ภาวะหูไวเกิน
ภาวะหูไวเกิน (Hyperacusis) | |
---|---|
ชื่ออื่น | Hyperacousis |
สาขาวิชา | จิตเวชศาสตร์, ประสาทวิทยา, โสต ศอ นาสิกวิทยา |
โรคอื่นที่คล้ายกัน | Sensory processing disorder, ออทิซึม |
ความชุก | 1 ใน 50,000[1] |
ภาวะหูไวเกิน[2] (อังกฤษ: Hyperacusis) เป็นความผิดปกติทางการได้ยินที่สร้างความพิการ[3] โดยคนไข้จะไวเสียงที่ความถี่หนึ่ง ๆ เพิ่มขึ้นคือสามารถทนต่อเสียงที่ความถี่นั้น ๆ ได้น้อยลง คนไข้ที่มีอาการรุนแรงอาจมีปัญหาทนต่อเสียงในชีวิตประจำวันไม่ได้ คือเสียงบางอย่างอาจจะรู้สึกดังอย่างไม่น่าชอบใจ โดยที่คนอื่นก็ไม่ได้เป็นด้วย[4][5] ภาวะหูไวเกินมักจะเกิดร่วมกับอาการเสียงในหู โดยทั้งสองมีความชุกที่ประมาณ 10-15% และมีการเสียการได้ยินเป็นปัจจัยเสี่ยงหลัก อย่างไรก็ดี ก็ยังมีความแตกต่างที่สำคัญระหว่างกลไกของอาการทั้งสอง[3]
อาการ
[แก้]อาการก็คือเจ็บปวดหู รำคาญ และทนไม่ได้โดยทั่วไปต่อเสียงหลายอย่างที่คนโดยมากไม่รู้สึกเป็นไร การร้องไห้อย่างยับยั้งไม่ได้และความตื่นตระหนกอาจเป็นผลของเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกเช่นนั้น อาการอาจเกิดที่หูข้างเดียวหรือหูทั้งสองข้าง[6] อาจเกิดร่วมกับการมีเสียงในหู อาจมีผลเป็นความวิตกกังวล ความเครียด และความกลัวเสียง การหลีกเลี่ยงทำกิจกรรมต่าง ๆ บ่อยครั้งจะเป็นการตอบสนองเพื่อป้องกันผลของอาการ แล้วทำให้คนไข้หลีกเลี่ยงการเข้าสังคม
เหตุ
[แก้]เหตุสามัญที่สุดของอาการนี้ก็คือการได้รับเสียงดังมากเกินไป[4] แต่บางคนก็อาจเริ่มมีอาการอย่างฉับพลันหลังจากใช้ยาที่ทำให้หูไว มีโรคไลม์ โรคเมนิแยร์ บาดเจ็บที่ศีรษะ หรือได้รับการผ่าตัด บางคนอาจจะเกิดมาไวเสียง, เกิดโรค superior canal dehiscence syndrome[A], มีประวัติติดเชื้อที่หู, หรือมีประวัติปัญหาการได้ยินในครอบครัว
ยาที่มีผลต่อจิตใจเช่น แอลเอสดี, methaqualone, หรือเฟนไซคลิดีน ก็อาจเป็นเหตุของอาการด้วย[7] และยาปฏิชีวนะคือซิโปรฟลอกซาซินก็พบว่าเป็นเหตุอย่างหนึ่ง[8]
ภาวะอื่น ๆ ที่สัมพันธ์กัน
[แก้]อาการอื่น ๆ ที่สัมพันธ์กับภาวะหูไวเกินรวมทั้ง[9]
- acoustic shock เป็นอาการที่เกิดเมื่อได้ยินเสียงดังแบบไม่คาดหวัง
- ปฏิกิริยาต่อยาอย่างไม่พึงประสงค์
- ความวิตกกังวล
- ออทิซึมสเปกตรัม
- การบวมน้ำเอ็นโดลิมฟ์ (endolymphatic hydrops)[10]
- โรคไลม์[9]
- ไมเกรน[9]
- โรคเมนิแยร์
- โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง[11]
- การเสียการได้ยินเนื่องจากเสียงดัง
- ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ[9]
- การบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง[9][12]
- Superior canal dehiscence syndrome[A]
- ลูปัส อีริทีมาโตซัส ทั่วร่าง[13]
- Tay-Sachs disease เป็นโรคทางพันธุกรรมที่มีผลทำลายเซลล์ประสาทในสมองและในไขสันหลัง[14]
- กลุ่มอาการวิลเลียม[9][15]
กลไกทางสรีรภาพ-ประสาท
[แก้]กระบวนการปรับการตอบสนองของประสาทที่สำคัญต่อการได้ยินเชื่อว่า จะทำงานบิดเบือนไปเมื่อได้รับข้อมูลเสียงที่ผิดปกติจากหูชั้นใน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อหูชั้นในเสียหายและมีผลให้เสียการได้ยิน[16]
วินิจฉัย
[แก้]วิธีการตรวจสอบพื้นฐานจะคล้าย ๆ กับการตรวจการได้ยินธรรมดา (audiogram) แต่ที่ต่างก็คือนอกจากกจะวัดขีดเริ่มเปลี่ยนการได้ยินที่เสียงความถี่ต่าง ๆ ก็ยังวัดระดับเสียงดังที่ทำให้รู้สึกไม่สบายที่ความถี่เหล่านั้นด้วย เป็นระดับที่เรียกว่า loudness discomfort level (LDL, ระดับความดังที่รู้สึกไม่สบาย) หรือ uncomfortable loudness level (ULL) ในคนไข้อาการหูไวเกิน ระดับนี้จะต่ำกว่าคนปกติพอสมควร และปกติจะเป็นตลอดพิสัยการได้ยินโดยมาก[4][5]
