สงครามกลางเมืองกาแลกติก
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
สงครามกลางเมืองกาแลกติก | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
จักรวรรดิคืนชีพ |
ไฟล์:Emblème de l'Ordre Jedi.svgเจได
เผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ในกาแลกติก
| ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
จักรพรรดิพัลพาทีน † ดาร์ธ เวเดอร์ † แกรนด์มอฟฟ์วิลฮัฟ ทาร์คิน † พลเรือเอกพิเอ็ต † มอฟฟ์เจอร์เจอรอด † จอมพลเรือธรอวน์ พลเรือเอกพาลเลออน |
ลุค สกายวอล์คเกอร์ ฮัน โซโล แลนโด้ คาลริสเซียน มอน มอธมา พลเรือเอกแอกบาร์ เลอา ออร์กานา แจน โดดอนนา คริกซ์ มาดีน | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
จักรวรรดิกาแลกติกล่มสลาย ดาร์ธ เวเดอร์ และจักรพรรดิพัลพาทีนเสียชีวิต |
อัลเดอรานถูกทำลาย สมาชิกพันธมิตรเสียชีวิตจำนวนมาก |
สงครามกลางเมืองกาแลกติก (Galactic Civil War) เป็นสงครามในเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส มีความสำคัญเป็นฉากหลังของเหตุการณ์ในไตรภาคเดิมของภาพยนตร์ รวมไปถึงนิยาย หนังสือการ์ตูน และวิดีโอเกมในจักรวาลขยายจำนวนมาก
สงครามกลางเมืองกาแลกติกเป็นการต่อสู้รบเพื่อแย่งชิงอำนาจในระบบกาแล็คซี่เป็นเวลาถึงห้าปี ซึ่งพันธมิตรฟื้นฟูสาธารณรัฐได้ลุกขึ้นก่อกบฏต่ออำนาจการปกครองของจักรวรรดิกาแลกติกในความพยายามที่จะฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยกลับคืนสู่กาแลคซี่ จุดเริ่มต้นของการก่อกบฏนั้นอาจเป็นผลสืบเนื่องมาจากสงครามโคลน เมื่อกลุ่มกบฏที่ได้รับการก่อตั้งโดยสาธารณรัฐกาแลกติกและนิกายเจได เพื่อต่อสู้รบกับระบบสหภาพพิภพอิสระ หลังจากสมุหนายกพัลพาทีนหรือซิธลอร์ด ดาร์ธ ซีเดียส ได้เปลี่ยนจากสาธารณรัฐมาเป็นจักรวรรดิและทำลายล้างนิกายเจได เหล่าพวกกบฏจำนวนมากได้ลุกขึ้นต่อสู้กับจักรวรรดิ จำนวนของพวกเหล่านี้ก็ได้รวมตัวกันและกลายเป็นพันธมิตรกบฏฟื้นฟูสาธารณรัฐ
สงครามได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในปีที่ 0 ก่อนยุทธการยาวิน เมื่อฝ่ายพันธมิตรได้รับชัยชนะครั้งใหญ่เป็นครั้งแรกต่อจักรวรรดิ เมื่อได้ขโมยแผนผังดาวมรณะในยุทธการที่ดาวสคาริฟ สถานีรบขนาดใหญ่ที่สามารถทำลายดวงดาวได้ทั้งดวงของจักรวรรดิ แผนผังดังกล่าวได้ถูกส่งไปถึงพันธมิตรกบฏโดยเจ้าหญิงเลอา ออร์กานา ด้วยความช่วยเหลือจากสหายอย่างลุค สกายวอล์คเกอร์และฮัน โซโล ด้วยการวิเคราะห์แผนผังทำให้ฝ่ายกบฏทำการเปิดฉากโจมตีในยุทธการยาวิน ซึ่งนักบินสกายวอล์คเกอร์ กับความช่วยเหลือจากกัปตันโซโลสามารถทำลายดาวมรณะได้สำเร็จ ชุดของการโจมตีที่ตามมาโดยพันธมิตร รวมถึงการโจมตีโรงงานผลิตอาวุธหลักของจักรวรดิ ทำให้จักรวรรดิต้องสั่นคลอนจากการรุดหน้าของฝ่ายพันธมิตร