ศาลเจ้าอิตสึกูชิมะ
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
ศาลเจ้าชินโตอิตสึกูชิมะ * | |
---|---|
แหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก | |
ศาลเจ้าอิตสึกูชิมะ | |
พิกัด | 34°17′N 132°19′E / 34.283°N 132.317°E |
ประเทศ | จังหวัดฮิโรชิมะ ญี่ปุ่น |
ประเภท | มรดกทางวัฒนธรรม |
เกณฑ์พิจารณา | (i) (ii) (iv) (vi) |
อ้างอิง | 776 |
ประวัติการขึ้นทะเบียน | |
ขึ้นทะเบียน | 2539 (คณะกรรมการสมัยที่ 20) |
พื้นที่ | 431.2 ha (1,066 เอเคอร์) |
พื้นที่กันชน | 2,634.3 ha (6,509 เอเคอร์) |
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีแหล่งมรดกโลก ** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก |
ศาลเจ้าอิตสึกูชิมะ (ญี่ปุ่น: 厳島神社; โรมาจิ: Itsukushima-jinja) เป็นศาลเจ้าลัทธิชินโตบนเกาะอิตสึกูชิมะ เมืองฮัตสึกาอิจิ จังหวัดฮิโรชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก และรัฐบาลญี่ปุ่นได้ยกฐานะอาคารต่าง ๆ ในศาลเจ้าให้เป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่น
ประวัติความเป็นมาของศาลเจ้าย้อนหลังไปได้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 การก่อสร้างสำเร็จจนมีลักษณะอย่างในปัจจุบันตั้งแต่ พ.ศ. 1711 โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากแม่ทัพคิโยโมริ ศาลเจ้าแห่งนี้เคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ของเกาะ ในอดีตชาวบ้านสามัญชนจะถูกห้ามไม่ให้ย่างเท้าขึ้นบนเกาะ และต้องเดินทางโดยเรือผ่านเสาประตูที่ลอยอยู่กลางทะเล
เสาโทริอิของศาลเจ้าอิตสึกูชิมะเป็นจุดท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น และทิวทัศน์ของเสาประตูที่อยู่หน้าภูเขามิเซ็งบนเกาะ ยังได้รับการจัดให้เป็นหนึ่งในสามทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น (Three Views of Japan) เสาโทริอิถูกสร้างขึ้นในบริเวณนี้ตั้งแต่ พ.ศ. 1711 แต่เสาที่เห็นในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ. 2418 ตัวเสาทำจากไม้การบูร มีความสูงประมาณ 16 เมตร มีเสาเล็ก ๆ เป็นฐานรองอีก 4 เสา
ในเวลาที่น้ำขึ้น เสาโทริอิจะดูเหมือนลอยอยู่กลางทะเล เมื่อน้ำลง จะปรากฏให้เห็นพื้นโคลนเลนที่เสาตั้งอยู่ และสามารถเดินเท้าไปจากเกาะได้ ผู้มาเยือนมักจะวางเหรียญเงินไว้ที่ขารองเสาแล้วอธิษฐานขอพร การเก็บหอยเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่เป็นนิยมเวลาน้ำลง และเวลากลางคืนจะมีแสงไฟจากชายฝั่งส่องไปที่เสาให้ดูงดงามยิ่งขึ้น
การรักษาความสะอาดบริสุทธิ์ในศาลเจ้าถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ก่อน พ.ศ. 2421 ภายในศาลเจ้าจะไม่มีการอนุญาตให้มีการเกิดและการตาย แม้จนทุกวันนี้การฝังศพบนเกาะก็ยังเป็นสิ่งต้องห้าม
ในวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2547 ศาลเจ้าถูกพายุไต้ฝุ่นซงด่าพัดจนเสียหายหนัก ทางเดินและหลังคาอาคารถูกทำลาย ทำให้ต้องปิดศาลเจ้าชั่วคราว แล้วเปิดให้เข้าชมอีกครั้งใน พ.ศ. 2549 แต่ก็ยังคงต้องดำเนินการซ่อมแซมต่อไป
มรดกโลก
[แก้]ศาลเจ้าอิตสึกูชิมะได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 20 เมื่อปี พ.ศ. 2539 ที่เมืองเมรีดา ประเทศเม็กซิโก ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังต่อไปนี้
- (i) - เป็นตัวแทนในการแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันชาญฉลาดของมนุษย์
- (ii) - เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่ง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม สวน และภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือบนพื้นที่ใด ๆ ของโลกซึ่งทรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม
- (iv) - เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนา ทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
- (vi) - มีความคิดหรือความเชื่อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ หรือมีความโดดเด่นยิ่งในประวัติศาสตร์
-
อาคารศาลเจ้าที่สร้างอยู่บนพื้นน้ำ
-
ภาพระยะใกล้ของเสาโทริอิ
-
เสาโทริอิยามน้ำลง มองจากภายในศาลเจ้า
อ้างอิง
[แก้]34°17′45″N 132°19′11″E / 34.29583°N 132.31972°E{{#coordinates:}}: ไม่สามารถมีป้ายกำกับหลักมากกว่าหนึ่งป้ายต่อหน้าได้