ข้ามไปเนื้อหา

เอ็มบราเออร์ อีเจ็ต อี2

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เครื่องบินตระกูลอีเจ็ต อี2
อี175-อี2 / อี190-อี2 / อี195-อี2

อี190-อี2 ของพอร์เตอร์แอร์ไลน์ ผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุดของรุ่น
ข้อมูลทั่วไป
บทบาทอากาศยานไอพ่นลำตัวแคบ
ชาติกำเนิดบราซิล
บริษัทผู้ผลิตเอ็มบราเออร์
สถานะในประจำการ
ผู้ใช้งานหลักพอร์เตอร์แอร์ไลน์
อาซูลบราซิลเลียนแอร์ไลน์
เคแอลเอ็มซิตีฮอปเปอร์
เฮลเวติกแอร์เวย์
จำนวนที่ผลิต127 ลำ (สิงหาคม ค.ศ. 2024)[1]
ประวัติ
สร้างเมื่อค.ศ. 2013–ปัจจุบัน
เริ่มใช้งาน24 เมษายน ค.ศ. 2018 โดยวีเดอเรอ[2]
เที่ยวบินแรก23 พฤษภาคม ค.ศ. 2016[3]
พัฒนาจากเอ็มบราเออร์ อีเจ็ต

เอ็มบราเออร์ อีเจ็ต อี2 (อังกฤษ: Embraer E-Jet E2) เป็นรุ่นของอากาศยานไอพ่นลำตัวแคบที่ออกแบบและผลิตโดยเอ็มบราเออร์ เครื่องบินตระกูลอีเจ็ต อี2 เป็นการพัฒนาต่อมาจากเครื่องบินตระกูลอีเจ็ต เอ็มบราเออร์เปิดตัวโครงการนี้ครั้งแรกในงานปารีสแอร์โชว์เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2013 เครื่องบินตระกูลอีเจ็ต อี2 มีการปรับปรุงหลายประการจากตระกูลอีเจ็ตดั้งเดิม โดยเฉพาะการใช้เครื่องยนต์เทอร์โบแฟน แพตต์แอนด์วิตนีย์ พีดับเบิลยู1700จี ที่มีอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงสูงกว่ารุ่นก่อนหน้า เครื่องบินตระกูลนี้ประกอบด้วยอากาศยานสามรุ่นที่มีลักษณะลำตัวเครื่องบินเหมือนกันโดยมีความยาวต่างกัน มีปีกรูปแบบใหม่สามแบบ ระบบควบคุมแบบฟลายบายไวร์ ระบบการบินใหม่ และห้องโดยสารที่ใหม่ เครื่องบินรุ่นต่าง ๆ มีน้ำหนักขึ้นบินสูงสุดตั้งแต่ 44.6 ถึง 62.5 ตัน (98,000 ถึง 138,000 ปอนด์) และมีพิสัยการบินระหว่าง 2,000–3,000 ไมล์ทะเล (3,700–5,600 กม.)

เอ็มบราเออร์ อี190-อี2 รุ่นแรกของตระกูลอีเจ็ตอี 2 ทำการบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 การทดสอบการบินดำเนินไปตามกำหนดการโดยมีปัญหาเพียงเล็กน้อย เครื่องบินรุ่นนี้ได้รับการรับรองเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 ก่อนที่จะเริ่มให้บริการกับลูกค้ารายแรกอย่างวีเดอเรอเมื่อวันที่ 24 เมษายน เครื่องบินรุ่นอี195-อี2 ที่ใหญ่กว่าได้รับการรับรองในเดือนเมษายน ค.ศ. 2019 และเริ่มดำเนินการกับอาซูลบราซิลเลียนแอร์ไลน์ ส่วนรุ่นอี175-อี2 ซึ่งเป็นรุ่นที่มีขนาดเล็กที่สุดนั้นเดิมมีกำหนดส่งมอบในปี 2021 แต่ล่าช้าจนเลื่อนออกไปจนถึงปี 2027 เนื่องจากความต้องการในรุ่นไม่เพียงพอ สายการบินระดับภูมิภาคในสหรัฐหลายสายเป็นลูกค้ารายใหญ่ของอี175 รุ่นดั้งเดิม แต่ด้วยข้อกำหนดต่าง ๆ ทำให้สายการบินเหล่านั้นไม่สามารถสั่งซื้อรุ่นอี175-อี2 ได้ เพราะมีน้ำหนักเครื่องมากกว่า เครื่องบินตระกูลอีเจ็ต อี2 ได้รับการอนุมัติสำหรับ ETOPS 120 จากหน่วยงานกำกับดูแลของบราซิล สหรัฐ และยุโรปในปี 2024

