มูอัมมาร์ กัดดาฟี
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
มุอัมมัร อัลก็อษษาฟี (อาหรับ: معمر القذافي Muʿammar al-Qaḏḏāfī) หรือ มูอัมมาร์ กัดดาฟี เป็นผู้นำประเทศลิเบียโดยพฤตินัย หลังรัฐประหารในปี พ.ศ. 2512[1] เขาได้รับการขนานนามในเอกสารทางการและสื่อของรัฐว่า "ผู้ชี้นำการมหาปฏิวัติวันที่ 1 กันยายน แห่งมหาสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบีย" ("Guide of the First of September Great Revolution of the Socialist People's Libyan Arab Jamahiriya") หรือ "ภราดาผู้นำและผู้ชี้ทางแห่งการปฏิวัติ" ("Brotherly Leader and Guide of the Revolution") นับตั้งแต่การลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของตนเองในปี พ.ศ. 2515[2] กัดดาฟีเคยเป็นผู้นำประเทศที่ไม่ใช่กษัตริย์ที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดในโลกหลังการเสียชีวิตของโอมาร์ บองโก ประธานาธิบดีแห่งประเทศกาบอง ในปี พ.ศ. 2553 และยังเป็นผู้นำลิเบียที่ครองอำนาจนานที่สุดนับตั้งแต่ลิเบียตกเป็นมณฑลหนึ่งของจักรวรรดิออตโตมัน เมื่อ พ.ศ. 2094[3] กัดดาฟีถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554 หลังจากถูกประชาชนลิเบียลุกฮือต่อต้านเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
สมุดปกเขียว
[แก้]กัดดาฟี ได้เขียนหนังสือปรัชญาการเมืองเล่มหนึ่ง ชื่อว่า "สมุดปกเขียว" พิมพ์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2518 (ค.ศ.1975) มีเนื้อหาเกี่ยวกับการนำประชาธิปไตยทางตรงมาใช้ และมีการวิพากษ์วิจารณ์ระบอบประชาธิปไตยแบบมีผู้แทน ว่าเป็น "ระบบที่พยายามเรียกกันว่าเป็นประชาธิปไตย" และระบอบการปกครองประชาธิปไตยส่วนใหญ่ในโลกนั้น "ถูกแก่งแย่งกันโดย ปัจเจกชน, ชนชั้น, กลุ่มคน, เผ่าต่าง ๆ, สภา หรือ พรรคการเมือง เพื่อเข้ามาปล้นเอาอธิปไตยของมวลชน และผูกขาด อำนาจการเมืองไว้เป็นของพวกเขาเอง"[4] ปัจจุบัน "สมุดปกเขียว" ได้มีการเพยแพร่และสามารถเข้าไปอ่านได้ทั้งเล่มบน เว็บไซต์ของขบวนการ International Green Charter Movement หรือ สำนักข่าวออนไลน์อิสระ MATHABA เก็บถาวร 2011-02-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
แนวคิดการนำประชาธิปไตยทางตรงมาใช้
[แก้]ประชาสมาคม และ คณะกรรมการประชาชน
การประชุมชน หรือ ประชาสมาคม เป็นวิธีการเดียวที่จะทำให้ประชาธิปไตยของปวงชนนั้นสัมฤทธิ์ผล ระบบการปกครองใด ๆ ที่ขัดแย้งกับวิธีการประชุมชนนี้นั้นถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ระบบการปกครองซึ่งมีอยู่ทั่วโลกในปัจจุบันจะไม่เหลือความเป็นประชาธิปไตยอยู่ นอกเสียจากระบบเหล่านั้นจะรับเอาวิธีการนี้ไปใช้ การประชุมชน หรือ ประชาสมาคมนั้น คือจุดจบของการเดินทางค้นหาประชาธิปไตยของมวลชน
