ศาสนาพุทธในประเทศบังกลาเทศ
ส่วนหนึ่งของชุดบทความ |
ศาสนาพุทธ |
---|
ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากเป็นอันดับ 3 และมีเพียงประมาณร้อยละ 0.63 ของประชากรบังกลาเทศทั้งหมด[1][2] กล่าวกันว่าครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมายังภูมิภาคเบงกอลตะวันออกเพื่อเผยแพร่หลักคำสอน และทำให้คนท้องถิ่นหันมาเข้ารีตเป็นชาวพุทธได้สำเร็จ โดยเฉพาะในภาคจิตตะกอง และภายหลังจักรวรรดิปาละเผยแผ่และอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาทั่วดินแดนเบงกอล[3] ประชากรประมาณ 1 ล้านในบังกลาเทศนับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท[4] โดยประชากรพุทธมากกว่าร้อยละ 65 อาศัยอยู่ในภูมิภาคพื้นที่เนินเขาจิตตากอง โดยเป็นศาสนาหลักของชาวยะไข่, จักมา, Marma, Tanchangya, จุมมาอื่น และ Barua ส่วนร้อยละ 35 เป็นชาวพุทธเชื้อสายเบงกอล ชุมชนพุทธตั้งอยู่ในใจกลางเมืองของบังกลาเทศ โดยเฉพาะในจิตตะกองและธากา
ประวัติ
[แก้]พระพุทธศาสนาเข้ามาสู่เมืองจิตตะกอง ของบังกลาเทศ สันนิษฐานว่ามาในยุคพระเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งเป็นช่วงที่พุทธศาสนาแพร่หลายจนถึงทางตอนใต้ของประเทศพม่าด้วย สมณทูตสมัยนั้นเดินทางจากมคธโดยเรือ และพักที่เมืองจิตตะกอง ทำให้พุทธศาสนาเถรวาท เจริญรุ่งเรืองจนถึงพุทธศตวรรษที่ 12 แม้ลัทธิอื่นก็มีนับถือกันแล้ว ดังพระถังซัมจั๋งได้จาริกผ่านมาแล้วบันทึกไว้ว่า "แคว้นสมตฏะ อยู่ติดมหาสมุทร...ชาวเมืองนับถือพระพุทธศาสนาและลัทธินอกจากนี้ มีพระสงฆ์กว่า 2,000 รูป ศึกษาธรรมฝ่ายเถรวาท พำนักอยู่อารามกว่า 30 แห่ง กลุ่มไม่นับถือพุทธปะปนกัน แต่นิครันถ์มีจำนวนมากกว่า"
บัณฑิตวิหาร
[แก้]นักปราชญ์ทั้งหลายสันนิษฐานว่า ระหว่างรัฐตรีปุระซึ่งอยู่ทางเหนือ และเมืองอาระกันซึ่งอยู่ทางใต้ มีแคว้นชื่อรัมมเทศ และมีเมืองหลวงชื่อ ศรีจัฏฏละ ศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในพุทธศตวรรษที่ 14 คือ บัณฑิตวิหารคณาจารย์ในรัมมเทศก็ได้อาศัยสถานที่แห่งนี้ศึกษาเล่าเรียน ดังปรากฏหลักฐานในประวัติศาสตร์ว่าบัณฑิตวิหารนอกจากจะเป็นศูนย์การค้นคว้าทางพระพุทธศาสนาแล้ว ยังเป็นสังฆิการาม หรือวัด ในพระพุทธศาสนาที่มีอยู่มากมาย รวมทั้งพระสงฆ์จากต่างชาติเข้ามาอาศัยศึกษาในบัณฑิตวิหาร หลังจากมหาวิทยาลัยนาลันทาถูกทำลายแล้ว สถาบันแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองอยู่ประมาณ 300 ปี ในกลางพุทธศตวรรษที่ 15 มีบุตรพราหมณ์เมืองจิตตะกองเป็นอาจารย์ใหญ่ของสถาบันนี้ คือ สิทธะปัญญาภัททะ (ติโลปะ) เป็นพระมหายานแบบตันตระ มีความเชื่อเรื่องเทพเจ้า และเวทมนตร์ต่างๆ ท่านได้แต่งคัมภีร์ไว้ศึกษาในสถาบันนี้จำนวนมาก เช่น ศรีสรัชสำพาราธิษฐาน จัตตุโรปเทศ ปาสันนทีป อาจินตามหามุทรานาม มหามุทโรปเทส โทหโกษ และสฬธัมโมปเทส เป็นต้น
