ข้ามไปเนื้อหา

วันเดอร์เกิลส์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก Wonder Girls)
วันเดอร์เกิลส์
วันเดอร์เกิลส์ในเดือนกันยายน 2016 จากซ้ายไปขวา: เยอึน, ฮเยริม, ยูบิน, และซ็อนมี
วันเดอร์เกิลส์ในเดือนกันยายน 2016
จากซ้ายไปขวา: เยอึน, ฮเยริม, ยูบิน, และซ็อนมี
ข้อมูลพื้นฐาน
ที่เกิดโซล เกาหลีใต้
แนวเพลง
ช่วงปีค.ศ. 2007 (2007)ค.ศ. 2017 (2017)
ค่ายเพลง
อดีตสมาชิก

วันเดอร์เกิลส์ (เกาหลี원더걸스; อังกฤษ: Wonder Girls) เป็นเกิร์ลกรุปเกาหลีใต้ ก่อตั้งโดยเจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์[1][2] วันเดอร์เกิลส์เปิดตัวครั้งแรกพร้อมซิงเกิล "Irony" ประกอบด้วยสมาชิกจำนวนห้าคนคือ เยอึน, ซ็อนเย, ซ็อนมี, ฮย็อนอา และ โซฮี ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2007 ต่อมาหลังการถอนตัวออกจากวงของฮย็อนอาในเดือนกรกฎาคมปี ค.ศ. 2007 ยูบิน ถูกเพิ่มเข้ามาแทนที่ก่อนที่วงจะปล่อยสตูดิโออัลบั้มชุดแรก "The Wonder Years" (ค.ศ. 2007) โดยอัลบั้มนี้มาพร้อมกับซิงเกิลยอดนิยมอย่าง "Tell Me" ซึ่งติดอันดับสูงสุดบนชาร์ตเพลงออนไลน์และชาร์ตเพลงออฟไลน์ของประเทศเกาหลีใต้หลายชาร์ต

วันเดอร์เกิลส์สร้างชื่อเสียงในวงกว้างให้กับพวกเธอเองในฐานะที่เป็นหนึ่งในกลุ่มศิลปินหญิงระดับแนวหน้าของประเทศด้วยซิงเกิลยอดนิยมที่ปล่อยในปี ค.ศ. 2008 อย่าง "So Hot" และ "Nobody" ในปี ค.ศ. 2009 "Nobody" ได้ติดอันดับที่ 76 บนชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100 หลังจากปล่อยวางจำหน่ายเป็นซิงเกิลในประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้วันเดอร์เกิลส์กลายเป็นศิลปินกลุ่มแรกจากประเทศเกาหลีใต้ที่มีเพลงติดอันดับบนชาร์ตของบิลบอร์ด[3][4] วันเดอร์เกิลส์ได้เข้าสู่ตลาดเพลงสหรัฐฯ ในปีเดียวกันด้วยการแสดงเปิดให้กับ 'Jonas Brothers World Tour' โดยแสดงเพลงของพวกเธอในเวอร์ชันภาษาอังกฤษ

ต่อมาในปี ค.ศ. 2010 ซ็อนมีได้ถอนตัวออกจากวงเพื่อกลับไปมุ่งเน้นทางการศึกษาต่อในโรงเรียน และฮเยริมถูกเพิ่มเข้ามาแทนที่ก่อนที่วงจะวางจำหน่ายซิงเกิล "2 Different Tears" ในประเทศเกาหลีและสหรัฐอเมริกา "Wonder World" (ค.ศ. 2011) สตูดิโออัลบั้มชุดที่สองของวันเดอร์เกิลส์มาพร้อมกับซิงเกิล "Be My Baby" ที่ถือว่าประสบความสำเร็จ ในปี ค.ศ. 2012 วันเดอร์เกิลส์ได้แสดงในภาพยนตร์ The Wonder Girls ของช่องโทรทัศน์ TeenNick และปล่อยซิงเกิลจำนวน 3 ซิงเกิล ได้แก่ "Like This" "The DJ Is Mine" และ "Like Money" รวมถึงเซ็นสัญญากับ DefStar Records และ Sony Music Japan เพื่อการเปิดตัวครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่วงจะว่างเว้นจากการทำกิจกรรมเป็นระยะเวลานานถึงสามปี จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2015 ได้มีประกาศออกมาว่าซ็อนเยและโซฮีตัดสินใจถอนตัวออกจากวง ขณะที่ซ็อนมีจะกลับมาทำกิจกรรมวงร่วมกันกับสมาชิกที่เหลืออีกครั้ง สมาชิกที่เหลือทั้งสี่คนได้นำคอนเซ็ปต์วงดนตรีมาปรับใช้กับอัลบั้มสตูดิโอชุดที่สาม "Reboot" (ค.ศ. 2015) อัลบั้มเต็มชุดสุดท้ายของวันเดอร์เกิลส์ และซิงเกิลอันดับหนึ่งแห่งปี ค.ศ. 2016 "Why So Lonely" จากรายงานของบิลบอร์ด วันเดอร์เกิลส์มียอดขายอัลบั้มทั้งหมด 19,000 ชุดในสหรัฐอเมริกา [5]

วันเดอร์เกิลส์เป็นที่รู้จักกันในฐานะ "ราชินีแห่งคอนเซปต์แนวย้อนยุคของเกาหลีใต้"[6] จากความโดดเด่นในเพลงของพวกเธอที่มีองค์ประกอบของดนตรีจากช่วงระหว่างทศวรรษที่ 1960 จนถึงทศวรรษที่ 1980[7] ในปี ค.ศ. 2017 บิลบอร์ดได้จัดอันดับให้วันเดอร์เกิลส์อยู่ในอันดับที่ 3 ของรายการ "Top 10 K-pop Girl Groups of the Past Decade" วันเดอร์เกิลส์ได้ประกาศยุติการทำกิจกรรมวงอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 2017 หลังจากที่การเจรจาต่ออายุสัญญากับสมาชิกบางคนไม่ประสบความสำเร็จ ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 วันเดอร์เกิลส์ได้ปล่อยซิงเกิลสุดท้าย "Draw Me" ซึ่งถือเป็นการปล่อยเพลงเพื่อฉลองในวาระครบรอบปีที่ 10 ของวงนับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2007 ด้วย

ประวัติ

[แก้]

ปี ค.ศ. 2006 - 2007 MTV Wonder Girls การเปิดตัวและการเปลี่ยนสมาชิก

[แก้]
วันเดอร์เกิลส์ ขณะที่กำลังแสดงเพลง "Irony" ในเดือนมีนาคมปี ค.ศ. 2007 ที่มหาวิทยาลัยฮันยาง จากซ้ายไปขวา: โซฮี, ฮย็อนอา, เยอึน, ซ็อนเย และซ็อนมี

หลังจากที่พัค จิน-ย็อง ได้เปิดเผยชื่อวงศิลปินหญิงวงแรกของเขา วันเดอร์เกิลส์ ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2006 วันเดอร์เกิลส์ได้ถูกแนะนำให้รู้จักผ่านรายการโทรทัศน์ MTV Wonder Girls[8] โดยสี่ตอนแรกแนะนำบุคลิกและประวัติคร่าว ๆ ของสมาชิกแต่ละคน หลังจากที่เลือกเยอึนเป็นสมาชิกคนที่ห้าได้ไม่นาน วันเดอร์เกิลส์ได้ขึ้นแสดงครั้งแรกในรายการ MTV Studio พวกเธอได้แสดงเวอร์ชันคัฟเวอร์ของเพลง "Don't Cha" โดยพุสซีแคตดอลส์ พร้อมกับเพลงโปรโมตของตัวเอง "Irony" และ "미 안 한 마 음" ("It's Not Love") ซ็อนเยร้องเพลง "Stand Up for Love" โดยเดสทินีส์ไชลด์ในเวอร์ชันของเธอเอง ฮย็อนอาแสดงทักษะการเต้นของเธอ ส่วนสมาชิกอีกสามคน เยอึน, ซอนมี และโซฮีแสดงคัฟเวอร์เพลง "Together Again" โดยเจเน็ต แจ็กสัน

