ข้ามไปเนื้อหา

เดวิด เบคแคม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก เดวิด เบ็คแคม)
เดวิด เบคแคม

เบคแคมใน ค.ศ. 2014
เกิดเดวิด รอเบิร์ต โจเซฟ เบคแคม[1]
(1975-05-02) 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1975 (49 ปี)[1]
เลย์ตันสโตน ลอนดอน อังกฤษ
สัญชาติอังกฤษ
อาชีพ
ตัวแทนไซมอน ฟุลเลอร์ (XIX Entertainment)
ส่วนสูง5 ฟุต 11 นิ้ว (180 เซนติเมตร)[2]
คู่สมรสวิกทอเรีย อดัมส์ (สมรส 1999)
บุตร4 คน, รวมบรุกลิน เบคแคม และโรมิโอ เบคแคม
ญาตินิโคลา เพลซ์ (ลูกสะใภ้)

อาชีพนักฟุตบอล
ตำแหน่ง กองกลาง
สโมสรเยาวชน
ริดจ์เวย์โรเวอส์
1987–1991 ทอตนัมฮอตสเปอร์
1989–1991 บริมส์ดาวน์โรเวอส์
1991–1993 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
1992–2003 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 265 (62)
1994–1995เพรสตันนอร์ทเอนด์ (ยืม) 5 (2)
2003–2007 เรอัลมาดริด 116 (13)
2007–2012 แอลเอ แกลักซี 98 (18)
2009มิลาน (ยืม) 18 (2)
2010มิลาน (ยืม) 11 (0)
2013 ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง 10 (0)
รวม 523 (97)
ทีมชาติ
1992–1993 อังกฤษ อายุไม่เกิน 18 ปี 3 (0)
1994–1996 อังกฤษ อายุไม่เกิน 21 ปี 9 (0)
1996–2009 อังกฤษ 115 (17)
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น
เว็บไซต์www.davidbeckham.com

เดวิด รอเบิร์ต โจเซฟ เบคแคม[note 1] (อังกฤษ: David Robert Joseph Beckham, OBE; เกิด 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1975) เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวอังกฤษ ปัจจุบันเป็นประธานสโมสรอินเตอร์ ไมอามี ในเมเจอร์ลีกซอกเกอร์

เบคแคมเคยเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด, เพรสตันนอร์ทเอนด์, เรอัลมาดริด, เอซี มิลาน, แอลเอ แกลักซี และปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง และเล่นให้กับฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ ในปี 1996 จนถึงปี 2009 และยังเคยเป็นกัปตันทีมของทีมชาติอังกฤษด้วย

เบคแคมเป็นนักเตะหนึ่งในสี่คนที่เล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก มากกว่า 100 นัด เขายังเป็นนักเตะที่เล่นให้ทีมชาติอังกฤษ 115 ครั้ง มากที่สุดเป็นอันดับ 2 และเป็นคนอังกฤษเพียงคนเดียวที่ทำประตูได้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 3 ครั้ง คือ ในฟุตบอลโลก 1998, 2002 และ 2006 โดยยิงประตูให้ทีมชาติอังกฤษรวมทั้งสิ้น 17 ประตู

เบคแคมได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นนายทหารแห่งจักรวรรดิบริเตน (OBE:Officer of the Order of the British Empire) จากสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2[4]

ชื่อเสียงของเบคแคมนั้นคนทั่วโลกรู้จักเขาเป็นอย่างดีทั้งรุ่นต่อรุ่นโดยผลงานของเขาสามารถสร้างชื่อเสียงไว้มากมายทั้งใน ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ และการค้าแข้งให้กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

ในวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) เดวิด เบคแคม ประกาศที่จะเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพหลังจากที่การแข่งขันลีก 1 ของฝรั่งเศส (Ligue 1) ฤดูกาล 2012-13 ภายใต้สโมสร ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง สิ้นสุดลง [5]

ประวัติ

[แก้]