ประชาสมาคม และ คณะกรรมการประชาชน เป็นผลสัมฤทธิ์ของการดิ้นรนเพื่อประชาธิปไตยของคน ประชาสมาคม และ คณะกรรมการประชาชน ไม่ใช่ประดิษฐกรรมแห่งจินตนาการ ; มันคือผลผลิตของความคิดที่ซึมซับการทดลองเพื่อบรรลุถึงประชาธิปไตยของมนุษย์ทั้งหมดไว้
ประชาธิปไตยทางตรงนั้นไม่สามารถโต้แย้งได้เลยว่าเป็นวิธีการปกครองดีที่สุด แต่เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะรวมประชาชน ไม่ว่าจะมีจำนวนน้อยซักเท่าใด ไว้ในสถานที่แห่งหนึ่ง เพื่อที่พวกเขาจะได้ ถกเถียง ชี้แจง และตัดสิน นโยบาย, ฉะนั้นประเทศที่มิได้นำประชาธิปไตยทางตรงมาใช้ จะมองว่ามันเป็นเพียงความคิดเชิงอุดมคติที่ไม่เป็นความจริง มันจึงถูกแทนที่ด้วยทฤษฎีการปกครองอื่นมากมาย เช่น สภาผู้แทน, รัฐบาลผสม หรือ การทำประชามติ เป็นต้น โดยที่กล่าวมานั้น กีดกันและขัดขวางไม่ให้มวลชนได้จัดการกิจการการเมืองทั้งหลายของเขา
เครื่องมือการปกครองเหล่านั้นถูกแก่งแย่งกันโดย ปัจเจกชน, ชนชั้น, กลุ่มคน, เผ่าต่าง ๆ, สภา หรือ พรรคการเมือง เพื่อเข้ามาปล้นเอาอธิปไตยของมวลชน และผูกขาด อำนาจการเมืองไว้เป็นของพวกเขาเอง
สมุดปกเขียวจะนำระบบประชาธิปไตยทางตรงที่ไม่เคยนำมาประยุกต์ใช้ได้มาสู่มวลชน ไม่มีปัญญาชนคนใดที่จะโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ว่าประชาธิปไตยทางตรงนั้นมีความเหมาะสมอย่างยิ่ง แต่จวบจนปัจจุบันไม่มีการคิดค้นวิธีการนำมันมาใช้ได้เลย กระนั้นทฤษฎีสากลที่สาม (Third Universal Theory) จะทำให้เกิดประชาธิปไตยโดยตรงซึ่งสามารถนำมาใช้การจริงได้ สุดท้ายก็จะทำให้ปัญหาแห่งประชาธิปไตยถูกแก้ไข จะคงเหลือแต่การดิ้นรนในการกำจัดรูปแบบของเผด็จการที่อยู่เหนือกว่ามวลชน โดย สภา, กลุ่มคน, เผ่า, ชนชั้น, ระบบพรรคเดี่ยว, ระบบพรรคคู่ หรือ ระบบหลายพรรค ซึ่งเรียกตัวเองอย่างผิด ๆ ว่า ประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้นมีเพียงวิธีการและทฤษฎีเดียว ความแตกต่างและหลากหลายของระบบที่พยายามเรียกตนว่าประชาธิปไตยนั้นในความจริงจะแสดงให้เห็นถึงหลักฐานว่ามันไม่ใช่ อำนาจของปวงชนจะแสดงออกมาได้เพียงวิธีเดียวคือผ่านทางประชาสมาคม และ คณะกรรมการประชาชน (Popular Conferences and People’s Committees) รัฐใด ๆ จะไม่สามารถมีประชาธิปไตยได้ หากปราศจากประชาสมาคม และ คณะกรรมการประชาชน
