เพชรคัลลินัน
![]() ![]() เพชรคัลลินันดิบก่อนเจียระไน (บน) และเพชรคัลลินันทั้งเก้าชิ้นใหญ่ที่สุดหลังตัดแบ่ง (ล่าง) | |
น้ำหนัก | 3106.75 กะรัต (603.35 กรัม) |
---|---|
รูปแบบเหลี่ยมเพชร | หลายแบบ |
สถานที่ค้นพบ | ![]() |
แหล่งกำเนิด | เหมืองพรีเมียร์ พริทอเรีย |
วันที่ค้นพบ | 26 มกราคม ค.ศ. 1905 |
ผู้เจียระไน | Asscher Brothers |
ผู้ค้นพบ | Premier Diamond Mining Co. |
ผู้ครอบครอง | เม็ดที่ 1-2 ครอบครองโดย สำนักพระราชวังอังกฤษ และเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องราชกกุธภัณฑ์แห่งสหราชอาณาจักร, เม็ดที่ 3-9 ครอบครองโดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เป็นการส่วนพระองค์ |
มูลค่าโดยประมาณ | มากกว่า 78,000 ล้านบาท[1] |
เพชรคัลลินัน (อังกฤษ: Cullinan diamond) เป็นเพชรคุณภาพอัญมณีดิบ (rough gem-quality) ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบ หนัก 3,106.75 กะรัต (621.35 กรัม) มีความยาวประมาณ 10.5 ซม. (4.1 นิ้ว) ค้นพบเมื่อวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 1905 ในเหมืองพรีเมียร์ 2 ใกล้กับกรุงพริทอเรีย ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งเพชรกาญจนาภิเษกที่ถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2528 หนัก 545.67 กะรัต (109.13 กรัม) ก็จากเหมืองพรีเมียร์แห่งเดียวกัน
พลอยที่เจียระไนแล้วชิ้นใหญ่ที่สุดนั้นได้ชื่อว่า คัลลินัน 1 หรือดาวใหญ่แห่งแอฟริกา (Great Star of Africa) หนัก 530.4 กะรัต (106.1 กรัม)[2] พลอยชิ้นนี้จึงเป็นเพชรขัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบัน คัลลินัน 1 ถูกติดไว้ที่ส่วนหัวของคทากางเขน (Sceptre with the Cross) ซึ่งเป็นคทาประจำพระมหากษัตริย์อังกฤษ เพชรชิ้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองจากหินคัลลินัน ชื่อ คัลลินัน 2 หรือดาวเล็กแห่งแอฟริกา (Lesser Star of Africa) หนัก 317.4 กะรัต (63.5 กรัม) เป็นเพชรขัดใหญ่ที่สุดอันดับสี่ของโลก เพชรทั้งสองนี้อยู่ในเครื่องราชกกุธภัณฑ์แห่งสหราชอาณาจักร (Crown Jewels of the United Kingdom) เพรชสีชมพูประเทศไทยครอบครองเยอะที่สุดในโลก คุณ บุญนาค คำไล้ ก็คือผู้บุกเบิกวงการพระเครื่องนั่นเองและยังครอบเพรชสีชมพูมีมูลคาทั้งสิ้น1ล้านล้านบาท แต่มีการโอนเปรี่ยนชื่อให้หลานชาย ทางเราไม่มีข้อมูล
ประวัติ[แก้]
เพชรคัลลินันค้นพบโดยทอมัส อีวาน พาวเวลล์ (Thomas Evan Powell) นักขุดซึ่งนำขึ้นมาจากเหมืองและมอบให้กับผู้จัดการ คือ เฟรเดอริก เวลส์ แห่งเหมืองพรีเมียร์ (Premier Mine) ในเมืองคัลลินัน ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 1905 เพชรนี้ถูกตั้งชื่อตามเซอร์ทอมัส คัลลินัน (Sir Thomas Cullinan) ซึ่งเป็นผู้ครอบครองเหมืองเพชรแห่งนี้
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/8/87/Cullinan_Diamond_and_some_of_its_cuts_-_copy.jpg/220px-Cullinan_Diamond_and_some_of_its_cuts_-_copy.jpg)
