สมพร สีม่วง
สมพร หรือ สุนทร สีม่วง (ป.พ.ศ. 2501 - 26 สิงหาคม พ.ศ 2520) เป็นฆาตกรฆ่าข่มขืนเด็กชาวไทย ซึ่งต้องโทษประหารตามมาตรา 21 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2519 ในความผิดฐานฆาตกรรมและข่มขืนสุชาดาวรรณ ครองยุทธ์ อายุ 8 ขวบ ที่อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2520 ซึ่งสุชาดาเป็นบุตรบุญธรรมของเสนีย์ ครองยุทธ์ อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี[1][2][3]
สมพร สีม่วง | |
---|---|
![]() ภาพถ่ายหน้าตรงของสมพร | |
เกิด | ป.พ.ศ. 2501 อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย ประเทศไทย |
เสียชีวิต | 26 สิงหาคม พ.ศ 2520 (19 ปี) เรือนจำจังหวัดหนองคาย ตำบลทุ่งหวัง อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย ประเทศไทย |
สาเหตุเสียชีวิต | ประหารชีวิตด้วยการยิง |
อาชีพ | รับจ้างทำไร่มันสำปะหลัง |
ข้อหา | ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปีและฆ่าคนตายเพื่อปกปิดความผิดของตน |
บทลงโทษ | ประหารชีวิตตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี |
รายละเอียด | |
ผู้เสียหาย | สุดาวรรณ ครองยุทธ, 8 ปี |
วันที่ | 13 มิถุนายน พ.ศ. 2520 ป.21.00 น. |
ประเทศ | ประเทศไทย |
รัฐ | จังหวัดหนองคาย |
ตำแหน่ง | ริมห้วยบางบาด ตำบลโคกก่อง อำเภอบึงกาฬ |
อาวุธ | ผ้าขาวม้า |
วันที่ถูกจับ | 14 มิถุนายน พ.ศ. 2520 |
ประวัติ
[แก้]สมพร สีม่วง มีบ้านเดิมอยู่ที่บ้านเหมือดแอ อำเภอเมืองหนองคาย เขาเป็นลูกคนโตจากพี่น้องทั้งหมด 7 คน เขาถูกย่าเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเด็ก ต่อมาได้บวชเณรเป็นระยะเวลาหนึ่งปีเศษ แล้วสึกออกมาประกอบอาชีพรับจ้างเพื่อหาเงินมาช่วยเหลือแม่กับย่า และช่วยเลี้ยงดูน้อง[4] ต่อมาในช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2520 เขาได้ไปทำงานรับจ้างในไร่มันสำปะหลังในไร่ของลุงที่บ้านนาต้อง อำเภอบึงกาฬ[5]
การก่อคดี
[แก้]วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2520 เวลา 20.00 น. ระหว่างที่สุชาดาวรรณ ครองยุทธ กำลังนอนหลับกับบัวพา บุตรโคตร มารดา ได้มีญาติเรียกบัวพาไปดูอาการป่วยของน้องชายของเธอ บัวพาจึงสั่งให้สมพรดูแลเด็ก ต่อมาในเวลา 21.00 น. สมพรได้หลอกสุชาดาวรรณว่าจะไปซื้อของ จากนั้นได้อุ้มเธอไปยังห้วยบางบาด เมื่อถึงป่าละเมาะริมหมู่บ้านนาต้อง ริมห้วยบางบาด เขาได้ข่มขืนเธอโดยได้ข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ 3 ครั้ง[6] ระหว่างนั้นเธอได้ขัดขืนและส่งเสียงร้อง[7] สมพรจึงใช้ผ้าขาวม้ารัดคอสุชาดาวรรณจนเสียชีวิตแล้วนำศพไปทิ้งลงในห้วยบางบาด จากนั้นได้หลบหนีไป[8]
การพบศพ และการสืบสวน
[แก้]วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2520 เวลา 07.00 น. ได้มีพลเมืองดีพบศพของสุดาวรรณจึงแจ้งร.ต.ท.สมพงษ์ ช่วงรังสี ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรอำเภอบึงกาฬ จากการสอบปากคำญาติและเพื่อนบ้านของสุดาวรรณทราบว่า สุดาวรรณออกไปกับญาติและเพื่อนบ้านเพื่อดูหนังกลางแปลงที่ฉายในหมู่บ้าน ภายหลังภาพยนต์เลิกในเวลา 23.00 น. สุดาวรรณได้เดินกลับบ้านเพียงลำพัง แล้วหายตัวจนกระทั่งพบเป็นศพถูกฆ่าข่มขืน[9][10]
