ข้ามไปเนื้อหา

อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช
ส่วนหนึ่งของกองทัพเรือไทย
สัตหีบ ชลบุรี
ฐานทัพเรือในปี พ.ศ. 2555
แผนที่
พิกัด12°37′38″N 100°55′41″E / 12.627146°N 100.928003°E / 12.627146; 100.928003
ประเภทอู่ต่อเรือ
ข้อมูล
เจ้าของกรมอู่ทหารเรือ
เว็บไซต์เว็บไซต์ทางการ
ประวัติศาสตร์
สร้าง7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2537
การใช้งาน21 เมษายน พ.ศ. 2541; 26 ปีก่อน (2541-04-21)

อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ (อังกฤษ: Mahidol Adulyadej Naval Dockyard) เป็นอู่ต่อเรือของกองทัพเรือไทยในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี อู่นี้ตั้งชื่อตามสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ผู้ทรงประจำการในกองทัพเรือไทยระหว่างปี พ.ศ. 2455 ถึง พ.ศ. 2457 ซึ่งมีแผนที่จะใช้เป็นฐานเรือดำน้ำของไทยไว้ที่อู่แห่งนี้[1]

ประวัติ

[แก้]

อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช เริ่มต้นจากการประเมินแล้วว่าอู่เรือ 2 แห่งแรกของกองทัพเรือ คืออู่ทหารเรือธนบุรี และอู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า ไม่สามารถรองรับการซ่อมบำรุงเรือสมัยใหม่ขนาดใหญ่ได้[2] โดยมีเรือที่ต้องเข้าคิวเพื่อซ่อมบำรุงในอู่แห้งมากถึง 35-40 ลำ และต้องมีระวางน้ำไม่เกิน 5,000 ตัน ความยาวเรือไม่เกิน 120 เมตร ในขณะที่กองทัพเรือมีการจัดหาเรือขนาดใหญ่เพื่อทดแทนเรือแบบเก่าซึ่งไม่สามารถเข้าซ่อมบำรุงที่อู่แห้งของทั้งสองอู่เรือเดิมได้ ทำให้กองทัพเรือพิจารณาหาพื้นที่สำหรับสร้างอู่เรือแห่งใหม่ พบว่าพื้นที่บริเวณอ่าวจุกเสม็ด อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีมีความเหมาะสม เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้ฐานทัพเรือสัตหีบที่เป็นกำลังหลักทางเรือ ใกล้กับกองกำลังป้องกันชายฝั่ง มีภูมิประเทศที่สงบจากการป้องกันของเกาะและเขื่อนกั้นคลื่น รวมถึงยังใกล้กับท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ และสนามบินอู่ตะเภา สะดวกต่อการส่งกำลังบำรุงทั้งทางอากาศและทางน้ำ สามารถพัฒนาต่อได้ในเชิงพาณิชย์ จึงได้เสนอต่อกระทรวงกลาโหมเพื่อก่อสร้างอู่เรือแห่งใหม่ โดยได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2537 ด้วยวงเงินงบประมาณกว่า 4,000 ล้านบาท เป็นอู่สำหรับซ่อมบำรุงเรือรบขนาดใหญ่ของกองทัพเรือไทย มีศักยภาพรองรับเรือรบขนาดใหญ่มากกว่า 20,000 ตัน (Displacement Ton)[3] และเรือสินค้าขนาดมากกว่า 1 แสนตันกรอส (Gross Tonnage)[4] โดยอู่ได้รับพระราชทานชื่อจาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้นามว่า "อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช" เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2538 เพื่อเป็นศิริมงคลต่ออู่เรือ และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จเป็นผู้แทนพระองค์ไปประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดชเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2541[5]

ในปี พ.ศ. 2560 กองทัพเรือมีแผนที่จะพัฒนาขีดความสามารถในการซ่อมบำรุงเรือดำน้ำที่กองทัพเรือมีแผนจะจัดหามาในพื้นที่ของอู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช เป็นเนื้อที่ประมาณ 40.78 ไร่ สำหรับการก่อสร้างโรงซ่อมเรือดำน้ำขนาดความกว้าง 50 เมตร ความยาว 100 เมตร ความสูง 25 เมตร ซึ่งมีขนาดสำหรับซ่อมบำรุงเรือดำน้ำชั้นหยวน เอส 26 ที จากประเทศจีนในบริเวณอ่าวสัตหีบใกล้กับจุกเสม็ด[6]

