เหรียญดุษฎีมาลา
เหรียญดุษฎีมาลา | |
---|---|
มอบโดย พระมหากษัตริย์ไทย | |
อักษรย่อ | ร.ด.ม. |
ประเภท | เหรียญบำเหน็จความชอบในราชการ |
วันสถาปนา | พ.ศ. 2425 |
ประเทศ | ราชอาณาจักรไทย |
ภาษิต | บาลี: สัพ์เพสํ สํฆภูตานํ สามัค์คีวุฏ์ฒิสาธิกา (ความพร้อมเพรียงแห่งชนผู้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่ ยังความเจริญวัฒนาถาวรให้สำเร็จ) |
จำนวนสำรับ | ไม่จำกัด |
ผู้สมควรได้รับ | พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการทั้งปวง |
มอบเพื่อ | แก่ผู้ทรงคุณวุฒิในทางศิลปวิทยา อันได้แสดงให้ประจักษ์เป็นพิเศษแล้ว |
สถานะ | ยังพระราชทานอยู่ |
ผู้สถาปนา | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ประธาน | พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว |
สถิติการมอบ | |
รายแรก | แขกอะบูรามซามี 27 ธันวาคม พ.ศ. 2427 |
รายล่าสุด | อรุณ โรจนสกุล 10 เมษายน พ.ศ. 2566 |
ทั้งหมด | 589 ราย |
ได้รับหลังถึงแก่กรรม | 2 ราย |
ลำดับเกียรติ | |
สูงกว่า | ทหาร : เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี เหรียญรามมาลา |
รองมา | ทหาร : เหรียญชัยสมรภูมิ พลเรือน : เหรียญช่วยราชการเขตภายใน |
เสมอ | ทหาร : เหรียญกล้าหาญ |
หมายเหตุ | เหรียญดุษฎีมาลาเป็นเหรียญบำเหน็จในราชการฝ่ายพลเรือนชั้นสูงสุด พระราชทานเป็นกรรมสิทธิ์ |
เหรียญดุษฎีมาลา เป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์สำหรับพระราชทานเป็นที่ระลึก เรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า เหรียญแพรแถบ เป็นเหรียญบำเหน็จความชอบในราชการ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2425 อันเป็นมหามงคลสมัยครบรอบ 100 ปีที่หนึ่ง นับแต่ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงสถาปนากรุงเทพมหานครขึ้นเป็นราชธานี และทรงตั้งราชวงศ์จักรียั่งยืนมานานจนถึงสมัยของพระองค์ท่าน
ลักษณะของเหรียญ เป็นแบบกลมรี ด้านหน้ามีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวผินพระพักตร์ทางซ้ายของเหรียญ ใต้รูปมีอักษรโรมัน ด้านหลังมีรูปพระสยามเทวาธิราชทรงพระขรรค์ยืนพิงโล่ตราแผ่นดิน พระหัตถ์ขวาทรงพวงมาลัยจะสวมตรงชื่อผู้ที่ได้รับพระราชทาน วัสดุของเหรียญทำจากทองคำกะไหล่ทองและเงิน ขนาดของเหรียญกว้าง 4.1 ซม. สูง 4.6 ซม. ปัจจุบันเหรียญชนิดนี้ยังไม่พ้นสมัยการพระราชทาน
ประวัติ
[แก้]พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเหรียญดุษฎีมาลา เมื่อ พ.ศ. 2425 เนื่องในโอกาสครบรอบการสถาปนากรุงเทพมหานครเป็นราชธานีมาเป็นเวลาครบ 100 ปี เพื่อเป็นการระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและเป็นการเฉลิมพระเกียรติยศของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระองค์ทรงสร้าง "เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์" สำหรับพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ และทรงสร้าง "เหรียญดุษฎีมาลา" สำหรับพระราชทานเพื่อเป็นบำเหน็จแก่ผู้มีความชอบในราชการแผ่นดิน โดยแบ่งออกเป็น
