฐว้า
กองทัพผสมรัฐว้า | |
---|---|
Kru' Naing' Rob Rom' Hak Tiex Praog 佤邦联合军 ဝပြည် သွေးစည်းညီညွတ်ရေး တပ်မတော် มีส่วนร่วมในความขัดแย้งภายในพม่า | |
ธงกองทัพผสมรัฐว้า | |
ปฏิบัติการ | 17 เมษายน 2532 – ปัจจุบัน |
แนวคิด | ชาตินิยมว้า[1] |
ผู้นำ | ผู้บัญชาการ: เป้าหยั่วเสียง (鮑有祥) รองผู้บัญชาการ: จ้าวจงตาน (赵忠丹) |
กองบัญชาการ | ปางคำ, พม่า |
พื้นที่ปฏิบัติการ | เขตปกครองตนเองว้า (รัฐว้า) |
กำลังพล | 30,000 คน[2] |
ส่วนหนึ่งของ | พรรคผสมรัฐว้า |
พันธมิตร | รัฐพันธมิตร
พันธมิตรที่ไม่ใช่รัฐ |
ปรปักษ์ | ระดับรัฐ
มิใช่รัฐ
|
การสู้รบและสงคราม | ความขัดแย้งภายในพม่า |
กองทัพผสมรัฐว้า หรือ กองทัพสหรัฐว้า[5] (อังกฤษ: United Wa State Army) หรือที่นิยมเรียกว่า กองกำลังว้าแดง เป็นกองกำลังติดอาวุธของพรรคผสมรัฐว้า ที่มีฐานที่มั่นอยู่ในบริเวณรัฐฉานตอนเหนือส่วนที่ใกล้ชิดมณฑลยูนนานของประเทศจีน และรัฐฉานตอนใต้ส่วนที่ใกล้ชิดจังหวัดแม่ฮ่องสอนของประเทศไทย
กองกำลังว้าแดงอยู่ภายใต้การนำของเป้าหยั่วเสียง (鮑有祥) ผู้นำคนที่สอง ซึ่งประกาศตนเป็นประธานเขตบริหารพิเศษแห่งรัฐว้า แม้ทางการพม่าไม่เคยยอมรับอำนาจของว้าแดงอย่างเป็นทางการ แต่ในหลายโอกาส กองทัพพม่าก็ให้การสนับสนุนว้าแดงให้รบกับกองกำลังชนกลุ่มน้อยอื่น เช่น กองทัพรัฐฉานใต้ของเจ้ายอดศึก
ในปี 2556 สหรัฐอเมริกาจัดให้กองกำลังว้าแดงถูกจัดให้เป็นกลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และต่อมาในปี 2558 ทางการสหรัฐถือว่าองค์กรของเหว่ย เซียะกัง และกองทัพผสมรัฐว้า เป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งค้าทั้งเฮโรอีนและยาบ้า
การวางกำลัง
[แก้]กองทัพผสมรัฐว้า (UWSA) มี "กองพล" จำนวน 5 กองพลที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย–พม่า:
- กองพลที่ 778 อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ Ta Marn
- กองพลที่ 772 อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ Ta Hsong
- กองพลที่ 775 อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ Yang Guojong
- กองพลที่ 248 อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ Ta Hsang
- กองพลที่ 518 อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ Li Hsarm-nab
บนชายแดนจีน–พม่า มีกองกำลังประจำการอีกสาม "กองพล":
- กองพลที่ 318
- กองพลที่ 418
- กองพลที่ 468[6]
กองทัพผมสรัฐว้ามีกำลังพลประจำการ 30,000 นาย และมีกำลังเสริมอีก 10,000 นาย[7] ถือเป็นกลุ่มที่ประกาศหยุดยิงที่ใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่ง เงินเดือนรายเดือนอยู่ที่ 60 หยวน (7.5 ดอลลาร์สหรัฐ) เท่านั้น[8] กองทัพผสมรัฐว้าปะทะกับกองทัพไทยในเดือนมีนาคม–พฤษภาคม พ.ศ. 2545[9]
การจัดหาอาวุธ
[แก้]ตามรายงานของ Jane's Intelligence Review เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2551 จีนได้กลายเป็นแหล่งอาวุธหลักของกองทัพผสมรัฐว้า โดยแทนที่แหล่งอาวุธจากตลาดมืดแบบดั้งเดิมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทยและกัมพูชา[10] การถ่ายโอนอาวุธไปยังกองทัพผสมรัฐว้าจากจีน จะดำเนินการจากระดับสูงสุดในปักกิ่ง[11]
