ฟลูทิคาโซนฟิวโรเอต
ข้อมูลทางคลินิก | |
---|---|
ชื่อทางการค้า | Flonase, Sensimist, Veramyst, Avamys, Ellipta, อื่น ๆ |
AHFS/Drugs.com | โมโนกราฟ |
ข้อมูลทะเบียนยา | |
ระดับความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ | |
ช่องทางการรับยา | พ่นจมูก รับประทาน |
รหัส ATC | |
กฏหมาย | |
สถานะตามกฏหมาย | |
ข้อมูลเภสัชจลนศาสตร์ | |
ชีวประสิทธิผล | 0.51% (พ่นจมูก) |
การจับกับโปรตีน | 91% |
การเปลี่ยนแปลงยา | พ่นจมูก ตับ (ผ่าน CYP3A4) |
ครึ่งชีวิตทางชีวภาพ | 15 ชม. |
การขับออก | ไต |
ตัวบ่งชี้ | |
| |
เลขทะเบียน CAS | |
PubChem CID | |
DrugBank | |
ChemSpider | |
UNII | |
KEGG | |
ChEBI | |
ChEMBL | |
ECHA InfoCard | 100.158.130 |
ข้อมูลทางกายภาพและเคมี | |
สูตร | C27H29F3O6S |
มวลต่อโมล | 538.58 g·mol−1 |
แบบจำลอง 3D (JSmol) | |
| |
| |
ฟลูทิคาโซนฟิวโรเอต[9] (อังกฤษ: Fluticasone furoate) ซึ่งจำหน่ายในชื่อการค้า Avamys และอื่น ๆ เป็นคอร์ติโคสเตอรอยด์สำหรับรักษาเยื่อจมูกอักเสบทั้งที่ไม่ใช่จากภูมิแพ้และจากภูมิแพ้โดยใช้พ่นทางจมูก[10] ยังมีจำหน่ายในรูปแบบสูดเพื่อช่วยป้องกันและควบคุมอาการโรคหอบหืด เป็นยาที่ได้มาจากคอร์ติซอล[11] ต่างกับ ฟลูทิคาโซนโพรพิโอเนต (fluticasone propionate) ยาคล้ายกันที่ได้รับอนุมัติให้ใช้เฉพาะในเด็กอายุสี่ปีขึ้นไป ยานี้ได้รับอนุมัติสำหรับเด็กอายุตั้งแต่สองปีเมื่อใช้รักษาภูมิแพ้[7][12]
ยาได้อนุมัติให้ใช้ทางการแพทย์ในสหรัฐอเมริกาในเดือนเมษายน 2007 และในสหภาพยุโรปในเดือนพฤศจิกายน 2008[13][5] ในปี 2021 เป็นยาที่สั่งจ่ายมากเป็นอันดับที่ 23 ในสหรัฐอเมริกา[14][15]
การแพทย์
[แก้]ยามีข้อบ่งใช้เพื่อรักษาอาการเยื่อจมูกอักเสบจากภูมิแพ้[5] และโรคหอบหืด[7][8]
เป็นยาคอร์ติโคสเตอรอยด์ที่ใช้รักษาเยื่อจมูกอักเสบจากภูมิแพ้และที่ไม่ใช่จากภูมิแพ้ ยังใช้สำหรับรักษาติ่งเนื้อเมือกจมูกในผู้ใหญ่ อนึ่ง ยาชนิดสเปรย์พ่นจมูกอาจใช้ลดอาการต่าง ๆ ของไซนัสอักเสบ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสม
ยาในรูปแบบสเปรย์พ่นจมูกมีประสิทธิภาพสูงในการบรรเทาอาการเยื่อจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ รวมถึงอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล จาม และคันจมูก ออกฤทธิ์โดยลดการอักเสบในโพรงจมูกและลดการผลิตเมือก
ยาอาจใช้เรื่อย ๆ เพื่อรักษาอาการโรคหอบหืดสำหรับผู้ป่วยอายุ 12 ปีขึ้นไป ช่วยลดการอักเสบในทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นองค์สำคัญในการจัดการโรคหอบหืด ช่วยควบคุมอาการต่าง ๆ เช่น หายใจเสียงหวีด หายใจลำบาก แน่นหน้าอก และไอ ซึ่งช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตโดยรวมของผู้ป่วย การใช้ฟลูทิคาโซนฟิวโรเอตอย่างสม่ำเสมอสามารถลดความถี่และความรุนแรงของโรคหอบหืด ช่วยป้องกันเหตุการณ์หายใจลำบากที่รุนแรง
