อูตางาวะ คูนิโยชิ
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
อูตางาวะ คูนิโยชิ | |
---|---|
歌川 国芳 | |
ภาพเหมือนตนเองจากอัลบั้มชุงงะชื่อ ชิมเป็งชินเกไบ, ค.ศ. 1839 | |
เกิด | อูตางาวะ คูนิโยชิ 1 มกราคม ค.ศ. 1798 เอโดะ แคว้นมูซาชิ ประเทศญี่ปุ่น |
เสียชีวิต | 14 เมษายน ค.ศ. 1861 เอโดะ | (63 ปี)
สัญชาติ | ญี่ปุ่น |
การศึกษา | อูตางาวะ โทโยกูนิที่ 1, คัตสึกาวะ ชุนเต, สึสึมิ โทริ |
มีชื่อเสียงจาก | จิตรกร, ช่างพิมพ์, ศิลปินภาพพิมพ์อูกิโยะ, ศิลปิน, นักวาดภาพประกอบ |
ผลงานเด่น | "Kouchi Ura ของโซมะ" และอื่น ๆ |
ขบวนการ | ภาพอูกิโยะ |
อูตางาวะ คูนิโยชิ (ญี่ปุ่น: 歌川国芳; โรมาจิ: Utagawa Kuniyoshi; 1 มกราคม ค.ศ. 1798[1] – 14 เมษายน ค.ศ. 1861) เป็นจิตรกรภาพพิมพ์แกะไม้อูกิโยะของสำนักศิลปินอูตางาวะชาวญี่ปุ่นคนสำคัญและมีชื่อเสียงของคริสต์ศตวรรษที่ 19
ประวัติ
[แก้]คูนิโยชิเกิดราวปี ค.ศ. 1797 เป็นลูกของช่างย้อมไหมเดิมชื่อโยชิซาบูโร (Yoshisaburō) ดูเหมือนว่าคูนิโยชิจะช่วยกิจการของบิดาโดยเป็นผู้ออกแบบลาย และข้อมูลบางแหล่งก็เสนอว่าประสบการณ์ที่ได้มามีอิทธิพลต่อการใช้สีสรรค์อันสารพัน (rich use of color) และ ลวดลายของผ้าในงานศิลปะของคูนิโยชิต่อมา นอกจากนั้นก็ยังกล่าวกันว่าคูนิโยชิได้รับความประทับใจจากภาพพิมพ์นักรบอูกิโยะ และภาพช่างฝีมือและสามัญชนที่พบในคู่มือช่างมาตั้งแต่อายุได้เจ็ดแปดขวบ และอาจจะเป็นได้ว่าประสบการณ์เหล่านี้มามีอิทธิพลต่อภาพพิมพ์ที่คูนิโยชิสร้างขึ้นต่อมา
คูนิโยชิแสดงตนเองว่าเป็นผู้มีความสามารถวาดภาพมาตั้งแต่อายุได้เพียง 12 ปี จนเป็นที่สนใจของอูตางาวะ โทโยกูนิผู้เป็นจิตรกรภาพพิมพ์แกะไม้อูกิโยะผู้มีชื่อเสียง ในปี ค.ศ. 1811 คูนิโยชิก็ได้รับตัวเข้าฝึกงานเขียนในห้องเขียนภาพของโทโยกูนิอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นลูกศิษย์เอกคนหนึ่งของโทโยกูนิ คูนิโยชิดำเนินการฝึกงานมาจนกระทั่งปี ค.ศ. 1814 จนได้รับชื่อว่า "คูนิโยชิ" และออกมาเป็นศิลปินอิสระ
ในปีเดียวกันนั้นคูนิโยชิก็ผลิตงานพิมพ์ของตนเองเป็นครั้งแรกที่เป็นภาพประกอบสำหรับ "คูซาโซชิ" (kusazoshi) , "โกกัง" (gōkan) และ "โกบูจิ ชูชิงงูระ" (Gobuji Chūshingura) ซึ่งเป็นบทล้อของนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ "ชูชิงงูระ" (Chūshingura) ระหว่างปี ค.ศ. 1815 ถึงปี ค.ศ. 1817 คูนิโยชิก็เขียนภาพประกอบหลายเล่มสำหรับ "โยมิฮง" (yomihon) "คกเกบง" (Kokkeibon) และ "ฮานาชิบง" (hanashibon) และภาพพิมพ์เดี่ยวของนักแสดงคาบูกิและนักรบ
แม้จะดูเหมือนว่าจะเริ่มงานอาชีพที่ดูท่าทางจะรุ่งเรือง แต่คูนิโยชิผลิตผลงานเพียงไม่กี่ชิ้นระหว่างปี ค.ศ. 1818 ถึงปี ค.ศ. 1827 ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากการขาดผู้จ้างจากสำนักพิมพ์ และการที่จะต้องแข่งกับศิลปินผู้อื่นจากสำนักศิลปินอูตางาวะด้วยกันเอง แต่ในช่วงนี้คูนิโยชิก็เริ่มเขียนภาพสตรีแบบที่เรียกว่า "บิจิงงะ" และทดลองการเขียนลวดลายสำหรับผ้าผืนใหญ่ และการใช้แสงเงาที่พบในศิลปะจากทางตะวันตก แม้ว่าผลของการทดลองจะเป็นเพียงการเลียนแบบโดยปราศจากความเข้าใจในทฤษฎีการใช้อย่างลึกซึ้งก็ตาม