เดวิด เบคแคม เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1975 (พ.ศ. 2518) ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยวิพพส์ครอสส์ ในเขตเมือง เลย์ตันสโตน เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ เขาเป็นลูกชายของ ซานดรา จีออร์จีนา ทำอาชีพช่างเสริมสวย และ เดวิด เอดเวิร์ด อลัน "เทด" เบคแคม" ทำอาชีพเป็นพ่อครัวอาชีพ เขาจบการศึกษาจาก โรงเรียน ชิงฟอร์ด ฟาวน์ดาทีออน และได้สมัครเป็นนักฟุตบอลฝึกหัดไปอยู่ในค่ายเยาวชนฟุตบอลของ สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ และจากนั้นได้ย้ายไปอยู่เปรสตันนอร์ธเอ็นด์ และได้ย้ายไปร่วมเป็นนักเตะเยาวชนของ สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

ชีวิตส่วนตัว

[แก้]

เบคแคมแต่งงาน เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1999 กับ วิคตอเรีย อดัมส์ นักร้องสาวของวงสไปซ์ เกิร์ลส ฉายา "Posh Spice" ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนอย่างมาก ทั้งคู่ถูกเรียกจากสื่อว่า "Posh and Becks" และชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันทั่วไป

ครอบครัวเบคแคมมีลูกชาย 3 คน และลูกสาว 1 คน คือ บรุคลิน โจเซฟ เบคแคม (เกิด 1999) โรมีโอ เจมส์ เบคแคม (เกิด 2002) ครูซ เดวิด เบคแคม (เกิด 2005) และ ฮาร์เปอร์ เซเว่น (เกิด 2011) [6]

ชีวิตในวงการฟุตบอล

[แก้]

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

[แก้]

เบคแคมได้เซ็นสัญญาเยาวชนกับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1991 เค้าเป็นหนึ่งในเด็กที่ถูกสอนโดย เอริค แฮร์ริสัน เค้าได้พาทีมได้แชมป์เอฟเอคัพรุ่นเยาวชน ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ 1992 และชุดแมนยูในตอนนั้นรู้จักในฐานะ ยุคของ 92 เค้าลงสนามครั้งแรกในฐานะตัวสำรอง ในลีค คัฟ ในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ.1992 เค้าเซ็นสัญญานักฟุตบอลอาชีพในวันที่ 23 มกราคม ค.ศ.1993

ยืมตัวเพรสตันนอร์ทเอนด์

[แก้]

เค้าได้ไปร่วมกับสโมสรฟุตบอลเพรสตันนอร์ทเอนด์ ในสัญญายืมตัวในฤดุกาล 1994-1995 เพื่อได้รับประสบการณ์ตัวจริง เค้ายังยิงประตูจากการเตะมุมอีกด้วย

แมนยูไนเต็ด

[แก้]

หลังจากการกลับมาเค้าก็ได้ลงสนามเป็นตัวจริงครั้งแรกในพรีเมียร์ลีกในวันที่ 2 เมษายน ค.ศ.1995 แต่เกมนัดนั้นเสมอ 0-0

ฟุตบอลโลก 2006

[แก้]

เบคแคมมีส่วนในการทำประตูในรอบแรกของฟุตบอลโลก 2006 และยิงได้ในนัดที่พบกับเอกวาดอร์ ในรอบที่สอง ทำให้เขาเป็นผู้เล่นอังกฤษคนแรกที่ทำประตูได้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 3 ครั้ง อย่างไรก็ตามในการแข่งขันกับโปรตุเกสในรอบถัดมา เบคแคมบาดเจ็บจนถูกเปลี่ยนตัวออกในครึ่งหลัง และอังกฤษแพ้ดวลจุดโทษให้กับโปรตุเกสอีกครั้ง

หลังจากตกรอบฟุตบอลโลก เบคแคมประกาศลาออกจากตำแหน่งกัปตันทีมชาติอังกฤษ เพื่อเปิดทางให้รุ่นน้องคนอื่นเข้ามารับหน้าที่นี้แทน

แอลเอ แกแลกซี

[แก้]

