เค้กคลีเมนไทน์
![]() เค้กคลีเมนไทน์ชิ้นหนึ่ง | |
ประเภท | เค้ก |
---|---|
มื้อ | ขนม |
ผู้สร้างสรรค์ | อาจมาจากเค้กส้มที่พัฒนาโดยชาวยิวเซฟาร์ดี |
อุณหภูมิเสิร์ฟ | Cold or warmed |
ส่วนผสมหลัก | คลีเมนไทน์ ผลไม้ และส่วนผสมเค้กทั่วไป |
จานอื่นที่คล้ายกัน | เค้กผลไม้ |
เค้กคลีเมนไทน์ เป็นเค้กที่ปรุงแต่งด้วยคลีเมนไทน์เป็นหลัก อาจราดด้วยซอสหวานเคลือบ หรือซอส ผงน้ำตาล น้ำผึ้ง และคลีเมนไทน์ หรือผลไม้แช่อิ่ม หรือคลีเมนไทน์หวาน อาจมีที่มาจากเค้กส้มของอาหารชาวยิวเซฟาร์ดี ในวัฒนธรรมสมัยนิยมเค้กนี้มียังเป็นสาวนหนึ่งในเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ เดอะซิเคร็ตไลฟ์ออฟวอลเตอร์มิตตี ในปี ค.ศ. 2013
การเตรียมการและรูปแบบต่าง ๆ
[แก้]เค้กคลีเมนไทน์ เตรียมการโดยใช้คลีเมนไทน์ รองพื้นโดยใช้อัลมอนด์ หรืออัลมอนด์ป่น[1][2] ส่วนผสมเสริม ได้แก่ น้ำส้ม มัสกัตส้ม นม ไวน์หวานขาว หรือไวน์รีสลิ่ง[3][4] น้ำมันส้ม หรือน้ำมันส้มเขียวหวาน (หรือทั้งสองอย่าง)[3] สารสกัดจากอัลมอนด์ และสารสกัดจากวานิลลา[3] มีรูปแบบบางอย่างเช่นเตรียมโดยไม่ต้องใช้แป้ง[2][5] นอกจากนี้ยังสามารถทำเป็นเค้กกลับหัวได้[6][7]
เค้กสามารถเตรียมด้วยคลีเมนไทน์และ/หรือเซสท์เคลเมนไทน์ผสมในแป้ง[1][8][9] บนด้านบนของเค้ก หรือชิ้นเค้ก หรือทั้งสองอย่าง[2] เมล็ดและเยื่อหุ้มของเคลเมนไทน์สามารถแกะออกได้ในขั้นตอนการเตรียม[2][4][10] หรือ จะใช้คลีเมนไทน์ไร้เมล็ดก็ได้[11] โดยเคลเมนไทน์ที่ใช้จะหั่นเป็นชิ้นทั้งหมดรวมทั้งเปลือก[1][12] หรือปอกเปลือกก็ได้[10] และสามารถปรุงคลีเมนไทน์ก่อนนำไปใช้ในแป้งเค้กได้[13] ผลไม้สามารถสับหรือปั่นโดยใช้เครื่องเตรียมอาหาร[13] คลีเมนไทน์หวานสามารถใช้บนเค้กหรือใช้เป็นเครื่องปรุงได้[3][2] โดยอัลมอนด์ที่ใช้สามารถปิ้ง หรือลวก[3][11]
เค้กคลีเมนไทน์สามารถปิดท้ายด้วยหน้าหวาน เช่น น้ำตาลหรือช็อกโกแลตเคลือบ,[2][14] ฟัดจ์หรือซอสช็อคโกแลต[8][15] น้ำตาลผงหรือน้ำผึ้ง[1][2][16] เค้กคลีเมนไทน์อาจจะแน่นและชื้น[10] และรสชาติอาจดีขึ้นในหนึ่งวันหรือนานกว่านั้นหลังการเตรียม[2][5][13] เพราะส่วนผสมจะผสมผสานและรวมตัวกันเพื่อเพิ่มรสชาติตามอายุ หลังจากปรุงแล้ว เค้กอาจจะบอบบางและสามารถตกได้หากบิดมากเกินไป[12] หลังปรุงเสร็จจึงควรแช่แข็งเพื่อรักษาไว้[17]
-
เค้กวานิลลาคลีเมนไทน์ชิ้นหนึ่ง
-
เค้กวานิลลาคลีเมนไทน์และคัพเค้ก
ประวัติ
[แก้]
เค้กคลีเมนไทน์ อาจเกี่ยวข้องกับเค้กส้มเซฟาร์ดี[9] ชาวยิวเซฟาร์ตีนิยมปลูกส้มในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน[18] ในศตวรรษที่ 15 และนิยมใช้ส้มในขนมอบ นอกจากรสชาติไอบีเรียแล้ว เค้กยังมีรากของแอฟริกาเหนือและสเปนอีกด้วย[19]
ในวัฒนธรรมสมัยนิยม
[แก้]เค้กคลีเมนไทน์ มีส่วนเล็กน้อยในเนื้อเรื่องของภาพยนตร์เรื่อง เดอะซิเคร็ตไลฟ์ออฟวอลเตอร์มิตตี ในปี ค.ศ. 2013 และรวมอยู่ในฉากเปิดของภาพยนตร์และในฉากเพิ่มเติมอีกสองถึงสามฉาก[2][12]
นิเกลลา ลอว์สัน เชฟชื่อดังชาวอังกฤษ ได้คิดค้นสูตรเค้กคลีเมนไทน์[2][5]
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 "Clementine Cake". San Francisco Chronicle. January 8, 2015. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