รุ่นอี190-อี2 และอี195-อี2 แข่งขันโดยตรงกับเครื่องบินตระกูลแอร์บัส เอ220 โดย ณ เดือนเมษายน ค.ศ. 2024 มีคำสั่งซื้อสำหรับเครื่องบินตระกูลอีเจ็ต อี2 ทั้งหมด 306 ลำ โดยส่งมอบแล้วและให้บริการอยู่ 114 ลำ ยอดขายของโครงการค่อนข้างช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำนึงถึงปัญหาเรื่องน้ำหนักของรุ่นอี175-อี2

รุ่น

[แก้]

อี175-อี2

[แก้]

เอ็มบราเออร์ อี175-อี2 (อีเอ็มบี 190-500) เป็นรุ่นที่เล็กที่สุดของตระกูล โดยมีขนาดยาวขึ้นจากรุ่นอี175 เดิม 60 เซนติเมตร (24 นิ้ว) เพิ่มแถวที่นั่งหนึ่งแถวและเพิ่มความจุสูงสุดเป็น 90 คน โดยในปี 2013 เครื่องบินคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่า 46.8 ล้านเหรียญ[4]

ถึงแม้รุ่นอี175 เดิมจะมีการใช้งานมากในสายการบินระดับภูมิภาคสัญชาติสหรัฐ แต่ด้วยน้ำหนักที่มากขึ้นของรุ่นอี175-อี2 นี้ ส่งผลให้คำสั่งซื้อน้อยลง เพราะข้อตกลงเงื่อนไขขอบเขตระหว่างสายการบินหลักและสหภาพนักบินที่ไม่อนุญาตให้สายการบินทำสัญญากับสายการบินระดับภูมิภาคในการให้บริการเครื่องบินที่มีน้ำหนักขึ้นบินสูงสุดเกิน 39,000 กิโลกรัม (86,000 ปอนด์) เครื่องบินอี175-E2 ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าเกณฑ์ 5,400 กิโลกรัม (12,000 ปอนด์) จากเครื่องยนต์เทอร์โบแฟนที่หนักกว่า[5][6]

เครื่องบินอี175-อี2 ลำต้นแบบลำแรกทำการบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 2019 โดยทำการบิน 2 ชั่วโมง 18 นาที เป็นการเริ่มต้นโครงการทดสอบเพื่อรับการรับรองซึ่งจะใช้เวลา 24 เดือนและจะมีการใช้เครื่องบินทดสอบเพิ่มเติมสองลำ[7] ในเวลานั้นเอ็มบราเออร์กล่าวว่าทางผู้ผลิตเชื่อว่าจะมีความต้องการเครื่องบินรุ่นนี้นอกทวีปอเมริกาเหนืออย่างมาก[7] แต่ข้อมูลเมื่อ 2023 เอ็มบราเออร์ยังคงไม่ได้รับคำสั่งซื้อใดๆ ในรุ่นนี้

คำสั่งซื้อแรกเดิมจะมีกำหนดส่งมอบในปี 2021[6] แต่มีการเลื่อนการพัฒนาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 เอ็มบราเออร์ได้ประกาศว่าจะหยุดพัฒนาเครื่องบินรุ่นอี175-อี2 เป็นเวลาสามปี โดยคาดว่าจะเริ่มส่งมอบได้ระหว่างปี 2027 ถึง 2028[8]

อี190-อี2

[แก้]
อี190-อี2 จะยังคงมีขนาดลำตัวเท่ากับรุ่นอี190 เดิมที่ 36.24 ม. (119 ฟุต) และมีทางออกฉุกเฉินเหนือปีกเพียงทางเดียวต่อด้าน