หลังจากที่ยุคของกาลาคติคอสหมดลง เดวิด เบคแคม ได้เซ็นสัญญากับทางแอลเอ แกแลกซีสโมสรเมเจอร์ลีกในสหรัฐอเมริกาด้วยค่าเหนื่อยแพงถึง 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ[7] [8] เดวิด เบคแคมมีส่วนทำให้คนในประเทศสหรัฐอเมริกาเริ่มหันมาดูฟุตบอลกันมากขึ้น ชีวิตค้าแข้งที่เมเจอร์ลีกในสหรัฐอเมริกาของเขาดูเหมือนจะราบรื่นได้ไม่นาน เพราะเขาไม่ค่อยพอใจกับชีวิตค้าแข้งที่เมเจอร์ลีกเท่าไหร่ เดวิด เบคแคมบอกทางผ่านสื่อว่าการที่ได้ไปเล่นให้กับเมเจอร์ลีกในสหรัฐอเมริกานั้นสำหรับดาราอาจจะใช่ แต่สำหรับนักฟุตบอลที่แท้จริงนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และหลังจากนั้นเค้าได้ถูกยืมตัวให้กับทางสโมสรฟุตบอลเอซี มิลานจึงทำให้เค้าคิดที่จะกลับมาเล่นให้กับสโมสรใหญ่ๆ อีกครั้ง

เอซี มิลาน

[แก้]

เมื่อครึ่งหลังฤดูกาลในปี 2008-2009 ของสโมสรฟุตบอลเอซี มิลาน ยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลี ได้ทำการยืมตัว เดวิด เบคแคม มาเล่นให้กับทีมจนจบฤดูกาล ซึ่งเขามีส่วนร่วมในการทำประตูมากมายให้กับสโมสรฟุตบอลเอซี มิลาน จนทำให้ทีมได้รองแชมป์ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา

ความหวังที่ เดวิด เบคแคม ต้องการมาเล่นให้กับยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลีอย่างสโมสรฟุตบอลเอซี มิลานนั้น สิ่งเดียวที่เค้าหวังคือการที่จะได้ลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษในศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งเค้ารู้ตัวดีว่าถ้าเล่นในเมเจอร์ลีกต่อ นั่นจะทำให้ เดวิด เบคแคม ไม่สามารถโชว์ผลงานเท่าที่คาดคิดไว้ได้ เบคแคมจึงตัดสินใจทำทุกวิถีทางเพื่อให้มาเล่นกับสโมสรฟุตบอลเอซี มิลานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ในสิ่งที่เค้าต้องการและนั่นทำให้เค้ากับทางแอลเอ แกแลกซีมีเรื่องบาดหมางกัน แต่ในที่สุดก็ทำข้อตกลงกันได้คือ หลังจากที่ เดวิด เบคแคม หมดสัญญาการยืมตัวจากสโมสรฟุตบอลเอซี มิลานในฤดูกาลปี 2008-2009 แล้ว เดวิด เบคแคม จะกลับไปเล่นให้กับแอลเอ แกแลกซี ทันทีและหลังจากหมดฤดูกาลกับทางแอลเอ แกแลกซี เดวิด เบคแคม จะกลับมาเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลเอซี มิลาน อีกครั้งในฐานะนักเตะของสโมสรฟุตบอลเอซี มิลาน ซึ่งคาดว่าจะกลับมาในเดือนพฤศจิกายนในปี 2009

ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง และ แขวนสตั๊ด

[แก้]

เมื่อวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2013 เบคแคมได้เริ่มกลับมาฝึกฟุตบอลกับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลและได้มีข่าวว่าทางอาร์เซนอลจะเซ็นสัญญากับเบคแคมเป็นผู้เล่นของสโมสรแต่ก็ได้ถูกปฏิเสธไปอย่างเป็นทางการจากอาร์แซน แวงแกร์ ผู้จัดการทีมของอาร์เซนอล โดยแวงแกร์ได้บอกกับสื่อว่าเหตุที่เขาให้เบคแคมมาฝึกซ้อมกับสโมสรอาร์เซนอลคือเพื่อให้เบคแคมได้ฝึกสภาพร่างกายของเขาเท่านั้นไม่ได้มีการเซ็นสัญญากันอย่างเป็นทางการ.[9][10] สโมสรฟุตบอลปารีแซ็ง-แฌร์แม็งจึงได้เปิดตัวเขาเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 โดยนัดแรกของเบคแคมกับปารีแซ็ง แฌร์แม็งคือในนัดที่พับกับ ออแล็งปิกเดอมาร์แซย์ ซึ่งเขาได้ลงเล่นมาเล่นในฐานะตัวสำรองให้กับสโมสรในนาทีที่ 76 และเขายังเป็นผู้เล่นคนที่ 400 ของสโมสรปารีแซ็ง-แฌร์แม็งอีกด้วย.[11] ในวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 เบคแคมและเพื่อนร่วมสโมสรสามารนำปารีแซ็ง-แฌร์แม็งคว้าแชมป์ลีกเอิงได้สำเร็จด้วยเอาชนะ ออแล็งปิกลียอแน ไป 1-0 แล้วได้คว้าแชมป์ลีกเอิงเป็นสมัยแรกของเบคแคมและสมัยที่สามของสโมสร.[12][13]

