วัดเจียงอีศรีมงคลวราราม
วัดเจียงอีศรีมงคลวราราม | |
---|---|
ที่ตั้ง | เลขที่ 1549 ถนนศรีสุมังค์ ตำบลเมืองใต้ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ |
ประเภท | พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ |
นิกาย | เถรวาท มหานิกาย |
พระพุทธรูปสำคัญ | พระพุทธสิริเกศมงคล พระแก้วศรีวิเศษ |
เจ้าอาวาส | พระวชิโรปการ (หงส์ ปคุโณ ป.ธ.4) รักษาการ |
สถานีย่อยพระพุทธศาสนา |
วัดเจียงอีศรีมงคลวราราม พระอารามหลวงชั้นตรี[1] ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ 1549 ถนนศรีสุมังค์ ตำบลเมืองใต้ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สร้างเมื่อ พ.ศ. 2330 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2499 ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวง เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2513 เป็นพระอารามหลวงแห่งแรกของจังหวัดศรีสะเกษ
วัดเจียงอีศรีมงคลวราราม ตั้งอยู่ที่บ้านเจียงอี ซึ่งเป็นชุมชนของชนชาติไทย เผ่าส่วย คำว่า "เจียงอี" เป็นภาษาส่วย "เจียง" แปลว่า "ข้าง" "อี" แปลว่า "ป่วย" รวมความว่า "เจียงอี" แปลว่า ข้างป่วย[3] ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีของไทย เมื่อพระเจ้าอยู่หัวเอกทัศน์เสวยราชสมบัติอยู่นั้น ได้เกิดอาเพศขึ้น พระยาช้างเผือกแตกโรงหนี แล้วมุ่งหน้ามาทางทิศตะวันออก เลยเข้าเขตเมืองศรีสะเกษ พระเจ้าแผ่นดินทรงจัดให้ทหารนายกองจับข้างติดตามมาทันที่ลำธารแห่งหนึ่ง อยู่ในเขตอำเภอห้วยทับทัน ในปัจจุบัน ได้เห็นพระยาช้างแต่จับไม่ได้ ช้างวิ่งหนีไปทางทิศใต้ ถึงเชิงเขาพนมดงรัก หัวหน้าผู้ปกครองบ้านเมืองแถบนั้นก็พากันช่วยตามจับพระยาช้าง แล้วไปจับได้ที่เชิงเขาพนมดงรัก ในเขตอำเภอกันทรลักษ์ในปัจจุบัน จึงนำกลับมา และได้นำส่งพระยาช้างเผือก เมื่อนำพระยาช้างเผือกมาถึงหมู่บ้านใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในตัวเมืองศรีสะเกษ พระยาช้างได้ล้มป่วยลง เมื่อรักษาพยาบาลหายแล้วจึงได้เดินทางต่อไป ชาวบ้านเป็นไทยส่วย จึงเรียกหมู่บ้านนั้นว่า "บ้านเจียงอี" คือบ้านช้างป่วย สืบมา วัดก็เรียกว่า "วัดเจียงอี" เช่นกันตามชื่อหมู่บ้าน
ที่ตั้งและขนาด
[แก้]วัดเจียงอีศรีมงคลวราราม ตั้งอยู่เลขที่ 1549 ถนนศรีสุมังค์ ตำบลเมืองใต้ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ มีเนื้อที่ทั้งหมด 77 ไร่ 2 งาน 75.7/10 ตารางวา โฉนดที่ดินเลขที่ 651
มีที่ธรณีสงฆ์ จำนวน 2 แปลง
- แปลงที่ 1 เนื้อที่ 5 ไร่ 3 งาน 52.9/10 ตารางวา โฉนดที่ดินเลขที่ 650
- แปลงที่ 2 เนื้อที่ 1 งาน 2.7/10 ตารางวา โฉนดที่ดินเลขที่ 654
ลักษณะพื้นที่ตั้งของวัด เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีส่วนโค้งบางแห่งทางทิศใต้ ตั้งอยู่กลางเมืองศรีสะเกษ
อาณาเขตติดต่อ
[แก้]ทิศเหนือ ติดต่อถนนชัยสวัสดิ์
ทิศใต้ ติดต่อที่ดินของชาวบ้าน
ทิศตะวันออก ติดต่อถนนศรีสุมังค์
ทิศตะวันตก ติดต่อที่ดินของชาวบ้าน และโรงเรียนเทศบาล 1 (วัดเจียงอี)
พระอุโบสถ
[แก้]สร้างขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ. 2496 แล้วเสร็จ พ.ศ. 2499 เป็นอาคารคอนรีตเสริมเหล็ก กว้าง ๙ เมตร ยาว ๒๕ เมตร ต่อมาในปี 2553 ได้บูรณะใหม่ในพื้นที่เดิม เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง 11.50 เมตร ยาว 28.50 เมตร ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นพระประธานในอุโบสถ หล่อด้วยทองเหลือง ขนาดหน้าตักกว้าง 44 นิ้ว สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2496 โดยคุณละม้าย ลิ้มอักษร เป็นเจ้าภาพสร้างถวาย
พระวิหาร
[แก้]สร้างเมื่อ พ.ศ. 2507 แล้วเสร็จ พ.ศ. 2512 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น กว้าง 18 เมตร ยาว 40 เมตร ประดิษฐานพระพุทธชินราช (จำลอง) เป็นพระประธานในพระวิหารชั้นบน ขนาดหน้าตักกว้าง 59 นิ้ว หล่อด้วยทองเหลือง สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2514 โดยมีคุณอรพิน เกษชุมพล เป็นเจ้าภาพสร้างถวาย