โครงสร้าง

[แก้]
เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ (OPV-552) เป็นเรือที่ได้รับการต่อขึ้นที่อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช

อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช เป็นหน่วยขึ้นตรงต่อกรมอู่ทหารเรือ มีบุคลากรและกำลังพลในสังกัดประมาณ 805 นาย มีโครงสร้างภายใน[3] ดังนี้

  • กองบังคับการ
    • กองจัดการ
    • กองกำลังพล
    • กองส่งกำลังบำรุง
    • กองการเงิน
    • แผนกพระธรรมนูญ
  • กองแผนและประมาณการช่าง
    • แผนกแผนและสำรวจ
    • แผนกจัดแผนงาน
    • แผนกกำกับการซ่อมสร้าง
    • แผนกควบคุมและประเมินราคา
    • แผนกออกแบบ
  • กองควบคุมคุณภาพ
    • แผนกตัวเรือ
    • แผนกกลจักร
    • แผนกไฟฟ้า
  • กองโรงงานเครื่องกล
    • โรงงานเครื่องกล
    • โรงงานทดสอบเครื่อง
    • โรงงานปรับซ่อมเครื่องยนต์
    • โรงงานซ่อมเครื่องจักรช่วย
    • โรงงานปรับซ่อมเครื่อปรับอากาศและทำความเย็น
  • กองโรงงานเรือเหล็ก
    • โรงงานเรือเหล็ก
    • โรงงานช่างท่อและหม้อน้ำ
    • โรงงานโลหะแผ่น
    • โรงงานเชื่อมประสาน
    • โรงงานพ่นทรายและทาสี
    • โรงงานต่อเรือไม้และใยแก้ว
  • กองโรงงานไฟฟ้า
    • โรงงานซ่อมเครื่องไฟฟ้า
    • โรงงานเดินสาย
    • โรงงานซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า
  • กองสนับสนุน
    • แผนกบริการ
    • แผนกซ่อมบำรุงและโยธา
    • แผนกเชือกรอกและการอู่
    • แผนกการท่า
    • แผนกขนส่ง
  • กองพัสดุช่าง
    • แผนกควบคุมและตรวจสอบ
    • แผนกจัดหา
    • แผนกคลัง

การปฏิบัติงานที่สำคัญ

[แก้]

อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช ได้ดำเนินการต่อเรือรบและซ่อมบำรุงใหญ่เรือรบในกองทัพเรือไทยครั้งที่โดดเด่น ได้แก่

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 Nanuam, Wassana (7 March 2017). "Navy wants 3 dockyards for submarines". Bangkok Post. สืบค้นเมื่อ 7 March 2017.
  2. "แรกเริ่มสถาปนา "อู่เรือหลวง" ในสมัยรัชกาลที่ 5 สู่ "กรมอู่ทหารเรือ"". www.silpa-mag.com. สืบค้นเมื่อ 2024-09-03.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  3. 3.0 3.1 "STOUIR at Sukhothai Thammathirat Open University: ความผูกพันต่อองค์กรของบุคลากรอู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ". ir.stou.ac.th. 2552. สืบค้นเมื่อ 2024-09-03.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  4. "สถาปนา 19 ปี อู่ราชนาวีมหิดลฯ". mgronline.com. 2017-04-21.
  5. "Second Naval Area Command". www.nac2.navy.mi.th.
  6. "'บิ๊กป้อม'ตรวจอู่ซ่อมบำรุง ทร.-ดูแผนสร้างโรงซ่อมเรือดำน้ำ". www.matichon.co.th. สืบค้นเมื่อ 2024-09-02.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  7. Parameswaran, Prashanth (2016-03-01). "Thailand Wants Missile System for New Patrol Vessel". The Diplomat. สืบค้นเมื่อ 1 March 2016.
  8. Vavasseur, Xavier (2019-08-02). "2nd Krabi-class OPV launched for Royal Thai Navy". Naval News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2020-04-12.