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 เบคแคมได้ออกมาประกาศให้แกสื่อมวลชนว่าเขาจะเกษียณจากอาชีพนักฟุตบอลอย่างเป็นทางการในการจบอาชีพการเล่นฟุตบอลที่ ประเทศฝรั่งเศส.[14][15]

ในวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 เบคแคมได้ลงเล่นนัดสุดท้ายในบ้านของฤดูกาลให้กับปารีแซ็ง-แฌร์แม็งและนัดสุดท้ายในการเล่นฟุตบอลอาชีพของเขาด้วยการพบกับ สโมสรฟุตบอลแบรสต์ ทื่ปาร์กเดแพร็งส์ โดยในนัดนี้ การ์โล อันเชลอตตี ผู้จัดการทีมของปารีแซ็ง-แฌร์แม็งได้ให้เบคแคมได้ลงเป็นตัวจริงและเป็นกัปตันทีมของปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 82 และหลังจากจบการแข่งขัน ปารีแซ็ง-แฌร์แม็งก็สามารถเอาชนะไปได้ 3-1 และคว้าแชมป์ลีกเอิงอย่างเป็นทางการ.[16] และทำให้เบคแคมเป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษคนแรกที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของแต่ละประเทศได้ถึง 4 ประเทศ คือ อังกฤษ, สเปน, อิตาลี และฝรั่งเศส

ทีมชาติ

[แก้]

เบคแคมได้เริ่มเล่นให้กับ ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1996 ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกในนัดที่พบกับ ฟุตบอลทีมชาติมอลโดวา.[17]

เบคแคมได้ลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลโลก 1998รอบคัดเลือกและเขาก็ได้เป็นหนึ่งในผู้เล่นของทีมชาติอังกฤษที่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ ประเทศฝรั่งเศส,[18]

ในปี ค.ศ. 2012 เบคแคมได้มีชื่อติด ฟุตบอลทีมชาติบริเตนใหญ่ชั่วคราว ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2012. ประเภทกีฬาฟุตบอล โดยเขาได้ถูกเรียกตัวจากผู้จัดการทีมชาวอังกฤษอย่าง สจวร์ต เพียชร์.[19]