เอ็มบราเออร์ อี190-อี2 (อีเอ็มบี 190-300) เป็นรุ่นแรกของตระกูลที่ถูกผลิตและวางตลาด โดยมีขนาดใกล้เคียงกับรุ่นอี190 เดิม เพียงแต่มีปีกที่กว้างกว่าถึง 5 เมตร (16 ฟุต) โดยมีความจุผู้โดยสารสูงสุด 114 ที่นั่งในการจัดเรียงแบบหนึ่งชั้นโดยสาร[9][10][11][12] รุ่นนี้ได้ทำการบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 ในรุ่นนี้จะมีการใช้เครื่องยนต์พีดับเบิลยู1900จี ที่มีแรงผลักดัน 98 กิโลนิวตัน (22,000 ปอนด์ฟอร์ซ) ใบพัดขนาด 190 ซม. (73 นิ้ว) และมีอัตราส่วนบายพาส 12:1 อี190-อี2 มีปีกอะลูมิเนียมที่มีความยาวเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 33.7 เมตร (111 ฟุต) ถือเป็นเครื่องบินโดยสารที่มีอัตราส่วนความกว้างปีกสูงสุด ส่วนปีกนั้นถูกออกแบบให้เคลื่อนไปทางด้านหน้ามากขึ้นเพื่อปรับจุดศูนย์ถ่วงของเครื่องบิน ซึ่งจะสามารถช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงลงได้ 1.5% ล้อลงจอดส่วนหัวถูกออกแบบใหม่ โดยจะใช้ระบบกันสะเทือนแบบเทรลิงอาร์มเพื่อลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลง 1% และเพิ่มความสูงของเครื่องบินขึ้น 51 ซม. (20 นิ้ว) เพื่อให้มีระยะห่างจากพื้นเพียงพอสำหรับเครื่องยนต์ใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่า เอ็มบราเออร์ใช้ชิ้นส่วนใหม่บนรุ่นอี 2 เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 75% โดยใช้ระบบควบคุมแบบวงปิดแบบฟลายบายไวร์ แทนระบบโอเพนลูปที่ใช้ในรุ่นอี1 เดิม ซึ่งส่งผลให้มีช่วงการบำรุงรักษาที่ดีขึ้น สำหรับนักบินที่,iใบอนุญาตสำหรับการบินสำหรับรุ่นอี1 จะต้องทำการอบรมเป็นเวลา 2.5 วัน โดยไม่ต้องใช้เครื่องจำลองการบินเต็มรูปแบบ ในการที่จะทำการบินในรุ่นอี2 นี้ได้ ทั้งสองรุ่นใช้อุปกรณ์การบิน ฮันนีเวลล์ ปริมุซ อีพิก 2 ที่คล้ายกัน[13]

ในปี 2013 อี190-อี2 มีราคาต่อลำอยู่ที่ 53.6 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเอ็มบราเออร์ได้รับการรับรองรุ่นนี้เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 ซึ่งผ่านการทดสอบภาคพื้นดิน 46,000 ชั่วโมงและระหว่างบิน 2,200 ชั่วโมง[13] เนื่องจากผลการทดสอบการเผาผลาญเชื้อเพลิงที่ดีเกินคาดไว้ ส่งผลให้ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2018 เอ็มบราเออร์เพิ่มพิสัยการบินเป็น 2,880 ไมล์ทะเล (5,330 กม.) ซึ่งต่อมาบอมบาร์เดิเอร์จะใช้พิสัยของรุ่นอี2 นั้นในการพาดพิงในคำร้องการทุ่มตลาดเครื่องบินซีซีรีย์ของโบอิง เนื่องจากซีซีรีย์มีพิสัยการบินถึง 2,900 ไมล์ทะเล (5,400 กม.) ได้[14] อี190-อี2 เข้าประจำการครั้งแรกกับวีเดอเรอเมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 2018 โดยในปีเดียวกันนั้น อี190-อี2 หนึ่งลำมีมูลค่า 34 ล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่ารุ่นอี190 เดิม สามล้านดอลลาร์ โดยมูลค่าจะลดลง 20 ล้านเหรียญในเจ็ดปีในอัตรา 40% เปรียบเทียบกับ 30% ของเอ320นีโอในระยะเวลาเดียวกัน[15]