- ↑ 2.00 2.01 2.02 2.03 2.04 2.05 2.06 2.07 2.08 2.09 Linn, Virginia (February 26, 2014). "The secret cake in 'Walter Mitty'". The Daily Herald. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 Goldman, M. (2014). The Baker's Four Seasons: Baking by the Season, Harvest, and Occasion. Montreal, Canada: River Heart Press. pp. 270–272. ISBN 978-0-9865724-1-8.
- ↑ 4.0 4.1 Watson, Molly (January 13, 2015). "Recipe: Clementine Cake". Houston Chronicle. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
- ↑ 5.0 5.1 5.2 Lawson, Nigella. "Clementine cake". Nigella Lawson. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
- ↑ "Adorable Clementine Upside Down Cakes". The Huffington Post. March 18, 2013. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
- ↑ McDonnell, Justin (February 18, 2015). "Kung Hei Fat Choy! Alternative ways to celebrate Chinese New Year". Time Out. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
- ↑ 8.0 8.1 Killian, D. (2011). Death in a Difficult Position. A Mantra for Murder Mystery. Penguin Publishing Group. p. 206. ISBN 978-1-101-55111-0.
- ↑ 9.0 9.1 Willoughby, John (March 28, 2014). "Clementine Cake Recipe". The New York Times. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
- ↑ 10.0 10.1 10.2 Cook, Crystal & Pollock, Sandy (2011). The Casserole Queens Cookbook: Put Some Lovin' in Your Oven With 100 Easy One-Dish Recipes. New York: Clarkson Potter. pp. 176–177. ISBN 978-0-307-71785-6.
- ↑ 11.0 11.1 "Clementine Cake With Cheesecake Cream: Lifestyles". St. Louis Post-Dispatch. Associated Press. January 1, 1970. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
- ↑ 12.0 12.1 12.2 Lindahl, Nancy (January 8, 2014). "Sweet Basil the Bee: Sweet, little Clementines go into an intriguing, flour-less cake". Chico Enterprise-Record. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
- ↑ 13.0 13.1 13.2 O'Sullivan, Lucinda (December 4, 2015). "What to eat when wheat is off the daily menu". Irish Independent. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
- ↑ Willoughby, John (April 15, 2014). "John Willoughby's Chocolate Glaze Recipe". The New York Times. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
- ↑ Page, Candace (February 12, 2015). "Taste test: What's the secret to great fudge sauce?". Burlington Free Press. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
- ↑ Browne, Miranda G. (2014). Bake Me a Cake as Fast as You Can: Over 100 super easy, fast and delicious recipes. London: Ebury Publishing. p. 169. ISBN 978-1-4464-8917-8.
- ↑ Breyer, Melissa (January 5, 2015). "23 surprising foods you can freeze and how to do it". Mother Nature Network. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.
- ↑ Marks, Gil (2010). Encyclopedia of Jewish Food. Wiley.
- ↑ Colquhoun, Anna. "Sephardi Orange and Almond Cake". Culinary Anthropologist. สืบค้นเมื่อ 28 September 2016.
ดูเพิ่ม
[แก้]- Willoughby, John (April 15, 2014). "In the Kitchen With Clémentine and Ruth". The New York Times. สืบค้นเมื่อ December 4, 2015.