คูนิโยชิประสบกับความยากเข็ญจนถึงกับต้องทำการค้าขายเสื่อทาตามิที่ใช้แล้ว แต่คูนิโยชิก็โชคดีเมื่อได้พบคูนิซาดะเพื่อนนักเรียนด้วยกันที่มีฐานะดี ที่คูนิโยชิมีความรู้สึกว่าเป็นผู้มีฝีมือสูงกว่า ซึ่งเป็นผลทำให้คูนิโยชิเพิ่มความพยายามขึ้นเท่าตัว ศิลปินสองท่านนี้ต่อมาก็ร่วมมือทำงานชุดด้วยกันหลายชุด
ระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1820 คูนิโยชิก็สร้างงานบานพับภาพสามหลายชิ้นที่เริ่มที่จะแสดงเอกลักษณ์ที่เป็นของตนเอง ในปี ค.ศ. 1827 คูนิโยชิก็ได้รับจ้างให้ทำงานชุดชิ้นสำคัญชุด "108 ผู้กล้าหาญแห่งซูอิโกเด็ง" (Tūszoku Suikoden gōketsu hyakuhachinin no hitori หรือ 108 Heroes of the Suikoden) ที่มาจากตำนานจีนที่เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายชื่อ "108 ผู้กล้าหาญแห่งเขาเหลียงซาน" ในภาพชุดนี้คูนิโยชิเขียนภาพตัวเอกแต่ละตัวบนกระดาษแผ่นเดียว และวาดลายสักซึ่งเป็นของใหม่ที่ต่อมามามีอิทธิพลต่อแฟชั่นของเอโดะ ภาพชุดซูอิโกเด็งกลายเป็นภาพชุดที่เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในเอโดะ ซึ่งทำให้ความต้องการงานเขียนภาพนักรบของคูนิโยชิเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และทำให้มีโอกาสได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม "อูกิโยะ" และกลุ่มวรรณกรรมสำคัญ ๆ
หลังจากนั้นคูนิโยชิก็ผลิตภาพพิมพ์ของนักรบ ที่เอามาจากตำนานสงครามเช่น "ตำนานเฮเกะ" (ญี่ปุ่น: The Tale of the Heike; โรมาจิ: 平家物語; ทับศัพท์: Heike Monogatari) และ "ตำนานเก็มเปเซซูกิ" (Genpei seisuki) ภาพนักรบของคูนิโยชิมีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ตรงที่เป็นภาพของนักรบผู้เป็นที่นิยมจากตำนานที่จะเน้นความฝัน, การปรากฏตัวของปีศาจ, สิ่งชั่วร้าย และพฤติกรรมของวีรบุรษ งานเชิงที่ว่านี้จะเห็นได้ชัดในงานพิมพ์ "ปีศาจของไทระ โทโมโมริที่อ่าวไดมตสึ" (Taira Tomomori borei no zu) และ บานพับภาพสาม "สะพานโกโจ" (Gōjō no bashi no zu) ที่สร้างในปี ค.ศ. 1839 ที่คูนิโยชิสร้างบรรยากาศอันเข้มข้นรุนแรงของการปะทะกันระหว่างโยชิตสึเนะกับเบ็งเก ภาพวาดของคูนิโยชิสนองความต้องการของสาธารณชนทางด้านงานที่สร้างความตื่นเต้น และ บรรยากาศที่พิสดารที่เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในช่วงนั้น