เซอร์วิลเลียม ครุกส์ (Sir William Crookes) เป็นผู้วินิจฉัยเพชรคัลลินันก่อนการตัดแบ่งและเจียระไน และพบว่าเพชรนี้มีคุณสมบัติพิเศษที่ความสว่างใส (clarity) แต่พบจุดสีดำอยู่ตรงกลาง สีสันของเพชรบริเวณรอบ ๆ จุดดำนั้นมีสีสันสวยงามและเปลี่ยนไปตามเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์ โดยเขาคิดว่าเกิดจากความเครียดภายในของอัญมณี ซึ่งพบได้ค่อนข้างยากในเพชร[3]
จากนั้นเพชรดิบนี้ได้ถูกรัฐบาลของอาณานิคมทรานส์วาล (Transvaal Colony) ซื้อและนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแก่สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งสหราชอาณาจักรในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระองค์.[4][5]
ต่อมาเพชรดิบนี้ได้ถูกตัดแบ่งเป็นสามส่วนใหญ่ ๆ โดยบริษัท รอยัล แอสเชอร์ ไดมอนด์ จำกัด (Royal Asscher Diamond Company) แห่งอัมสเตอร์ดัม และต่อมาเป็น 9 ชิ้นกับเศษเล็ก ๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งในขณะนั้น เทคโนโลยีไม่ได้เอื้ออำนวยเพื่อรับประกันคุณภาพของการเจียระไนเพชรดังในปัจจุบัน ซึ่งการตัดแบ่งเพชรในสมัยนั้นถือว่าเป็นงานที่ยากลำบาก และเสี่ยงมาก จึงได้มีการออกแบบอย่างระมัดระวัง โดยทำรอยบากไว้ก่อนที่ความลึกครึ่งนิ้ว และจากนั้นได้สอดมีดที่ออกแบบมาพิเศษนั้น และทำการผ่าออกด้วยแรงมหาศาล ซึ่งทำให้เพชรดิบนี้ถูกแบ่งตรงจุดตำหนิพอดีซึ่งทั้งสองชิ้นนี้ได้แบ่งจุดตำหนิไปเท่า ๆ กัน[6]
เพชรคัลลินันหลังจากการเจียระไน[แก้]
เพชรคัลลินันนั้นถูกแบ่งเจียระไนเป็นทั้งหมด 9 เม็ดใหญ่ ๆ และอีก 96 เม็ดย่อย สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงมีพระบรมราชโองการให้ประดับเพชรคัลลินัน 1 และคัลลินัน 2 ไว้ที่คทากางเขน และมงกุฎอิมพีเรียลสเตต ตามลำดับ ที่เหลืออีก 7 เม็ด และเม็ดย่อยทั้ง 96 เม็ดนั้นยังอยู่ในกรรมสิทธิ์ของบริษัทเมสเซอร์ ไอ เจ แอสเชอร์ แห่งอัมส์เตอร์ดัม ซึ่งเป็นบริษัทที่ตัดแบ่งและเจียระไนเพชรคัลลินันทั้งหมด จนกระทั่งรัฐบาลแอฟริกาใต้]]นั้นขอซื้อไว้ทั้งหมด[7] และสำนักข้าหลวงใหญ่แห่งสมาพันธ์แอฟริกาได้ทูลเกล้าฯถวายแด่สมเด็จพระราชินีแมรีเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1910[8]
ชื่อ | ขนาด (กะรัต) | ทรง | ประดับที่[9] |
---|---|---|---|
คัลลินัน 1[10] | 530.2 กะรัต | หยดน้ำ | ประดับอยู่ที่บริเวณยอดของพระคทากางเขน ซึ่งสามารถถอดออกมาเป็นเข็มกลัดประดับคู่กับคัลลินัน 2 ได้ |
คัลลินัน 2 | 317.4 กะรัต | สี่เหลี่ยมผืนผ้า | ประดับไว้บริเวณฐานด้านหน้าของมงกุฎอิมพีเรียลสเตต ซึ่งใช้ทรงร่วมกับพระคทากางเขน |
คัลลินัน 3[11] | 94.4 กะรัต | หยดน้ำ[12] | เคยประดับอยู่เหนือลูกโลกบริเวณยอดมงกุฎพระราชินีแมรี ในปัจจุบันอยู่รวมกันกับคัลลินัน 4 บนเข็มกลัดประดับ |
คัลลินัน 4[13] | 63.6 กะรัต | สี่เหลี่ยมจัตุรัส | เคยประดับบริเวณฐานด้านหน้าของมงกุฎพระราชินีแมรี ในปัจจุบันอยู่รวมกันกับคัลลินัน 3 บนเข็มกลัดประดับ |