สถิติ

[แก้]
สโมสร ฤดูกาล ลีก ฟุตบอลถ้วย ลีกคัพ ยุโรป อื่นๆ1 รวม
ลงเล่น ประตู ช่วยทำประตู ลงเล่น ประตู ช่วยทำประตู ลงเล่น ประตู ช่วยทำประตู ลงเล่น ประตู ช่วยทำประตู ลงเล่น ประตู ช่วยทำประตู ลงเล่น ประตู ช่วยทำประตู
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 1992–93 0 0 0 0 0 0 1 0 0 0 0 0 0 0 0 1 0 0
1993–94 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0
เปรสตัน นอร์ทเอนด์ (ยืมตัว) 1994–95 5 2 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 5 2 0
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 1994–95 4 0 0 2 0 0 3 0 0 1 1 0 0 0 0 10 1 0
1995–96 33 7 3 1 2 0 2 0 0 0 0 40 8
1996–97 36 8 2 1 0 0 0 10 2 1 1 49 12
1997–98 37 9 1 4 2 0 0 0 8 0 1 0 50 11 1
1998–99 34 6 7 1 1 0 12 2 2 1 0 55 9 2
1999–00 31 6 2 0 0 0 12 2 0 5 0 0 48 8 2
2000–01 31 9 1 2 0 0 0 0 12 0 1 0 46 9 1
2001–02 28 11 0 1 0 0 0 0 13 5 3 1 0 43 16 3
2002–03 31 6 9 3 1 0 5 1 0 13 3 2 0 0 0 52 11 11
รวม 265 62 13 24 6 12 1 83 15 7 10 1 399 87 20
เรอัลมาดริด 2003–04 32 3 0 4 2 0 7 1 1 2 1 1 45 7 2
2004–05 30 4 2 0 0 0 8 0 3 0 0 0 38 4 5
2005–06 31 3 10 3 1 0 7 1 2 0 0 0 41 5 12
2006–07 23 3 6 2 1 0 6 0 0 0 0 0 31 4 6
รวม 116 13 18 9 4 0 28 2 6 2 1 1 155 20 25
แอลเอ แกลักซี 2007 5 0 2 0 0 0 2 1 1 7 1 3
2008 25 5 6 0 0 0 0 0 0 25 5 6
มิลาน (ยืมตัว) 2008–09 18 2 5 0 0 0 0 0 0 2 0 0 20 2 5
แอลเอ แกลักซี 2009 11 2 3 0 0 0 4 0 0 15 2 3
มิลาน (ยืมตัว) 2009–10 11 0 1 0 0 0 2 0 0 0 0 0 13 0 1
รวม 29 2 6 0 0 0 2 0 0 2 0 0 33 2 6
แอลเอ แกลักซี 2010 7 2 3 0 0 0 3 0 0 10 2 3
2011 26 2 11 0 0 0 3 0 2 29 2 13
2012 5 1 2 0 0 0 6 0 2 0 0 0 11 1 4
รวม 81 12 33 0 0 0 6 0 2 13 1 8 98 13 43
รวมทั้งหมด 494 91 70 33 10 0 12 1 0 121 17 15 21 3 9 684 122 94

ประตูในนามทีมชาติ

[แก้]
# Date Venue Opponent Score Result Competition Reports
1. 26 June 1998 Stade Félix Bollaert, Lens ธงชาติโคลอมเบีย โคลอมเบีย 2–0 2–0 1998 FIFA World Cup [20]
2. 24 March 2001 Anfield, Liverpool ธงชาติฟินแลนด์ ฟินแลนด์ 2–1 2–1 2002 FIFA World Cup Qual. [21]
3. 25 May 2001 Pride Park, Derby ธงชาติเม็กซิโก เม็กซิโก 3–0 4–0 Friendly match [22]
4. 6 June 2001 Olympic Stadium, Athens ธงชาติกรีซ กรีซ 2–0 2–0 2002 FIFA World Cup Qual. [23]
5. 6 October 2001 Old Trafford, Manchester ธงชาติกรีซ กรีซ 2–2 2–2 2002 FIFA World Cup Qual. [24]
6. 10 November 2001 Old Trafford, Manchester ธงชาติสวีเดน สวีเดน 1–0 1–1 Friendly match [25]
7. 7 June 2002 Sapporo Dome, Sapporo ธงชาติอาร์เจนตินา อาร์เจนตินา 1–0 1–0 2002 FIFA World Cup [26]
8. 12 October 2002 Tehelné pole, Bratislava ธงชาติสโลวาเกีย สโลวาเกีย 1–1 2–1 UEFA Euro 2004 Qual. [27]
9. 16 October 2002 St Mary's Stadium, Southampton Flag of North Macedonia มาซิโดเนียเหนือ 1–1 2–2 UEFA Euro 2004 Qual. [28]
10. 29 March 2003 Rheinpark Stadion, Vaduz ธงชาติลีชเทินชไตน์ ลีชเทินชไตน์ 2–0 2–0 UEFA Euro 2004 Qual. [29]
11. 2 April 2003 Stadium of Light, Sunderland ธงชาติตุรกี ตุรกี 2–0 2–0 UEFA Euro 2004 Qual. [30]
12. 20 August 2003 Portman Road, Ipswich ธงชาติโครเอเชีย โครเอเชีย 1–0 3–1 Friendly match [31]
13. 6 September 2003 Gradski, Skopje Flag of North Macedonia มาซิโดเนียเหนือ 2–1 2–1 UEFA Euro 2004 Qual. [32]
14. 18 August 2004 St James' Park, Newcastle ธงชาติยูเครน ยูเครน 1–0 3–0 Friendly match [33]
15. 9 October 2004 Old Trafford, Manchester ธงชาติเวลส์ เวลส์ 2–0 2–0 2006 FIFA World Cup Qual. [34]
16. 30 March 2005 St James' Park, Newcastle ธงชาติอาเซอร์ไบจาน อาเซอร์ไบจาน 2–0 2–0 2006 FIFA World Cup Qual. [35]
17. 25 June 2006 Gottlieb-Daimler-Stadion, Stuttgart ธงชาติเอกวาดอร์ เอกวาดอร์ 1–0 1–0 2006 FIFA World Cup [36]