ร้อยตำรวจโท สมพงษ์ ช่วงสาลี ได้สืบสวนติดตามตัวคนร้าย โดยสงสัยว่า ในวันเกิดเหตุบิดามารดาของสุดาวรรณออกไปทำธุระโดยทิ้งให้เธออยู่กับลูกจ้างไร่มันสำปะหลังจำนวน 2 คน แต่หลังจากพบศพของสุดาวรรณ สมพรซึ่งเป็นหนึ่งในลูกจ้างไม่ได้อยู่ที่บ้าน และสมพรยังรู้จักกับสุดาวรรณเป็นอย่างดี ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัยสมพร[11][12] ต่อมาในเวลา 12.00 น. ของวันเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมสมพรได้ที่ในหมู่บ้านนาต้อง[13]
จากการสอบสวนสมพร เขารับสารภาพว่า ขณะที่พ่อแม่ของเธอไม่อยู่บ้าน เขาได้หลอกสุดาวรรณไปซื้อของ แล้วอุ้มเธอไปจากบ้าน เมื่อออกจากเป็นระยะทาง 500 เมตร เขาได้เปลี่ยนให้เอมานั่งด้านหลัง แล้วนำผ้าขาวม้ามาตวัดรอบคอกับเอวเพื่อกันตก แต่เมื่อเดินข้ามห้วยบางบาด เธอได้ล้มลงกับพื้น เมื่อสมพรพบว่าเธอเสียชีวิตแล้ว เขาจึงข่มขืนศพเธอจนสำเร็จความใคร่ แล้วหลบหนีไป[14]
ภายหลังจากการสอบปากคำ ในเวลา 14.00 น. พ.ต.อ. อนันต์ วรอุไร และ ร.ต.อ. แก้ว ที่เจริญได้ควบคุมตัวสมพรไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยระหว่างทำแผนสมพรมีอาการหวาดกลัวอย่างชัดเจน สมพรบอกผู้สื่อข่าวว่ากลัวถูกม.21 ภายหลังจากการทำแผนเสร็จสิ้นในเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวสมพรกลับมาสอบสวนต่อ[15]
ภายหลังการสอบสวนเสร็จสิ้น พ.ต.อ. อนันต์ วรอุไร ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย ได้สรุปสำนวนการสอบสวนเสนอต่อพล.ต.อ.มนต์ชัย พันธุ์คงชื่นเพื่อเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หลังจากนั้นได้ย้ายสมพรไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดหนองคาย[16]
การประหารชีวิต
[แก้]วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2520 จอน สีม่วง มารดาของสมพรได้เยี่ยมสมพรเป็นครั้งสุดท้ายที่เรือนจำจังหวัดหนองคาย สมพรได้ปลอบใจเธอว่า อย่าให้ตนได้เป็นห่วงอะไรเลย ถ้าหากจะมีอะไรเกิดขึ้นเพราะเมื่อได้ทำกรรมชั่วมาแล้ว ก็ขอรับกรรม ตนได้ทำผิดกฎหมายบ้านเมืองจริง เมื่อจะตายก็ไม่เสียดาย ขออย่าให้จอนเป็นห่วง[17]
วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2520 สภาที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ธานินทร์ กรัยวิเชียร นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตามมาตรา 21 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2519 มีคำสั่งให้ประหารชีวิตสมพรที่เรือนจำจังหวัดหนองคาย โดยพิจารณาถึงพฤติการณ์และการกระทำที่เหี้ยมโหด ซึ่งกระทำต่อเด็กหญิงอายุเพียง 8 ปี นับว่าเป็นการก่อกวน และคุกคามความสงบเรียบร้อยของประชาชน สมควรลงโทษสถานหนักเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป นอกจากนี้ในวันเดียวกันได้มีการใช้อำนาจตามมาตรา 21 มีคำสั่งให้ประหารชีวิตวิชิต ปานนท์ อายุ 25 ปี ที่เรือนจำจังหวัดนครสวรรค์ กับ อุดร อำรินทร์ อายุ 23 ปี ที่เรือนจำจังหวัดระยอง และมีคำสั่งให้จำคุก 25 ปี สุชาติ นิพนธ์ ผู้ก่อเหตุร่วมของวิชิต เนื่องจากเป็นผู้เยาวน์ โดยการประหารชีวิตทั้งสามจะเกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้น[18]
วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2520 เวลา 16.20 น. เจ้าหน้าที่เรือนจำได้เบิกตัวสมพรจากห้องขังไปยังโรงเลี้ยง เมื่อถึงโรงเลี้ยง ชำนาญ พจนา ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้อ่านคำสั่งประหารชีวิตให้สมพรฟัง แล้วให้เซ็นทราบในคำสั่ง หลังจากเซ็นรับทราบในคำสั่งสมพรบอกเจ้าหน้าที่ว่า"ผมเตรียมใจไว้แล้วพี่ ผมรู้ว่ายังไงต้องถูกประหาร" หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ให้สมพรเขียนจดหมายและพินัยกรรม สมพรไม่ได้ทำพินัยกรรมเนื่องจากไม่มีทรัพย์สินติดตัว สมพรได้สั่งเสียถึงพ่อแม่โดยมีใจความว่าผ่านชำนาญ โดยมีใจความว่า ช่วยบอกพ่อแม่ผมด้วยว่าผมถูกประหารชดใช้กรรมไปแล้ว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้จัดอาหารมื้อสุดท้ายมาให้สมพร แต่สมพรไม่ยอมรับประทานเนื่องจากอาหารไม่ถูกปากจึงกินไม่ลง สมพรจึงขอกินลาบเลือดสดๆเป็นอาหารมื้อสุดท้าย เพราะแข็งแรงมีกำลังดี เจ้าหน้าที่เรือนจำจึงออกไปซื้อลาบเนื้อวัว และต้มยำเครื่องในมาให้สมพร สมพรกินลาบเนื้อวัว และต้มยำเครื่องในอย่างเอร็ดอร่อยจนหมดจาน แล้วกล่าวว่า "ลาบเลือดอร่อยมากครับพี่ ผมจะไม่มีวันลืม ขอบคุณครับ"
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวสมพรไปฟังเทศนาธรรมกับพระเทพบัณฑิตมาเทศน์ให้สมพรฟังในเรื่อง กฎแห่งกรรม สมพรได้นั่งฟังอย่างสงบเป็นเวลา 20 นาที เมื่อพระเทศน์จบ ชำนาญจึงได้ให้เงินสมพรจำนวน 39 บาทเพื่อถวายเป็นเงินติดกัณฑ์เทศน์ สมพรจึงรับเงินจากชำนาญแล้วยกชูขึ้นเหนือหัวแล้วถวายพระเทพมหาบัณฑิต
ในเวลา 17.00 น. สมพรบอกพัศดีว่า "ผมพร้อมแล้วครับพี่ ช่วยพาผมไปตายทีเถอะครับ" จากนั้นเจ้าหน้าที่เรือนจำได้นำผ้าขาวผูกตาแล้วประคองสมพรเดินไปยังหลักประหารที่กำแพงด้านทิศใต้บริเวณแดน 2 ของเรือนจำ โดยสมพรเดินไปยังหลักประหารด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม[19] ในเวลา 17.05 น. ประถม เครือเพ่ง เพชฌฆาตได้ยิงปืนชุดแรก แต่กระสุนไม่ถูกสมพร จึงทิ้งช่วง 1 นาที แล้วยิงชุดที่ 2 แต่กระสุนยังไม่เข้าไป จึงทิ้งช่วง 1 นาที แล้วยิงชุดที่สามซึ่งสมพรเสียชีวิตทันที ใช้กระสุนจำนวน 32 นัด[20] โดยระหว่างการประหารชีวิตสมพรได้มีประชาชนที่ทราบข่าวหลายพันคนมาร่วมเป็นกลุ่มอยู่หน้าเรือนจำ[21]
ในวันรุ่งขึ้น จอน สีม่วง มารดาของสมพร และเทียม สีม่วง ย่าของสมพร ได้เดินทางไปติดต่อขอรับศพสมพรจากเรือนจำ โดยพัสดีเรือนจำได้บริจาคเงินให้จอน 200 บาท เนื่องจากจอนไม่มีเงินติดตัวไปเลยเพราะมีฐานะยากจน และเรือนจำได้ให้ความช่วยเหลือเรื่องการฌาปนกิจศพ โดยการติดต่อวัดอรุณรังสีที่ติดกับเรือนจำให้ช่วยฌาปนกิจศพให้ ศพของสมพรถูกนำไปไว้ที่วัดอรุณรังสีแล้วเผาศพในวันเดียวกัน[22]
