พูดคุย:พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช/พระราชทรัพย์
เพิ่มหัวข้อพระราชทรัพย์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แบ่งเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ ทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช 2479[1] ในกลุ่มนี้ ทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นทรัพย์สินที่ได้รับการยกเว้นภาษีอากร ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการยกเว้นภาษีอากรอันเกี่ยวแก่ทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช 2477[2]
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงอุทิศพระราชทรัพย์ส่วนหนึ่งให้เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ซึ่งบริหารงานโดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อดำเนินโครงการพระราชดำริ มูลนิธิในพระบรมราชูปถัมภ์ ในด้านกสิกรรม เกษตรกรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย การส่งเสริมอาชีพ สาธารณูปโภค และการศึกษา โดยโครงการต่างๆ เหล่านั้น มีการชี้แจงข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ โดยหน่วยงานของพระราชวัง[3] และมีการเผยแพร่อย่างมาก ทางสื่อวิทยุและโทรทัศน์ของไทย[4]
ทรัพย์สินส่วนพระองค์
[แก้]ทรัพย์สินส่วนพระองค์ คือทรัพย์สินที่เป็นของพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว ก่อนเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ หรือทรัพย์สินที่รัฐทูลเกล้าฯ ถวาย หรือทรัพย์สินที่ทรงได้มา ไม่ว่าในทางใดและเวลาใด นอกจากที่ทรงได้มาในฐานะที่เป็นพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ รวมทั้งดอกผลที่เกิดจากบรรดาทรัพย์สินเช่นว่านั้นด้วย[1] ทรัพย์สินส่วนนี้ยังคงต้องชำระภาษีอากร[2] โดยมูลนิธิอานันทมหิดลอ้างว่า พระองค์พระราชทานทรัพย์สินส่วนพระองค์ส่วนหนึ่ง แก่โครงการพระราชดำริ มูลนิธิในพระบรมราชูปถัมภ์ ตลอดจนการกุศล และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์[5]
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงถือหุ้นบริษัทมหาชนหลายแห่ง ในพระนามาภิไธยของพระองค์เอง ข้อมูลเมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2555 มีดังต่อไปนี้
- ใน บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) ทรงถือหุ้นจำนวน 197,414,850 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 43.87[6]
- ใน บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ทรงถือหุ้นจำนวน 72,470,861 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 2.21[7]
- ใน บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ทรงถือหุ้นจำนวน 3,526,567 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 18.56[8]
- ใน บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ทรงถือหุ้นจำนวน 1,383,770 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 0.51[9]
- ใน บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) ทรงถือหุ้นจำนวน 69,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 0.23[10] (ปัจจุบันเทเวศประกันภัยถูกเพิกถอน มิให้ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์)[11]
ทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
[แก้]ทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เป็นทรัพย์สินในพระมหากษัตริย์ ซึ่งทรงใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ อาทิ พระราชวัง[1] ทรัพย์สินส่วนนี้ได้รับการยกเว้นภาษีอากร[2] และอยู่ในความดูแลรักษาของสำนักพระราชวัง[12]
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
[แก้]ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ คือทรัพย์สินในพระมหากษัตริย์ ที่นอกเหนือจากทรัพย์สินส่วนพระองค์ และทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ดังกล่าวแล้ว[1] ทรัพย์สินส่วนนี้ได้รับการยกเว้นภาษีอากร[2] โดยนัยนี้จึงถือว่า ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน มิใช่ทรัพย์สินส่วนพระองค์แต่อย่างใด[13] ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าว จะถูกบริหารงานในรูปแบบองค์กรนิติบุคคล ภายใต้ชื่อสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มีคณะกรรมการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นผู้ดูแล ซึ่งประกอบด้วย[[รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง]] เป็นประธานกรรมการโดยตำแหน่ง ทั้งนี้ ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในส่วนที่เป็นเครื่องอุปโภคบริโภค จะอยู่ในความดูแลรักษาของสำนักพระราชวัง[12]
ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั้น ส่วนมากจะได้แก่ที่ดินและหุ้น โดยปัจจุบันมีผู้เช่าที่ดินทั่วประเทศ มากกว่า 3 หมื่นสัญญา[14] โดยแปลงสำคัญๆ ประกอบด้วย ที่ดินโรงแรมโฟร์ซีซันส์ ที่ดินสยามพารากอน ที่ดินเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ดินองค์การสะพานปลา และที่ดินริมถนนพระรามที่ 4 ฝั่งเหนือ จากสวนลุมไนท์บาซาร์จรดศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์[ต้องการอ้างอิง] ทั้งนี้ บริษัทซีบีริชาร์ดเอลลิส บริษัทโบรกเกอร์อสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของโลก เคยประมาณการตัวเลข พื้นที่ในการดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อยู่ที่ 32,500 ไร่ โดยในบางพื้นที่ มีมูลค่าสูงกว่า 380 ล้านบาทต่อไร่[15] ทั้งนี้ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ยังลงทุนในหุ้นของบริษัทต่างๆ อีกด้วย โดยถ้านับรวมทั้งหมด หุ้นที่สำนักงานทรัพย์สินฯ มีอยู่ทั้งหมด คิดเป็น 7.5% ของมูลค่าตลาดรวมของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย[15]
ด้วยเหตุดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจึงทรงได้รับการจัดอันดับ ให้เป็นกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกจากนิตยสารฟอร์บ ระหว่างปี พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2553[16][17] ทั้งนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2550 ทรงอยู่ในอันดับที่ 5[18] ต่อมาจึงกลายเป็นประเด็นที่ รองศาสตราจารย์ใจ อึ๊งภากรณ์ อดีตอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำมาเขียนเป็นบทความ[19] ซึ่งมีบุคคลบางส่วนเห็นว่า เป็นการโจมตีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช[ต้องการอ้างอิง] ขณะที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์อธิบายแย้งว่า "มีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง เนื่องจากทรัพย์สินที่นำมาประเมินนั้น เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน มิใช่ทรัพย์สินส่วนพระองค์"[13]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช 2479
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 พระราชบัญญัติว่าด้วยการยกเว้นภาษีอากรอันเกี่ยวแก่ทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช 2477
- ↑ the Golden Jubilee Network, an online mass-educational project
- ↑ Channel News Asia, Thais celebrate Queen's birthday as govt investigates monarchy threat, 12 August
- ↑ มูลนิธิอานันทมหิดล
- ↑ รายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) : SAMCO ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรียกข้อมูลวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2555
- ↑ รายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) : MINT ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรียกข้อมูลวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2555
- ↑ รายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) : TIC ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรียกข้อมูลวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2555
- ↑ รายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) : TIC ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรียกข้อมูลวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2555
- ↑ http://www.deves.co.th/Content/View/50
- ↑ รายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่ถูกเพิกถอน ปี 2518 - ปัจจุบัน
- ↑ 12.0 12.1 [1], พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช 2479.
- ↑ 13.0 13.1 บทความพิเศษของนิตยสารฟอร์บ เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุด จากเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ
- ↑ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (www.crownproperty.or.th) เรียกข้อมูลวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2550
- ↑ 15.0 15.1 Thai King Strengthens Grip on Stocks as Nation's No. 1 Investor (www.bloomberg.com) เรียกข้อมูลวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2550
- ↑ Tatiana Serafin, “The world’s richest royals”, Forbes, 7 July 2010.
- ↑ Tatiana Serafin, “The world’s richest royals”, Forbes, 17 June 2009.
- ↑ The World's Richest Royals. No. 5, King Bhumibol Adulyadej (www.forbes.com) เรียกข้อมูลวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2550
- ↑ บทบาทแท้ของนายภูมิพล และสถาบันกษัตริย์ไทย นิยายและความจริง