ด้วยผลลัพธ์นี้, จักรวรรดิต้องออกตามล่าฝ่ายพันธมิตรไปทั่วทั้งกาแล็คซีภายใต้การนำโดยดาร์ธ เวเดอร์ ดาร์ธลอร์ดแห่งซิธและหัวหน้าผู้บังคับการแห่งจักรวรรดิ กองกำลังของเวเดอร์ได้ค้นพบฐานทัพของฝ่ายพันธมิตรที่ตั้งอยู่บนดาวฮอธ ด้วยผลลัทธ์ในยุทธการที่ดาวฮอธ, บีบบังคับให้ฝ่ายพันธมิตรต้องละทิ้งฐานทัพบนดาวน้ำแข็งและส่งกองยานต่างๆให้กระจัดกระจายไปทั่วทั้งกาแล็คซี่เพื่อหลบซ่อนตัว
หกเดือนต่อมาในปีที่ 4 หลังยุทธการยาวิน จักรพรรดิพัลพาทีนได้ยอมให้ฝ่ายพันธมิตรรับรู้ถึงการมีอยู่ของดาวมรณะที่สอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกับดักเพื่อหลอกล่อฝ่ายพันธมิตรให้เข้ามาติดกับและทำลายล้างให้สิ้นซาก ฝ่ายพันธมิตรเชื่อว่าพวกเขาจะเปิดฉากการโจมตีอย่างน่าประหลาดใจ ซึ่งจะดำเนินการในยุทธการเอนดอร์ ในช่วงระหว่างการรบ, ลุค สกายวอล์คเกอร์ที่รับรู้ถึงดาร์ธ เวเดอร์เป็นบิดาของตน ได้เผชิญหน้ากับดาร์ธลอร์ดในการประลองกระบี่แสงครั้งสุดท้ายบนดาวมรณะ จักรพรรดิได้พยายามที่จะสังหารสกายวอล์คเกอร์ แต่ด้วยความสงสารจากเวเดอร์จึงจับจักรพรรดิโยนลงไปในป่องแกนปฏิกรณ์ของดาวมรณะจนถึงแก่ความตาย ด้วยคำทำนายที่กำหนดชะตาให้เป็นผู้ที่ถูกเลือกและทำลายล้างซิธได้กลายเป็นจริงขึ้นมาแล้ว เวเดอร์ หรืออนาคิน สกายวอล์คเกอร์ได้เสียชีวิตลงจากอาการบาดเจ็บสาหัส เขาได้ค้ำจุนไว้ในช่วงระหว่างการรบ ทำให้การปกครองของนิกายซิธในระบบกาแลคซีสิ้นสุดลง ในขณะที่ฝ่ายพันธมิตรได้ทำลายดาวมรณะดวงที่สองได้สำเร็จ ส่งผลทำให้จักรวรรดิเกิดความแตกแยกและยุคขุนศึกได้ก่อกำเนิดขึ้น
ด้วยผลลัพธ์จากช่องว่างแห่งอำนาจที่เหลืออยู่จากการตายของจักรพรรดิ มอฟฟ์จักรวรรดิและผู้นำคนอื่นๆเริ่มแก่นแย่งชิงอำนาจกัน อย่างไรก็ตาม, มีบางคนเริ่มที่จะแยกตัวออกจากจักรวรรดิ ในความพยายามที่จะขัดขวางไม่ให้คนของเขารับรู้ถึงการตายของจักรพรรดิ ผู้ว่าการ Ubrik Adelhard ได้ทำการปิดล้อมอโนท์เซ็กเตอร์(Anoat sector) ในการสนับสนุนการปิดกั้นเหล็ก(Iron Blockade) จุดประกายในการก่อการกำเริบภายในเซ็กเตอร์แห่งนี้ หนึ่งปีต่อมา, จักรวรรดิได้ต่อสู้กับสาธารณรัฐใหม่ รัฐบาลประชาธิปไตยที่ก่อตั้งขึ้นโดยพันธมิตรกบฏในศึกครั้งสุดท้ายบนดาวทะเลทรายที่จัคคู อย่างไรก็ตาม หน่วยทหารจักรวรรดิภายใต้การนำโดยที่ปรึกษา(Counselor) Gallius Rax ได้พบความพ่ายแพ้และเผชิญกับสถานการณ์ความไม่สงบอย่างรุนแรง จักรวรรดิภายใต้การนำโดยแกรนด์วิเซียร์(รองจักรพรรดิ) Mas Amedda ได้ยอมจำนนต่อสาธารณรัฐ ที่ดาวชาดริลา จักรวรรดิได้ลงนามเซ็นสนธิสัญญาปรองดองกาแลคติก(Galactic Concordance)กับสาธารณรัฐอย่างเป็นทางการ เป็นอันยุติความขัดแย้งและจำกัดขีดความสามารถทางทหารของจักรวรรดิอย่างรุนแรง จักรวรรดิได้เปลี่ยนกลายเป็นรัฐตกค้างเพราะมันจะค่อยๆกระจายอำนาจออกไป
แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลง ส่วนที่เหลือของจักรวรรดิที่กระจัดกระจายซึ่งถูกควบคุมโดยขุนศึกต่างๆที่ยังคงมีอยู่ ในขณะที่ทางสาธารณรัฐได้ออกแถลงการณ์อีกฉบับหนึ่งซึ่งได้ระบุว่าเหล่าเจ้าหน้าที่ของจักรวรรดิทั้งหมดที่รอดชีวิตล้วนเป็นอาชญากรสงคราม กลายเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามเย็น อย่างไรก็ตาม, อดีตเจ้าหน้าที่จักรวรรดิจำนวนมาก ขุนนาง นักเทคโนโลยี ขุนศึก และผู้จงรักภักดีคนอื่นๆได้เลือกที่จะละทิ้งจักรวรรดิและหลบหนีเข้าไปยังดินแดนที่ไม่รู้จัก(Unknown Regions) ซึ่งที่นั้นพวกเขาได้ก่อตั้งปฐมภาคีขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความลับที่ได้ถูกออกแบบโดยจักรพรรดิพัลพาทีน
จุดเริ่มต้นของสงครามกลางเมืองกาแลกติก
[แก้]การล่มสลายของสาธารณรัฐกาแลกติกในปีที่ 19 ก่อนยุทธการยาวินนั้นนำไปสู่การสถาปนาจักรวรรดิกาแลกติกภายใต้การนำของอดีตสมุหนายกพัลพาทีน ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นซิธลอร์ด พัลพาทีนอาศัยการฉ้อราษฎร์บังหลวงในสภากาแลกติกและความล้มเหลวทางการปกครอง กอปรกับเป็นผู้อยู่เบื้องหลังสงครามโคลนที่ก่อขึ้นเพื่ออาศัยความหวาดกลัวของประชาชนให้ได้มาซึ่งอำนาจ หลังจากพัลพาทีนได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิแล้วก็ได้ดำเนินการหลายอย่างเพื่อยุติกระแสต่อต้านทั้งหลาย รวมไปถึงนิกายเจไดที่เป็นผู้พิทักษ์สาธารณรัฐมาช้านาน พัลพาทีนได้วางแผนจัดฉากว่าเหล่าเจไดคิดทรยศล้มล้างสภาและสังหารสมาชิกสภา จนนำไปสู่การออกคำสั่งที่ 66 และการกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่ เพื่อกำจัดเหล่าเจไดทั้งหลายจนเหลือรอดเพียงน้อยนิด เช่น อาจารย์เจได โอบีวัน เคโนบี และโยดา
ดาร์ธ เวเดอร์ ซึ่งเป็นศิษย์คนที่สามเท่าที่ปรากฏของจักรพรรดิ มีบทบาทสำคัญในการกวาดล้างเจไดและการสถาปนาจักรวรรดิ ก่อนที่เขาจะหันเข้าสู่ด้านมืดของพลังนั้น ดาร์ธ เวเดอร์เคยเป็นอัศวินเจไดชื่ออนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ซึ่งเป็นศิษย์พาดาวันของโอบีวัน เคโนบี ดาร์ธ เวเดอร์ได้ตามฆ่าเจไดจนเกือบหมดสิ้น และได้ประลองกระบี่แสงกับโอบีวันบนดาวมุสตาฟาร์จนพ่ายแพ้บาดเจ็บสาหัส ต้องสวมใส่อุปกรณ์ช่วยชีวิตตลอดไปหลังจากนั้น ภรรยาของอนาคินคือแพดเม่ อมิดาลาได้ให้กำเนิดบุตรและธิดารวมสองคนคือลุคและเลอา ซึ่งต่อมาทั้งสองจะได้เป็นผู้นำของพันธมิตรฟื้นฟูสาธารณรัฐและนิกายเจไดใหม่ ลุคถูกโอเวน ลาร์สผู้เป็นลุงรับไปเลี้ยงบนดาวทาทูอีน และเลอาถูกวุฒิสมาชิกเบล ออร์กานา แห่งอัลเดอรานรับไปเลี้ยงร่วมกับเบรฮาภรรยา