"การปฏิรูปเท็มโป" (Tenpō Reforms) ระหว่างปี ค.ศ. 1841 ถึงปี ค.ศ. 1843 ที่มีจุดประสงค์ในการฟื้นฟูวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจโดยการควบคุมการแสดงความฟุ่มเฟือยและความมั่งคั่ง เช่นในการห้ามภาพอูกิโยะของสตรีในราชสำนัก และนักแสดงอย่างเป็นทางการ พฤติกรรมนี้อาจจะมีผลบางประการต่องานพิมพ์การ์ตูนล้อเลียน (giga-e) ของคูนิโยชิ ภาพพิมพ์บางภาพวิพากษ์สถาบันโชกุนอย่างมีอารมณ์ขัน เช่นในภาพของมินาโมโตะ โยริมิตสึ (Minamoto Yorimitsu) บนเตียงขณะที่กำลังถูกหลอกหลอนด้วยแมงมุมและปีศาจของตนเอง ที่กลายเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในบรรดาประชาชนที่เป็นไม่พึงพอใจกับการปฏิรูป
ระหว่างช่วงสิบปีก่อนที่จะมีการปฏิรูปคูนิโยชิก็สร้างภาพพิมพ์ภูมิทัศน์ (fūkeiga) ซึ่งไม่อยู่ข่ายของภาพต้องห้ามและเป็นการสนองความต้องการของตลาดที่นิยมการท่องเที่ยวในปลายสมัยเอโดะ งานชิ้นที่สำคัญของงานประเภทนี้คือ "Sankai meisan zukushi" (สินค้าสำคัญของจังหวัดต่าง ๆ ราวระหว่างปี ค.ศ. 1828 ถึงปี ค.ศ. 1830) ที่คูนิโยชิผสานการใช้ทัศนมิติและรงควัตถุที่ใช้กันในตะวันตก และ "Famous views of the Eastern capital" (ทัศนียภาพที่สำคัญของเมืองหลวงตะวันออก ราวต้นคริสต์ทศวรรษ 1830) ที่เป็นที่แน่นอนว่าได้รับอิทธิพลจากงานพิมพ์ภาพชุด "ทัศนียภาพ 36 มุมของภูเขาฟูจิ" (富嶽三十六景) ของคัตสึชิกะ โฮกูไซที่พิมพ์ในปี ค.ศ. 1831 ในช่วงเดียวกันนี้คูนิโยชิก็พิมพ์ภาพที่เป็นหัวข้อธรรมชาติแท้ ๆ ที่รวมทั้งภาพสัตว์ ภาพนก และภาพปลาที่เลียนแบบการเขียนภาพตามธรรมเนียมการเขียนภาพแบบญี่ปุ่นและจีนโบราณ
ในปลายคริสต์ทศวรรษ 1840 คูนิโยชิก็เริ่มพิมพ์ภาพนักแสดงคะบูกิผู้มีชื่อเสียงขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นการเขียนเชิงภาพแบบเด็ก ออกไปทางการ์ตูนเพื่อที่จะเลี่ยงการถูกเซ็นเซอร์ งานชิ้นสำคัญก็ได้แก่ "Nitakaragurakabe no mudagaki" (เขี่ยเขียนบนผนังโรงเก็บของ) ในภาพนี้คูนิโยชิใช้จินตนาการอันสร้างสรรค์ในการเขียนลายมืออย่างเด็ก ๆ ที่ไม่เรียบร้อยด้วยอักษรคานะภายใต้ใบหน้าของนักแสดง
ความรักแมวของคูนิโยชิทำให้เริ่มใช้แมวแทนคนในการสร้างงานพิมพ์คะบุกิและงานล้อเลียน นอกจากนั้นก็ยังเป็นที่ทราบกันว่าในช่วงนี้คูนิโยชิเริ่มทดลองสร้างงานที่มีองค์ประกอบเป็นแบบ "ฉากกว้าง" (wide-screen) โดยการขยายองค์ประกอบในภาพให้เพิ่มขึ้นเพื่อสร้างความเป็นนาฏกรรมให้แกภาพมากขึ้น เช่นในภาพ "เจ้าหญิงทากิยาชะลูกสาวของมาซากาโดะที่วังโซมะเดิม"
ในปี ค.ศ. 1856 คูนิโยชิก็ป่วยด้วยโรคที่มีผลกระทบกระเทือนต่อระบบประสาท (palsy) ที่ทำให้การใช้มือไม้เป็นไปอย่างลำบาก ซึ่งกล่าวกันว่าทำให้ผลงานตั้งแต่ช่วงนี้เป็นต้นไปเริ่มมีคุณภาพต่ำลงอย่างเห็นได้ชัดในการใช้เส้นและความมีชีวิตชีวาของภาพโดยทั่วไป ก่อนที่จะเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1861 คูนิโยชิก็ได้เป็นพยานในการเปิดเมืองท่าโยโกฮามะแก่ชาวต่างประเทศเป็นครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1860 คูนิโยชิสร้างงานพิมพ์สองชิ้นที่เป็นภาพชาวต่างประเทศในเมือง (Yokohama-e) เช่นภาพ "ทัศนียภาพของฮงโชะ" และ "โยโกฮามะและเขตสำราญ") คูนิโยชิเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1861 เมื่ออายุได้ 65 ปีที่บ้านที่เก็งยาดานะ
