รอเบิร์ต ไคลฟ์
พลตรี เดอะไรต์ออนะระเบิล ท่านลอร์ดไคลฟ์ | |
---|---|
ข้าหลวงแห่งเขตปกครองฟอร์ตวิลเลียม แคว้นเบงกอล | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 1757 – 1760 | |
ก่อนหน้า | รอเจอร์ เดรก ในตำแหน่งประธาน |
ถัดไป | เฮนรี แวนซิตทาร์ต |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 1765 – 1766 | |
ก่อนหน้า | เฮนรี แวนซิตทาร์ต |
ถัดไป | แฮร์รี เวเรลช์ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 29 กันยายน ค.ศ. 1725 ชาร์ปเชอร์ ประเทศอังกฤษ |
เสียชีวิต | 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1774 เวสต์มินสเตอร์, กรุงลอนดอน | (49 ปี)
เชื้อชาติ | อังกฤษ |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
รับใช้ | บริเตนใหญ่ / จักรวรรดิอังกฤษ |
สังกัด | กองทัพบกบริเตน |
ประจำการ | 1746–1774 |
ยศ | พลตรี |
หน่วย | บริษัทอินเดียตะวันออก |
บังคับบัญชา | ผู้บัญชาการสูงสุดประจำอินเดีย |
ผ่านศึก | สงครามสืบราชบัลลังก์ออสเตรีย สงครามคาร์เนติกครั้งที่สอง สงครามเจ็ดปี ยุทธการที่ปลาศี |
พลตรี รอเบิร์ต ไคลฟ์ บารอนที่ 1 แห่งไคลฟ์ (อังกฤษ: Robert Clive, 1st Baron Clive; 29 กันยายน ค.ศ. 1725 – 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1774) หรือเป็นที่รู้จักในนาม ไคลฟ์แห่งอินเดีย (Clive of India) เป็นหนึ่งในนักการทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษ เขาเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของบริติชอินเดีย เขาสามารถมีชัยในยุทธการที่ปลาศีในปี ค.ศ. 1757 ทำให้แคว้นเบงกอลซึ่งเป็นแคว้นที่ร่ำรวยที่สุดของอินเดียในขณะนั้นตกเป็นดินแดนในบังคับของบริษัทอินเดียตะวันออกโดยสมบูรณ์ สร้างความมั่งคั่งให้กับราชสำนักและรัฐบาลอังกฤษอย่างมาก หลังปกครองเบงกอลแล้ว เขาใช้เบงกอลเป็นฐานอำนาจของอังกฤษในการขยายอิทธิพลเพื่อยึดครองแคว้นและอาณาจักรต่างๆในอนุทวีปอินเดีย นอกจากนี้เขายังเป็นสมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรคทอรี
บิดาของไคลฟ์ได้แนะนำให้เขาเข้ารับราชการในตำแหน่งผู้แทนค้าต่างประจำบริษัทอินเดียตะวันออก ไคลฟ์จึงออกเดินทางไปยังอินเดียในปี ค.ศ. 1743 และไปแวะพักอยู่ที่บราซิลเป็นเวลาเก้าเดือน ทำให้เขาพอรู้ภาษาโปรตุเกส[1] ในขณะนั้น บริษัทอินเดียตะวันออกมีเพียงนิคมขนาดเล็กๆชื่อว่าป้อมเซนต์จอร์จ (เมืองเจนไนในปัจจุบัน)[2] ตั้งอยู่ริมชายฝั่งตะวันออกในอินเดียใต้ เขาเดินทางถึงป้อมเซนต์จอร์จในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1744 และเริ่มรับราชการที่นั่น อาทิ เป็นเสมียนร้านค้า, ผู้นับสต็อคสินค้าของบริษัทฯ ต่อมาในเดือนกันยายน ค.ศ. 1746 ป้อมเซนต์จอร์จถูกโจมตีโดยกองทหารฝรั่งเศส (เนื่องจากอังกฤษ-ฝรั่งเศสขัดแย้งกันอยู่ในสงครามสืบราชบัลลังก์ออสเตรีย) หลังถูกปิดล้อมได้หลายวันป้อมเซนต์จอร์จก็ถูกฝรั่งเศสเข้ายึดครอง[3]
ไคลฟ์และพลเรือนอังกฤษบางส่วนไม่ยอมจำนนต่อฝรั่งเศส เขาและพวกเดินทางไปยังป้อมเซนต์เดวิด (หนึ่งในป้อมของอังกฤษ) ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ราว 80 กิโลเมตร และขอเข้าสมัครเป็นทหาร ซึ่งถือเป็นตำแหน่งราชการที่ต่ำกว่าผู้แทนค้าต่าง[4] ไคลฟ์ได้รับการบรรจุเป็นนายธงในปี ค.ศ. 1747[5] ต่อมา ความกล้าหาญของไคลฟ์เป็นที่เข้าตาของพันตรีลอว์เรนต์ ซึ่งเดินทางมาเป็นผบ.ป้อมเซนต์เดวิด[5] ตั้งแต่นั้น ไคลฟ์ได้เจริญก้าวหน้าในราชการทหารเรื่อยมา