เขื่อนบ้านพลวง
เขื่อนบ้านพลวง | |
---|---|
แนวสันเขื่อนบ้านพลวง | |
ชื่อทางการ | โครงการไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล (เขื่อนบ้านพลวง) |
ประเทศ | ประเทศไทย |
ที่ตั้ง | อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี |
พิกัด | 12°48′19″N 102°09′18″E / 12.8052°N 102.1550°E |
วัตถุประสงค์ | รองรับน้ำจากการผลิดกระแสไฟฟ้าพลังน้ำและจ่ายให้ระบบชลประทาน |
เริ่มก่อสร้าง | มีนาคม พ.ศ. 2534 |
เปิดดำเนินการ | กรกฎาคม พ.ศ. 2537 |
เจ้าของ | กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน |
เขื่อนและทางน้ำล้น | |
ปิดกั้น | คลองพลวง |
ความสูง | 46.5 เมตร (153 ฟุต) |
ความยาว | 1,100 เมตร (3,600 ฟุต) |
ทางน้ำล้น | ทางระบายน้ำล้นสันมนแบบไม่มีประตูควบคุม |
ชนิดของทางน้ำล้น | คอนกรีตหลา |
ความจุของทางน้ำล้น | 200.50 ลบ.ม./วินาที |
อ่างเก็บน้ำ | |
อ่างเก็บน้ำ | เขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียว |
ปริมาตรกักเก็บน้ำ | 80 ล้าน ลบ.ม. |
พื้นที่กักเก็บน้ำ | 14.00 ตารางกิโลเมตร |
พื้นที่ผิวน้ำ | 3.20 ตารางกิโลเมตร |
เขื่อนบ้านพลวง[a] หรือ เขื่อนพลวง เป็นเขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียวสำหรับกักเก็บน้ำไว้สำหรับการใช้งานด้านชลประทาน และรองรับน้ำจากการผลิดกระแสไฟฟ้าพลังน้ำซึ่งส่งมาจากเขื่อนทุ่งเพล ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลพลวง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี
เขื่อนบ้านพลวง อยู่ในตำแหน่งของเขื่อนล่าง ตามโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล[1] ภายใต้ความดูแลของ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน[2]
ประวัติ
[แก้]เขื่อนบ้านพลวง เป็นเขื่อนตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร[2][3] สำหรับจัดหาแหล่งน้ำสำหรับกักเก็บในการอุปโภค บริโภค และใช้ในด้านการเกษตร รวมถึงผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งดำริขึ้นเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2531 ในการเสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธีเปิดเขื่อนและโรงไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร[4] โดยนางสิริพร ไศละสูต เลขาธิการพลังงานแห่งชาติในขณะนั้นได้ถ่ายทอดให้ฟังว่า[5]
"เมื่อถวายรายงานว่า หลังจากนี้กรมจะสร้างฝายยางเพื่อกั้นน้ำและปล่อยน้ำไปช่วยทางจังหวัดตราด พระองค์รับสั่งว่า "ยังไม่วิกฤติ ยังน้อย คนที่ต้องช่วยเขาก่อนจะอยู่ทางด้านทุ่งเพล เพราะขาดน้ำมากกว่า"...