วันเดอร์เกิลส์เปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี ค.ศ. 2007 ทางรายการ MBC 's Show! Music Core โดยแสดงเพลง "Irony" ซิงเกิลแนวฮิปฮอปจากมินิอัลบั้มแรกของพวกเธอ "The Wonder Begins" ในปี ค.ศ. 2007 อัลบั้มชุดนี้มียอดขายกว่า 11,454 ชุด[9] หลังจากนั้นไม่นานเจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์ได้ประกาศให้ "วันเดอร์ฟูลส์ (Wonderfuls)" เป็นชื่อเรียกแฟนคลับของวันเดอร์เกิลส์อย่างเป็นทางการ ต่อมาวันเดอร์เกิลส์ได้ทำการแสดงในประเทศจีนหลายครั้งหลังจากที่สมาชิกได้เรียนภาษาจีน[10] อย่างไรก็ตามในช่วงกลางปี ค.ศ. ​​2007 สมาชิกของวันเดอร์เกิลส์หลายคนประสบปัญหาจากอาการบาดเจ็บต่าง ๆ และปัญหาสุขภาพ ในวันที่ 25 มิถุนายน โซฮีถูกพักงานเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนหลังจากได้รับบาดเจ็บที่เอ็นเข่าจากการตกจากรถมอเตอร์ไซค์ที่กำลัฝวิ่งระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "뜨거운것이좋아" (I like it hot)[11]

สมาชิกที่เหลืออีกสี่คนยังคงทำการแสดงต่อไปจนกระทั่งถึงปลายเดือนกรกฎาคม ฮย็อนอาถอนตัวออกจากวงโดยพ่อแม่ของเธอเนื่องจากความกังวลของพวกเขาเกี่ยวกับปัญหาโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังและการเป็นลมหมดสติอยู่บ่อย ๆ ของเธอ[12] ต่อมาในฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ. 2007 บริษัท Good Entertainment ได้ส่งยูบิน เด็กฝึกหัดของพวกเขาไปให้กับเจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์เพื่อแทนที่ตำแหน่งของฮย็อนอา เธอเปิดตัวครั้งแรกในอีกสามวันต่อมาในการแสดงสดเพลง "Tell Me" ของวงทางรายการ Music Bank[13]

"The Wonder Years" อัลบั้มเต็มชุดแรกของพวกเธอถูกปล่อยในสัปดาห์ถัดมาโดยมี "Tell Me" เป็นซิงเกิลนำ เนื่องจากมีการเพิ่มยูบินเข้ามาในนาทีสุดท้าย เพลงเวอร์ชันในอัลบั้มจึงไม่มีท่อนของเธอ อย่างไรก็ตามท่อนบริดจ์พร้อมกับแร็พโดยยูบินก็ถูกนำมาใช้ประกอบในเพลงเวอร์ชันสำหรับแสดง ซิงเกิลได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและคว้าอันดับหนึ่งในรายการโทรทัศน์หลายรายการและบนชาร์ตเพลงทางอินเทอร์เน็ต อาทิเช่น KBS 's Music Bank และยังได้กลายเป็นเพลงยอดนิยมอันดับหนึ่งในประเทศไทย[12] ท่าเต้นของเพลงเรียบง่ายและถูกนำมาเต้นเลียนแบบกันอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งถึงเดือนตุลาคม การแสดงเต้นของเพลงโดยกลุ่มแฟนคลับจำนวนมาก มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ บนเว็บไซต์แบ่งปันวิดีโอยอดนิยมอย่าง ยูทิวบ์ และ Daum[14] รวมไปถึงการแสดงเต้นสั้น ๆ จากตำรวจกลุ่มหนึ่งในช่วงท้ายของรายการ Star King ของสถานีโทรทัศน์ KBS ชื่อเรียกจากการได้รับความนิยมอย่างสูงของท่าเต้นได้กลายเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางว่า "เทลมีไวรัส (Tell Me Virus)" และพวกเธอยังได้รับความสนใจอย่างมากจากฉายา "น้องสาวแห่งชาติ"[15] วันเดอร์เกิลส์มีตารางการโปรโมตที่ยืดเยื้อยาวนานอย่างมากสำหรับอัลบั้มของพวกเธอ และในช่วงปลายปี ค.ศ. 2007 พวกเธอได้เริ่มแสดงซิงเกิลที่สอง "이바보 (This Fool)" และในขณะเดียวกัน MTV ยังได้เริ่มออกอากาศซีรีส์ของรายการเรียลลิตีทางโทรทัศน์ The Wonder Life ที่นำแสดงโดยวันเดอร์เกิร์ลส์

ปี ค.ศ. 2008 การทำกิจกรรมหลังการถอนตัวของสมาชิก

[แก้]
วันเดอร์เกิลส์ ขณะที่กำลังแสดงเพลง "Nobody" ในเดือนตุลาคมปี ค.ศ. 2008 ในพิธีเปิดงาน the 2008 BICHE จากซ้ายไปขวา: ซ็อนมี, โซฮี, ซ็อนเย, เยอึน และยูบิน

ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 วันเดอร์เกิลส์ได้ร่วมงานกับพัค จิน-ย็อง ในฐานะแขกรับเชิญพิเศษในการจัดทัวร์คอนเสิร์ตเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนทั่วประเทศเกาหลีใต้และที่สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกเธอถ่ายทำมิวสิควิดีโอสำหรับเพลง "Wishing on a Star" ขณะที่อยู่ในนิวยอร์ก[16] "So Hot" ถูกปล่อยในวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 2008 ไม่นานหลังจากนั้นเพลงได้ขึ้นอันดับสูงสุดบนชาร์ตออนไลน์[17][18] ช่วงกลางปี ค.ศ. ​​2008 พวกเธอได้แสดงเพลง "So Hot" และ "This Time" ในรายการ MBC's  Show! Music Core เนื่องจากยูบินมีอาการบาดเจ็บเส้นเสียงจึงต้องลิปซิงค์ชั่วคราวในท่อนของเธอตามคำสั่งของแพทย์[18]

หลังจากช่วงพักที่สั้นมาก วันเดอร์เกิลส์ได้คัมแบคในช่วงต้นปี ค.ศ. 2008 โดยได้ปล่อยมิวสิควิดีโอเพลง "Nobody" และวางจำหน่ายดิจิทัลซิงเกิลในเวลาเดียวกัน สุดสัปดาห์ต่อมาพวกเธอได้ขึ้นแสดงในรายการ Show! Music Core , Music Bank และ Inkigayo เพลงขึ้นสู่อันดับ 1 ในรายการ KBS 'Music Bank' และอยู่ที่อันดับเดิมติดต่อกันเป็นเวลานานถึงสี่สัปดาห์[19] และยังชนะรางวัล Cyworld's "Song of the Month"[20] ในเดือนกันยายนและเดือนตุลาคมปี ค.ศ. 2008 "Nobody" ยังจุดประกายกระแสความคลั่งไคล้ในการเต้นเหมือนกับ "Tell Me" อีกด้วย[21]

ในงาน Mnet KM Music Festival ประจำปี ค.ศ. 2008 วันเดอร์เกิลส์ได้รับรางวัล 3 รางวัล ได้แก่รางวัล "Song of the Years" รางวัล "Best Music Video" สำหรับเพลง "Nobody" และรางวัล "Best Female Group"[22] และวันเดอร์เกิลส์ยังชนะรางวัลในงาน 2008 Golden Disk Awards สำหรับยอดขายดิจิทัลที่สูง[23] และที่งาน Seoul Music Awards ครั้งที่ 18 วันเดอร์เกิลส์ชนะรางวัล "ศิลปินแห่งปี (Daesang)" ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดสำหรับ "Nobody" นอกเหนือจากรางวัลอื่นๆ อีกสองรางวัล[24]

ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2008 วันเดอร์เกิลส์ได้เซ็นสัญญากับบริษัท Creative Artists Agency (CAA) ในช่วงสิ้นปี ค.ศ. 2008 พวกเธอมีรายได้โดยในนามวงเป็นมูลค่ากว่า 12,000 พันล้านวอน (10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)[25]

ปี ค.ศ. 2009 - 2010 มุ่งเน้นการทำกิจกรรมในต่างประเทศและการเปลี่ยนแปลงสมาชิก

[แก้]
วันเดอร์เกิลส์ ขณะที่กำลังแสดงเพลง "Tell Me" ในวันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ. 2010 ที่ The Fillmore เมืองซานฟรานซิสโก จากซ้ายไปขวา: เยอึน, โซฮี, ฮเยริม, ยูบิน และ ซ็อนเย

การทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแรกของวันเดอร์เกิลส์ เริ่มขึ้นในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2009 ที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ด้วยกันกับ พัค จิน-ย็อง ผู้ดูแลของพวกเธอ พวกเธอจัดคอนเสิร์ตตลอดทั่วทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา[26] แล้วจึงกลับไปยังเกาหลีใต้เพื่อแสดงคอนเสิร์ตในช่วงปลายเดือนมีนาคมในกรุงโซลและปูซาน[27] การแสดงในทัวร์ครั้งนี้ได้บันทึกไว้ในเรียลลิตี้โชว์ Welcome to Wonderland  ทางช่อง Mnet ต่อมาวันเดอร์เกิลส์ได้ปล่อยมิวสิควิดีโอคัฟเวอร์เพลง "Now" ของวงฟิน.เค.แอล หลังจากทัวร์คอนเสิร์ตเสร็จสิ้นลง

ในเดือนมีนาคมปี ค.ศ. 2009 วันเดอร์เกิลส์ได้ยืนยันว่าวงจะเปิดตัวเพลงภาษาอังกฤษสำหรับการโปรโมตในสหรัฐอเมริกา โดยจะมีการเปิดตัว "Nobody" เวอร์ชันภาษาอังกฤษในช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 2009[28] หลังจากออกวางจำหน่ายแล้วจะตามมาด้วย "Tell Me" เวอร์ชันภาษาอังกฤษและอัลบั้มภาษาอังกฤษในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2009[29] ในเวลาต่อมาเจวายพีได้ประกาศว่าวันเดอร์เกิลส์จะได้ร่วมงานกับโจนาสบราเธอร์สในทัวร์คอนเสิร์ต 'North America leg of the Jonas Brothers World Tour 2009' เพื่อสร้างความสนใจให้กับการเปิดตัวครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา โดยทั้งโซฮีและซ็อนมีได้ลาออกจากโรงเรียนมัธยม[30][31] เพลง "Nobody" เวอร์ชันภาษาอังกฤษได้ถูกปล่อยในวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 2009 ซึ่งเป็นวันก่อนที่จะเริ่มต้นของการทัวร์ของพวกเธอกับโจนาสบราเทอร์ส วันเดอร์เกิลส์ได้เซ็นสัญญาในครั้งแรกเป็นเวลา 13 วันสำหรับการทัวร์คอนเสิร์ตในสหรัฐอเมริกา แต่ในที่สุดพวกเธอก็ได้รับโอกาสให้ร่วมแสดงกับโจนาสบราเทอร์สในการแสดงคอนเสิร์ตทั้งหมด 45 วัน[32] ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2009 เพลง "Nobody" ติดอันดับบนชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100 ทำให้พวกเธอกลายเป็นศิลปินกลุ่มแรกจากประเทศเกาหลีใต้ที่มีเพลงติดอันดับบนชาร์ต[3][33] นอกจากนี้เพลงยังติดอันดับสูงสุดบนชาร์ตเพลงของไต้หวันและฮ่องกง[34]

ในวันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 2010 เจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์ได้ประกาศว่าซ็อนมีจะพักการทำงานดนตรีในอาชีพศิลปินของเธอเพื่อกลับไปศึกษาต่อ และฮเยริม (ลิม) ซึ่งเป็นเด็กฝึกหัดของบริษัทจะเข้ามาแทนที่ตำแหน่งของเธอ[35][36] ซ็อนมียังคงทำงานเป็นสมาชิกของวันเดอร์เกิลส์ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์เพื่อที่จะดำเนินการตามกำหนดการให้เสร็จสมบูรณ์ การถอนตัวของซ็อนมีทำให้เกิดความสับสนต่อชาวอเมริกันบางกลุ่ม วันเดอร์เกิลส์เตรียมจัดทำอัลบั้มภาษาอังกฤษโดยประกอบด้วยเพลงจากซิงเกิลเกาหลีในเวอร์ชันภาษาอังกฤษหกเพลงและอีกครึ่งหนึ่งเป็นเพลงใหม่ที่จะวางขายในเดือนกุมภาพันธ์ 2010[37] พวกเธอยังวางแผนที่จะมีการจัดทัวร์คอนเสิร์ตในเดือนมกราคม ค.ศ. 2010 อย่างไรก็ตามเนื่องจากการถอนตัวของซ็อนมี ทำให้แผนสำหรับการทัวร์ล่าช้ากว่ากำหนดและแผนการวางจำหน่ายอัลบั้มถูกล้มเลิกในที่สุด[38]

วันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 2010 วันเดอร์เกิลส์ประกาศทัวร์ 20 ชุดการแสดงในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาในชื่อว่า "The Wonder World Tour" เป็นเวลา 9 วันร่วมกับ Live Nation ซึ่งรวมถึงวงทูพีเอ็มจากบริษัทเดียวกัน[39] ทัวร์ประกอบด้วยผลงานเพลงที่มีชื่อเสียงของวงในเวอร์ชันภาษาอังกฤษและภาษาเกาหลี เพลงคัฟเวอร์ภาษาอังกฤษที่กำลังเป็นที่นิยมและเพลงใหม่จากอัลบั้มที่กำลังจะวางขาย[40] รอบแรกของทัวร์เริ่มต้นที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 2010 และในที่สุดก็ขยายไปถึงการเพิ่มรอบ ซึ่งวงทูเอเอ็มจากบริษัทเดียวกันจะร่วมแสดงในช่วงวันเวลาตามกำหนดการดังกล่าว[41]

วันเดอร์เกิลส์ประกาศเปิดตัวอีพีล่าสุดต่อจากการทัวร์ของพวกเธอในชื่อ "2 Different Tears" เพลงไตเติลถูกบันทึกเป็นภาษาจีน, ภาษาเกาหลี และภาษาอังกฤษ มิวสิกวิดีโอเพลง "2 Different Tears" รอบปฐมทัศน์ได้เผยแพร่บนยูทิวบ์ในวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 ที่จังหวัดคย็องกีในประเทศเกาหลีใต้ มิวสิควิดีโอประกอบด้วยพัค จิน-ย็อง และนักแสดงตลกชาวเกาหลี - อเมริกัน บ็อบบีลี[42] และอีพีได้ถูกปล่อยในวันเดียวกัน

วันเดอร์เกิลส์ ในวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 2010 ณ Concept Korea Front Row Spring 2011 MBFW

ในระหว่างวันที่ 15 และ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 วันเดอร์เกิลส์ได้เดินทางกลับไปยังประเทศเกาหลีใต้เพื่อโปรโมตเพลง "2 Different Tears" เวอร์ชันภาษาเกาหลี พวกเธอปรากฏตัวบนเวทีในรายการ Mnet's M! Countdown ในวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 และต่อมาในวันที่ 27 พฤษภาคม วันเดอร์เกิลส์ชนะรางวัลอันดับที่ 1 จาก "2 Different Tears" ในรายการ M! Countdown ทางช่อง M.Net วงสิ้นสุดการโปรโมตสัปดาห์สุดท้ายของพวกเธอในเกาหลีใต้โดยการแสดงในรายการ MBC's Music Core ในวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 ในระหว่างช่วงสองสัปดาห์นี้ วันเดอร์เกิลส์ได้ปรากฏตัวในรายการวาไรตี้โชว์และรายการทอลค์โชว์ของประเทศเกาหลีใต้หลายรายการ รวมถึง KBS's Win Win, Happy Together, SBS's Family Outing 2 และ MBC's Come to Play

วันที่ 29 กรกฎาคม MTV Wonder Girls ซีซั่นที่ 4 ออกอากาศรอบปฐมทัศน์ผ่านช่อง MTV Korean ซึ่งนำเสนอชีวิตประจำวันของวันเดอร์เกิลส์ในประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น หอพักที่นิวยอร์กและสตูดิโอของพวกเธอ และการเตรียมการสำหรับ MTV World Stage Live in Malaysia 2010 [43] โดยงาน MTV World Stage Live in Malaysia 2010 ถูกจัดขึ้นในวันที่ 31 กรกฎาคม ที่ซันเวย์ ลากูน เซิร์ฟบีช ในประเทศมาเลเซีย และการแสดงถูกถ่ายทอดสดในวันที่ 21 สิงหาคมผ่านทางสถานี MTV Asia[44] [45] วันที่ 30 กรกฎาคม M.net ออกอากาศรอบปฐมทัศน์ของ Made in Wonder Girls รายการใหม่ที่นำเอาผู้ชมจากเบื้องหลังของการทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแรกของวันเดอร์เกิลส์ในสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับการโปรโมตของพวกเธอในประเทศสิงคโปร์และอินโดนีเซีย และวันเดอร์เกิลส์ยังได้แสดงที่งาน SINGfest 2010 ในวันที่ 3 สิงหาคม ณ สวนฟอร์ทแคนนิง ประเทศสิงคโปร์[46]