ต่อมาศิษย์ของท่านชื่อว่า สิทธะนาฬาปาทะ (นโรปะ) ได้แปลคัมภีร์ "สฬสธัมโมปเทส" เป็นภาษาบาลี และก็มีลูกศิษย์ของท่านชื่อว่า รัตนเถระ และคณาจารย์จากสถาบันนี้ไปเผยแผ่พุทธศาสนาในทิเบตด้วย คณาจารย์ที่มีชื่อเสียงของสถาบันแห่งนี้ คือ สิทธะนโรปะ สิทธะหลุยปาทะ สิทธะอานังควัชระ สิทธะตาฆนะ สิทธะสาวรีปาทะ สิทธะอาวธูตปาทะ สิทธะนานาโพธะ สิทธะญาณวัชระ สิทธะพุทธญาณปาทะ สิทธะอโมฆนาถะ และสิทธะธรรมสิริเมไตร เป็นต้น ซึ่งบางรูปก็เป็นชาวจิตตะกอง
จิตตะกองขึ้นกับอาระกัน
[แก้]นักประวัติศาสตร์กล่าวว่า กษัตริย์แคว้นนี้เคยนับถือพุทธศาสนามาก่อน แล้วจึงหันไปนับถือศาสนาอิสลามในหลังยุคเสนวงศ์ มีกษัตริย์ฮินดูนามว่า มาธุเสนะ ทรงให้อิสระแก่ประชาชนในการนับถือศาสนา จนถึงยุคของพระเจ้าจันทรวงศ์ ซึ่งเป็นชาวพุทธ ได้ปกครองจิตตะกองในปี พ.ศ. 1772 และมีกษัตริย์พุทธอีกหลายพระองค์ ต่อมาปี พ.ศ. 1822 กษัตริย์ตรีปุระ พระนามว่า รัตนผา ได้ยึดครองจิตตะกอง ทำให้กษัตริย์องค์สุดท้ายต้องไปพำนักอยู่ในเทวคามภูเขาลูกหนึ่ง ปัจจุบันเรียกว่าเทวังปหารในจิตตะกอง และในพุทธศตวรรษที่ 10 กษัตริย์แคว้นอารากัน พระนามว่าไชยจันทร์ ได้ยึดเมืองจิตตะกองมีพระราชวังอยู่ที่จักรศาลาพระองค์ได้ทำนุบำรุงพุทธศาสนาด้วยวัดหลายแห่ง เช่น เทวัง จักรศาลา และรามู เป็นต้น
ยุคเสื่อม
[แก้]พุทธศาสนามหายานแบบตันตระ[5] ได้แพร่หลายไปทั่วอาระกัน ที่เมืองหลวงมีฮัน ชาวเมืองสักการบูชาเคารพพระรูปเทวีมคเธรสวี ซึ่งเป็นรูปเคารพ และยังแพร่หลายไปถึงพม่าด้วยในปี พ.ศ. 2181 กษัตริย์อาระกันขัดแย้งกับเมืองจิตตะกอง ทำให้กษัตริย์มกุฏราย ยอมขึ้นกับราชวงศ์โมกุล ส่วนทางใต้ของแม่น้ำกัณณฟูลี และรามู ยังตกเป็นของอาระกัน จากนั้นก็ตกเป็นของโมกุลหมด ถือว่าอิสลามได้ครองอำนาจเหนือกษัตริย์พุทธเต็มรูปแบบในชมพูทวีป แต่ก็มีชาวพุทธเล็กน้อยในจิตตะกอง แม้มหายานตันตระก็มีอยู่ไม่มาก บัณฑิตวิหารก็ถูกทำลายสิ้น ชาวพุทธก็หลบหนีไปอย่ตามเมืองต่างๆ เมื่อไม่ที่พึ่งทางใจก็หันไปนับถืออิสลามไปมากก็มาก ชาวพุทธส่วนมากหันไปนับถือลัทธิไวศณพ ชาวพุทธที่เป็นปุโรหิตก็นับถือได้ง่าย เพราะบูชาพระแม่กาลี พระพิฆเนศ ฯลฯ อยู่แล้ว
ปัจจุบัน