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้รับกระแสพระราชดำริและมอบหมายให้เลขาธิการพลังงานแห่งชาติ (ปัจจุบันคือกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน)[4] นำไปศึกษาและดำเนินการ[5]
จากนั้นสำนักงานพลังงานแห่งชาติได้ดำเนินการศึกษาและสำรวจรายละเอียดเพิ่มเติม เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวได้รับการสำรวจเบื้องต้นแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2508 ด้วยความร่วมมือกับรัฐบาลออสเตรเลีย จึงได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษามาดำเนินการสำรวจศึกษาความเหมาะสมในปีงบประมาณ 2532 โดยแบ่งเขื่อนในโครงการเป็นสองส่วนคือ เขื่อนบน อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่า ชื่อว่าเขื่อนทุ่งเพล และเขื่อนล่าง อยู่ในตำแหน่งต่ำกว่า คือเขื่อนบ้านพลวง เพื่อประโยชน์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังน้ำ[4]
โครงการก่อสร้างนั้นถูกวางขึ้นในช่วงปีงบประมาณ 2532 ถึงปีงบประมาณ 2541 ใช้ระยะเวลา 10 ปี ภายใต้งบประมาณจำนวนทั้งสิ้น 2,364 ล้านบาท โดยได้เริ่มต้นก่อสร้างส่วนของเขื่อนบ้านพลวง (เขื่อนล่าง) ก่อนเนื่องจากพื้นที่ไม่ได้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยลงนามว่าจ้างบริษัท บางกอกมอเตอร์อีควิปเมนต์ จำกัด ดำเนินการก่อสร้างในช่วงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2534 และก่อสร้างเสร็จสิ้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2537 และเริ่มต้นใช้งานในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน[4]
แต่ส่วนของเขื่อนทุ่งเพล (เขื่อนบน) สำนักงานพลังงานพลังงานแห่งชาติเห็นว่าแนวการวางท่อส่งน้ำเดิมที่บริษัทที่ปรึกษาออกแบบจะต้องมีการตัดหน้าดิน อาจจะส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จึงได้ขอความร่วมมือไปยังรัฐบาลสวีเดนเพื่อให้ร่วมศึกษาและทบทวนแผนในการออกแบบเขื่อนทุ่งเพล (เขื่อนบน) ให้ส่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 และออกแบบแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2536 แต่ก็ยังประสบปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ก่อสร้างส่วนหนึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ และเขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว รวมถึงแนวอุโมงค์ส่งน้ำมายังเขื่อนบ้านพลวงบางส่วนอยู่ในพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ 1 เอ โดยมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2537 เห็นชอบในหลักการอนุญาตให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน (สำนักงานพลังงานแห่งชาติเดิม) เข้าไปดำเนินการก่อสร้างเขื่อนทุ่งเพล (เขื่อนบน) ได้ พร้อมทั้งเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพิกถอนพื้นที่ที่จะก่อสร้างเขื่อนออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติ ออกจากเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า และผ่อนผันการใช้งานในพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ 1 เอ[4]
นอกจากนี้สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือ ลงวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2537 ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ให้ศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการก่อสร้างเขื่อนบนและหาทางแก้ไขให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานจึงได้ว่างจ้งให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นผู้ดำเนินการศึกษาจนแล้วเสร็จเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2538[4]
ปัจจุบันโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพลได้เริ่มจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2561[6] โดยมีอ่างเก็บน้ำบ้านพลวง (เขื่อนล่าง) เป็นแหล่งรับน้ำหลังจากการผลิตกระแสไฟฟ้าซึ่งมาจากเขื่อนทุ่งเพล (เขื่อนบน)[4][1]
