ไชน์ออน! คิดส์
ก่อตั้ง | กรกฎาคม ค.ศ. 2006 |
---|---|
ผู้ก่อตั้ง | คิมเบอร์ลี ฟอร์ไซธ์ และมาร์ก เฟร์ริส |
ที่ตั้ง |
|
พื้นที่ให้บริการ | ประเทศญี่ปุ่น |
เว็บไซต์ | sokids |
ชื่อในอดีต | มูลนิธิไทเลอร์ |
ไชน์ออน! คิดส์ (อังกฤษ: Shine On! Kids; คาตากานะ: シャイン・オン!キッズ) ซึ่งเดิมชื่อ มูลนิธิไทเลอร์ (อังกฤษ: Tyler Foundation; ญี่ปุ่น: タイラー基金) เป็นองค์กรการกุศลที่ตั้งอยู่ในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งให้การสนับสนุนด้านจิตสังคมแก่เด็ก ๆ ที่เป็นมะเร็งในประเทศญี่ปุ่นและครอบครัวของพวกเขา
ภูมิหลัง
[แก้]ไชน์ออน! คิดส์ ได้จัดตั้งขึ้นในประเทศญี่ปุ่นในฐานะองค์การไม่แสวงหาผลกำไร[1] องค์กรนี้ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 2006 โดยมาร์ก เฟร์ริส และคิมเบอร์ลี ฟอร์ไซธ์ ที่อุทิศเพื่อรำลึกถึงไทเลอร์ ลูกชายของพวกเขา ซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดลิมโฟบลาสติกในทารกก่อนอายุได้หนึ่งเดือน[2]
ไทเลอร์เกิดเมื่อ ค.ศ. 2003[3] และเสียชีวิตเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2005[4][5] หลังจากเข้ารับการรักษาที่ศูนย์สุขภาพและการพัฒนาเด็กแห่งชาติในเขตเซตางายะ โตเกียว เป็นเวลาเกือบสองปี[6] ซึ่งมาตรฐานการรักษาพยาบาลที่สูงที่พวกเขาได้รับนั้นแตกต่างกับการขาดการสนับสนุนด้านจิตสังคมที่มอบให้แก่ครอบครัวและเด็กที่เป็นมะเร็งในประเทศญี่ปุ่น พ่อแม่ของไทเลอร์ก่อตั้งมูลนิธิไทเลอร์ขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยและครอบครัวในประเทศญี่ปุ่นที่ต้องเผชิญกับความท้าทายในการต่อสู้กับโรคมะเร็งในเด็ก กระทั่งองค์กรนี้ได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็นไชน์ออน! คิดส์ ใน ค.ศ. 2012[7]
ภารกิจ
[แก้]พันธกิจขององค์กรคือการปรับปรุงคุณภาพชีวิตในระหว่างการรักษา รวมถึงให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนผ่านสู่ชีวิตปกติหลังการรักษาจะราบรื่นและประสบความสำเร็จ[2] เป้าหมายของมูลนิธิคือการเปลี่ยนแปลงวิธีการดูแลผู้ป่วยในแผนกวิทยามะเร็งเด็กทั่วทั้งญี่ปุ่นโดยพื้นฐาน[3] พวกเขาให้ความสำคัญกับการสนับสนุนจากผู้ป่วยและผู้ปกครอง เช่น นักจิตวิทยาประจำคลินิก, กลุ่มสนับสนุน และการดูแลเด็กสำหรับพี่น้อง[3]
โครงการ
[แก้]ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 2007 มูลนิธิไทเลอร์ได้เปิดตัวโครงการคำปรึกษาและการสนับสนุน โดยส่งนักจิตวิทยาคลินิกไปประจำแผนกมะเร็งเด็กของศูนย์สุขภาพและพัฒนาการเด็กแห่งชาติ[3][8]
ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2009 มูลนิธิไทเลอร์ได้เปิดไชน์ออน! เฮาส์ ซึ่งให้บริการที่พักค้างคืนสำหรับครอบครัว, การดูแลเด็กสำหรับพี่น้องของผู้ป่วย และสถานที่ให้ครอบครัวได้พักผ่อน[9] และมูลนิธิไทเลอร์เป็นตัวแทนเพียงรายเดียวของโครงการบีดส์ออฟเคอรีจที่ตั้งอยู่ในสหรัฐในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผู้ป่วยจะได้รับลูกปัดหลากสีสันที่สอดคล้องกับแต่ละแง่มุมของการรักษามะเร็ง เช่น การผ่าตัด, การฉายรังสี, การตรวจเลือด เป็นต้น โดยลูกปัดทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ที่เด็ก ๆ บรรลุตามเส้นทางการรักษาของแต่ละบุคคล[10] มูลนิธิได้นำโครงการบีดส์ออฟเคอรีจเข้ามาในประเทศญี่ปุ่นใน ค.ศ. 2010 โดยโครงการดังกล่าวเชื่อว่าจะช่วยลดความทุกข์ใจที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย ที่เพิ่มการใช้กลยุทธ์การรับมือเชิงบวก, ช่วยให้เด็ก ๆ ค้นพบความหมายในความเจ็บป่วย และฟื้นฟูความรู้สึกมีตัวตนในตัวให้กับเด็ก ๆ ที่ต้องรับมือกับความเจ็บป่วยร้ายแรง[11]