ปี ค.ศ. 2011 - 2012 อัลบั้ม Wonder World และการทำกิจกรรมในต่างประเทศ

[แก้]
วันเดอร์เกิลส์ ขณะที่กำลังแสดงเพลง "Be My Baby" ที่งาน 2011 Korea Entertainment Awards. จากซ้ายไปขวา: โซฮี, ซ็อนเย, ยูบิน, เยอึน, ฮเยริม

ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2011 มีการเผยแพร่ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัลบั้มภาษาอังกฤษ พัค จิน-ย็องผู้บริหารของเจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์ บอกใบ้ในบัญชีทวิตเตอร์ของเขาว่าเขาได้เขียนเพลงใหม่ให้กับวงในขณะที่ถ่ายทำละครโทรทัศน์เรื่อง มุ่งสู่ดาว ก้าวตามฝัน[47] และต่อมาพัค จิน-ย็องได้ทวีตว่ามีโปรดิวเซอร์รายอื่นที่มีส่วนร่วมในการทำอัลบั้มในครั้งนี้ด้วย[48] ส่วน Rainstone นักแต่งเพลงของเจวายพีเอนเตอร์เทนต์เมนต์กล่าวว่า อัลบั้มนี้คาดว่าจะมีเพลงจำนวน 6 ถึง 7 เพลง โปรดิวเซอร์ร็อดนีย์ เจอร์กินส์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Darkchild และโคลด เคลลี นักแต่งเพลงที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ได้รับการเปิดเผยว่าจะมีส่วนร่วมในอัลบั้มนี้และอัลบั้มนี้จะดำเนินการวางจำหน่ายโดยหนึ่งในสามค่ายเพลงขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกา

ในวันที่ 30 มิถุนายน ได้มีการประกาศบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของวันเดอร์เกิลส์ว่าวงได้รับเชิญให้ไปแสดงในพิธีปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกประจำปี ค.ศ. 2011 ที่เมืองเอเธนส์ ประเทศกรีซ โดยพวกเธอได้แสดงเพลงพื้นบ้านของเกาหลี "Arirang" พร้อมด้วยเพลง "Nobody" ในเวอร์ชันภาษาอังกฤษและเพลง "Tell Me" เวอร์ชันภาษาเกาหลี วันที่ 5 สิงหาคม วันเดอร์เกิลส์ปรากฏตัวในรายการ Mashup Monday ของบิลบอร์ดโดยการแสดงเพลง "Nothin 'on You"[49] ของบี.โอ.บีและบรูโน มาส์ เวอร์ชันคัฟเวอร์ที่เรียบเรียงใหม่โดยพวกเธอเอง ต่อมาในวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 2011 ทางตัวแทนของบริษัทเจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์ได้เปิดเผยว่า "อัลบั้ม (ภาษาอังกฤษ) จะถูกจัดทำในรูปแบบของเพลง OST ประกอบภาพยนตร์ เราจะวางแผนคอนเซปต์ของเราให้ลงตัวกับอารมณ์ของเพลง ซึ่งตรงข้ามกับแนวย้อนยุค เราคิดว่าจะมีความเป็นเพลงป็อปมากกว่า และวันเดอร์เกิลส์จะคัมแบคด้วยคอนเซ็ปต์ใหม่อย่างแน่นอน ดังนั้นโปรดรอติดตามด้วย"

ในวันที่ 23 ตุลาคม เจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์ได้เปิดเผยโปสเตอร์ใหม่ "RU Ready?" ติดอยู่เหนือตึกของบริษัทพร้อมด้วยโลโก้รุ่นใหม่ของวันเดอร์เกิลส์ "Wonder World" ได้รับการประกาศให้เป็นอัลบั้มเต็มชุดที่สองของวงและถูกปล่อยในวันที่ 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011 ตามมาด้วยซิงเกิล "Be My Baby" การที่สมาชิกในวงมีส่วนร่วมในการเขียนและในขั้นตอนการผลิตมากขึ้นเป็นจุดเด่นของอัลบั้มนี้ การโปรโมตสำหรับอัลบั้ม "Wonder World" เริ่มต้นการกลับมาด้วยการแสดงบนเวทีในวันที่ 11 พฤศจิกายนในรายการ Music Bank และต่อเนื่องจนถึงเดือนมกราคม ค.ศ. 2012[50]

วันเดอร์เกิลส์ ขณะที่กำลังแสดงในระหว่างคอนเสิร์ต Wonder World Tour (วันเดอร์ เวิลด์ ทัวร์) ที่ประเทศสิงค์โปร์ ในวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 2012

ในช่วงต้นปี ค.ศ. 2012 วงได้กลับไปทำกิจกรรมในสหรัฐอเมริกากับภาพยนตร์ทางโทรทัศน์เรื่อง The Wonder Girls ในวันที่ 11 มกราคมวงได้ปล่อยเพลง "The DJ Is Mine" เพลงภาษาอังกฤษที่ฟิเจอริงกับ School Gyrls เป็นซิงเกิลโปรโมตควบคู่กันสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ "The DJ Is Mine" คว้าอันดับหนึ่งบนชาร์ตเพลงหลายชาร์ตของเกาหลีใต้ ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ทางช่อง TeenNick และมี "Like Money" เพลงภาษาอังกฤษที่ยังไม่วางจำหน่ายเป็นซิงเกิลโปรโมตสำหรับประกอบภาพยนตร์ หลังจากการเปิดตัวภาพยนตร์วงได้รับข้อเสนอจากบริษัทกระจายเสียงรายใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกาและกำลังเจรจาเกี่ยวกับการโปรโมตเต็มรูปแบบในสหรัฐฯ และกิจกรรมสำหรับอัลบั้มภาษาอังกฤษชุดแรกของพวกเธอ อัลบั้ม 12 แทร็กได้รับการกล่าวถึงว่าจะเสร็จสมบูรณ์และมีกำหนดการปล่อยในช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 2012[51]

วันเดอร์เกิลส์ได้กลับมายังประเทศเกาหลีใต้ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2012 และได้ปล่อยมินิอัลบั้ม "Wonder Party" ในวันที่ 3 มิถุนายน 2012 "Like This" ซิงเกิลโปรโมตของอัลบั้มนี้ได้ถูกปล่อยในวันเดียวกัน ต่อมาในช่วงกลางเดือนมิถุนายนมีการประกาศว่าวงจะเปิดตัวในประเทศญี่ปุ่นภายใต้สังกัด DefStar Records ด้วยการเปิดตัวเพลง "Nobody" เวอร์ชันภาษาญี่ปุ่น ซิงเกิลที่ถูกปล่อยใช้ชื่อว่า "Nobody for Everybody" และได้ปล่อยวางจำหน่ายในวันที่ 25 กรกฎาคม[52]

ต่อมาในวันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 เวอร์ชันใหม่ของ "Like Money" ซึ่งฟิเจอริ่งกับเอค่อนได้ถูกปล่อยวางจำหน่ายเป็นรูปแบบซิงเกิลในสหรัฐอเมริกา และจะกลายเป็นเพลงเวอร์ชันภาษาอังกฤษฉบับสมบูรณ์เพลงสุดท้ายของวงที่วางจำหน่าย ในช่วงต้นเดือนกันยายนปี ค.ศ. 2012 วันเดอร์เกิลส์ได้แสดงเพลงใหม่ 3 เพลงจากอัลบั้มภาษาอังกฤษที่กำลังจะปล่อยของพวกเธอในงานคอนเสิร์ตของไอฮาร์ทเรดิโอ ต่อมาในวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 2012 วันเดอร์เกิลส์ได้เข้าร่วมการสัมภาษณ์กับนิก แคนนอน ซึ่งพวกเธอได้กล่าวถึงการเปิดตัวอัลบั้มภาษาอังกฤษของพวกเธอและรายการโชว์ใหม่ที่แสดงให้เห็นวันเดอร์เกิลส์ในมุมมองอื่นที่แตกต่างออกไปจากจากภาพยนตร์ต้นฉบับของพวกเธอ[53] ในวันที่ 14 พฤศจิกายน วันเดอร์เกิลส์ได้ปล่อยอัลบั้ม "Wonder Best" ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งประกอบด้วยเพลงใหม่ เพลงเก่าที่เป็นที่นิยมในเวอร์ชันปรับปรุงแล้วและเพลงของวงในเวอร์ชันภาษาญี่ปุ่น