เกียรติประวัติ

[แก้]

สโมสร

[แก้]
  • แอลเอ แกแลกซี
    • MLS Supporters' Shield 2 สมัย : 2010, 2011
    • MLS Cup 2 สมัย : 2011, 2012
    • MLS Western Conference
      • Winners (Regular Season) 3 สมัย: 2009, 2010, 2011
      • Winners (Playoffs) 3 สมัย: 2009, 2011, 2012
  • ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
    • ลีกเอิง 1 สมัย : 2012-13

ทีมชาติ

[แก้]
  • ทีมชาติอังกฤษ
    • Tournoi de France 1 สมัย : 1997
    • FA Summer Tournament 1 สมัย : 2004

เกียรติประวัติส่วนตัว

[แก้]
  • นักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำเดือน (1): สิงหาคม 1996 พรีเมียร์ลีกอังกฤษ
  • นักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ (1): 1996-97
  • FWA Tribute Award: 2008
  • Sir Matt Busby Player of the Year (1): 1996-97
  • UEFA Club Footballer of the Year (1): 1998-99
  • UEFA Club Midfielder of the Year (1): 1998-99
  • Premier League 10 Seasons Awards (1992-93 ถึง 2001-02):
    • Domestic & Overall Team of the Decade
    • Goal of the Decade (vs. Wimbledon, 17 สิงหาคม 1996)
  • UEFA Team of the Year 2003
  • Real Madrid Player of the Year (1): 2005-06
  • PFA Team of the Year (4): 1996-97,1997-98,1998-99,1999-2000
  • BBC Sports Personality of the Year (1): 2001
  • ฟีฟ่า 100
  • ESPY Award – Best Male Soccer Player: 2004
  • ESPY Award – Best MLS Player: 2008
  • English Football Hall of Fame: 2008
  • BBC Sports Personality of the Year Lifetime Achievement Award (1): 2010
  • MLS Comeback Player of the Year Award (1): 2011
  • Major League Soccer Best XI: 2011

รางวัลพิเศษ

[แก้]
  • Officer in the Order of the British Empire by Queen Elizabeth II: 2003
  • United Nations Children's Fund (UNICEF) Goodwill Ambassador (2005-ปัจจุบัน)
  • "Britain's Greatest Ambassador" – 100 Greatest Britons awards
  • The Celebrity 100, number 15 – Forbes, 2007
  • Number 1 on the list of the 40 most influential men under the age of 40 in the UK – Arena, 2007
  • Time 100: 2008
  • Gold Blue Peter Badge winner, 2001
  • Do Something Athlete Award, 2011

เชิงอรรถ

[แก้]
  1. ชื่อ Beckham ในภาษาอังกฤษ ตัวอักษร h ไม่ออกเสียง (IPA: ['bɛkəm])