คัลลินัน 5 | 18.8 กะรัต | หัวใจ | ประดับตรงกลางของเข็มกลัดประดับคัลลินัน 5 ตัวเรือนทำจากแพลตตินัม ซึ่งเป็นส่วนประดับตรงกลางของแผงประดับหน้าอก ของชุดอัญมณีประดับเพชรและมรกตแห่งเดลี เดอร์บาร์ (The Diamond and Emerald Delhi Durbar Parure) |
คัลลินัน 6 | 11.5 กะรัต | มาร์กีส (ทรงข้าวสาร) | ห้อยอยู่จากเข็มกลัดประดับซึ่งมีคัลลินัน 8 ประดับตรงกลางบนเรือนแพลตตินัมประดับเพชร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผงประดับหน้าอก ของชุดอัญมณีประดับเพชรและมรกตแห่งเดลี เดอร์บาร์ (The Diamond and Emerald Delhi Durbar Parure) |
คัลลินัน 7 | 8.8 กะรัต | มาร์กีส (ทรงข้าวสาร) | ห้อยอยู่จากสร้อยพระศอเดลี เดอร์บาร์ (Delhi Durbar Necklace with Cullinan VII Pendant) ซึ่งทำจากมรกต 9 ชิ้นประดับเพชรคัลลินัน 7 บริเวณปลายฝั่งหนึ่ง คู่กับอีกปลายหนึ่งซึ่งเป็นมรกตขนาดใหญ่กว่า สร้อยพระศอนี้สร้างขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของชุดอัญมณีประดับเพชรและมรกตแห่งเดลี เดอร์บาร์ (The Diamond and Emerald Delhi Durbar Parure) สำหรับสมเด็จพระราชินีแมรี |
คัลลินัน 8 | 6.8 กะรัต | เหลี่ยมขอบมน | ประดับตรงกลางของเข็มกลัดประดับ เรือนทำด้วยแพลตตินัม และห้อยด้วยคูลลินัน 6 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า จัดเป็นส่วนหนึ่งของแผงประดับหน้าอก ของชุดอัญมณีประดับเพชรและมรกตแห่งเดลี เดอร์บาร์ (The Diamond and Emerald Delhi Durbar Parure) |
คัลลินัน 9 | 4.4 กะรัต | หยดน้ำ | ประดับอยู่บนพระธำมรงค์(แหวน) ของสมเด็จพระราชินีแมรี |
อ้างอิง[แก้]
- ↑ https://www.borro.com/uk/insights/blog/most-expensive-diamonds/
- ↑ Overview of the different Cullinan diamonds
- ↑ "Crookes: Diamonds (1909) Page 78". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-02-01. สืบค้นเมื่อ 2013-06-20.
- ↑ "Goodchild: Precious Stones (1908) Page 140". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-11-07. สืบค้นเมื่อ 2013-06-20.
- ↑ Crookes: Diamonds (1909) Page 77 เก็บถาวร 2012-11-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (A photo of the rough Cullinan, marked as number 17, is facing page 80.)
- ↑ "Crookes: Diamonds (1909) Page 79". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-11-07. สืบค้นเมื่อ 2013-06-20.
- ↑ ยกเว้นเพชรคัลลินัน 6 ซึ่งพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ทรงซื้อไว้และพระราชทานแก่สมเด็จพระราชินีอเล็กซานดราในปีค.ศ. 1907 ซึ่งต่อมาทรงพระราชทานให้เป็นมรดกแก่สมเด็จพระราชินิแมรี
- ↑ ’’The Queen's Jewels. The Personal Collection of Elizabeth II.’’ Leslie Field. Harry N. Abrams, Incorporated, @ 1987. Times Mirror Books. INBN 0-8109-1525-1. p. 72.
- ↑ ข้อมูลจากหนังสือ ‘’The Queen's Jewels. The Personal Collection of Elizabeth II’’ หน้า 72–77
- ↑ Also known as the Great Star of Africa.
- ↑ First of the Lesser Stars of Africa
- ↑ First of the Lesser Stars of Africa.
- ↑ Second of the Lesser Stars of Africa.