อี195-อี2

[แก้]
อี195-อี2 ยาวกว่าอี190-อี2 ประมาณ 5.26 ม. (17.3 ฟุต) และมีทางออกฉุกเฉินเหนือปีกสองทางต่อด้าน โดยอาซูลเป็นลูกค้าเปิดตัวของรุ่น

เอ็มบราเออร์ อี195-อี2 (อีเอ็มบี 190-400) เป็นรุ่นที่เล็กที่สุดของตระกูล โดยมีขนาดยาวขึ้นจากรุ่นอี195 เดิม 2.85 m (9.4 ft) เพิ่มแถวที่นั่งสามแถวและเพิ่มความจุสูงสุดเป็น146 ที่นั่ง โดยในปี 2013 เครื่องบินมีมูลค่า 60.4 ล้้านเหรียญ

ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 เอ็มบราเออร์ประกาศว่าบริษัทได้ตัดสินใจที่จะเพิ่มความกว้างปีกของอี195-อี2 เป็น 1.4 เมตร (4.6 ฟุต) เพื่อเพิ่มแรงยก รวมถึงเพิ่มน้ำหนักขึ้นบินสูงสุดอีก 2 ตัน (4,400 ปอนด์) เพื่อเพิ่มพิสัยการบินอีก 450 ไมล์ทะเล (830 กม.) ที่ระดับน้ำทะเล และ 250 ไมล์ทะเล (460 กม.) ในสภาพอากาศร้อนและสูง[16][17] รุ่นนี้แข่งขันโดยตรงกับแอร์บัส เอ220-300[18] โดยที่มีราคาต่อหน่วยน้อยกว่า นอกจากนี้แล้ว เอ็มบราเออร์ยังอ้างว่าต้นทุนการเดินทางของอี195-อี2 นั้นต่ำกว่าแอร์บัส เอ320นีโอที่มีความจุ 154 ที่นั่งถึง 22% และต่ำกว่าโบอิง 737 แมกซ์ 8 ที่มีความจุ 160 ที่นั่งถึง 24% แต่สายการบินต่างๆ ต่างก็เลือกที่จะติดตั้งที่นั่งเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ต้นทุนต่อที่นั่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เอ็มบราเออร์ระบุซึ่งอยู่ที่ 6% และ 8% ตามลำดับ

เอ็มบราเออร์เปิดตัวรุ่นอี195-อี2 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ. 2017 และยืนยันว่าอาซูลจะเป็นลูกค้าเปิดตัวของรุ่น[19] รุ่นนี้ทำการบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ. 2017 ก่อนหน้ากำหนดเดิมครึ่งปี[20] เอ็มบราเออร์ได้จัดแสดงเครื่องบินลำต้นแบบดังกล่าวในงานปารีสแอร์โชว์ เมื่อเดือนมิถุนายน 2017 และวางแผนให้เริ่มให้บริการภายในครึ่งปีแรกของปี ค.ศ. 2019[21] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2019 ผลการทดสอบการบินแสดงให้เห็นว่า อี195-อี2 อาจจะมีคุณสมบัติสูงกว่าข้อกำหนดเล็กน้อย[22] โดยได้รับการรับรองเมื่อวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 2019 โดยมีอัตราการเผาผลาญเชื้อเพลิงลดลง 1.4% จากที่กำหนดไว้เดิม หรือลดลง 25.4% ต่อที่นั่งเมื่อเทียบกับอี195 รุ่นก่อนหน้า[23] บินเตอร์กานาเรียสเป็นลูกค้าเปิดตัวในยุโรป โดยได้รับมอบในช่วงปลายปี 2019[24]