หลังจากจักรวรรดิกาแลกติกได้รับการสถาปนาขึ้นแล้ว สภากาแลกติกก็ถูกปรับโครงสร้างให้เป็นสภาจักรวรรดิ แต่ต่อมาก็กลายเป็นระบอบการปกครองแบบกุมอำนาจเบ็ดเสร็จโดยจักรพรรดิในเวลาไม่นาน รูปแบบการปกครองของจักรวรรดิกาแลกติกภายใต้การปกครองของพัลพาทีนนั้นเชิดชูว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นผ่าพันธุ์ที่เหนือกว่าเผ่าพันธุ์อื่น จนมีการนำเผ่าพันธุ์อื่นมาใช้เป็นแรงงานทาส กฎหมายห้ามการใช้ทาสถูกยกเลิกไปและการใช้แรงงานเผ่าพันธุ์อื่นก็กลายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย สุดท้ายแล้วยังผลให้เจ้าหน้าที่ในจักรวรรดิทั้งหมดเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ มีข้อยกเว้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่นจอมพลเรือธรอวน์ที่เป็นชาวชิสส์
การใช้อำนาจเบ็ดเสร็จนี้ได้รับการหนุนหลังจากแนวคิดปรัชญาแบบทาร์คิน ซึ่งเป็นแนวคิดของข้าหลวงมอฟฟ์วิลฮัฟ ทาร์คิน แนวคิดนี้คือการใช้ความกลัวของกำลังแสนยานุภาพในการปกครองคน โดยไม่ต้องใช้กำลังแสนยานุภาพปกครองโดยตรง ซึ่งจำเป็นต้องมีกองทัพทหารและยานรบจำนวนมหาศาล ที่อ้างว่ามีไว้เพื่อใช้ปกครอง กองกำลังแสนยานุภาพนี้ประกอบไปด้วยกองทัพทหารของจักรวรรดิคือกองทัพสตอร์มทรูปเปอร์ และกองยานรบเช่นยานพิฆาตดาราแห่งกองทัพเรือ และพาหนะที่น่าหวาดกลัวมากมายเช่นยานรบหุ้มเกราะเอที-เอที (AT-AT; All Terrain Armored Transport) แห่งกองทัพบก ซึ่งทั้งหมดนี้ก็มีขึ้นเพื่อสร้างความกลัวพอๆ กับที่มีขึ้นเพื่อต่อสู้กับศัตรู แนวคิดนี้บรรลุจุดสูงสุดเมื่อการก่อสร้างอาวุธทำลายล้างอย่างดาวมรณะสำเร็จสมบูรณ์ ดาวมรณะนี้มีที่มาในการก่อสร้างตั้งแต่สมัยวิกฤติการณ์การแบ่งแยกดินแดน โดยมีอาร์ชดยุกพ็อกเกิล เดอะ เลซเซอร์ แห่งจีโอโนซิสเป็นผู้ร่วมออกแบบก่อสร้างอาวุธทำลายล้างที่ต่อมาจะถูกพัฒนาเป็นดาวมรณะ
การก่อตั้งพันธมิตร
[แก้]ในขณะที่ความเปลี่ยนแปลงของจักรวรรดิปรากฏให้เห็นชัดเจนนั้น เหล่าวุฒิสมาชิกจำนวนหนึ่ง เช่น เบล ออร์กานา การ์ม เบล ไอบลิส และมอน มอธมา ได้ก่อตั้งพันธมิตรฟื้นฟูสาธารณรัฐขึ้น และหลังจากเกิดเหตุการณ์การสังหารหมู่กอร์แมน พันธมิตรก็ได้ประกาศแถลงการณ์กบฏเพื่อแสดงตนต่อต้านจักรวรรดิและความไม่พอใจของพวกตน จนเกิดเป็นสงครามกลางเมืองกาแลกติก ซึ่งจะยืดเยื้อไปถึงกว่ายี่สิบปี
ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งขึ้นมานั้น พันธมิตรกบฏถูกโจมตีจนสูญเสียกำลังคนและกำลังรบไปมากจากแสนยานุภาพอันเหนือกว่าของกองทัพเรือจักรวรรดิที่มีกำลังพันธมิตรที่แข็งเกร่งอย่างอู่ต่อเรือคูอัต
แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากบริษัท Incom Corporation ทำได้มีกำลังยานรบเอกซ์วิง และได้รับมอบยานรบขนาดใหญ่มาจากชาวมอน คาลามอริ เพื่อต่อสู้กับยานพิฆาตดารา อย่างไรก็ดี กองทัพกบฏก็ยังต้องอาศัยยุทธวิธีการรบแบบฮิทแอนด์รันในการต่อสู้กับกองทัพขนาดใหญ่อย่างกองทัพของจักรวรรดิ ต่อมาเลอา ออร์กานาได้ขึ้นเป็นวุฒิสมาชิกจักรวรรดิและดำเนินนโยบายลับทางการเมืองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจของพันธมิตรกบฏบนยานแทนทีฟ 4