- เข็มราชการในพระองค์ อักษรย่อ ร.ด.ม. (พ)
- เข็มศิลปวิทยา อักษรย่อ ร.ด.ม. (ศ)
- เข็มราชการแผ่นดิน อักษรย่อ ร.ด.ม. (ผ)
- เข็มกรุณา อักษรย่อ ร.ด.ม. (ก)
- เข็มกล้าหาญ อักษรย่อ ร.ด.ม. (ห)
นับเปนครั้งแรกที่ผู้มีความสามารถในศิลปวิทยา จะได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นพิเศษเช่นนี้ทั้ง เป็นการสนองพระบรมราโชบายในการพัฒนาวิชาความรู้เพื่อปรับปรุงประเทศให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาอารยประเทศ และเมื่อพินิจถึงหลักเกณฑ์การพระราชทาน ก็จะเห็นได้ว่ามีหลักอันเข้มงวดต่างจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์อื่น ๆ คือ จะพระราชทานเฉพาะผู้มีฝีมืออย่างเอกอุ อันเป็นคุณประโยชน์ต่อแผ่นดินที่ไม่มีผู้ใดทำได้เสมอหรือดีกว่า ดังปรากฏในพระราชบัญญัติเครื่องอิสริยยศสำหรับความดีความชอบเหรียญดุษฎีมาลา จ.ศ. 1244 พ.ศ. 2425 ว่า
“เข็มที่จาฤกว่าศิลปวิทธยานั้น ไว้สำหรับพระราชทานนักปราชราชกระวี นายช่างแลฝีมือช่างพิเศศต่าง ๆ ที่ได้คิดอย่างสิ่งของที่จะเปนประโยชนทั่วกัน ครั้งแรกคราวแรกฤๅชักนำสิ่งของใด ๆ เข้ามาทำมาสร้างขึ้นในแผ่นดิน เปนผลประโยชนต่อบ้านเมืองแลราชการ ฤๅผู้ที่แต่ง หนังสือตำราวิทธยการต่าง ๆ ที่เปนของเก่าของใหม่ก็ดี ที่เปนคุณต่อแผ่นดิน เปนประโยชนแก่ราชการ เปนผลแก่การค้าขาย ฤๅผู้เปนช่างอย่างฝีมือเอก ที่ได้คิดก็ดี ทำเองก็ดี ปรากฏว่าไม่มี ผู้ใดผู้หนึ่งทำได้เสมอดีกว่า แล้วผู้ทำคุณประโยชนดังกล่าวมานี้ ก็จะทรงพระราชดำริหวินิจฉัย พระราชทานเข็มชนิดนี้ให้ตามฐานานุรูป”
ลักษณะเหรียญ
[แก้]แรกสถาปนา
[แก้]ในเบื้องต้นเหรียญดุษฎีมาลา แบ่งออกเป็น 4 ชนิด ได้แก่ ทองคำ เงินกาไหล่ทอง เงินเปล่า และสำริด โดยเหรียญทั้ง 4 ชนิดมีเกียรติเสมอกัน ลักษณะเหรียญเป็นรูปไข่ ด้านหน้ามีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประดิษฐานตรงกลาง มีอักษรตามขอบบนว่า "จุฬาลังกรณว์หัส์ส ปรมราชาธิราชิโน" ขอบล่างเป็นใบชัยพฤกษ์ไขว้กัน ด้านหลังเป็นรูปพระสยามเทวาธิราชทรงพระขรรค์ยืนแท่นพิงโล่ห์ตราแผ่นดิน พระหัตถ์ขวาทรงพวงมาลัยจะสวมที่ตรงจารึกชื่อผู้ได้รับพระราชทาน ใต้แท่นมีเลข "๑๒๔๔" อันเป็นปีจุลศักราชที่สร้างเหรียญ และมีอักษรตามขอบว่า "สยามิน์ทปรมราชตุฏ์ฐีป์ปเวทนํอิทํ" ริมขอบเหรียญจารึกอักษรว่า "สัพ์เพสํ สํฆภูตานํ สามัค์คีวุฏ์ฒิสาธิกา" บนเหรียญมีพระขรรค์ชัยศรีกับธารพระกรเทวรูปไขว้กัน มีห่วงยึดกับเหรียญและติดกับแผ่นโลหะจารึกว่า "ทรงยินดี"
คาถาภาษาบาลีที่ปรากฏในเหรียญดุษฎีมาลาแต่ละคาถา มีความหมายดังนี้
- "จุฬาลังกรณว์หัส์ส ปรมราชาธิราชิโน" (จุฬาลงฺกรณวฺหสฺส ปรมราชาธิราชิโน) หมายถึง (เหรียญนี้เป็น) "ของพระบรมราชาธิราช ทรงพระนามว่า จุฬาลงกรณ์"
- "สยามิน์ทปรมราชตุฏ์ฐีป์ปเวทนํอิทํ" (สยามินฺทปรมราช ตุฏฺฐีปฺปเวทนํ อิทํ") หมายถึง "สิ่งนี้เป็นเครื่องหมายทรงยินดีแห่งพระบรมราชาผู้ทรงปกครองแผ่นดินสยาม"