เมื่อใช้เป็นยาสูด จะช่วยควบคุมอาการหอบหืดโดยลดการอักเสบของทางเดินหายใจและป้องกันการกำเริบของโรค มักใช้ควบคุมอาการในระยะยาวและปรับปรุงการทำงานของปอด
รูปแบบที่มี
[แก้]- ยาสูด ในรูปแบบผงสูดพ่นแห้ง (DPI) สำหรับการสูด ใช้รักษาควบคุมโรคหอบหืดในผู้ป่วยอายุ 12 ปีขึ้นไป ยาจะส่งตรงไปยังปอด แล้วลดการอักเสบและบรรเทาอาการหอบหืด[16] ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่และเด็ก
- 50 ไมโครกรัม/การพ่น
- 100 ไมโครกรัม/การพ่น
- 200 ไมโครกรัม/การพ่น[17]
- สเปรย์พ่นจมูก ใช้โดยหลักเพื่อรักษาอาการของเยื่อจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ เช่น อาการคัดจมูก จาม คันจมูก และน้ำมูกไหล ช่วยลดการอักเสบในโพรงจมูกและบรรเทาอาการภูมิแพ้[18]
- ยาหยอดจมูก ในบางกรณี อาจมีให้ใช้ในรูปแบบหยอดจมูกเพื่อรักษาติ่งเนื้อเมือกจมูก หรือภาวะทางจมูกอื่น ๆ โดยจะหยอดยาเข้าไปในรูจมูกเพื่อลดการอักเสบและอาการที่เกี่ยวข้องกับติ่งเนื้อเมือกจมูก
ผลข้างเคียง
[แก้]- ผลข้างเคียงทั่วไปของสเปรย์พ่นจมูกรวมถึงการระคายเคืองในจมูก จมูกแห้ง คันจมูก และเลือดกำเดาไหล โดยมักเป็นไม่มากและชั่วคราว
- บางคนอาจมีอาการระคายเคืองในคอหรือไอเมื่อใช้เครื่องพ่นสำหรับสูด การบ้วนปากและคอด้วยน้ำหลังสูดสามารถช่วยลดอาการเหล่านี้
- อาการปวดหัวเป็นผลข้างเคียงทั่วไปอีกอย่างที่รายงานจากการใช้สเปรย์พ่นจมูกหรือเครื่องพ่นยาสูด โดยมักไม่รุนแรงและหายไปเมื่อใช้อยา่งต่อเนื่อง
- ในกรณีที่หายาก ยาอาจก่อผลข้างเคียงที่รุนแรงมากขึ้น เช่น กดการทำงานของต่อมหมวกไต ก่อต้อหิน ต้อกระจก หรือชะลอการเจริญเติบโตในเด็ก ผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อใช้ในระยะยาวในปริมาณสูง แต่ก็ยังคงเกิดขึ้นน้อย[19]
ผลข้างเคียงที่รุนแรงของยารวมถึง
- ลมพิษ
- หายใจลำบาก
- บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือคอ
- จุดขาวในปากหรือบนลิ้น
- มีไข้
- หนาวสั่น
- เจ็บคออย่างต่อเนื่อง
- ภาวะซึมเศร้า
- อารมณ์แปรปรวน
- กระวนกระวาย/กระสับกระส่าย
- มองเห็นผิดปกติ
- กระหายน้ำหรือปัสสาวะบ่อยขึ้น
- ฟกช้ำหรือเลือดออกง่าย
- ปวดกระดูก
- หอบหืดอย่างรุนแรง[17]
ควรใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง หากพบผลข้างเคียงที่น่าเป็นห่วงขณะใช้ยา ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและจัดการต่อไป[20][17]
ปฏิสัมพันธ์ของยา
[แก้]ฟลูทิคาโซนฟิวโรเอตมีปฏิสัมพันธ์อย่างแรงกับยาต่อไปนี้:
ยามีปฏิสัมพันธ์ระดับปานกลางกับยาอื่น ๆ อย่างน้อย 45 ชนิด