การรักษา
[แก้]การรักษาวิธีหนึ่งก็คือ การให้ฟังเสียงแบบแถบความถี่กว้าง เป็นการรักษาที่เรียกว่า retraining therapy เป็นวิธีที่ได้มาจากการรักษาเสียงในหู คือ Tinnitus retraining therapy อนึ่ง เสียงแบบพิงก์ (pink noise) ก็สามารถใช้ได้ด้วยเหมือนกัน
การฟังเสียงแถบความถี่กว้างค่อย ๆ แต่ละวันตามระยะที่กำหนด อาจทำให้ทนเสียงต่าง ๆ เพิ่มขึ้นได้ แม้อาจจะไม่สามารถฟื้นสภาพได้อย่างสมบูรณ์ แต่อาการก็อาจดีขึ้นอย่างสำคัญ โดยเฉพาะถ้าทำพร้อมกับการบำบัดจิตใจด้วย[18][19][5][20]
วิธีอีกอย่างหนึ่งก็คือการบําบัดทางความคิดและพฤติกรรม (CBT) ซึ่งสามารถร่วมใช้กับ retraining therapy[9][21]
คนไข้ผู้มีชื่อเสียง
[แก้]วลาดิมีร์ เลนิน ผู้นำนักปฏิวัติมาร์กซิสต์คนแรกของสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต หัวหน้าพรรคบอลเชวิก นายกรัฐมนตรีคนแรกและเป็นเจ้าของแนวคิดส่วนใหญ่ในลัทธิเลนิน ได้รายงานว่าป่วยหนักในปลายปี ค.ศ. 1921 โดยมีอาการหูไวเสียง ปวดหัว และนอนไม่หลับเป็นประจำ[22]
ดูเพิ่ม
[แก้]เชิงอรรถ
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 superior canal dehiscence เป็นอาการมีน้อยที่มีผลต่อการได้ยินและการทรงตัว เกิดจากการกร่อนหรือการไม่มีกระดูกขมับเหนือหลอดกึ่งวงกลมส่วนบนของระบบการทรงตัว
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Konstantinovsky, Michelle. "Hyperacusis." WebMD, 25 August 2020, https://www.webmd.com/brain/sound-sensitivity-hyperacusis.
- ↑ "hyperacusia; hyperacousia; hyperacusis", ศัพท์บัญญัติอังกฤษ-ไทย, ไทย-อังกฤษ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน (คอมพิวเตอร์) รุ่น ๑.๑ ฉบับ ๒๕๔๕,
(แพทยศาสตร์) ภาวะหูไวเกิน
- ↑ 3.0 3.1 Knipper M, Van Dijk P, Nunes I, Rüttiger L, Zimmermann U (December 2013). "Advances in the neurobiology of hearing disorders: recent developments regarding the basis of tinnitus and hyperacusis". Progress in Neurobiology. 111: 17–33. doi:10.1016/j.pneurobio.2013.08.002. PMID 24012803.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 Tyler RS, Pienkowski M, Roncancio ER, Jun HJ, Brozoski T, Dauman N, และคณะ (December 2014). "A review of hyperacusis and future directions: part I. Definitions and manifestations". American Journal of Audiology. 23 (4): 402–419. doi:10.1044/2014_AJA-14-0010. PMID 25104073.
- ↑ 5.0 5.1 5.2 Pienkowski M, Tyler RS, Roncancio ER, Jun HJ, Brozoski T, Dauman N, และคณะ (December 2014). "A review of hyperacusis and future directions: part II. Measurement, mechanisms, and treatment" (PDF). American Journal of Audiology. 23 (4): 420–436. doi:10.1044/2014_AJA-13-0037. PMID 25478787. S2CID 449625. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-04-09.
- ↑ "Hyperacusis: An Increased Sensitivity to Everyday Sounds". American Academy of Otolaryngology-Head and Neck Surgery (ภาษาอังกฤษ). 2014-04-21. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-09-23. สืบค้นเมื่อ 2018-08-28.