เมื่อวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2019 เอ็มบราเออร์ได้ส่งมอบเครื่องบินอี195-อี2 ลำแรกให้กับอาซูลผ่านทางบริษัทผู้ให้เช่าเครื่องบินอย่าง AerCap โดยเครื่องบินรุ่นนี้มีที่นั่ง 136 ที่นั่งในชั้นโดยสารเดียว[25] ในวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 2022 อี195-อี2 ได้ทำการลงจอดที่ท่าอากาศยานลอนดอนซิตีเป็นครั้งแรก[26] รุ่นนี้ได้รับการรับรอง EASA ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2023[27] เป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ที่สุดที่ได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติการจากท่าอากาศยานขนาดเล็กได้[ต้องการอ้างอิง]

ผู้ให้บริการ

[แก้]

ณ เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2024 มีเอ็มบราเออร์ อีเจ็ต อี2 ทั้งหมด 126 ลำให้บริการกับ 14 สายการบิน โดยผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุดสามอันดับแรก ได้แก่ พอร์เตอร์แอร์ไลน์ (38) อาซูลบราซิลเลียนแอร์ไลน์ (23) และเคแอลเอ็มซิตีฮอปเปอร์ (18)[28][29]

รายชื่อผู้ให้บริการ

[แก้]

ณ เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2024 มีผู้ให้บริการเครื่องบินตระกูลเอ็มบราเออร์ อีเจ็ต อี2 ดังนี้:[30]

สายการบิน อี175-อี2 อี190-อี2 อี195-อี2 รวม
แอร์อัสตานา 3 3
แอร์พีซ 5 5
อาซูลบราซิลเลียนแอร์ไลน์ 23 23
บินเตอร์กานาเรียส 10 10
เฮลเวติกแอร์เวย์ 8 4 12
เคแอลเอ็มซิตีฮอปเปอร์ 18 18
ลอตโปลิชแอร์ไลน์ 1 1
ไพออแนร์ออสเตรเลีย 1 1
ปลาการ์ลีญัสอาแอเรียส 1 1
พอร์เตอร์แอร์ไลน์ 38 38
รอยัลจอร์แดเนียนแอร์ไลน์ 2 2 4
สายการบินสกู๊ต 2 2
ทูอีฟลายเบลเยียม 3 3
วีเดอเรอ 3 3
รวม 20 107 127

คำสั่งซื้อและการส่งมอบ

[แก้]
คำสั่งซื้อและการส่งมอบตามรุ่น
รุ่น คำสั่งซื้อ การส่งมอบ ยอดค้างส่งมอบ
อี175-อี2
อี190-อี2 44 21 20
อี195-อี2 302 93 189
รวม 343 114 209

อ้างอิง: สมุดคำสั่งซื้อของเอ็มบราเออร์เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ. 2024[31]

การส่งมอบแบ่งตามปี
2018 2019 2020 2021 2022 2023 2024 รวม
การส่งมอบ 4 14 11 21 19 39 6 114

อ้างอิง: สมุดคำสั่งซื้อของเอ็มบราเออร์เมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 2024[32]

ข้อมูลจำเพาะ

[แก้]

เครื่องบินที่ใกล้เคียงกัน

[แก้]

รุ่นที่ใกล้เคียงกัน

[แก้]