ต่อมาในปี พ.ศ. 2562 กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานเดิม) ได้ว่าจ้างให้บริษัท บี แอนด์ ซี เมเนจเมนท์ จำกัด ศึกษาความเหมาะสมและดำเนินการสำรวจออกแบบการเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล ปรากฏออกมาเป็นรายงานในเดือนกันยายน พ.ศ. 2562 จำนวน 3 โครงการ โดย 2 ใน 3 ของโครงการดำเนินการในเขื่อนบ้านพลวงในรูปแบบของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กมากท้ายเขื่อนพลวง 1 และ 2 ให้พลังงานเฉลี่ยต่อปี 0.63 ล้านหน่วย และ 0.46 ล้านหน่วยตามลำดับ[7]
คุณสมบัติ
[แก้]เขื่อนบ้านพลวง เป็นส่วนหนึ่งของโครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำคลองทุ่งเพล ซึ่งอยู่ในกลุ่มของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก[8] โดยคุณสมบัติในส่วนของเขื่อนล่าง คือเขื่อนบ้านพลวง ประกอบไปด้วย[4]
อ่างเก็บน้ำ
[แก้]เขื่อนบ้านพลวง บริเวณอ่างเก็บน้ำมีพื้นที่รับน้ำขนาด 14 ตารางกิโลเมตร มีปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยรายปี 36.27 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 1.15 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับกักเก็บน้ำสูงสุด 70.00 ม.รทก. ใช้งานได้ต่ำสุด 38.00 ม.รทก. ความจุของอ่างที่ระดับใช้งาน 80.00 ล้านลูกบาศก์เมตร ระดับต่ำสุด 4.50 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่ผิวอ่างเก็บน้ำจำนวน 3.20 ตารางกิโลเมตร รับน้ำจากคลองพลวง และอุโมงค์ส่งน้ำความยาว 5,955 เมตร จากเขื่อนทุ่งเพลเข้าสู่โรงไฟฟ้าพลังน้ำสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า และจ่ายน้ำลงในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนบ้านพลวง[1][9]
เขื่อน
[แก้]เขื่อนบ้านพลวง เป็นเขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียว มีความสูงที่ระดับสันเขือน 73.50 เมตร ความยาวสันเขื่อน 1,100.00 เมตร ความสูงจากระดับท้องน้ำ 46.50 เมตร ซึ่งมีปริมาณของเขื่อน 6.4 ล้านลูกบาศก์เมตร
อาคารน้ำล้น
[แก้]เขื่อนบ้านพลวง มีอาคารน้ำล้นแบบสันมนไม่มีประตูควบคุม (Uncontrol Overflow Ogee) ชนิดคอนกรีตหลา (Mass Concrete) ปริมาณน้ำล้น (1,000 ปี) 200.50 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ความสูงอาคาร 6.50 เมตร ความยาวสันอาคาร 17.50 เมตร ระดับสันอาคาร 71.50 ม.รทก. ความสูงของน้ำล้น 1.50 เมตร
ท่อส่งน้ำ
[แก้]เขื่อนบ้านพลวง ประกอบไปด้วยท่อส่งน้ำแบบท่อเหล็กหุ้มด้วยคอนกรีตรูปวงกลม จำนวน 2 ท่อ เส้นผ่าศูนย์กลางภายใน 2.00 เมตร ความาว 292 เมตร มีปริมาณน้ำส่งได้สูงสุดต่อท่อ 22.00 ลูกบากศ์ต่อวินาที
เขื่อนปิดกั้นช่องเขา
[แก้]เขื่อนบ้านพลวง ประกอบไปด้วยเขื่อนปิดกั้นช่องเขาจำนวน 2 แห่ง คือ
- เขื่อนปิดกั้นช่องเขาแห่งที่ 1 เป็นเขื่อนดิน ระดับสันเขื่อน 73.50 ม.รทก. ความยาวสันเขื่อน 49 เมตร ความสูงเฉลี่ยจากระดับพื้นดิน 1.50 เมตร ความลาดในด้านหน้าเขื่อน (แนวดิ่ง:แนวนอน) 1:3 ความลาดชันด้านหลังเขื่อน 1:2.5
- เขื่อนปิดกั้นช่องเขาแห่งที่ 2 เป็นเขื่อนดิน ระดับสันเขื่อน 73.50 ม.รทก. ความยาวสันเขื่อน 750 เมตร ความสูงเฉลี่ยจากระดับพื้นดิน 35.50 เมตร ความลาดในด้านหน้าเขื่อน (แนวดิ่ง:แนวนอน) 1:3 ความลาดชันด้านหลังเขื่อน 1:2.5 ปริมาตรของเขื่อน 1.5 ล้านลูกบาศก์เมตร
พื้นที่ชลประทาน
[แก้]เขื่อนบ้านพลวงนั้น ให้บริการน้ำสำหรับทำการเกษตรในพื้นที่ชลประทานกว่า 58,822 ไร่ ครอบคลุมเนื้อที่อำเภอเขาคิชฌกูฏ ในตำบลพลวง ตำบลตะเคียนทอง (บางส่วน) และพื้นที่อำเภอมะขาม ในตำบลฉมัน และตำบลวังแซ้ม[10] ด้วยระบบสูบน้ำผ่านท่อเหล็กและท่อใยหินฝังดิน เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.40 - 1.50 เมตร ความยาว 58.925 กิโลเมตร โดยสถานีสูบน้ำ 4 แห่ง เข้าสู่พื้นที่ชลประทาน แบ่งออกเป็นสองฝั่ง คือฝั่งตะวันออก พื้นที่รับน้ำ 23,365 ไร่ และฝั่งขวา (ตะวันตก) พื้นที่รับน้ำ 26,557 ไร่[9]