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 Hugman, Barry J., บ.ก. (2003). The PFA Footballers' Who's Who 2003/2004. Harpenden: Queen Anne Press. p. 42. ISBN 978-1-85291-651-0.
  2. Beckham, David (2002). David Beckham: My Side. HarperCollinsWillow. ISBN 978-0-00-715732-7.
  3. "Malaria No More". malarianomore.org.uk. สืบค้นเมื่อ 13 May 2015.
  4. ข่าวการแต่งตั้งสมาชิกเครื่องราช
  5. David Beckham: ex-Man Utd, Real Madrid & AC Milan star to retireข่าวจาก [1]
  6. http://www.komchadluek.net/detail/20110711/102799/%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B9%87%E0%B8%84%E0%B9%81%E0%B8%AE%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AE%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%99.html
  7. ค่าตัวเบคแคม ประมาณ 50 ล้านเหรีญสหรัฐ ไม่ใช่ 250 ล้าน เหมือนที่เป็นข่าว เก็บถาวร 2007-01-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จากอีเอสพีเอ็น
  8. ข่าวการย้ายทีมของเบคแคม ไป ลอสแอนเจลิสแกแลกซี
  9. "Becks back at Arsenal... but Wenger bbc.co.uk/sport/0/football/21281665". BBC. 31 January 2013. {{cite news}}: |access-date= ต้องการ |url= (help)
  10. "Beckham to play for FREE at PSG as England legend reveals that he will donate £170,000-a-week salary to children's charity". Daily Mail. 31 January 2013. สืบค้นเมื่อ 1 February 2013.
  11. "David Beckham calls his Paris St Germain debut 'perfect' as he helps to set up their win over Marseille". The Telegraph Sport. 25 February 2013. สืบค้นเมื่อ 3 March 2013.
  12. "Beckham claims league title No 10 as PSG win Ligue 1 crown with victory over Lyon". Daily Mail. 12 May 2013. สืบค้นเมื่อ 13 May 2013.
  13. "Beckham's latest league title celebrations marred by rioting PSG fans as police are forced to intervene with tear gas". Daily Mail. 12 May 2013. สืบค้นเมื่อ 13 May 2013.
  14. Chick, Alex (16 May, 2013). "Football - David Beckham retires from football". Yahoo! Sport. สืบค้นเมื่อ 2013-05-16. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  15. "David Beckham to retire from football at end of season". BBC Sport. 16 May, 2013. สืบค้นเมื่อ 2013-05-16. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  16. เปแอสเชฉลองถ้วยแชมป์!อัดแบรสต์สนิ่ม3-1
  17. "Moldova 0 – England 3". englandstats.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-15. สืบค้นเมื่อ 16 June 2007.
  18. "England in World Cup 1998 Squad Records". englandfootballonline.com. สืบค้นเมื่อ 10 June 2007.
  19. Team GB: David Beckham left out for football reasons - Stuart Pearce, BBC, 2 July 2012
  20. "– 1998 FIFA World Cup France ™". Fifa.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-05-16. สืบค้นเมื่อ 10 June 2012.
  21. "– 2002 FIFA World Cup Korea/Japan ™". Fifa.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-02-15. สืบค้นเมื่อ 10 June 2012.
  22. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-01-11. สืบค้นเมื่อ 2012-06-23.
  23. "– 2002 FIFA World Cup Korea/Japan ™". Fifa.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-02-10. สืบค้นเมื่อ 10 June 2012.
  24. "– 2002 FIFA World Cup Korea/Japan ™". Fifa.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-09-04. สืบค้นเมื่อ 10 June 2012.
  25. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-01-31. สืบค้นเมื่อ 2012-06-23.
  26. "– 2002 FIFA World Cup Korea/Japan ™". Fifa.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-06-29. สืบค้นเมื่อ 10 June 2012.
  27. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-01-09. สืบค้นเมื่อ 2012-06-23.
  28. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-01-31. สืบค้นเมื่อ 2012-06-23.
  29. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-01-31. สืบค้นเมื่อ 2012-06-23.
  30. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-01-07. สืบค้นเมื่อ 2012-06-23.
  31. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-12-25. สืบค้นเมื่อ 2012-06-23.
  32. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-01-10. สืบค้นเมื่อ 2012-06-23.
  33. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-12-18. สืบค้นเมื่อ 2012-06-23.
  34. "– 2006 FIFA World Cup Germany™". Fifa.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-10-13. สืบค้นเมื่อ 10 June 2012.
  35. "– 2006 FIFA World Cup Germany™". Fifa.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-10-13. สืบค้นเมื่อ 10 June 2012.
  36. "– 2006 FIFA World Cup Germany™". Fifa.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-04-05. สืบค้นเมื่อ 10 June 2012.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]