ในขณะที่การกบฏดำเนินไปนั้น ปฏิบัติการตามล่ากบฏก็รุนแรงขึ้นเป็นเงาตามตัว เซกเตอร์ทั้งเซกเตอร์อาจถูกจู่โจมได้โดยจักรวรรดิหากพบว่าเป็นแหล่งให้ที่พึ่งพิงแก่กิจการกบฏ การสลายความรุนแรงในเนมบัสเซกเตอร์และการปราบปรามไควมาร์เป็นตัวอย่างที่ดีของเรื่องนี้
จุดเปลี่ยนเล็กน้อยของสงครามนั้นเกิดขึ้นในยุทธการทูร์คานา เมื่อกองทัพจักรวรรดิเข้าโจมตีกองยานกบฏ แต่กลับถูกโต้กลับด้วยยานรบใหม่ของพันธมิตรกบฏ คือยาน T-65 X-wing starfighter จากการตอบโต้ครั้งนี้เองทำให้จักรวรรดิดำเนินปฏิบัติการสไตรค์เฟียร์ ดาวเคราะห์และระบบดาวเคราะห์ที่เป็นสมาชิกของพันธมิตรกบฏอย่างรูดริก บริเกีย และโอไรออน 4 ถูกโจมตีทำลายล้างอย่างหนัก โชคยังดีที่ความผิดพลาดของนายทหารจักรวรรดิ คริกซ์ มาดีน และการเข้าเป็นพันธมิตรกับชาวซุลลุสทาน ทำให้พันธมิตรกบฏสามารถทำลายยานธงของปฏิบัติการสไตรค์เฟียร์คือยานพิฆาตดาราอินวินซิเบิลได้เป็นผลสำเร็จ
การโจมตีในช่วงแรก
[แก้]ในช่วงต้นของสงคราม พันธมิตรกบฏและจักรวรรดิต่างผลัดกันโจมตีกันไปทั่วกาแลกซี จักรวรรดิได้ส่งทัพขนาดเล็กไปทำลายฐานที่มั่นขนาดเล็กของพันธมิตรกบฏบนดาวคาชี้ก ในขณะที่พันธมิตรกบฏตรงไปยังคูอัตเพื่อล่อกองยานจักรวรรดิจากดาวเฟรเซียเพื่อนำยานเอกซ์วิงคืนมา แต่เฟรเซียก็ยังมีการคุ้มกันที่แน่นหนา พันธมิตรกบฏได้ส่งอาร์ทูดีทูและซีทรีพีโอไปขโมยรหัสจอดยานเพื่อนำกองยานพันธมิตรลงจอดบนเฟรเซีย พันธมิตรกบฏใช้นักบินสี่นายเล็ดรอดผ่านการคุ้มกันของจักรวรรดิและขโมยยานเอกซ์วิงกลับมาได้เป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้นพันธมิตรกบฏได้เดินทางไปยังเคสเซลเพื่อช่วยเหลือนักวิทยาศาสตร์ที่ถูกจักรวรรดิจับตัวไป ต่อมาดาร์ธ เวเดอร์ได้เดินทางไปยังฐานทัพกบฏบนดาวธัยเฟอร์ราเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับมอฟฟ์คาลาสต์ที่ทรยศต่อจักรวรรดิ และได้เดินทางไปยังดาวจีโอโนซิสและคาชี้กเพื่อทำภารกิจเกี่ยวกับดาวมรณะของมอฟฟ์ทาร์คิน หลังจากยุทธการทูร์คานาจบลง จักรวรรดิได้เริ่มปฏิบัติการสไตรก์เฟียร์ขึ้นเพื่อยับยั้งการต่อต้านของพวกกบฏและสร้างความกลัวต่ออำนาจของจักรพรรดิให้เกิดขึ้น จุดมุ่งหมายอีกอย่างหนึ่งก็คือเพื่อหลอกล่อพวกกบฏเอาไว้ในขณะที่จักรวรรดิกำลังก่อสร้างดาวมรณะ ปฏิบัติการนี้ถูกดำเนินการหลักๆ โดยยานพิฆาตดารารุ่นอิมพีเรียลชื่อ Invincible (อินวินซิเบิล)