- "สัพ์เพสํ สํฆภูตานํ สามัค์คีวุฏ์ฒิสาธิกา" (สพฺเพสํ สงฺฆภูตานํ สามคฺคี วุฑฺฒิสาธิกา) หมายถึง "ความพร้อมเพรียงแห่งชนผู้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่ ยังความเจริญวัฒนาถาวรให้สำเร็จ" คาถานี้เป็นคาถาในตราแผ่นดินของสยาม บทพระนิพนธ์ในสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว)
เหรียญดุษฎีมาลาใช้ห้อยกับแพรแถบ โดยริ้วแดงริ้วขาวสำหรับสมาชิกฝ่ายทหารและตำรวจ (หรือพระราชวงศ์) ส่วนริ้วขาวริ้วชมพูสำหรับสมาชิกฝ่ายพลเรือน ประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย กับมีเข็มปลายเป็นช่อปทุมทั้ง 2 ข้าง จารึกอักษรชนิดของเหรียญที่ได้รับพระราชทาน เช่น "ศิลปวิทยา" "กล้าหาญ" สำหรับกลัดที่แพรแถบเหนือเหรียญ
แพรแถบย่อเหรียญดุษฎีมาลา ของฝ่ายทหารและตำรวจ | ||||
---|---|---|---|---|
แพรแถบย่อเหรียญดุษฎีมาลา เข็มราชการในพระองค์ | แพรแถบย่อเหรียญดุษฎีมาลา เข็มกรุณา | แพรแถบย่อเหรียญดุษฎีมาลา เข็มราชการแผ่นดิน | แพรแถบย่อเหรียญดุษฎีมาลา เข็มกล้าหาญ | แพรแถบย่อเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา |
แพรแถบย่อเหรียญดุษฎีมาลา ของฝ่ายพลเรือน | ||||
---|---|---|---|---|
แพรแถบย่อเหรียญดุษฎีมาลา เข็มราชการในพระองค์ | แพรแถบย่อเหรียญดุษฎีมาลา เข็มกรุณา | แพรแถบย่อเหรียญดุษฎีมาลา เข็มราชการแผ่นดิน | แพรแถบย่อเหรียญดุษฎีมาลา เข็มกล้าหาญ | แพรแถบย่อเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา |
ปัจจุบัน
[แก้]ตามพระราชบัญญัติเหรียญดุษฎีมาลา พ.ศ. 2484 ได้มีการปรับเปลี่ยนลักษณะเหรียญบางส่วน โดยชนิดของเหรียญมีเพียงเหรียญเงินกาไหล่ทองรูปไข่ ด้านหน้ามีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประดิษฐานตรงกลาง ขอบล่างเป็นใบชัยพฤกษ์ไขว้กัน ด้านหลังเป็นรูปพระสยามเทวาธิราชทรงพระขรรค์ยืนแท่นพิงโล่ห์พระหัตถ์ซ้ายทรงพวงมาลัยจะสวมที่ตรงจารึกชื่อผู้ได้รับพระราชทาน ใต้แท่นมีเลข "๑๒๔๔" ห่วงเหรียญมีพระขรรค์ชัยศรีกับธารพระกรเทวรูปไขว้กัน มีห่วงยึดกับเหรียญและติดกับแผ่นโลหะจารึกว่า "ทรงยินดี"
เหรียญดุษฎีมาลาใช้ห้อยกับแพรแถบกว้าง 3 ซม. โดยริ้วแดงริ้วขาวสำหรับสมาชิกฝ่ายทหารและตำรวจ ส่วนริ้วขาวริ้วชมพูสำหรับสมาชิกฝ่ายพลเรือน ประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย กับมีเข็มปลายเป็นช่อปทุมทั้ง 2 ข้าง จารึกว่า "ศิลปวิทยา" สำหรับกลัดที่แพรแถบเหนือเหรียญ สำหรับพระราชทานสตรีใช้ห้อยกับแพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอประดับเสื้อที่หน้าบ่าซ้าย
หลักเกณฑ์การรับพระราชทาน
[แก้]ตามระเบียบว่าด้วยการขอพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา พ.ศ. 2521 ข้อ 5 กำหนดว่า "ผู้ซึ่งจะได้รับการพิจารณาขอพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา จะต้องมีผลงานประการใดประการหนึ่งดังต่อไปนี้"
- คิดค้นความรู้ระบบ กรรมวิธีหรือประดิษฐ์ สิ่งใหม่เป็นผลสำเร็จ
- ปรับปรุงความรู้ระบบ กรรมวิธี หรือสิ่งประดิษฐ์ให้ดีขึ้นกว่าเดิมเป็นอันมาก
- ได้แสดงให้เป็นที่ปรากฏว่า มีฝีมือและชื่อเสียงยอดเยี่ยมในทางศิลปวิทยา