ในปี พ.ศ. 2544 Jane's รายงานว่ากองทัพผสมรัฐว้าได้จัดหาขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ (SAM) HN-5N จากจีนเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างพื้นที่ใกล้ชายแดนไทย ซึ่งมีรายงานว่ามีห้องปฏิบัติการสำหรับผลิตยาบ้า 40-50 แห่งที่ใช้ผลิตขีปนาวุธดังกล่าว[12] ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2557 Janes ยังรายงานอีกว่ากองทัพผสมรัฐว้าได้จัดหาขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ FN-6 เพื่อมาแทนที่ HN-5N ที่ใช้งาน[13] ซึ่งกองทัพสหรัฐว้าได้ปฏิเสธในทันที[14] นอกจากนี้ยังเป็นคนกลางระหว่างผู้ผลิตอาวุธของจีนและกลุ่มกบฏอื่น ๆ ในพม่า[15] ในปี พ.ศ. 2555 การสนับสนุนจากจีนเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่สามารถจัดหายานเกราะ เช่น ปืนจู่โจม PTL-02 ขนาด 6 × 6 ที่พบเห็นในปางคำ[16]
เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556 Jane's IHS รายงานว่าเฮลิคอปเตอร์ มิล เอ็มไอ-17 หลายลำซึ่งติดตั้งขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ TY-90 ได้รับการส่งมอบให้กับกองทัพผมสรัฐว้าโดยจีน[17] ข้อกล่าวหาดังกล่าวถูกปัดตกโดยจีน แหล่งข่าวทางทหารไทย แหล่งข่าวชาติพันธุ์อื่น ๆ ของพม่า และกองทัพผสมรัฐว้าเอง[18][19] ในปี พ.ศ. 2558 IHS Jane's รายงานว่าสมาชิกกองทัพผมสรัฐว้าถูกถ่ายภาพขณะฝึกซ้อมกับปืนใหญ่วิถีโค้ง Type 96 ขนาด 122 มม. และ ATGM HJ-8 ของจีน[20]
รายงานของ Jane ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 ระบุว่า UWSA ได้หันมาผลิตอาวุธเพื่อเสริมรายได้จากการค้าอาวุธและยาเสพติด และเริ่มสายการผลิตอาวุธขนาดเล็กสำหรับ AK-47[21][22]
นโยบายการเกณฑ์ทหาร
[แก้]กองทัพผมสรัฐว้า (UWSA) กำหนดให้มีผู้ชายอย่างน้อย 1 คนในแต่ละครัวเรือนที่รับราชการในกองทัพผมสรัฐว้า หรือหน่วยงานของรัฐว้า[23] : 180 ครอบครัวขนาดใหญ่ต้องจัดหาผู้ชาย 2 คนให้กับกองทัพหรือหน่วยงาน[23]: 180
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Johnson, Tim (29 August 2009). "China Urges Burma to Bridle Ethnic Militia Uprising at Border". The Washington Post. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 September 2010.
- ↑ "UWSP/UWSA » Myanmar Peace Monitor". 6 June 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 11, 2023.
- ↑ "Myanmar's Wa Army Vows Neutrality in Fight Between Regime, Ethnic All…". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-11-01.
- ↑ Davis, Anthony (2022-02-22). "Wa an early winner of Myanmar's post-coup war". Asia Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 7, 2022. สืบค้นเมื่อ 2022-09-24.
- ↑ "กองทัพว้า ขยายฐานใกล้ชายแดนไทย: บททดสอบเชิงยุทธศาสตร์ของไทยควรทำอย่างไร?". THE STANDARD. 2024-11-29.
- ↑ "Transfer of Wa commander raises questions". S.H.A.N. 9 June 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 August 2010. สืบค้นเมื่อ 12 June 2009.