บนดาวเรนวาร์ พันธมิตรกบฏได้พยายามทำลายศูนย์เฝ้าระวังของจักรวรรดิแต่ก็ถูกต่อต้านด้วยกำลังเสริมของทัพจักรวรรดิ หลังจากที่ทราบว่าชาวโบธานได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกบฏ พัลพาทีนได้เดินทางไปยังโบธาวุยด้วยตัวเองและทำลายกองทัพโบธานจนเกือบหมดสิ้น ดาร์ธ เวเดอร์เองก็ได้เดินทางไปยังจาบิอิมจนทราบว่าคนทรยศคือมอฟฟ์คาลาสต์ เวเดอร์พบตัวมอฟฟ์คนนี้ในยานพิฆาตดาราของตนและได้สังหารเขาลง ก่อนเหตุการณ์การทำลายดาวมรณะเพียงไม่นานกองทหารสตอร์มทรูปเปอร์จำนวนหนึ่งได้เดินทางไปยังดวงจันทร์ยาวิน 4 เพื่อยืนยันว่าทัพกบฏตั้งฐานทัพอยู่บนดวงจันทร์นี้จริง ในขณะที่บนดาวมรณะนั้นนักโทษกบฏกลุ่มหนึ่งได้หลบหนีออกจากที่คุมขังและก่อจลาจลขึ้นแต่สตอร์มทรูปเปอร์กอง 501 ได้เข้าควบคุมสถานการณ์และสังหารอัศวินเจไดที่เป็นผู้นำการจลาจลนี้ลงเป็นผลสำเร็จ
การไล่ล่าแผนผังดาวมรณะ
[แก้]พันธมิตรกบฏปฏิบัติภารกิจร่วมกับสายลับชาวโบธานที่มีเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพมากจนสืบทราบถึงการก่อสร้างดาวมรณะซึ่งเป็นสถานีอวกาศติดอาวุธที่สามารถทำลายดาวเคราะห์ได้ทั้งดวงด้วยซูเปอร์เลเซอร์
นักโทษกบฏบนดาวมรณะได้ก่อการจลาจลขึ้นและสามารถเข้าควบคุมข้อมูลทางเทคนิค ในขณะที่ไคล์ คาทาร์น กบฏที่เคยเป็นเจ้าหน้าที่จักรวรรดิมาก่อน ได้ขโมยเอาแผนผังเพิ่มเติมมา จนถึงยุทธการโทปราวาที่พันธมิตรกบฏสามารถนำเอาแผนผังมาได้ทั้งหมด จากที่นั่น พวกเขาได้ส่งสัญญาณแผนผังดาวมรณะไปยังยาน แทนทีฟ 4 ของเจ้าหญิงเลอา ในขณะที่กอง 501 ภายใต้การนำของดาร์ธ เวเดอร์ได้ไล่ตามพันธมิตรกบฏไปจนถึงโปลิส แมสซา จนปะทะกันในยุทธการโปลิส แมสซา อย่างไรก็ดี การปะทะนี้เป็นการจัดฉากเพื่อล่อลวงจักรวรรดิ แต่พันธมิตรกบฏก็ถูกปราบราบคาบ จนจักรวรรดิทราบถึงแผนการที่แท้จริง ดาร์ธ เวเดอร์นำยานพิฆาตดารา Devastator (เดวาสเตเตอร์) เข้ายึดยานแทนทีฟ 4 ในสงครามบนน่านฟ้าทาทูอีน เจ้าหญิงเลอาได้ฝากความหวังไว้กับอดีตอัศวินเจได โอบีวัน เคโนบี ซึ่งตอนนี้หลบซ่อนตัวอยู่บนทาทูอีน คอยดูแลเด็กน้อยลุค สกายวอล์คเกอร์
ในขณะที่ของทหารของเวเดอร์เข้ายึดยานนั้น เลอา ออร์กานาได้เดิมพันอย่างแทบจะไม่มีความหวังโดยการซ่อนแผนผังของดาวมรณะไว้ในแอสโตรเมคดรอยด์อาร์ทูดีทู อาร์ทูดีทูและโพรโทคอลดรอยด์ซีทรีพีโอได้หลบหนีออกจากยานด้วยยานหลบหนีฉุกเฉินไปยังทาทูอีน จนถูกพวกจาวาจับตัวไป และถูกขายให้กับโอเวน ลาร์ส ผู้เป็นลุงของลุค สกายวอล์คเกอร์
ไม่นานนักลุคก็พบส่วนหนึ่งของข้อความที่บันทึกอยู่ในตัวอาร์ทูดีทูและเกิดความสนใจ แต่ด้วยโปรแกรมที่ลงไว้ในตัวพร้อมกับแผนผังดาวมรณะทำให้อาร์ทูดีทูหลบหนีจากที่พักของลุคไปตามหาโอบีวัน เคโนบี จนพบกันในทะเลทรายดูน หลังจากนั้นอาร์ทูดีทูได้เล่นข้อความทั้งหมดให้โอบีวันและลุคดู ต่อมาทั้งสองพบว่าทหารจักรวรรดิได้ตามกำจัดพวกจาวาที่จับตัวหุ่นยนต์ทั้งสองระหว่างการตามหาแผนผัง ลุครีบกลับไปที่บ้านและพบว่าทหารจักรวรรดิได้เข้าโจมตีและสังหารลุงและป้าของเขาไปแล้ว จึงเดินทางร่วมกับโอบีวันไปยังเมืองท่ามอส ไอสลีย์ และได้พบกับฮัน โซโลกับชิวแบคคา ทั้งสองได้ว่าจ้างฮันให้พาพวกเขาและแผนผังไปยังดาวอัลเดอรานด้วยยานมิลเลนเนียม ฟอลคอน