ความเป็นพิษ
[แก้]ความเป็นพิษของยาโดยหลักจะเกิดเมื่อใช้เกินหรือใช้นานโดยเฉพาะถ้าปริมาณสูง แต่โดยทั่วไปถือว่าปลอดภัยเมื่อใช้ตามคำแนะนำ แต่การใช้ในระยะยาวหรืออย่างไม่เหมาะสมอาจนำไปสู่ผลที่ไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ได้
เภสัชวิทยา
[แก้]กลไกการออกฤทธิ์
[แก้]กลไกการออกฤทธิ์ของยาจะเหมือนกับคอร์ติโคสเตอรอยด์อื่น ๆ คืออาศัยการจับกับตัวรับกลูโคคอร์ติคอยด์ (glucocorticoid receptor) ภายในเซลล์
- ยาเข้าสู่เซลล์เป้าหมายแล้วจับกับตัวรับกลูโคคอร์ติคอยด์ (GRs) ซึ่งพบในไซโทพลาซึมของเซลล์หลายประเภท
- เมื่อจับกันแล้ว คอมเพล็กซ์ฟลูทิคาโซนฟิวโรเอต-GR จะเปลี่ยนรูปร่าง (conformational change) แล้วเคลื่อนเข้าสู่นิวเคลียสของเซลล์
- เมื่ออยู่ในนิวเคลียสแล้ว คอมเพล็กซ์ก็จะจับกับลำดับดีเอ็นเอโดยเฉพาะ ๆ ที่เรียกว่า glucocorticoid response elements (GREs) ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณโปรโมเตอร์ของยีนเป้าหมาย
- การจับกันของคอมเพล็กซ์ฟลูทิคาโซนฟิวโรเอต-GR กับ GREs จะปรับเปลี่ยนการถอดรหัสของยีนเป้าหมาย ส่งผลให้ผลิตโมเลกุลเอ็มอาร์เอ็นเอ แล้วแปลรหัสเป็นโปรตีน ซึ่งเป็นสื่อให้เกิดฤทธิ์ต้านการอักเสบและกดภูมิคุ้มกันของยา
- ยาจะควบคุมการแสดงออกของยีนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ เช่น ไซโตไคน์ เคโมไคน์ (chemokine) และเอนไซม์อักเสบ เพราะยับยั้งการผลิตสื่ออำนวยการอักเสบเช่นนี้ ยาจึงลดการอักเสบและอาการที่เกี่ยวข้อง
- ยายังยับยั้งการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน เช่น เซลล์ทีและแมโครฟาจ โดยขัดขวางการกระตุ้นให้ทำงานและการเพิ่มจำนวนของเซลล์ ฤทธิ์กดภูมิคุ้มกันนี้ช่วยลดการตอบสนองของภูมิคุ้มกันและมีประโยชน์ในภาวะที่การอักเสบหรือกิจกรรมของภูมิคุ้มกันมีมากเกินไป เช่น เยื่อจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ และโรคหอบหืด[21]
เภสัชจลนศาสตร์
[แก้]เภสัชจลนศาสตร์และเมแทบอลิซึมของฟลูทิคาโซนฟิวโรเอต เป็นเรื่องการดูดซึม การกระจาย เมแทบอลิซึม และการกำจัดยาออกจากร่างกาย
- ยาสำหรับโรคหอบหืดมักจะเป็นแบบพ่นสูด สำหรับเยื่อจมูกอักเสบจากภูมิแพ้แบบสเปรย์ โดยยาจะดูดซึมผ่านเยื่อเมือกที่บุทางเดินหายใจ ชีวปริมาณออกฤทธิ์ของยาจะค่อนข้างต่ำ เพราะมีเมแทบอลิซึมรอบแรกในตับค่อนข้างสูง
- ยามีสัมพรรคภาพการจับกับโปรตีนในพลาสมาสูง (ประมาณร้อยละ 91) โดยหลักกับอัลบูมินในซีรัม จึงกระจายเข้าไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ อย่างกว้างขวางหลังการดูดซึมเข้าระบบ