การท่องเที่ยว
[แก้]เขื่อนบ้านพลวง อยู่ใกล้เคียงกับรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ (พระบาทพลวง) จึงทำให้เขื่อนบ้านพลวงกลายเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวก่อนเดินทางขึ้นไปนมัสการพระบาทพลวงในช่วงงานประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ (พระบาทพลวง) และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนในพื้นที่ และออกกำลังกายบริเวณถนนตามแนวสันเขื่อน เนื่องจากอยู่ติดกับอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ทำให้มีอากาศที่บริสุทธิ์ สดชื่น และธรรมชาติที่สวยงาม[11][12]
นอกจากนี้ เขื่อนบ้านพลวงยังมีความสวยงามในรูปแบบของทะเลหมอกในช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตกดิน โดยจะเกิดขึ้นเฉพาะบางช่วงเวลาของปีตามสภาพภูมิอากาศของพื้นที่ในขณะนั้น[11]
ระเบียงภาพ
[แก้]-
สันเขื่อนมองจากบริเวณท้ายเขื่อน
-
ถนนบนแนวสันเขื่อน
-
พื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏบริเวณเหนือเขื่อน
-
พื้นที่บริเวณท้ายเขื่อน
-
ทางลาดขึ้นลงสันเขื่อน
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ ใช้คำว่าเขื่อนบ้านพลวง ตามเอกสารโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล ซึ่งประกอบไปด้วยเขื่อนทุ่งเพล (เขื่อนบน) และเขื่อนบ้านพลวง (เขื่อนล่าง)
ดูเพิ่ม
[แก้]- เขื่อนทุ่งเพล หรือเขื่อนบน ในโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 "รมว.พลังงานตามความคืบหน้าโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล". mgronline.com. 17 ตุลาคม 2008.
- ↑ 2.0 2.1 องคมนตรี ไปติดตามการดำเนินงานโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคิรีธาร จังหวัดจันทบุรี, สืบค้นเมื่อ 2023-04-28
- ↑ "โครงการ เขื่อนบ้านพลวง". km.rdpb.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-04-28. สืบค้นเมื่อ 2023-04-28.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 4.5 4.6 4.7 กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม, กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน (1995). "โครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี" (PDF). e-lib.dede.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 20 เมษายน 2022. สืบค้นเมื่อ 28 เมษายน 2023.
- ↑ 5.0 5.1 "พลังงานในพระราชดำริ". www.eppo.go.th.
- ↑ "ผลักดันโรงไฟฟ้าพลังน้ำเมืองจันทร์". Thai Post | อิสรภาพแห่งความคิด (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "โครงการศึกษาความเหมาะสมและสำรวจออกแบบรายละเอียดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำคลองทุ่งเพล ตำบลพลวง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี - ระบบสารสนเทศองค์ความรู้ด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน". kc.dede.go.th.
- ↑ กระทรวงพลังงาน, กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน. "โครงการด้านพัฒนาพลังงานทดแทน : โครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก" (PDF). e-lib.dede.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2024. สืบค้นเมื่อ 28 เมษายน 2023.
- ↑ 9.0 9.1 "โครงการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินงานโครงการด้านอนุรักษ์พลังงานและด้านพลังงานทดแทนในระยะที่ผ่านมา - ระบบสารสนเทศองค์ความรู้ด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน". kc.dede.go.th.
- ↑ ""อนันตพร"ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์พลังงานภาคตะวันออก". thansettakij. 16 ธันวาคม 2016.
- ↑ 11.0 11.1 "เขื่อนพลวง ทะเลหมอก อีก 1 แห่ง ของจันทบุรี". www.chill-gang.com.
- ↑ "เขื่อนบ้านพลวง จันทบุรี". www.thai-tour.com.