- ↑ "WikiLeaks Cables Show China's Support for UWSA". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-05-28. สืบค้นเมื่อ 29 November 2014.
- ↑ S.H.A.N. "United Wa State Army (UWSA) payroll still going Communist way". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 29 November 2014.
- ↑ "Talk of reopened border stirs bad memories for army". The Nation. 27 August 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 5, 2014. สืบค้นเมื่อ 29 November 2014.
- ↑ Pubby, Manu (22 May 2008). "China emerging as main source of arms to N-E rebels: Jane's Review". Indianexpress. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-01-30. สืบค้นเมื่อ 8 June 2008.
- ↑ Lintner, Bertil (March 2021). The Wa of Myanmar and China's Quest for Global Dominance. Chiang Mai: Silkworm Books. ISBN 9786162151705.
- ↑ Davis, Anthony (28 March 2001). "Myanmar heat turned up with SAMs from China". Jane's Information Group. สืบค้นเมื่อ 5 March 2009. [ลิงก์เสีย]
- ↑ Davis, Anthony (18 November 2014). "UWSA fielding Chinese FN-6 MANPADS". Jane's Information Group. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 1, 2015. สืบค้นเมื่อ 23 November 2014.
- ↑ "United Wa State Army Denies Anti-Aircraft Purchase". The Irrawaddy. 20 November 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 25, 2022. สืบค้นเมื่อ 23 November 2014.
- ↑ Linn, Zin (December 7, 2012). "Can Burma Influence Wa Army to Abide by its Constitution?". Asian Correspondent. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 13, 2014. สืบค้นเมื่อ 29 November 2014.
- ↑ Schearf, Daniel; Pike, John (January 25, 2013). "With Burma in Mind, China Quietly Supports Wa Rebels". globalsecurity.org. Voice of America. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 15, 2022. สืบค้นเมื่อ 29 November 2014.
- ↑ "China 'sends armed helicopters to Myanmar separatists' - IHS Jane's 360". www.janes.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 April 2014. สืบค้นเมื่อ 12 January 2022.
- ↑ "After Chinese Arms Allegations, UWSA Shows Off 'Thai' Military Hardware". The Irrawaddy. 14 May 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 19, 2022. สืบค้นเมื่อ 14 May 2013.
- ↑ "Doubts cast on Wa helicopter rumors". Mizzima News. 20 June 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 June 2013. สืบค้นเมื่อ 20 June 2013.
- ↑ Davis, Anthony. "Wa army fielding new Chinese artillery, ATGMs". IHS Jane's Defence Weekly. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-08-16. สืบค้นเมื่อ 23 July 2015.
- ↑ Lawi Weng (16 December 2008). "AK-47s – Made in Wa State". The Irrawaddy. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-05. สืบค้นเมื่อ 22 December 2008.
- ↑ Lawi Weng. "Armed Insurgents in Burma Face Shortage of Ammunition". The Irrawaddy 22 December 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-09-15. สืบค้นเมื่อ 22 December 2008.
- ↑ 23.0 23.1 Ong, Andrew (2023). Stalemate: Autonomy and Insurgency on the China-Myanmar Border. Cornell University Press. ISBN 978-1-5017-7071-5. JSTOR 10.7591/j.ctv2t8b78b.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Chouvy, Pierre-Arnaud & Meissonnier, Joël, "Yaa Baa. Production, traffic, and consumption of methamphetamine in Mainland Southeast Asia", Singapore University Press, 2004
- Chouvy, Pierre-Arnaud, "Myanmar's Wa: Likely Losers in the Opium War", 24 January 24 2004, Asia Times
- Photos of United Wa State Army (UWSA) and Shan State Army-South (SSA-S) military outposts along the border of Thailand, Chiang Rai province
- "U.S. Links 11 Individuals, 16 Companies to Burma Drug Syndicate." Distributed by the Bureau of International Information Programs, U.S. Department of State. November 4, 2005.
- Jack Picone. "A Gentler War on Drugs." Utne, September-October 2005, pp. 68-71; originally in Colors magazine (Winter 2004-05)
- The Bondage of Opium - a proposal and a plea UWSP