ลูกศิษย์
[แก้]คูนิโยชิเป็นปรมาจารย์ผู้มีความสามารถและมีลูกศิษย์หลายคนที่ดำเนินการสร้างศิลปะตามแนวสาขาของสำนักศิลปินอูตางาวะต่อมา ลูกศิษย์คนสำคัญได้แก่โยชิโตชิ โยชิโตระ โยชิอิกุ โยชิกาซุ และโยชิฟูจิ โดยทั่วไปแล้วลูกศิษย์ของคูนิโยชิจะเริ่มการฝึกงานด้วยการเขียนภาพบนมูชะ (musha-e) ในลักษณะที่คล้ายคลึงกับลักษณะของอาจารย์ เมื่อเริ่มเป็นศิลปินที่เป็นตัวของตัวเองและเป็นอิสระมากขึ้นลูกศิษย์เหล่านี้ก็จะออกไปหาแบบอย่างและลักษณะการสร้างงานศิลปะที่เป็นตัวของตัวเอง ลูกศิษย์คนที่สำคัญที่สุดคือโยชิโตชิผู้ที่ในปัจจุบันถือกันว่าเป็น "ปรมาจารย์คนสุดท้าย" ของภาพพิมพ์แกะไม้ของญี่ปุ่น
งานพิมพ์ชุดบางชุด
[แก้]- "ประวัติย่อของผู้ก่อตั้งพร้อมภาพประกอบ" (llustrated Abridged Biography of the Founder - ราว ค.ศ. 1831)
- "ทัศนียภาพที่สำคัญของเมืองหลวงตะวันออก" (Famous Views of the Eastern Capital - ราว ค.ศ. 1834)
- "ซูอิโกเด็ง วีรบุรุษของประเทศของเรา" (Heroes of Our Country's Suikoden - ราว ค.ศ. 1836)
- "เรื่องราวของสตรีมีปัญญาและคุณธรรม" (Stories of Wise and Virtuous Women - ราว ค.ศ. 1841-ค.ศ. 1842)
- "Fifty-Three Parallels for the Tōkaidō" (ค.ศ. 1843-ค.ศ. 1845) (ร่วมกับฮิโระชิเงะ และ อูตางาวะ คูนิซาดะ)
- "Twenty-Four Paragons of Filial Piety" (ค.ศ. 1843-ค.ศ. 1846)
- "Mirror of the Twenty-Four Paragons of Filial Piety" (ค.ศ. 1844-ค.ศ. 1846)
- "แม่น้ำหกสาย" (Six Crystal Rivers - ค.ศ. 1847-ค.ศ. 1848)
- "Fidelity in Revenge" (ราว ค.ศ. 1848)
- "Twenty-Four Chinese Paragons of Filial Piety" (ราว ค.ศ. 1848)
- "สถานีหกสิบเก้าสถานีตามเส้นทางคิโซะไคโดะ" (Sixty-Nine Stations along the Kisokaido - ค.ศ. 1852)
- "ภาพเหมือนของซามูไรผู้จงรักภักดี" (Portraits of Samurai of True Loyalty - ค.ศ. 1852)
- "24 Generals of the Kai Provence" (ค.ศ. 1853)
- ภาพเหมือนครึ่งตัวของโกะชะคุ โซะเมะโงะโระ
- "ทากิยาชะแม่มดกับโครงกระดูก" (Takiyasha the Witch and the Skeleton Spectre)
ระเบียงภาพ
[แก้]-
ฮัตสึฮานะล้างบาป
ใต้น้ำตกโทโนซาวะ -
เคยามูระ โรกูซุเกะ
ภายใต้
น้ำตกฮิโกซังกงเง็ง -
ผู้หญิง
-
แผงสำหรับเทศกาล
เด็กผู้ชาย -
ริมฝั่งแม่น้ำซูมิดะ
-
สตรีในราชสำนัก
ระหว่างการฝึก -
เหยี่ยว
-
นักแสวงบุญที่น้ำตก
-
ภูเขาฟูจิจากซูมิดะ
-
โครงกระดูก
-
คาเงซูเอะ ทากัตสึนะ และชิเงตาดะข้ามแม่น้ำอูจิ
-
เรือใบ
-
แปดร้อยผู้กล้าหาญแห่งซูอิโกเด็ง
-
ชุดผู้กล้าหาญแห่งซูอิโกเด็ง
คามิกาชิ-ฮิเมะปักหอกบนแมงมุมที่โผล่มาจากลำธารมาดื่มน้ำ -
ฮานางามิ ดันโจะ โนะ โจะ อารากาเกะต่อสู้กับซาลาแมนเดอร์
-
เสือ
-
แมวในภาพสถานีห้าสิบสามสถานีของโทไกโด
-
แมวรูปปลาดุก
-
แมวแต่งตัวเป็นสตรีเคาะหัวปลาหมึก