- ยาผ่านกระบวนการเมแทบอลิซึมอย่างกว้างขวางที่ตับ โดยอาศัยเอนไซม์ ไซโทโครม P450 3A4 (CYP3A4) วิถีเมแทบอลิซึมหลัก ๆ รวมปฏิกิริยาออกซิเดชันและคอนจูเกชัน ออกซิเดชันอาจเกิดขึ้นในตำแหน่งต่าง ๆ ภายในโมเลกุล ซึ่งสร้างเมแทบอไลต์ที่มีฤทธิ์คอร์ติโคสเตอรอยด์ลดลง ปฏิกิริยาคอนจูเกชัน เช่น glucuronidation และ sulfation ก็มีส่วนสร้างเมแทบอไลท์ที่ละลายน้ำได้มากขึ้นและขับออกจากร่างกายได้ง่าย
- เมแทบอไลต์ของยา พร้อมกับยาที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงปริมาณเล็กน้อย จะขับออกส่วนใหญ่ผ่านไตทางปัสสาวะ โดยปริมาณน้อยจะขับผ่านน้ำดีทางอุจจาระ ครึ่งชีวิตของการกำจัดยาค่อนข้างสั้นโดยอยู่ในช่วงประมาณ 14–24 ชม. และขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ขนาดยาและวิธีการให้ยา[22][23]
ประวัติ
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เคมี
[แก้]ยาประกอบด้วยอะตอมฟลูออรีนในตำแหน่งโดยเฉพาะ ๆ ที่นิวเคลียสของสเตียรอยด์ การทดแทนด้วยฟลูออรีนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและระยะเวลาการออกฤทธิ์ของโมเลกุล
กลุ่มเอสเทอร์ฟิวโรเอตเชื่อมกับตำแหน่งที่ 17 ของนิวเคลียสสเตียรอยด์ กลุ่มเอสเทอร์มีผลต่อการละลายในไขมัน (lipophilicity) ของโมเลกุล ซึ่งมีผลต่อการดูดซึมและการกระจายในร่างกาย
ยามีไซด์เชน (side chain) ที่เชื่อมกับตำแหน่งที่ 17 ของนิวเคลียสสเตียรอยด์ ไซด์เชนมีบทบาทสำคัญในเรื่องความจำเพาะในการจับกับยีนเป้าหมายและความแรงของยา
ยามีสูตรเคมี C27H29F3O6S และมวลโมเลกุล 538.6 กรัม/โมล[23]
ความไวปฏิกิริยา
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ฟลูทิคาโซนฟิวโรเอต เช่นเดียวกับยาคอร์ติโคสเตอรอยด์อื่น ๆ มีความไวปฏิกิริยาทางเคมีโดยเฉพาะ ๆ ตามโครงสร้าง ซึ่งประกอบด้วยแกนหลักที่เป็นคอร์ติโคสเตอรอยด์และการทดแทนบางส่วนด้วยฟลูออรีน ดังนั้น ยาก็จะไวปฏิกิริยาทางเคมีที่เป็นปกติสำหรับสารประกอบที่มีโครงสร้างเช่นนี้
เชิงอรรถและอ้างอิง
[แก้]- ↑ "Fluticasone Use During Pregnancy". Drugs.com. 2019-01-09. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-03-26. สืบค้นเมื่อ 2020-02-04.
- ↑ "AVAMYS fluticasone furoate nasal spray bottle (131443)". Department of Health and Ages Care. 2022-05-27. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-03-02. สืบค้นเมื่อ 2023-04-01.
- ↑ "Arnuity Elliptafluticasone furoate 50 microgram powder for inhalation dry powder inhaler (300141)". Department of Health and Ages Care. 2022-05-26. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-03-02. สืบค้นเมื่อ 2023-04-01.
- ↑ "Product monograph brand safety updates". Health Canada. 2016-07-07. สืบค้นเมื่อ 2024-04-03.