- โดยคณะกรรมการจะได้พิจารณาผลงานของผู้ที่สมควรจะได้รับการพิจารณารับพระราชทานตามสาขาวิชาใดสาขาวิชาหนึ่ง หรือหลายสาขาร่วมกันดังนี้
- มนุษยศาสตร์
- ศึกษาศาสตร์
- วิจิตรศิลป์
- สังคมศาสตร์ (นิติศาสตร์ , รัฐศาสตร์ , เศรษฐศาสตร์ , พาณิชยศาสตร์และการบัญชี)
- วิทยาศาสตร์
- วิศวกรรมศาสตร์
- แพทยศาสตร์
- เกษตรศาสตร์
- สาขาวิชาอื่นตามที่คณะกรรมการพิจารณาเห็นสมควร
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- พระราชบัญญัติเหรียญดุษฎีมาลา พ.ศ. 2484. ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 58 ตอน 0 ก วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2484 หน้า 1582.
- พระราชบัญญัติเหรียญดุษฎีมาลา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2485. ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 59 ตอน 67 ก วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2485 หน้า 1875.
- ประกาศคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เรื่อง ตั้ง อ.ก.พ. พิจารณาการขอพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลาเข็มศิลปวิทยา. ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 69 ตอน 39 ง วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2495 หน้า 1757.
- ประกาศคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เรื่อง ตั้ง อ.ก.พ. วิสามัญพิจารณาการขอพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา. ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 73 ตอน 25 ง วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2499 หน้า 1089.
- ระเบียบว่าด้วยการขอพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา พ.ศ. 2521. ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 95 ตอน 79 ก วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2521 หน้า 486.
- ระเบียบว่าด้วยการขอพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2532. ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 106 ตอน 16 ก วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2532 หน้า 36.
- ระเบียบว่าด้วยการขอพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2543. ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 117 ตอนพิเศษ 20 ง วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2543 หน้า 3
- ระเบียบว่าด้วยการขอพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2547. ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 121 ตอนพิเศษ 92 ง วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2547 หน้า 1.
- ระเบียบว่าด้วยการขอพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2547.ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 121 ตอนพิเศษ 133 ง วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2547 หน้า 33.