วิหารพระพุทธไสยาสน์
[แก้]สร้างเมื่อ พ.ศ. 2520 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น กว้าง 12 เมตร ยาว 40 เมตร หลังคาโค้งแบบประทุน ชั้นบนเป็นห้องโถง ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ เป็นพระพุทธรูปปางปรินิพพาน ขนาดยาว 27 เมตร สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ในเศียรบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2518 นามว่า พระพุทธสิริเกศมงคล ชั้นล่างเป็นห้องโถง และมีห้องพักสำหรับผู้มาปฏิบัติธรรม จำนวน 4 ห้อง
พระวิหารพระแก้วศรีวิเศษ
[แก้]สร้างเมื่อ พ.ศ. 2556 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง 5 เมตร ยาว 10 เมตร หลังคาทรงไทย มุงกระเบื้อง ประดิษฐานพระแก้วศรีวิเศษ เป็นพระประธานยู่ในวิหาร ขนาดหน้าตักกว้าง 79 นิ้ว สร้างด้วยหินหยกสีเขียวจากประเทศอินเดีย ปางมารวิชัย โดยมีคุณศรีสุข รุ่งวิสัย เป็นเจ้าภาพสร้างถวาย
กุฎีสงฆ์
[แก้]จำนวน 24 หลัง สร้างด้วยไม้ 13 หลัง สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก จำนวน 9 หลัง ครึ่งตึกครึ่งไม้ จำนวน 2 หลัง
กุฎีเจ้าอาวาส
[แก้]สร้างเมื่อ พ.ศ. 2501 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น จำนวน 1 หลัง ขนาดกว้าง 12 เมตร ยาว 18 เมตร
ศาลาเอนกประสงค์
[แก้]สร้างเมื่อ พ.ศ. 2547 เป็นอาคารชั้นเดียว คอนกรีตเสริมเหล็ก พื้นหินขัด มีผนังหนึ่งด้าน ขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 16 เมตร
ศาลาบำเพ็ญกุศล
[แก้]จำนวน 3 หลัง สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก
ฌาปนสถาน
[แก้]สร้างเมื่อ พ.ศ. 2521 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 10 เมตร ยกพื้นสูง 2.50 เมตร หลังคาเป็นมณฑป ติดลายปูนปั้น
ศาลาหอฉัน
[แก้]สร้างเมื่อ พ.ศ. 2553 จำนวน 1 หลัง เป็นอาคารชั้นเดียวโล่ง ขนาดกว้าง 6 เมตร ยาว 12 เมตร พื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก เสาคอนกรีต หลังคาทรงไทยประยุกต์
หอระฆัง
[แก้]สร้างเมื่อ พ.ศ. 2529 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดกว้าง 2.5 เมตร สูง 8 เมตร
หอกลอง
[แก้]สร้างเมื่อ พ.ศ. 2529 เป็นอาคารคอนรีตสริมเหล็ก ขนาดกว้าง 2.5 เมตร สูง 8 เมตร
หอพระไตรปิฎก
[แก้]สร้างเมื่อ พ.ศ. 2521 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคาจตุรมุข ขนาดกว้าง 6 เมตร ยาว 9 เมตร
โรงเรียนพระปริยัติธรรม
[แก้]สร้างเมื่อ พ.ศ. 2527 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น 9 ห้องเรียน จำนวน 1 หลัง ขนาดกว้าง 10 เมตร ยาว 40 เมตร
ลำดับเจ้าอาวาส
[แก้]ลำดับเจ้าอาวาสจากอดีต - ปัจจุบัน เนื่องจากวัดนี้เป็นวัดโบราณเก่าแก่ เริ่มแรกจึงไม่มีผู้บันทึกหรือจำได้ว่าผู้ใดเป็นเจ้าอาวาส เท่าที่มีหลักฐานปรากฏไว้ ดังนี้[5]
ลำดับที่ | รายนาม | ปีที่ดำรงตำแหน่ง |
---|---|---|
1 | พระครูสมบูรณ์มัธยมคณะกิจ (หลักคำอุด) | ไม่พบข้อมูล |
2 | พระปลัดเสน | ไม่พบข้อมูล |
3 | พระสมุห์แก้ว | ไม่พบข้อมูล |
4 | พระอธิการบุญมา | ไม่พบข้อมูล |
5 | พระอธิการสาร | ไม่พบข้อมูล |
6 | พระสุมังคลาจารย์ (แดง สีลวนฺโต) รักษาการ | พ.ศ. 2570 - 2472 |
7 | พระอธิการสิงห์ | ไม่พบข้อมูล |
8 | พระอธิการพิมพ์ | ไม่พบข้อมูล |
9 | พระอธิการเผือ | ไม่พบข้อมูล |
10 | พระอธิการผอง | ไม่พบข้อมูล |
11 | พระปลัดสุตตา | ไม่พบข้อมูล |
12 | พระครูเกษตรศิลาจารย์ (ทอง จนฺทสาโร) | ไม่พบข้อมูล |
13 | พระเกษตรศีลาจารย์ (หนู อุตฺสาโห) | พ.ศ. 2488 - 2530 |
14 | พระเทพวรมุนี (วิบูลย์ กลฺยาโณ ป.ธ.3) | พ.ศ. 2532 - 2551 |
15 | พระราชกิตติรังษี (บุญทัน สนฺตจิตโต) | พ.ศ. 2552 - 2565 |
16 | พระวชิโรปการ (หงส์ ปคุโณ ป.ธ.4) รักษาการ | พ.ศ. 2565 - ปัจจุบัน |