นอกจากนี้ มูลนิธิยังได้เปิดตัวโครงการไชน์ออน! เธอราพีด็อก ใน ค.ศ. 2010 โดยนำสุนัขบำบัดเต็มเวลาตัวแรกของญี่ปุ่นไปไว้ที่โรงพยาบาลเด็กชิซูโอกะ ซึ่งคือเบลีย์ สุนัขโกลเดินริทรีฟเวอร์ ที่ได้รับการฝึกมาเป็นเวลาสองปีจากฮาวายเคไนส์ฟอร์อินดิเพนเดนซ์ในเมาวี รัฐฮาวาย โดยสุนัขตัวนี้เดินไปที่เตียงเพื่อให้กำลังใจเด็ก ๆ และอยู่เคียงข้างพวกเขาในระหว่างขั้นตอนทางการแพทย์[2][12] ส่วนพยาบาลผู้ดูแลและสุนัขบำบัดจะมาเยี่ยมโรงพยาบาลสัปดาห์ละห้าวัน เพื่อตรวจร่างกายและฟื้นฟูผู้ป่วยเด็ก[13][14][15]
หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮกุ ค.ศ. 2011 มูลนิธิไทเลอร์ได้ตัดสินใจที่จะเสนอความเชี่ยวชาญให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิดังกล่าว โดยกาย โทตาโร "ทูตรอยยิ้ม" แห่งมูลนิธิไชน์ออน! ได้เดินทางไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้เด็ก ๆ ยิ้ม เพื่อเป็นวิธีคลายเครียด[16]
ทางมูลนิธิยังได้จัดทำโครงการดนตรีชื่อ "ไชน์ออน! ซองส์" เพื่อระดมทุน[17] ซึ่งบรรดานักเรียนโรงเรียนประถมซาการิในเมืองโอฟูนาโตะได้ร่วมร้องประสานเสียงในเพลงหนึ่งในซีดีฮูไอวอนต์ทูบี โดยเพลงนี้ดัดแปลงมาจากบทกวีอาเมะนิโมะมาเกซุที่มีชื่อเสียงของเค็นจิ มิยาซาวะ ในเวอร์ชันภาษาอังกฤษ ส่วนริเอะ ฟู นักร้องผู้ขับร้องได้เดินทางมาเยี่ยมโรงเรียนประถมซาการิเพื่อแบ่งปันความสุขจากการทำเพลงให้สำเร็จ[18] และศิลปินหลายคนได้บริจาคเพลงให้แก่อัลบัมนี้ รวมถึงจูเลียน เลนนอน ที่บริจาคเพลง "ชิลเดรนออฟเดอะเวิลด์" เพื่อใช้เป็นหนึ่งในเพลงในอัลบัมดังกล่าวเช่นกัน[19]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "TT-392 -- Leukemia, ebiz news from Japan". Japan Inc. 24 September 2006. สืบค้นเมื่อ 30 October 2011.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 "Bring on Bailey! NPO's new approach to help child cancer victims". BCCJ Accumen. November 2010. สืบค้นเมื่อ 30 October 2011.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 "Turning Grief Into Hope". TAC InTouch Magazine. August 2010. สืบค้นเมื่อ 30 October 2011.
- ↑ "Tyler Foundation helps other sick kids shine on". Japan Times. 2 September 2006. สืบค้นเมื่อ 5 December 2011.
- ↑ "Shining on after the darkness of death". Japan Times. 13 October 2007. สืบค้นเมื่อ 5 December 2011.
- ↑ "TT-616 -- Believers in Japan's Health System, e-biz news from Japan". Japan Inc. 6 June 2011. สืบค้นเมื่อ 30 October 2011.
- ↑ "Mission and History". Shine On! Kids (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2022-11-11.
- ↑ "New iPad Storybook Supports Families of Children with Cancer". Yahoo News. Feb 1, 2012. สืบค้นเมื่อ 29 Feb 2012.
- ↑ 「走って小児がん家族支援」(2月21日 共同ニュース) “Running to Support Families Facing Pediatric Cancer”. Kyodo News
- ↑ 「子どもの闘病励ますビーズ」(1月23日 朝日新聞)“Beads Encourage Children with Serious Illness”, Asahi Shimbun. 23 January 2011.
- ↑ "For Kids With Cancer". WIFM. November 2011. สืบค้นเมื่อ 30 October 2011.
- ↑ “Ready to Serve”. Maui News. 19 November 2009.
- ↑ "「天才!志村どうぶつ園 特別編 涙と奇跡のどうぶつ物語5」". Nippon Television. สืบค้นเมื่อ 12 March 2012.
- ↑ "「ザ!鉄腕!DASH!! 2時間わんわんスペシャル!!」". Nippon Television. สืบค้นเมื่อ 12 March 2012.
- ↑ “Believing the Possibility of Being Cured”. Shizuoka Shimbun. 4 January 2011.
- ↑ "SCRUM DOWN / Talking the talk for charity". Daily Yomiuri. 6 July 2011. สืบค้นเมื่อ 30 October 2011.
- ↑ “’Ame Ni Mo Makezu’ With Strength”. Tohkai Shimpo. 24 August 2011.
- ↑ “Sakari Elementary School’s Chorus on CD”. Tohkai Shimpo. 1 November 2011.
- ↑ "Julian Lennon dona una canción para los niños de Japón". Rolling Stone Mexico. สืบค้นเมื่อ 12 March 2012.