ระหว่างนั้น พัลพาทีนได้ใช้วิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นข้ออ้างในการยุบสภาจักรวรรดิ
ดาร์ธ เวเดอร์ได้พาตัวเลอา ออร์กานาไปยังดาวมรณะ ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของแกรนด์มอฟฟ์วิลฮัฟ ทาร์คิน
หลังยาวิน
[แก้]การยึดฐานทัพยาวิน
[แก้]แผนการเรย์ธา
[แก้]ฝูกบินโร้ก
[แก้]ปฏิบัติการเกรนสแนตช์
[แก้]การอพยพที่ราลเทียร์
[แก้]ดาร์ค ทรูปเปอร์
[แก้]การทรยศของคริกซ์ มาดีน
[แก้]การปิดกั้นคาชี้ก
[แก้]การตอบโต้ของจักรวรรดิ
[แก้]กบฏเติบโต
[แก้]การโจมตีที่ฮอธ
[แก้]จักรวรรดิได้ตามหารอยของพวกกบฏแต่ก็ไม่พบจนไปถึงดาวฮอธ และได้ส่งดรอย์สอดแนมนับพันไปทั่วแต่ก็ได้พบฐานทัพของกบฏแล้ว แต่ผู้บัญชาการของจักรวรรดิกลับไม่สนใจเพราะคิดว่าอาจเป็นฐานทัพเก่าที่ถูกทิ้งไว้ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ดาร์ธ เวเดอร์คิดอย่างนั้นและกลับมั่นใจว่า เป็นฐานทัพของกบฏ จึงใช้พลังบีบคอกับผู้บัญชาการทหารนั่นแล้วแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารขึ้นมาใหม่พร้อมเตรียมไพร่พลในการโจมตี
พวกกบฏทราบว่า พวกจักรวรรดิรู้ฐานทัพลับแล้วก็เตรียมพร้อมแผนการในการอพยพโดยด่วนด้วยตีฝ่าวงล้อมของพวกจักรวรรดิ โดยใช้ปืนใหญ่อวกาศที่ชื่อว่า ไลออน ที่จะช่วยให้การทำงานของยานดาราพิฆาตหยุดชะงักลงชั่วคราว ซึ่งทำให้ยานขนส่งของพวกกบฏสามารถหนีออกไปได้เกือบครึ่งหนึ่ง
ส่วนกบฏที่เหลือนั่นได้ตั้งป้อมในการป้องกันรับการโจมตีของพวกจักรวรรดิ ส่วนจักรวรรดิได้ใช้หุ่นยนต์รบเอที-เอทีในการโจมตีซึ่งนำไปสู่ยุทธการฮอธ ดูเหมือนฝ่ายกบฏจะเป็นฝ่ายที่โดนโจมตีอย่างหนัก ส่วนฝ่ายจักรวรรดิได้สูญเสียน้อยที่สุดและสามารถทำลายเครื่องสนามพลังของฝ่ายกบฏ ทำให้กบฏจำเป็นต้องทิ้งฐานเอคโค่ไป ทำให้จักรวรรดิเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะอีกครั้ง
เหตุคุกคาม TIE Phantom
[แก้]ภารกิจยังเอนดอร์
[แก้]แผนการเซปัน
[แก้]แผ่ขยายการกบฏ
[แก้]กบฏรวมตัวใหม่
[แก้]ภารกิจสู่เดอะมอว์
[แก้]ปฏิบัติการเอียร์ปลั๊ก
[แก้]ยุทธการกาลล์
[แก้]ยุทธการครั้งที่หนึ่งแห่งบาคูรา
[แก้]ยุทธการฟอนดอร์
[แก้]ยุทธการคอธลิส
[แก้]ยุทธการเบสพิน
[แก้]ภารกิจยังเพรฟส์เบลท์ 4
[แก้]ชัยชนะของกลุ่มกบฏ
[แก้]เหตุการณ์ที่บาคูรา
[แก้]เศษแตกแยกของจักรวรรดิ
[แก้]การรุกโจมตีบนอีคลิปส์
[แก้]ยุทธการครั้งที่สองแห่งคาชี้ก
[แก้]สาธารณรัฐใหม่ยึดคอรัสซานท์
[แก้]หลังคอรัสซานท์
[แก้]สงครามแบคตา
[แก้]แนวคิดขุนพลนิยม