การประหารชีวิตสมพรนับเป็นการประหารชีวิตครั้งที่สองจากสองครั้งซึ่งเกิดขึ้นในจังหวัดหนองคาย ส่วนการประหารชีวิตครั้งแรกคือสมศักดิ์ แซ่ฉั่ว, บุญช่วย ไซยปะ และประเสริฐ ขันทะยา 3 นักค้าอาวุธซึ่งถูกจับกุมขณะพยายามลักลอบซ่อนอาวุธสงครามที่ลักลอบนำมาจากประเทศลาว ทั้งสามถูกประหารชีวิตในที่สาธารณะตามคำสั่งของจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีโดยอาศัยอำนาจของหัวหน้าคณะปฎิวัติ ที่สนามกอล์ฟทางทิศตะวันตกของสนามบินจังหวัดหนองคายเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2515[23][24]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "ขืนใจ". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 16 June 1977. p. 20.
- ↑ "ข่มขืน". หนังสือพิมพ์บ้านเมือง. 16 June 1977. p. 16.
- ↑ "หักคอ". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 16 June 1977. p. 16.
- ↑ "แม่ฆาตกร". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 28 August 1977. p. 16.
- ↑ "ฆาตกร". หนังสือพิมพ์บ้านเมือง. 17 June 1977. p. 2,3.
- ↑ "หักคอ". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 16 June 1977. p. 16.
- ↑ "ประหาร". หนังสือพิมพ์บ้านเมือง. 27 August 1977. p. 2.
- ↑ "ข่มขืน". หนังสือพิมพ์บ้านเมือง. 16 June 1977. p. 16.
- ↑ "ข่มขืน". หนังสือพิมพ์บ้านเมือง. 16 June 1977. p. 16.
- ↑ "ขืนใจ". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 16 June 1977. p. 20.
- ↑ "ขืนใจ". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 16 June 1977. p. 16.
- ↑ "หักคอ". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 16 June 1977. p. 16.
- ↑ "ฆาตกร". หนังสือพิมพ์บ้านเมือง. 17 June 1977. p. 2,3.
- ↑ "ฆาตกร". หนังสือพิมพ์บ้านเมือง. 17 June 1977. p. 2,3.
- ↑ "ฆาตกร". หนังสือพิมพ์บ้านเมือง. 17 June 1977. p. 2,3.
- ↑ "ใช้ม.21". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 16 June 1977. p. 20.
- ↑ "แม่ฆาตกร". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 28 August 1977. p. 16.
- ↑ "ยิงเป้า". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 27 August 1977. p. 16.
- ↑ "ประถมเครือเพ่ง ยิงที่หนองคาย". หนังสือพิมพ์บ้านเมือง. 27 August 1977. p. 2.
- ↑ "ยิงเป้า". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 27 August 1977. p. 16.
- ↑ "ใช้ม.21". หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. 16 June 1977. p. 20.
- ↑ "แม่ฆาตกร". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 28 August 1977. p. 16.
- ↑ "คณะปฎิวัติ". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 7 June 1972. p. 16.
- ↑ "หัวหน้าแก๊งค์ค้าอาวุธ". หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ. 7 June 1972. p. 16.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]ก่อนหน้า อัศวิน พูนเต่า 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2520 |
บุคคลที่ถูกประหารชีวิตในประเทศไทย สมพร สีม่วง, วิชิต ปาหนนท์ และอุดร อำรินทร์ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2520 |
ถัดไป ดอน เกิดเป็ง 16 กันยายน พ.ศ. 2520 |