ปี ค.ศ. 2013 - 2014 การหยุดพักการทำกิจกรรมวง และการถอนตัวของซ็อนเยและโซฮี

[แก้]

ซ็อนเยได้ประกาศว่าเธอกำลังจะแต่งงานในช่วงเดือนมกราคม ค.ศ. 2013 ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ต่อมาเจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์ได้ประกาศว่าวงจะอยู่ในสถานะว่างจากการทำกิจกรรม ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 วันเดอร์เกิลส์ได้ทำการแสดงของพวกเธอในงาน 'Winter Special Olympics in Pyeong Chang' ณ ประเทศเกาหลีใต้[54] เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่พวกเธอจะหยุดพักการทำกิจกรรมวง

ซ็อนเยให้กำเนิดบุตรสาวคนแรกในเดือนตุลาคมปี ค.ศ. 2013[55]เจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์ปฏิเสธการออกจากวงของซ็อนเยและระบุว่าเธอยังคงเป็นสมาชิกของวันเดอร์เกิลส์อยู่โดยไม่คำนึงถึงสถานะที่ว่างจากการทำกิจกรรมของเธอ[56][57][58][59] ต่อมาในเดือนธันวาคมปี ค.ศ. 2013 โซฮีได้ตัดสินใจออกจากเจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์และเซ็นสัญญากับ KeyEast Entertainment เพื่อมุ่งเน้นในอาชีพนักแสดงของเธอ[60][61][62] ในเดือนธันวาคมปี ค.ศ. 2014 ซ็อนเยออกจากวงการบันเทิงอย่างเป็นทางการเพื่อมุ่งสู่การใช้ชีวิตส่วนตัวของเธอกับครอบครัวและงานเผยแผ่ศาสนาของเธอในเฮติกับสามีของเธอ ทำให้แผนการปล่อยอัลบั้มภาษาอังกฤษ ซีรีส์ทางโทรทัศน์และการโปรโมตในสหรัฐอเมริกาในอนาคตของวง ถูกยกเลิกทั้งหมด[63]

ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2013 อดีตสมาชิกของวง ซ็อนมี ได้เปิดตัวเป็นศิลปินเดี่ยวพร้อมกับซิงเกิลแรก "24 Hours"[64][65] ในปีถัดมาซ็อนมีได้ปล่อยอีพีแรกของเธอในชื่อ "Full Moon" ต่อมาในวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2014 มีการประกาศว่าเยอึนจะเปิดตัวเป็นศิลปินเดี่ยวภายใต้นามแฝง "ฮอตเฟลต์" ("Ha:tfelt" การรวมกันของคำว่า "Hot" และ "Heartfelt") "Me?" มินิอัลบั้มชุดแรกแรกของเธอได้ถูกปล่อยในวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 2014[66]

ปี ค.ศ. 2015 การเปลี่ยนแปลงสมาชิกและการกลับมาพร้อมอัลบั้ม REBOOT

[แก้]
วันเดอร์เกิลส์ ขณะที่กำลังแสดง ณ พิธีเปิดงานสำหรับทีมนักกีฬาโอลิมปิกของประเทศเกาหลีใต้ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2016
จากซ้ายไปขวา: ซ็อนมี, เยอึน, ฮเยริม, ยูบิน

วันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 2015 เจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์ได้ประกาศว่าวันเดอร์เกิลส์กำลังจะกลับมาหลังว่างจากการทำกิจกรรมวงเป็นเวลานานถึงสามปี ตัวแทนของค่ายยืนยันว่าอดีตสมาชิกซ็อนมีจะกลับเข้าร่วมวงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ถอนตัวไปในปี ค.ศ. 2010[67] วันเดอร์เกิลส์เปลี่ยนรูปแบบจากกลุ่มดนตรีร้องเต้น เป็นวงดนตรีที่มีสมาชิกสี่คนพร้อมด้วยสมาชิกแต่ละคนเล่นเครื่องดนตรี ได้แก่ ยูบิน (กลอง), เยอึน (คีย์บอร์ด), ฮเยริม (กีตาร์) และซ็อนมี (เบส) การกลับมาของพวกเธอมีจุดเด่นเป็นคอนเซ็ปต์สไตล์ย้อนยุค, เสียงสะท้อนแบบยุคทศวรรษที่ 1980 ตลอดทั้งอัลบั้ม คล้ายกับผลงานเพลงที่ผ่านมาของพวกเธอ[68] "I Feel You" ซิงเกิ้ลโปรโมตจากอัลบั้มได้ถูกปล่อยในวันที่ 2 สิงหาคม ต่อมาในวันที่ 3 สิงหาคม วงปล่อยอัลบั้มที่เต็มชุดที่สามในชื่อ "REBOOT"[69] อัลบั้มประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์โดยได้อันดับที่ 5 บนชาร์ต Gaon Albums Chart และอันดับที่สองบนชาร์ต Billboard World Albums[70] สมาชิกแต่ละคนมีส่วนร่วมในขั้นตอนการเรียบเรียงและการผลิตอัลบั้มในครั้งนี้[71]

ในวันที่ 2 ตุลาคม มีประกาศว่าวันเดอร์เกิลส์จะเป็นแขกรับเชิญในรายการ Saturday Night Live Korea พวกเธอได้แสดงเพลงที่เป็นที่นิยมได้แก่ "I Feel You", "Nobody" และ "Tell Me" ต่อมาในวันที่ 27 ธันวาคม วงได้ขึ้นแสดงในรายการ SBS Gayo Daejeon และรายการ MBC Gayo Daejejeon ในวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 2015 โดยอัลบั้ม "REBOOT" ได้อันดับที่ 1 จากการจัดอันดับในลิสต์รายการ 'The Best 10 K-Pop Albums' ประจำปี ค.ศ. 2015 โดยบิลบอร์ด[72] และอันดับที่ 18 ในการจัดอันดับในลิสต์รายการ 'The 20 Best Albums of 2015' โดย FuseTV[73]

ปี ค.ศ. 2016 - 2017 ซิงเกิล Why So Lonely และการยุติกิจกรรมวง

[แก้]

ในช่วงกลางปี ค.ศ. ​​2016 วันเดอร์เกิร์ลส์ได้เริ่มต้นโปรโมตซิงเกิลที่กำลังจะมาถึง ในวันที่ 18 มิถุนายน วงได้ปล่อยหนึ่งในเพลงบีไซด์ชื่อว่า "To The Beautiful You" ต่อมาในวันที่ 5 กรกฎาคม วันเดอร์เกิลส์ได้ปล่อยเพลง "Why So Lonely" พร้อมด้วยเพลงบีไซด์ "To the Beautiful You" และ "Sweet & Easy" ในรูปแบบของซีดีและดิจิทัลซิงเกิล ซิงเกิลนี้ประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์ในประเทศเกาหลีใต้ โดยมียอดดาวน์โหลดในรูปแบบดิจิทัลติดอันดับสูงสุดบนชาร์ต Gaon Digital Chart และในวันที่ 12 กรกฎาคม วงได้แสดงเวอร์ชันเต้นของเพลง "Why So Lonely" เป็นครั้งแรกในรายการ The Show ทางช่อง SBS MTV และชนะรางวัลจากรายการเพลงในสัปดาห์นั้น ถือเป็นการชนะรางวัลอันดับหนึ่งในรายการเพลงครั้งแรกของพวกเธอนับตั้งแต่ที่ปล่อยเพลง "Like This" ในปี ค.ศ. 2012[74] และวงยังได้แสดงเพลงนี้ในพิธีเปิดงานกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนประจำปี ค.ศ. 2016 ในวันที่ 19 กรกฎาคมสำหรับทีมนักกีฬาโอลิมปิกของเกาหลีใต้[75]

ในวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 2017 เจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์ได้ประกาศว่าวันเดอร์เกิลส์กำลังจะยุติกิจกรรมวง โดยมีเพียง ยูบิน และ ฮเยริมที่ต่ออายุสัญญาใหม่ในขณะที่เยอึน และ ซ็อนมี ตัดสินใจออกจากบริษัท[76][77] ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 วงได้ปล่อยซิงเกิลสุดท้าย "Draw Me" และในขณะเดียวกันยังถือเป็นซิงเกิลสำหรับการฉลองครบรอบปีที่ 10 ของวงนับตั้งแต่เปิดตัวในปี ค.ศ. 2007[78][79]

ลักษณะงานศิลป์ และอิทธิพล

[แก้]

รูปแบบดนตรี

[แก้]

วันเดอร์เกิลส์เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีสำหรับเสียงและคอนเซปต์แบบย้อนยุคที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของวง จะสังเกตได้ว่าเพลงของพวกเธอมีองค์ประกอบของดนตรีจากช่วงระหว่างทศวรรษที่ 1960, 1970 และ 1980[7] วันเดอร์เกิลส์เป็นที่รู้จักในนาม "ราชินีแห่งคอนเซปต์แนวย้อนยุคของเกาหลีใต้"[6] จากจุดเด่นในเพลงของพวกเธอที่มีองค์ประกอบทั้งจากช่วงทศวรรษที่ 1960 ในเพลงที่เป็นที่นิยมอย่าง "Nobody", ช่วงทศวรรษที่ 1970 ในเพลง "Why So Lonely" และช่วงทศวรรษที่ 1980 ที่สามารถได้ยินได้จากในเพลง "Tell Me", "So Hot", "2 Different Tears", "Be My Baby" และ "I Feel You" มิวสิกวิดีโอของพวกเธอยังอ้างอิงถึงแฟชั่นแนวย้อนยุคและการแสดงแบบย้อนยุค โดยเพลง "Nobody" ได้รับแรงบันดาลใจส่วนใหญ่มาจากวัฒนธรรมแอฟริกัน-อเมริกันในช่วงยุคทศวรรษที่ 1960 และวงอาร์แอนด์บีชื่อดังอย่างเดอะซูพรีมส์ ส่วนเพลง "I Feel You" เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1987 และแสดงให้เห็นถึงการเล่นเครื่องดนตรีของสมาชิกแต่ละคนและฉากต่าง ๆ หลายฉากที่ได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากจากช่วงยุคทศวรรษที่ 1980

สมาชิกวง

[แก้]

วงประกอบด้วยสมาชิกห้าคนในช่วงเวลาที่วงเปิดตัวในปี ค.ศ. 2007 คือ ซ็อนเย, โซฮี, ฮย็อนอา, ซ็อนมี และ เยอึน ไม่นานหลังจากนั้นในปีเดียวกัน ฮย็อนอาได้ออกจากวงเนื่องจากปัญหาสุขภาพของเธอซึ่งนำไปสู่การเพิ่มยูบินมาแทนที่ตำแหน่งของเธอ ในปี ค.ศ. 2010 ซ็อนมีได้ถอนตัวออกจากวงเพื่อกลับไปศึกษาต่อและฮเยริมได้รับเลือกให้ทำหน้าที่แทนในตำแหน่งของเธอ โซฮีออกจากวงในช่วงปลายปี ค.ศ. 2013 ต่อด้วยการหมดสัญญาของเธอกับบริษัทเจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์ในเวลาต่อมา ในขณะที่ซ็อนเยถอนตัวจากวงในช่วงปลายปี ค.ศ. 2014 ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการถึงการถอนตัวออกจากวงของพวกเธอในเดือนกรกฎาคมปี ค.ศ. 2015[80] สำหรับการกลับมาของวงในปี ค.ศ. 2015 ซ็อนมีได้กลับมาร่วมวงและทำหน้าที่เป็นสมาชิกของวงร่วมกับ เยอึน, ยูบิน และ ฮเยริม วันเดอร์เกิลส์ยังคงทำกิจกรรมในรูปแบบวงดนตรีที่มีสมาชิกสี่คนต่อไปจนกระทั่งยุติกิจกรรมวงในปี ค.ศ. 2017

สมาชิกสุดท้าย
  • ยูบิน – นักร้องแร็ปหลัก, เสียงร้องเสริม, กลอง[81] (ค.ศ. 2007–2017)
  • เยอึน – หัวหน้าวง (ค.ศ. 2015–2017), เสียงร้องหลัก, คีย์บอร์ด[81] (ค.ศ. 2007–2017)
  • ซ็อนมี – นักเต้นหลัก, เสียงร้องเสริม, กีตาร์เบส[81] (ค.ศ. 2007–2010; ค.ศ. 2015–2017)
  • ฮเยริม – เสียงร้องเสริม, นักร้องแร็ปนำ, กีตาร์โปร่ง[81] (ค.ศ. 2010–2017)
สมาชิกก่อนหน้า
  • ฮย็อนอา – แร็ปเปอร์หลัก, นักเต้นหลัก, เสียงร้องเสริม (ค.ศ. 2007)
  • โซฮี – นักเต้นหลัก, เสียงร้องเสริม (ค.ศ. 2007–2015)
  • ซ็อนเย – หัวหน้าวง, เสียงร้องหลัก, นักเต้นนำ (ค.ศ. 2007–2015)

ลำดับสมาชิก

[แก้]

สมาชิกวันเดอร์เกิลส์เป็นที่รู้จักกันในชื่อภาษาอังกฤษได้แก่ Yubin, Yenny, Sun, Mimi, HyunA, Sohee และ Lim

ชื่อ วันเกิด ตำแหน่ง เครื่องดนตรี ปีที่เข้าร่วม (ค.ศ. ) ออกจากวง (ค.ศ. ) ปัจจุบัน สังกัดปัจจุบัน
ไทย โรมัน ฮันกึล
คิม ยู-บิน Kim Yu-Bin 김유빈 4 ตุลาคม พ.ศ. 2531 (36 ปี) นักร้องสนับสนุน, นักเต้นนำ, แร็ปเปอร์หลัก กลอง 2007 2017 ศิลปินเดี่ยว RRR Entertainment
พัก เย-อึน Park Ye-Eun 박예은 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2532 (35 ปี) นักร้องเสียงหลัก คีย์บอร์ด 2007 2017 ศิลปินเดี่ยว Ameoba Culture
มิน ช็อน-เย Min Sun-Ye 민선예 12 สิงหาคม พ.ศ. 2532 (35 ปี) หัวหน้าวง, นักร้องเสียงหลัก N/A 2007 2014 N/A Blockberry Creative
อี ซ็อน-มี Lee Sun-Mi 이선미 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 (32 ปี) นักร้องนำ, นักเต้นนำ, แร็ปเปอร์ เบส 2007, 2015 2010, 2017 ศิลปินเดี่ยว Abyss Company
คิม ฮย็อน-อา Kim Hyun-a 김현아 6 มิถุนายน พ.ศ. 2535 (32 ปี) แร็ปเปอร์หลัก, นักเต้นหลัก, นักร้องสนับสนุน N/A 2007 2007 ศิลปินเดี่ยว P-Nation
อัน โซ-ฮี Ahn So-Hee 안소희 27 มิถุนายน พ.ศ. 2535 (32 ปี) นักร้องเสริม, นักเต้นหลัก N/A 2007 2013 นักแสดง KeyEast Entertainment
อู ฮเย-ริม Woo Hye-Rim 우혜림 1 กันยายน พ.ศ. 2535 (32 ปี) นักร้องเสริม,นักเต้นหลัก, แร็ปเปอร์นำ กีตาร์ 2010 2017 ศิลปินเดี่ยว RRR Entertainment

เส้นเวลา

[แก้]

ผลงานเพลง

[แก้]
  • The Wonder Years (ค.ศ. 2007)
  • Wonder World (ค.ศ. 2011)
  • Reboot (ค.ศ. 2015)

ผลงานการถ่ายทำ

[แก้]

ภาพยนตร์

[แก้]
เรื่อง ปี (ค.ศ. ) บทบาท หมายเหตุ
The Last Godfather 2010 Cameo แสดงเพลง "Nobody"
The Wonder Girls 2012 ตัวเอง ภาพยนตร์ทางทีวี

