ข้ามไปเนื้อหา

แกรนด์ดัชชีแบร์ค

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก แกรนด์ดัชชีแบร์ก)
แกรนด์ดัชชีแบร์ค

Grand-duché de Berg (ฝรั่งเศส)
Großherzogtum Berg (เยอรมัน)
ค.ศ. 1806–ค.ศ. 1813
ธงชาติแกรนด์ดัชชีแบร์ค
ธงชาติ
ตราแผ่นดินของแกรนด์ดัชชีแบร์ค
ตราแผ่นดิน
แผนที่แกรนด์ดัชชีแบร์คในปี ค.ศ. 1812
แผนที่แกรนด์ดัชชีแบร์คในปี ค.ศ. 1812
ภาษาทั่วไปภาษาเยอรมัน, ภาษาฝรั่งเศษ
ศาสนา
โรมันคาทอลิก, โปรเตสแตนต์
การปกครองราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
แกรนด์ดยุุก 
• ค.ศ. 1806–1808
ฌออากีมที่ 1
• ค.ศ.1808–1809
นโปเลียนที่ 1
• ค.ศ. 1809–1813
หลุยส์ที่ 1
ยุคประวัติศาสตร์สงครามนโปเลียน
• ก่อตั้ง
ค.ศ. 1806
• สิ้นสุด
ค.ศ. 1813
พื้นที่
ค.ศ. 181117,300 ตารางกิโลเมตร (6,700 ตารางไมล์)
ประชากร
• ค.ศ. 1811
880,000
ก่อนหน้า
ถัดไป
ดัชชีแบร์ค
ดัชชีเคลเวอ
เคาน์ตีมาร์ค
ราชรัฐมุขนายกมึนส์เทอร์
แคว้นยือลิช-เคลเวอ-แบร์ค

แกรนด์ดัชชีแบร์ค (เยอรมัน: Großherzogtum Berg) หรือ แกรนด์ดัชชีแบร์คและเคลเวอ เป็นแกรนด์ดัชชีที่จัดตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1806 โดยจักรพรรดินโปเลียนที่ 1หลังจากที่พระองค์ได้รับชัยชนะในยุทธการที่เอาส์เทอร์ลิทซ์ (ค.ศ. 1805) บนดินแดนระหว่างจักรวรรดิฝรั่งเศสที่หนึ่งที่แม่น้ำไรน์และราชอาณาจักรเว็สท์ฟาเลิน

ประวัติศาสตร์

[แก้]

การผนวกดินแดนดัชชียือลิช ของฝรั่งเศสในช่วงสงครามปฏิวัติฝรั่งเศสในปีค.ศ. 1794 ทำให้ดัชชียือลิชและแบร์คแยกออกจากกันอีกครั้ง โดยดัชชีทั้งสองแห่งถูกปกครองร่วมประมุขโดยดยุกแห่งพาลาทิเนต-นอยบูร์กแห่งราชวงศ์วิทเทิลส์บัคตั้งแต่ ค.ศ. 1614 ในปี ค.ศ. 1803 รัชทายาทแห่งพาลาทิเนต-นอยบูร์ก เจ้านครรัฐผู้คัดเลือกชาวบาวาเรียน พระเจ้ามัคซีมีลีอานที่ 1 โยเซ็ฟ แห่งบาวาเรียทรงแยกดัชชีแบร์คที่เหลือออกจากดินแดนบาวาเรียอื่นๆ ของตน และมอบให้กับดยุกวิลเฮล์มแห่งพาลาทิเนต-ซไวบรึคเคิน-เบียร์เคนเฟลด์-เกลนเฮาเซน พระภาดาของพระองค์ให้เป็นผู้ดูแล ทำให้ดินแดนตกอยู่ภายใต้การปกครองของสายราชวงศ์วิทเทลส์บัค