เครื่องบินที่ใกล้เคียงกัน

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Orders and Deliveries Embraer". 3 August 2023. สืบค้นเมื่อ 15 July 2024.
  2. "Norway's Widerøe completes first revenue flight of an Embraer E190-E2" (Press release). Embraer. 24 April 2018.
  3. Yeo, Ghim-Lay (24 May 2016). "Embraer completes first flight of E-Jet E2". Washington DC: Flightglobal.
  4. Baldwin, Mary-Anne (11 August 2013). "The E2: Embraer's next generation of EJets". Airline Fleet Management. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 April 2014.
  5. Trimble, Stephen (2 December 2016). "Scope clause freeze pushes E175-E2 back to 2021". Flight Global.
  6. 6.0 6.1 Wolfsteller, Pilar (29 April 2021). "Embraer delays E175-E2 service entry one year". Flightglobal.
  7. 7.0 7.1 Hemmerdinger, Jon (12 December 2019). "Embraer's first E175-E2 takes to the skies in Sao Jose dos Campos". Flightglobal.
  8. "Embraer E175-E2 further delayed until 2027". AirInsightGroup. 19 February 2022.
  9. Embraer ERJ 190-300 is commercially named as "EMBRAER 190-E2" or “E190-E2” From https://www.aviation.govt.nz/assets/aircraft/type-acceptance-reports/embraer-erj-190-series.pdf
  10. https://www.flyembraer.com/irj/go/km/docs/download_center/Anonymous/Ergonomia/Home%20Page/Documents/APM_E-JetsE2.PDF เก็บถาวร 2018-06-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน [bare URL PDF]
  11. https://www.embraercommercialaviation.com/wp-content/uploads/2017/02/APM_E190.pdf [ลิงก์เสีย]
  12. "E190-E2 Commercial Jet".
  13. 13.0 13.1 Wuerfel, Tim (7 March 2018). "Embraer's E2 Advances E-Jet Without Sacrificing Commonality". Aviation Week & Space Technology.
  14. Lampert, Allison (23 January 2018). "Bombardier seeks to enmesh Embraer in trade spat before ruling". Reuters.
  15. "Disappointing E2 Orders Could Impact Residual Values". Aircraft Value News. 10 December 2018.
  16. Trimble, Stephen (24 February 2016). "Embraer announces design revamp of E195-E2". Flightglobal.
  17. "EJet-E2 ranged upped by 450nm". Leeham News. 24 February 2016.
  18. "Embraer challenges Bombardier's CSeries with orders for second generation E-Jets". CAPA - Centre for Aviation. 28 June 2013.
  19. Karp, Aaron (9 March 2017). "Embraer E195-E2 to enter service in 2019 with Azul". Air Transport World. Aviation Week.
  20. Karp, Aaron (29 March 2017). "Embraer E195-E2 achieves first flight ahead of schedule". Air transport World. Aviation Week.
  21. "Embraer brings E195-E2 flight test forward". Flightglobal. 7 March 2017.
  22. Flottau, Jens; Bruno, Michael (25 January 2019). "Embraer Hopes For E2 Sales Surge In 2019". Aviation Week & Space Technology.
  23. Hemmerdinger, Jon (15 April 2019). "Embraer's E195-E2 receives type certification". Flightglobal.
  24. "Spain's Binter Canarias takes first E195-E2", ch-aviation, 25 November 2019
  25. "Embraer Delivers its First E195-E2 to AerCap and Azul" (Press release). Embraer. 12 September 2019.
  26. "Embraer E195-E2 Becomes the Largest Airliner to Touch Down at London City". airwaysmag.com. 23 July 2022.
  27. Kaminski-Morrow, David (10 November 2023). "E195-E2 secures steep-approach clearance for London City airport". Flightglobal.
  28. "Backlog & Deliveries 1Q24". Embraer. 19 April 2024. สืบค้นเมื่อ 20 April 2024.
  29. "Embraer E2 Production List". Planespotters.net. สืบค้นเมื่อ 20 April 2024.
  30. "Embraer E2 Operators". www.planespotters.net.
  31. "Backlog & Deliveries 1Q24". Embraer. 19 April 2024. สืบค้นเมื่อ 3 June 2024.
  32. "Embraer E2 Production List". Planespotters.net. สืบค้นเมื่อ 20 April 2024.
  33. "E-Jets E2 Folder" (PDF). Embraer. 13 June 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 14 June 2018. สืบค้นเมื่อ 14 June 2018.
  34. "E-Jets E2 Airport Planning Manual" (PDF). Embraer. 11 May 2018. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-06-14. สืบค้นเมื่อ 2024-08-09.
  35. "E175-E2". embraer.com. April 2024.
  36. "E190-E2". embraer.com. April 2024.
  37. "E195-E2". embraer.com. April 2024.
  38. "The Single Aisle Cabin War Reaches its Climax". Airways International. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 December 2020. สืบค้นเมื่อ 8 November 2018.
  39. 39.0 39.1 "Embraer Reveals Upgrades Across its Commercial E-Jet Range". embraer.com. 23 July 2024.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]