ประการแรกประชาชนจะถูกแบ่งเป็น ประชาสมาคมย่อย (Basic Popular Conference) แต่ละสมาคมจะเลือก เลขาธิการ (Secretariat) และเลขาธิการของประชาสมาคมย่อยทั้งหมดจะรวมกันเป็น ประชาสมาคมบน (Non-Basic Popular Conferences) ในขณะเดียวกันประชาชนของประชาสมาคมย่อยจะเลือก คณะกรรมการประชาชน (People’s Committees) ขึ้นมาทำหน้าที่แทนรัฐบาลท้องถิ่น สถาบันสาธารณะทุกสถาบันจะดำเนินการโดยคณะกรรมการประชาชนซึ่งจะมีประชาสมาคมย่อยรับผิดชอบการกำหนดนโยบายและกำกับดูแล เมื่อนั้นทั้งการบริหารและการควบคุมดูแลรัฐจะกลายเป็นของประชาชน ซึ่งจะทำให้คำนิยามของประชาธิปไตยที่ว่า ประชาธิปไตยคือการกำกับดูแลของรัฐโดยประชาชน ล้าสมัย และกลายมาเป็นคำนิยามที่แท้จริงว่า ประชาธิปไตยคือการกำกับดูแลของประชาชนโดยประชาชน
ประชาชนทุกคนที่เป็นสมาชิกของแต่ละ ประชาสมาคม อาจจะเป็นสมาชิกของกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งอาจรวมตัวกันเป็น สมาคมวิชาชีพ หรือ สมาคมเฉพาะทาง (Professional Popular Conferences) โดยในสภาพความเป็นพลเมืองแล้วนั้นจะสามารถเป็นสมาชิกของทั้ง ประชาสมาคมย่อย และ คณะกรรมการประชาชนได้ด้วย ประเด็นที่พิจารณาโดย ประชาสมาคม และคณะกรรมการประชาชน อาจไปสิ้นสุดลงใน สภาประชาชน (General People’s Congress) ซึ่งจะเป็นการนำเลขาธิการของประชาสมาคมต่าง ๆ และ คณะกรรมการประชาชน ไว้ด้วยกัน มติของสภาประชาชนซึ่งจะมีการพบปะกันในแต่ละวาระ หรือ แต่ละปี จะถูกส่งผ่านไปยัง แต่ละประชาสมาคม และ คณะกรรมการประชาชน ซึ่งจะบริหารมติเหล่านั้นผ่าน คณะกรรมการผู้รับผิดชอบ (Responsible Committees) ที่เลือกโดยประชาสมาคมย่อยนั้น ๆ
สภาประชาชน จะไม่ใช่เพียงการรวมตัวกันของบุคคล หรือ สมาชิกสภา เช่นเดียวกับรัฐสภาทั่วไป แต่จะเป็นการรวมตัวกันของ ประชาสมาคม และ คณะกรรมการประชาชน
ดังนั้นปัญหาของเครื่องมือการปกครองจะถูกแก้ไขไปโดยปริยาย และ เครื่องของเผด็จการทุกรูปแบบจะหมดไป ผู้คนจะเป็นเครื่องมือในการปกครอง และสภาพป่วยการของประชาธิปไตยจะได้รับการแก้ไขในที่สุด
— สมุดปกเขียว - ภาค 1 ; วิธีการแก้ไขปัญหาแห่งประชาธิปไตย - “อำนาจอันชอบธรรมของประชาชน”
เครื่องอิสริยาภรณ์
[แก้]อิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
[แก้]- อิหร่าน : เครื่องราชอิสริยาภรณ์ปาห์ลาวี
- ปากีสถาน : เครื่องอิสริยาภรณ์นิชาน เอ ปากีสถาน
- ยูเครน : เครื่องอิสริยาภรณ์เจ้าชายยาโรสลาฟผู้รอบรู้[6][7]
- เชโกสโลวาเกีย : เครื่องอิสริยาภรณ์ราชสีห์ขาว[8]
- โปแลนด์ : เครื่องอิสริยาภรณ์คุณธรรมแห่งสาธารณรัฐโปแลนด์[9]
- แอฟริกาใต้ : เครื่องอิสริยาภรณ์กู๊ดโฮป[10][11]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Salak, Kira. "National Geographic article about Libya". National Geographic Adventure.
- ↑ US Department of State's Background Notes, (November 2005) "Libya – History", United States Department of State. Retrieved on 14 July 2006.