-
แมวในท่าต่าง ๆ สี่ท่า
-
เขี่ยเขียนบนผนังโรงเก็บของ
-
มองครั้งแรกดูเหมือนคนดุแต่อันที่จริงเป็นคนใจดี
-
นักแสดง
-
นักแสดง
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ Ōkubo, Junichi (1994), "Utagawa Kuniyoshi", Asashi Nihon rekishi jinbutsu jiten (朝日日本歴史人物事典) (ภาษาญี่ปุ่น), Tokyo, Japan: Asahi Shimbun Company, ISBN 4023400521, คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-10-05
ข้อมูล
[แก้]- Kitagawa, Hiroshi and Bruce T. Tsuchida, ed. (1975). The Tale of the Heike. Tokyo: University of Tokyo Press. ISBN 0-86008-128-1 OCLC 164803926
- Nussbaum, Louis Frédéric and Käthe Roth. (2005). Japan Encyclopedia. Cambridge: Harvard University Press. ISBN 978-0-674-01753-5; OCLC 48943301
- Utagawa, Kuniyoshi; Robert A Rorex and Victoria Rovine. (1997). Samurai Stories: Woodblock Prints of Ichiyusai Kuniyoshi, from a Private Collection. Iowa City, Iowa: University of Iowa Museum of Art. OCLC 37678997
อ่านเพิ่ม
[แก้]- Forbes, Andrew ; Henley, David (2012). Forty-Seven Ronin: Utagawa Kuniyoshi Edition. Chiang Mai: Cognoscenti Books. ASIN: B00ADQM8II
- Merlin C. Dailey, David Stansbury, Utagawa Kuniyoshi: An Exhibition of the Work of Utagawa Kuniyoshi Based on the Raymond A. Bidwell Collection of Japanese Prints at the Springfield Museum of Fine Arts (Museum of Fine Arts, Springfield, 1980)
- Merlin C. Dailey, The Raymond A. Bidwell Collections of Prints by Utagawa Kuniyoshi (Museum of Fine Arts, Springfield, 1968) Note: completely different volume from the preceding
- Klompmakers, Inge, “Kuniyoshi’s Tattooed Heroes of the Suikoden”, Andon, No. 87, 2009, pp. 18–26.
- B. W. Robinson, Kuniyoshi (Victoria and Albert, London, 1961)
- B. W. Robinson, Kuniyoshi: The Warrior Prints (Cornell University, Ithaca, 1982) contains the definitive listing of his prints
- Robert Schaap, Timothy T. Clark, Matthi Forrer, Inagaki Shin'ichi, Heroes and Ghosts: Japanese Prints By Kuniyoshi 1797-1861 (Hotei, Leiden, 1998) is now the definitive work on him
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Utagawa Kuniyoshi's Cats
- Kuniyoshi Project
- Utagawa Kuniyoshi Online
- Ukiyo-e Caricatures 1842-1905 Database of the Department of East Asian Studies of the University of Vienna. Over 400 prints of Kuniyoshi are included.
- Short biography at Artelino
- Graphic Heroes, Magic Monsters Gallery exhibition at New York's Japan Society featuring Kuniyoshi prints.
- Woodblock Prints by Utagawa Kuniyoshi