รายการโทรทัศน์

[แก้]
รายการ ปี (ค.ศ. ) หมายเหตุ
MTV Wonder Girls 2006 – 2010 รายการเรียลลิตี้โชว์รายการแรก
Wonder Bakery[82] 2008 รายการเรียลลิตี้โชว์รายการที่ 2
Welcome to Wonderland[83] 2009 สารคดีของวันเดอร์เกิลส์
Made in Wonder Girls 2010 รายการเรียลลิตี้โชว์รายการที่ 3
Star Life Theater 2011 รายการเรียลลิตี้การกลับมาในอัลบั้ม Wonder World

การแสดงสัญจร

[แก้]
แสดงนำ
  • 1st Wonder Tour (ค.ศ. 2009)
  • Wonder Girls World Tour (ค.ศ. 2010)
  • Wonder World Tour (ค.ศ. 2012)
แสดงเปิดงาน
  • Jonas Brothers World Tour 2009 (ค.ศ. 2009)

เจวายพีเนชั่น

[แก้]
  • JYP Nation (ค.ศ. 2009)
  • JYP Nation "Team Play" (ค.ศ. 2010)
  • JYP Nation (ค.ศ. 2011)
  • JYP Nation "One Mic" (ค.ศ. 2014)
  • JYP Nation "Hologram Concert" (ค.ศ. 2016)
  • JYP Nation "Mix & Match" (ค.ศ. 2016)