[แก้]รวบรวมเศษที่แตกแยก
[แก้]แผนการธรอวน์
[แก้]แผนการธรอวน์ทวีความเข้มข้น
[แก้]การกลับมาของไอซาร์ด
[แก้]สงครามภายในจักรวรรดิ
[แก้]ศัตรูเกล่ากลับมา
[แก้]จักรวรรดิคืนสังเวียน
[แก้]ปฏิบัติการชาโดว์แฮนด์
[แก้]พัลพาทีนถูกปราบครั้งสุดท้าย
[แก้]หลังพัลพาทีน
[แก้]การแก้แค้นขององครักษ์และสภาเลือด
[แก้]การรวมตัวใหม่
[แก้]ยุทธการครั้งที่สองแห่งมอน คาลามาริ
[แก้]ยุทธการเจไดพราเซียม
[แก้]สงครามที่ต่อเนื่อง
[แก้]การจู่โจมที่สถาบันเจได
[แก้]อำนาจแห่งวารู
[แก้]สถานีครเซห์
[แก้]แผนการสุดท้าย
[แก้]วิกฤติการณ์สาส์นคามาส
[แก้]ข้อตกลงบาสติออน
[แก้]สิ่งสืบทอดของสงครามกลางเมืองกาแลกติก
[แก้]การเมืองของสงครามกลางเมือง
[แก้]หลายเผ่าพันธุ์จากหลายดาวเคราะห์เข้าเป็นผู้สนับสนุนพันธมิตรกบฏในการโค่นล้มจักรพรรดิ รวมถึงดาวเคราะห์มอน คาลามาริ และดาวเคราะห์บ้านเกิดของเบล ออร์กานาเองอย่างอัลเดอรานด้วย แม้ในระยะแรกพันธมิตรฯ จะสามารถใช้ตำแหน่งในสภาจักรวรรดิเพื่อใช้เผยแพร่เจตนารมย์และใช้ประโยชน์จากการป้องกันทางการทูตก็ตาม แต่สภาก็ถูกยกเลิกในปีที่ 0 แห่งยุทธการยาวิน วุฒิสมาชิกที่เป็นกบฏหลายคนก็ถูกเปิดโปง ผู้นำพันธมิตรกบฏอย่างมอน มอธมาเองก็แทบจะเอาชีวิตรอดจากฝ่ายรักษาความปลอดภัยของจักรวรรดิมาไม่ได้
โชคร้ายที่ดาวเคราะห์ต่างๆ ไม่อาจช่วยเหลือพันธมิตรกบฏได้อย่างเปิดเผย เว้นแต่เพียงดาวเคราะห์เล็กๆ นอกเขตปกครองของจักรวรรดิเท่านั้น พันธมิตรฯ ต้องผลิตข้าวของเครื่องใช้เองโดยลับ โดยอาจผลิตจากโรงงานในพื้นที่ห่างไกล หรืออาศัยกลเม็ดเชิงนโยบาย และการค้าเถื่อนก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้พันธมิตรมีวัตถุดิบใช้อีกด้วย ต้องรอถึงกระทั่งช่วงยุทธการเอนดอร์และหลังจากนั้นนั่นเองที่พันธมิตรกบฏมีกำลังมากพอที่จะรบกับกองยานจักรวรรดิ และดาวเคราะห์ต่างๆ สามารถประกาศตนเป็นพวกพ้องกับพันธมิตรฯ ได้อย่างเปิดเผย
จักรวรรดิยังคงเฝ้าทำลายเสรีภาพต่อไปเรื่อยๆ โดยอาศัยความขัดแย้งนี้เป็นข้ออ้าง จักรพรรดิพร้อมด้วยคำแนะนำของทาร์คินได้นำเอาหลักแนวคิดทาร์คินเข้ามาใช้ โดยจักรวรรดิจะอาศัยความหวาดกลัวกองกำลังมาใช้ในการควบคุม แทนที่จะใช้กองกำลังโดยตรง จึงนำไปสู่การก่อสร้างดาวมรณะขึ้น ใช้อัลเดอรานเป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวที่ถูกทำลายโดยดาวมรณะนี้ ทำให้เกิดความกลัว แสดงอำนาจของจักรวรรดิ โดยไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อใช้สถานีอวกาศนี้ทำลายดาวเคราะห์มากมายจริงๆ นอกจากนี้จักรพรรดิยังเริ่มได้รับอิทธิพลจากเหล่าวงในอย่างสภาปกครองแห่งจักรวรรดิ คนเหล่านี้ รวมถึงเซต เปสตาจ ค่อยๆ เข้าควบคุมกิจการทั่วไปของจักรวรรดิ โดยพัลพาทีนจงใจปล่อยให้คนเหล่านี้ขยายอำนาจและทุจริตแย่งชิงกันเอง