- ↑ Barceloux, Donald (2012). Medical Toxicology of Drug Abuse : Synthesized Chemicals and Psychoactive Plants. Hoboken, N.J: John Wiley & Sons. pp. 457, 507, and 616. ISBN 978-1-118-10605-1.
- ↑ "Ciprofloxacin Related Hyperacusis, From FDA reports". 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-05-01. สืบค้นเมื่อ 2018-08-28.
- ↑ 9.0 9.1 9.2 9.3 9.4 9.5 9.6 Baguley DM (December 2003). "Hyperacusis". Journal of the Royal Society of Medicine. 96 (12): 582–585. doi:10.1177/014107680309601203. PMC 539655. PMID 14645606.
- ↑ Møller A (2011). Textbook of tinnitus. Totowa, N.J. London: Humana Springer distributor. p. 457. ISBN 978-1-60761-145-5.
- ↑ Baguley D (2007). Hyperacusis : mechanisms, diagnosis, and therapies. San Diego, CA: Plural Publishing Inc. p. 59. ISBN 978-1-59756-808-1.
- ↑ Granacher R (2008). Traumatic brain injury: methods for clinical and forensic neuropsychiatric assessment. Boca Raton, Fla. London: CRC Taylor & Francis distributor. p. 181. ISBN 978-0-8493-8139-3.
- ↑ Maciaszczyk K, Durko T, Waszczykowska E, Erkiert-Polguj A, Pajor A (February 2011). "Auditory function in patients with systemic lupus erythematosus". Auris, Nasus, Larynx. 38 (1): 26–32. doi:10.1016/j.anl.2010.04.008. PMID 20576373.
- ↑ Desnick R (2001). Tay–Sachs disease. San Diego, Calif. London: Academic. p. 25. ISBN 978-0-08-049030-4.
- ↑ Zarchi O, Attias J, Gothelf D (2010). "Auditory and visual processing in Williams syndrome". The Israel Journal of Psychiatry and Related Sciences. 47 (2): 125–131. PMID 20733255.
- ↑ Brotherton, H; Plack, CJ; Maslin, M; Schaette, R; Munro, KJ (2015). "Pump up the volume: could excessive neural gain explain tinnitus and hyperacusis?". Audiology & Neuro-Otology. 20 (4): 273–82. doi:10.1159/000430459. PMID 26139435.
{{cite journal}}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์) - ↑ Sheldrake, J; Diehl, PU; Schaette, R (2015). "Audiometric characteristics of hyperacusis patients". Frontiers in Neurology. 6: 105. doi:10.3389/fneur.2015.00105. PMC 4432660. PMID 26029161.
{{cite journal}}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์) - ↑ Lindsey H (August 2014). "Help for Hyperacusis: Treatments Turn Down Discomfort". The Hearing Journal (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 67 (8): 22. doi:10.1097/01.HJ.0000453391.20357.f7. ISSN 0745-7472.
- ↑ Formby C, Hawley ML, Sherlock LP, Gold S, Payne J, Brooks R, และคณะ (May 2015). "A Sound Therapy-Based Intervention to Expand the Auditory Dynamic Range for Loudness among Persons with Sensorineural Hearing Losses: A Randomized Placebo-Controlled Clinical Trial". Seminars in Hearing. 36 (2): 77–110. doi:10.1055/s-0035-1546958. PMC 4906300. PMID 27516711.
- ↑ Fagelson M, Baguley DM (2018). Hyperacusis and Disorders of Sound Intolerance Clinical and Research Perspectives. Plural Publishing. pp. C15, C16. ISBN 978-1-94488-328-7.
- ↑ Aazh H, Moore BC, Lammaing K, Cropley M (September 2016). "Tinnitus and hyperacusis therapy in a UK National Health Service audiology department: Patients' evaluations of the effectiveness of treatments". International Journal of Audiology. 55 (9): 514–522. doi:10.1080/14992027.2016.1178400. PMC 4950421. PMID 27195947.
- ↑
- Shub, David (1966). Lenin: A Biography (revised ed.). London: Pelican. p. 426.
{{cite book}}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์) - Rice, Christopher (1990). Lenin: Portrait of a Professional Revolutionary. London: Cassell. pp. 187. ISBN 978-0-304-31814-8.
{{cite book}}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์) - Service, Robert (2000). Lenin: A Biography. London: Macmillan. ISBN 978-0-333-72625-9.
{{cite book}}
: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์)
- Shub, David (1966). Lenin: A Biography (revised ed.). London: Pelican. p. 426.
อ่านเพิ่ม
[แก้]- Baguley DM, Andersson G (2007). Hyperacusis : mechanisms, diagnosis, and therapies. San Diego: Plural Pub. ISBN 978-1-59756-104-4.
- Jastreboff PJ, Jastreboff MJ (2004). "Decreased Sound Tolerance". ใน Snow JB (บ.ก.). Tinnitus: theory and management. ISBN 978-1-55009-243-1.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]การจำแนกโรค |
---|