[แก้]พระพุทธศาสนาในจิตตะกองได้รับการฟื้นฟูจากคณะสงฆ์เถรวาท นำโดยพระสังฆราชเมืองยะไข่ ในปี พ.ศ. 2408-2421 พระองค์ได้วางรากฐานแบบเถรวาทในจิตตะกอง โดยจัดพิธีอุปสมบทภิกษุแล้วให้ศึกษาอบรมพระธรรมวินัย ตลอดอายุกาลของพระองค์ แม้สมเด็จพระสังฆราชองค์ต่อมาก็ได้สืบสานนโยบายต่อไป จนมีบรรพชาอุปสมบทมากขึ้นตามลำดับ ต่อมา พ.ศ. 2473 ในสมัยพระสังฆราชอาจริยะญาณลังการมหาเถระ สถิต ณ มหามุนีปาหารตอลี เมืองจิตตะกอง ท่านทัสสนาจาริยะบัณฑิตธรรมธารมหาเถระ ก็ได้จัดตั้ง "สังฆราชภิกขุมหาสภา"ขึ้น ปัจจุบันเรียกว่า "บังกลาเทศสังฆภิกขุมหาสภา" โดยมีพระสงฆ์จากปากีสถาน อินเดีย และบังกลาเทศ จนปัจจุบันนี้มีสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 8 โดยปัจจุบันนี้ชาวพุทธในบังกลาเทศส่วนใหญ่เป็นแบบเถรวาท[6]
เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555 สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานข่าวว่ามีชาวมุสลิมบังกลาเทศราว 25,000 คน ก่อจลาจล เผาวัดพุทธ 5 แห่ง และบ้านเรือนร่วม 100 หลังคาเรือนในเมืองรามู ตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 29 กันยายน โดยอ้างว่าเป็นการตอบโต้ผู้ใช้เฟซบุ้กชาวพุทธบังกลาเทศคนหนึ่งนาม อัตตาม พารัว ที่โพสต์รูปภาพตนขณะเหยียบคัมภีร์อัลกุรอาน[7]
ซึ่งบริเวณเมืองรามูดังกล่าวเป็นพื้นที่ตรึงเครียดเนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับรัฐยะไข่ของพม่าซึ่งมีการประท้วงมาก่อนหน้านี้ ทั้งยังเป็นช่วงเดียวกับที่ชาวบังกลาเทศมุสลิมได้ประท้วงภาพยนตร์อเมริกันเรื่อง "เดอะอินโนเซนส์ออฟมุสลิมส์" ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้[7]
ภาพรวมประชากร
[แก้]ปี | ประชากร | ±% |
---|---|---|
1951 | 294,437 | — |
1961 | 355,634 | +20.8% |
1974 | 428,871 | +20.6% |
1981 | 522,722 | +21.9% |
1991 | 637,893 | +22.0% |
2001 | 862,063 | +35.1% |
2011 | 898,634 | +4.2% |
2022 | 1,007,467 | +12.1% |
ที่มา: หน่วยงานสำรวจสำมะโนประชากร รัฐบาลบังกลาเทศ[8][9] |
ศาสนาพุทธในประเทศบังกลาเทศแบ่งตามช่วงทศวรรษ[8][10]
ปี | ร้อยละ | เพิ่มขึ้น |
---|---|---|
1951 | 0.7% | - |
1961 | 0.7% | -0% |
1974 | 0.6% | -0.1% |
1981 | 0.6% | -0% |
1991 | 0.6% | -0% |
2001 | 0.7% | +0.1% |
2011 | 0.6% | -0.1% |
2022 | 0.63% | +0.03% |
ภาค | ร้อยละ (%) | ประชากรพุทธ () | ประชากรทั้งหมด |
---|---|---|---|
บอรีชัล | 0.18% | 14,348 | 8,173,818 |
จิตตะกอง | 7.08% | 1,719,759 | 24,290,384 |
ธากา | 0.39% | 152,274 | 39,044,716 |
ขุลนา | 0.68% | 99,995 | 14,705,229 |