- ↑ 5.0 5.1 5.2 "Avamys EPAR". European Medicines Agency (EMA). 2018-09-17. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-05. สืบค้นเมื่อ 2020-06-05.
- ↑ "Avamys 27.5 micrograms/spray, nasal spray suspension - Summary of Product Characteristics (SmPC)". (emc). 2021-06-04. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-06-08. สืบค้นเมื่อ 2023-06-18.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 "Flonase Sensimist Allergy Relief- fluticasone furoate spray, metered". DailyMed. 2019-05-30. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-12-02. สืบค้นเมื่อ 2020-02-04.
- ↑ 8.0 8.1 "Arnuity Ellipta- fluticasone furoate powder". DailyMed. 2019-06-26. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-12-07. สืบค้นเมื่อ 2020-02-04.
- ↑ ออกเสียงตาม
- "Medical Definition of FLUTICASONE". Merriam-Webster Medical. 2024-08-05. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-07-16. สืบค้นเมื่อ 2024-12-02.
flü-ˈtik-ə-ˌsōn, -ˌzōn
- "Definition of FUROATE". Merriam-Webster. 2024-08-05. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-04-24. สืบค้นเมื่อ 2024-12-02.
ˈfyu̇rəˌwāt
- "Medical Definition of FLUTICASONE". Merriam-Webster Medical. 2024-08-05. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-07-16. สืบค้นเมื่อ 2024-12-02.
- ↑ Bruni, FM; De Luca, G; Venturoli, V; Boner, AL (2009). "Intranasal corticosteroids and adrenal suppression". Neuroimmunomodulation. 16 (5): 353–362. doi:10.1159/000216193. PMID 19571596. S2CID 35006163. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-05-18. สืบค้นเมื่อ 2019-05-18.
- ↑ Kaliner, MA (2011). Rhinitis, An Issue of Immunology and Allergy Clinics - E-Book. Elsevier Health Sciences. ISBN 9781455709328.
- ↑ "Veramyst- fluticasone furoate spray, metered". DailyMed. 2010-03-01. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-02-05. สืบค้นเมื่อ 2020-02-04.
- ↑ "Drug Approval Package: Veramyst (fluticasone furoate) NDA #022051". U.S. Food and Drug Administration (FDA). 2010-08-30. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-02-05. สืบค้นเมื่อ 2020-02-04.
- ↑ "The Top 300 of 2021". ClinCalc. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-01-15. สืบค้นเมื่อ 2024-01-14.
- ↑ "Fluticasone - Drug Usage Statistics". ClinCalc. สืบค้นเมื่อ 2024-01-14.
- ↑ "Fluticasone Furoate Inhalation: Uses, Side Effects, Interactions, Pictures, Warnings & Dosing - WebMD". www.webmd.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2024-05-10.
- ↑ 17.0 17.1 17.2 "Fluticasone Furoate Inhalation Powder: Side Effects, Uses, Dosage, Interactions, Warnings". RxList (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2024-05-11.
- ↑ "Fluticasone Furoate Nasal: Uses, Side Effects, Interactions, Pictures, Warnings & Dosing - WebMD". www.webmd.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2024-05-10.
- ↑ Medley, H; Orozco, S; Allen, A (August 2012). "Efficacy and safety profile of fluticasone furoate administered once daily in the morning or evening: a randomized, double-blind, double-dummy, placebo-controlled trial in adult and adolescent patients with persistent bronchial asthma". Clinical Therapeutics. 34 (8): 1683–1695. doi:10.1016/j.clinthera.2012.06.024. PMID 22796247.
- ↑ "Fluticasone Furoate - an overview | ScienceDirect Topics". www.sciencedirect.com. สืบค้นเมื่อ 2024-05-11.
- ↑ Hodgens, A; Sharman, T (2024). "Corticosteroids". StatPearls. Treasure Island (FL): StatPearls Publishing. PMID 32119499. สืบค้นเมื่อ 2024-05-10.
- ↑ "Fluticasone". go.drugbank.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2024-05-11.
- ↑ 23.0 23.1 "Fluticasone Furoate". PubChem (ภาษาอังกฤษ). U.S. National Library of Medicine. สืบค้นเมื่อ 2024-05-11.