อ้างอิง

[แก้]
  1. Yi, Dong-jun (March 13, 2007). 원더걸스, "남자 가수로 구성된 팬클럽 있다!" (ภาษาเกาหลี). Paran Media. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 14, 2007. สืบค้นเมื่อ March 18, 2007.
  2. "《On Air》代言人神秘美女5人组" (ภาษาจีน). Eastday. March 7, 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 21, 2007. สืบค้นเมื่อ March 19, 2007.
  3. 3.0 3.1 Pietroluongo, Silvio (October 22, 2009). "Jay Sean Recaptures Hot 100's Top Slot". Billboard. สืบค้นเมื่อ October 22, 2009.
  4. Nobody Songfacts. Songfacts.com. Retrieved August 14, 2012.
  5. "Wonder Girls Make Big Return to Billboard Charts With 'Reboot' Album". Billboard. สืบค้นเมื่อ March 12, 2016.
  6. 6.0 6.1 "Ranking K-Pop's best 15 retro concepts". allkpop. October 21, 2016. สืบค้นเมื่อ February 10, 2017.
  7. 7.0 7.1 "Wonder Girls at Nine: The Ups and Downs of K-Pop's Enduring Girl Group". PopCrush. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 11, 2017. สืบค้นเมื่อ June 25, 2017.
  8. "Wonder Girls - generasia". www.generasia.com. สืบค้นเมื่อ June 25, 2017.
  9. "MIAK: 2007 Sales Summary" (ภาษาเกาหลี). Music Industry Association of Korea. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 8, 2008. สืบค้นเมื่อ October 10, 2007.
  10. Kim, Gyeong Min (April 11, 2007). 완벽한 그녀들, 원더걸스 중국 쇼케이스 현장 (ภาษาเกาหลี). ETN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 21, 2008. สืบค้นเมื่อ January 13, 2008.
  11. Park, Eun-kyung (June 25, 2007). 원더걸스 소희, 촬영 중 오토바이 사고. Joynews24 (ภาษาเกาหลี). สืบค้นเมื่อ August 27, 2007.
  12. 12.0 12.1 Yang, Jeff. ASIAN POP: Next stop, Wonderland. San Francisco Chronicle. April 9, 2008. Retrieved March 2, 2009.
  13. Kim, Won-gyum (September 5, 2007). 원더걸스, 새멤버 공개..19세 김유빈. Star News (ภาษาเกาหลี). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 2, 2008. สืบค้นเมื่อ October 8, 2007.
  14. "[2007연예결산]올해의 사자성어 '원더걸스(原多渴水)'" (ภาษาเกาหลี). Gonews. December 31, 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 21, 2008. สืบค้นเมื่อ January 19, 2007.
  15. "Sohee's trademark look is all natural". allkpop. November 19, 2009. สืบค้นเมื่อ February 15, 2017.
  16. "Wonder Girls to Enter U.S. Market". KBS WORLD. December 20, 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-07-01. สืบค้นเมื่อ December 31, 2007.
  17. "원더걸스 'So Hot', 온라인 3관왕". สืบค้นเมื่อ May 29, 2008.
  18. 18.0 18.1 "Wonder Girls' Yubin Suffers Vocal Cord Injury". KBS World. May 28, 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-06-19. สืบค้นเมื่อ June 10, 2008.
  19. 원더걸스 JYP 선배 비 제치고 뮤직뱅크 1위 등극 เก็บถาวร 2012-07-17 ที่ archive.today. Newsen/Joins.com. October 24, 2008. Retrieved November 6, 2008.
  20. "원더걸스 '노바디' 싸이월드 판매량 2달 연속 1위". 아시아경제 asiae.co.kr. November 18, 2008. สืบค้นเมื่อ November 4, 2019.
  21. Nobody sparks dance craze. The Straits Times. May 17, 2009. Retrieved June 13, 2009.
  22. Kim, Shi-eun (November 16, 2008). "'MKMF 3관왕' 원더걸스 "변치 않는 원더걸스 되겠다"" [MKMF Triple Winner Wonder Girls "Will Never Change"]. HanKyung.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 14, 2012. สืบค้นเมื่อ November 16, 2008.
  23. Jin, Hyang-hui (December 10, 2008). "추락하는 '골든디스크상'…10만장으로 '티격태격'?" [Falling "Golden Disk Awards"...Bickering over 100,000?]. Maeil Gyungjae. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-12-05. สืบค้นเมื่อ December 10, 2008.
  24. "원더걸스, '서울가요대상' 대상" [Wonder Girls, "Seoul Music Awards" Artist of the Year]. 연합뉴스 Yonhapnews. February 12, 2009. สืบค้นเมื่อ November 4, 2019.
  25. 원더걸스 `돈방석` 올 120억 벌었다 (Wonder Girls "Cash Cow", Have Earned 120 Billion). HanKyung.com. November 4, 2008. Retrieved November 6, 2008.
  26. "The JYP Tour 2009 with JYP and Wondergirls". Asian Journal. March 18, 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 22, 2012. สืบค้นเมื่อ August 17, 2011.
  27. Wonder Girls Pull Off First Concert With Success. The Korea Times. March 29, 2009. Retrieved April 9, 2009.
  28. Wonder Girls on MySpace. Retrieved March 2, 2009.
  29. Wondergirls to Make US Debut. The Korea Times. June 6, 2009. June 13, 2009.
  30. Jin, Hyang-hee. `원더걸스` 소희-선미, 고교 자퇴.. 왜? "Wonder Girls' So-hee & Sun-mi, High School Dropouts...Why?" เก็บถาวร 2012-07-22 ที่ archive.today. Maeil Kyeongjae. June 14, 2009. Retrieved June 14, 2009. (เกาหลี)
  31. Han, Sang-hee. "Two Members of Wonder Girls Quit School for US Debut". The Korea Times. June 15, 2009. Retrieved June 18, 2009.
  32. Newsdesk. "Wonder Girls Make Waves in the US as Opening Act for Jonas Brothers' Tour" เก็บถาวร สิงหาคม 28, 2009 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. MTV Asia. July 24, 2009. Retrieved August 23, 2009.
  33. "Wonder Girls Enters Billboard Hot 100". The Korea Times. October 22, 2009. สืบค้นเมื่อ August 17, 2011.
  34. "Wondergirls Top Taiwan and Hong Kong's Music Charts". KBS Global. April 1, 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 7, 2012. สืบค้นเมื่อ April 11, 2010.
  35. Wonder Girls World. wondergirlsworld.com (January 22, 2010).
  36. Park Han-na, บ.ก. (August 20, 2013). "선미 "원더걸스 탈퇴..후회 없다면 거짓말"" [No regrets leaving would be a lie: Ex-Wonder Girl Sunmi]. The Korea Herald. สืบค้นเมื่อ November 4, 2019.
  37. Bell, Crystal. "Breaking & Entering: The Wonder Girls". Billboard. November 20, 2009. Retrieved November 23, 2009.
  38. "Wonder Girls cancel tour after Sun Mi announces departure" เก็บถาวร กุมภาพันธ์ 9, 2010 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. JoongAng Daily. February 4, 2010. Retrieved February 6, 2010.
  39. Wonder Girls World. wondergirlsworld.com (April 5, 2010).
  40. "Wonder Girls Webchat!". Ustream.tv. September 14, 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-19. สืบค้นเมื่อ August 17, 2011.
  41. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-03-22. สืบค้นเมื่อ 2018-05-28.
  42. "Wonder Girls Release New Video – In Three Languages!". UsMagazine.com. สืบค้นเมื่อ August 17, 2011.
  43. "Wonder Girls reality TV to air". Korea Times. July 26, 2010. สืบค้นเมื่อ August 17, 2011.
  44. "MTV World Stage Live in Malaysia 2011". Worldstage.mtvasia.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 16, 2011. สืบค้นเมื่อ August 17, 2011.
  45. ""New Reality Program for Wonder Girls on Mnet Coming Soon!"". kpoplive.com. June 28, 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 4, 2010.
  46. "Wonder Girls to perform at Singfest 2010 on 3 August in Singapore". Dkpopnews.net. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-03-23. สืบค้นเมื่อ August 17, 2011.
  47. Park, J. Y. (January 13, 2011). "Just wrote a new Wonder Girls song while shooting Dream High. So excited cuz I think it's PRETTY good...Get ready girls!". twitter.com. สืบค้นเมื่อ June 25, 2017.
  48. Park, J. Y. (January 14, 2011). "I'm the most low-profile among the musicians and producers making the WG's new album. So get ur hopes up and hold tight everyone!". twitter.com. สืบค้นเมื่อ June 25, 2017.
  49. "Wonder Girls Cover B.o.B / Bruno Mars: The Poll Winner! – Mashup Mondays". Billboard.com. August 1, 2011. สืบค้นเมื่อ August 17, 2011.
  50. " Wonder Girls Arrives In Taiwan, Lim Sheds Tears In Upcoming Movie" เก็บถาวร 2014-10-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Wonderfuls World (January 7, 2012). Retrieved August 14, 2012.
  51. Wonder Girls :: Official Site " OFFICIAL ANNOUNCEMENT FROM JYPE //원더걸스 국내 활동에 관한 공지입니다 เก็บถาวร 2012-06-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Wondergirlsworld.com (May 11, 2012). Retrieved August 14, 2012.
  52. Wonder Girls Official Website(ワンダーガールズ オフィシャルウェブサイト) เก็บถาวร พฤษภาคม 16, 2012 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Wondergirls.jp (July 25, 2012). Retrieved 14 August 20.
  53. AXS TV (October 29, 2012). "Exclusive: In the Studio with Nick Cannon & Wonder Girls". สืบค้นเมื่อ June 25, 2017 – โดยทาง YouTube.
  54. Benjamin, Jeff (February 6, 2013). "Wonder Girls Begin Hiatus After Special Olympics Concert". Billboard. สืบค้นเมื่อ January 9, 2015.
  55. "Sunye Reveals the Korean Name of her Baby". Mwave. October 17, 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-03-31. สืบค้นเมื่อ 2018-05-28.
  56. "'아이티行' 선예..JYP "원걸 탈퇴·해체? 모두 아냐"". Naver News. March 18, 2014. สืบค้นเมื่อ March 19, 2014.
  57. "JYP Says Sunye Isn't Leaving Wonder Girls and Wonder Girls Isn't Disbanding". Mwave. March 18, 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-03-19. สืบค้นเมื่อ March 19, 2014.
  58. "JYP "선예, 원더걸스 탈퇴 아냐..여전히 소속 멤버"". Korea Daily (ภาษาเกาหลี). December 10, 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-12-10. สืบค้นเมื่อ December 10, 2014.
  59. 원더걸스 멤버 선예 "가수에 대한 공허감 컸다". Sports Donga (ภาษาเกาหลี). Naver. December 10, 2014. สืบค้นเมื่อ December 13, 2014.
  60. "소희 BH엔터테인먼트 "연기자 꿈, 원걸 멤버-JYP 식구 지지에 용기"". M-Wave. February 10, 2014. สืบค้นเมื่อ March 19, 2014.
  61. "Sohee's upcoming plans with BH Entertainment revealed". Allkpop. สืบค้นเมื่อ June 25, 2015.
  62. "Sunye officially retires from entertainment industry". koreaboo.com. December 10, 2014. สืบค้นเมื่อ June 25, 2017.
  63. "Sunye and Sohee Confirm Wonder Girls Departure - IdolWow!". idolwow.com. July 21, 2015. สืบค้นเมื่อ June 25, 2017.
  64. KpopStarz (June 24, 2015). "[BREAKING] Wonder Girls Announce Comeback As 4 Member Act Including Reintroduction of Original Member Sunmi". KpopStarz. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-03-31. สืบค้นเมื่อ January 30, 2017.
  65. jypentertainment (August 20, 2013), Sunmi(선미) "24 hours(24시간이 모자라)" M/V, สืบค้นเมื่อ January 30, 2017
  66. Jackson, Julie (July 31, 2014). "Wonder Girls' Yenny makes solo debut as HA:TFELT". The Korea Herald. สืบค้นเมื่อ September 12, 2014.
  67. "JYP "선예-소희, 원더걸스에서 공식 탈퇴" [공식입장]". 다음 연예. July 20, 2015. สืบค้นเมื่อ June 25, 2017.
  68. "Wonder Girls Make Their Comeback as an '80s-Inspired Band With 'I Feel You'". Billboard. สืบค้นเมื่อ January 30, 2017.
  69. Ho-jung, Won (June 24, 2015). "Wonder Girls confirmed to return as band". Kpop Herald. The Korean Herald. สืบค้นเมื่อ June 25, 2015.
  70. "The 10 Best K-Pop Albums of 2015: Wonder Girls, Seventeen, f(x), BTS, Red Velvet & More | Billboard". Billboard. สืบค้นเมื่อ December 31, 2015.
  71. ":: WONDERGIRLS Discorgraphy ::". wondergirls.jype.com (ภาษาเกาหลี). สืบค้นเมื่อ January 30, 2017.
  72. "The 10 Best K-Pop Albums of 2015: Wonder Girls, Seventeen, f(x), BTS, Red Velvet & More | Billboard". Billboard. สืบค้นเมื่อ December 31, 2015.
  73. "The 20 Best Albums of 2015". Fuse. สืบค้นเมื่อ December 16, 2015.
  74. Kim Ji-ha (July 12, 2016). "'더쇼' 원더걸스 1위 "팬들에게 제일 고맙다"" [Wonder Girls' win number one on 'The Show' – "Many thanks to the fans"]. TV Daily (ภาษาเกาหลี). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-08-13. สืบค้นเมื่อ July 12, 2016.
  75. Lee Ji-hae (August 5, 2016). "Wonder Girls cheer on Korea's Olympic athletes". K-Pop Herald. สืบค้นเมื่อ August 5, 2016.
  76. "[BREAKING] Wonder Girls to disband + release last digital single on their 10th anniversary - allkpop.com". allkpop.com. สืบค้นเมื่อ June 25, 2017.
  77. "'Thank You For Being So Wonderful': Wonder Girls Announce Breakup & Final Single". billboard.com. สืบค้นเมื่อ June 25, 2017.
  78. "After nearly ten years, Wonder Girls disband". Korea JoongAng Daily. January 27, 2017. สืบค้นเมื่อ February 24, 2017.
  79. "Cover image for final single features Wonder Girls in watercolors". K-Pop Herald. February 9, 2017. สืบค้นเมื่อ February 24, 2017.
  80. "Sunye and Sohee Confirm Wonder Girls Departure - IdolWow!". idolwow.com. July 21, 2015. สืบค้นเมื่อ June 25, 2017.
  81. 81.0 81.1 81.2 81.3 "Wonder Girls says its rock band concept permanent". Yonhap News Agency. August 3, 2015. สืบค้นเมื่อ July 19, 2016.
  82. "mnet.mnet.com". mnet.mnet.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-12-01. สืบค้นเมื่อ December 10, 2011.
  83. 원더랜드 (April 10, 2009). "mnet.mnet.com". mnet.mnet.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-12-01. สืบค้นเมื่อ December 10, 2011.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]