ในปี ค.ศ. 1806 ในการปรับโครงสร้างเยอรมนีซึ่งเกิดจากการยุบจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ มัคซีมีลีอานที่ 1 โยเซ็ฟ ซึ่งขณะนี้เป็นกษัตริย์แห่งบาวาเรีย ได้ยกแบร์คให้กับนโปเลียนเพื่อแลกกับ เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2349 จักรพรรดิฝรั่งเศสได้ให้เบิร์กอยู่ภายใต้การปกครองของฌออากีม มูว์รา พระเชษฐภาดาของเขา ซึ่งรวมถึงดินแดนของ อดีตดัชชีเคลเวอซึ่งเคยเป็นดินแดนของปรัสเซียทางตะวันออกของแม่น้ำไรน์ด้วย[1] ตราอาร์มของมูว์ราผสมผสานสิงโตแดงแห่งแบร์คเข้ากับตราอาร์มของเคลเวอและยังมีกระบองและสมอเรือเนื่องด้วยตำแหน่งของมูว์ราซึ่งเป็นจอมพลแห่งจักรวรรดิและจอมพลเรือแห่งฝรั่งเศส เนื่องจากเป็นพระสวามีของพระกนิษฐาของนโปเลียน มูว์ราจึงมีสิทธิ์ใช้สัญลักษณ์นกอินทรีจักรพรรดิด้วย เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 1806 มูว์ราเข้าร่วมสมาพันธรัฐแห่งแม่น้ำไรน์และได้รับตำแหน่ง แกรนด์ดยุก ดินแดนของเขายังถูกขยายใหญ่ขึ้นด้วยการผนวกเคาน์ตีมาร์ค ราชรัฐมุขนายกแห่งมึนส์เทอร์ นครดอร์ทมุนท์ และดินแดนเล็กๆ น้อยๆ จำนวนมากในเขตปกครองไรน์ต่ำ-เว็สท์ฟาเลิน

มูว์ราออกจากแกรนด์ดัชชีในปี ค.ศ. 1808 เพื่อดำรงตำแหน่งใหม่ในฐานะกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรนาโปลีแต่เขายังคงดำรงตำแหน่งแกรนด์ดยุคต่อไป ในตอนแรกแบร์คถูกปกครองโดยตรงจากนโปเลียนในฐานะรัฐร่วมประมุข ในปี ค.ศ. 1809 นโปเลียนได้แต่งตั้งเจ้าชายนโปเลียน หลุยส์ โบนาปาร์ต (พ.ศ. 2347–2374) พระภาติยะของพระองค์ ซึ่งเป็นพระโอรสองค์โตของหลุยส์ โบนาปาร์ต พระอนุชาของนโปเลียนซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งฮอลแลนด์ ให้เป็นแกรนด์ดยุกแห่งแบร์ค ข้าราชการฝรั่งเศสภายใต้การนำของปิแอร์ หลุยส์ โรเดอเรอร์ บริหารดินแดนภายในนามของพระองค์ เป็นเวลาเก้าวันในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1810 แกรนด์ ดยุค นโปเลียน หลุยส์ ยังทรงปกครองราชอาณาจักรฮอลแลนด์ในฐานะรัฐร่วมประมุขแต่เป็นระยะเวลาเพียงสั้นๆ ก่อนที่กองทหารฝรั่งเศสเคลื่อนเข้ามาในราชอาณาจักรและควบรวมเข้ากับฝรั่งเศส

รัฐอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อตั้งมา ส่วนใหญ่นั้นเป็นเพราะการกีดกันภาคพื้นทวีปของนโปเลียน ซึ่งทำให้เกิดการปฏิวัติและลุกฮือขึ้นหลายครั้ง การดำรงอยู่อันสั้นของแกรนด์ดัชชีสิ้นสุดลงเมื่อกองกำลังฝรั่งเศสถอนทัพกลับจากยุทธการในเยอรมันในปี ค.ศ. 1813 จากนั้นดินแดนดังกล่าวจึงถูกปกครองโดยปรัสเซีย ซึ่งได้ผนวก แกรนด์ดัชชีอย่างเป็นทางการตามพระราชบัญญัติสุดท้ายของการประชุมใหญ่แห่งเวียนนาในปี ค.ศ. 1815 แบร์คกลายเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นยือลิช-เคลเวอ-แบร์ค และดินแดนทางตะวันออกของมึนสเทอร์และมาร์คก็รวมเข้าเป็นแคว้นเว็สท์ฟาเลินปัจจุบันดินแดนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนี

ตราแผ่นดิน

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. Clercq, Alexandre de (1864). Recueil des traites de la France (ภาษาฝรั่งเศส). Amyot.
  • Otto von Pivka, Michael P. Roffe, Napoleon's German Allies: Westfalia and Kleve-Berg, p. 3; Google Books