- ↑ Charles Féraud, “Annales Tripolitaines”, the Arabic version named “Al Hawliyat Al Libiya”,translated to Arabic by Mohammed Abdel Karim El Wafi, Dar el Ferjani, Tripoli, Libya, vol. 3, p.797.
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-12-03. สืบค้นเมื่อ 2015-08-06.
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-12-03. สืบค้นเมื่อ 2015-08-06.
- ↑ У К А З ПРЕЗИДЕНТА УКРАЇНИ Про нагородження орденом князя Ярослава Мудрого http://zakon2.rada.gov.ua (ในภาษายูเครน)
- ↑ Последний герой джамахирии. Кучма наградил Каддафи орденом Ярослава Мудрого CentrAsia (Ria Novosti) (ในภาษารัสเซีย)
- ↑ "From Libya, with love. Gaddafi's camels in Eastern Bloc". Expats.cz. 1 March 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-12-09. สืบค้นเมื่อ 12 June 2013.
- ↑ "Kaczyński odznaczył Mubaraka" (ภาษาโปแลนด์). Newsweek. 10 April 2011. สืบค้นเมื่อ 19 June 2013.
- ↑ 1997 National Orders awards เก็บถาวร 2012-10-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน South African government information
- ↑ "Gaddafi defiant over Lockerbie bomb trial". BBC. 29 October 1997. สืบค้นเมื่อ 12 June 2013.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- เว็บไซต์ทางการ เก็บถาวร 2008-01-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- เว็บไซต์เผยแพร่ "สมุดปกเขียว" โดยสำนักข่าวออนไลน์อิสระ MATHABA เก็บถาวร 2011-02-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- เว็บไซต์เผยแพร่ "สมุดปกเขียว" โดย International Green Charter Movement
- งานโดยหรือเกี่ยวกับ มูอัมมาร์ กัดดาฟี ในห้องสมุดต่าง ๆ ในแคตาลอกของเวิลด์แคต
ก่อนหน้า | มูอัมมาร์ กัดดาฟี | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
ตั้งตำแหน่ง | ภราดาผู้นำและผู้ชี้ทางแห่งการปฏิวัติ (1 กันยายน พ.ศ. 2512 - 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554)
| |||
ไม่มี | เลขาธิการสภาประชาชนลิเบีย (2 มีนาคม พ.ศ. 2520 - 2 มีนาคม พ.ศ. 2522) |
อับดุล แอติ อัล-โอเบยดี | ||
พระเจ้าไอดริสที่ 1 แห่งลิเบีย | ประธานสภาบัญชาการปฏิวัติ (8 กันยายน พ.ศ. 2512 - 1 มีนาคม พ.ศ. 2522) |
ตำแหน่งถูกยกเลิก | ||
มาห์มุด สุไลมาน อัล-มากิบี | นายกรัฐมนตรีลิเบีย (16 มกราคม พ.ศ. 2513 - 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2515) |
อับเดสซาลาม จาลลูด | ||
จากายา กิกเวเต | ประธานสหภาพแอฟริกา (2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 - 31 มกราคม พ.ศ. 2553) |
บินกู วา มูธาริก้า |
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2485
- บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2554
- ประธานาธิบดีลิเบีย
- นายกรัฐมนตรีลิเบีย
- ชาวลิเบีย
- ผู้นำสูงสุด
- ผู้นำในสงครามเย็น
- เสียชีวิตจากอาวุธปืน
- ผู้นำที่ได้อำนาจจากรัฐประหาร
- ผู้นำที่พ้นตำแหน่งจากรัฐประหาร
- ผู้รอดชีวิตจากการลอบสังหาร
- ประมุขแห่งรัฐที่ถูกลอบสังหาร
- หัวหน้ารัฐบาลที่ถูกลอบสังหาร
- นักการเมืองอาหรับ
- ลัทธิต่อต้านอเมริกา
- บทความเกี่ยวกับ ชีวประวัติ ที่ยังไม่สมบูรณ์