ราชชาฮี | 0.36% | 58,877 | 16,354,723 |
รังปุระ | 0.34% | 47,080 | 13,847,150 |
สิเลฏ | 0.02% | 1,621 | 8,107,766 |
มัยมันสิงห์ | 0.62% | 27,999 | 11,370,102 |
นิกายปัจจุบัน
[แก้]คณะสงฆ์จิตตะกอง ในบังกลาเทศมี 2 นิกาย ได้แก่
- มาเถ หรือมหาเถรนิกาย หรือมหาสตภีรนิกาย นิกายมาเถ ถือว่าเป็นนิกายเก่าแก่ มีพระภิกษุ 40-50 รูป อยู่ที่ ตำบลราวซาน (রাউজান) ตำบลรางคุนิยา (রাঙ্গুনিয়া) ตำบลโบวาลขลี বোয়ালখালী) และตำบลปาจาไลช (পাঁচলাইশ)
- สังฆราชนิกาย หรือนิกายสังฆราช นิกายสังฆราช เกิดหลังนิกายมาเถ 100 ปีเศษ มีสมเด็จพระสังฆราชสารเมธมหาเถระ เป็นผู้ให้กำเนิด มีพระสงฆ์อยู่ทั่วประเทศ การปฏิบัติของนิกายนี้เคร่งครัดตามแบบเถรวาท ส่วนพิธีการทางศาสนาจะแตกต่างกับนิกายแรก ในสมัยสมเด็จพระสงฆราชองค์ที่ 7 ได้พยายามตกลงกับผู้ใหญ่ของนิกายมาเถ ลงนามในที่ประชุม เพื่อรวมเป็นนิกายเดียวกัน แต่ไม่สำเร็จ เพราะแต่ละนิกายต่างมีทิฏฐิของตนอยู่มากจนถึงปัจจุบัน
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Census 2022: Bangladesh population now 165 million". 27 July 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 July 2022. สืบค้นเมื่อ 29 July 2022.
- ↑ "Bangladesh : AT A GLANCE". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 July 2011. สืบค้นเมื่อ 27 February 2015.
- ↑ "Bangladesh Buddhists Live in the Shadows of Rohingya Fear - IDN-InDepthNews | Analysis That Matters". www.indepthnews.net. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-11-17. สืบค้นเมื่อ 2020-12-09.
- ↑ "Census 2022: Bangladesh population now 165 million". 27 July 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 July 2022. สืบค้นเมื่อ 29 July 2022.
- ↑ Banerjee, S. C. Tantra in Bengal: A Study in Its Origin, Development and Influence. Manohar. ISBN 8185425639.
- ↑ "BANGLADESH: COUNTRY PROFILE". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-06. สืบค้นเมื่อ 2009-07-17.
- ↑ 7.0 7.1 "สลด!เผา 'วัดพุทธ' บังกลาเทศวอด" (Press release). คมชัดลึก. สืบค้นเมื่อ 10 ตุลาคม 2555.
{{cite press release}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 8.0 8.1 "Bangladesh- Population census 1991: Religious Composition 1901-1991". Bangladeshgov.org. 2 August 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 August 2016. สืบค้นเมื่อ 13 May 2021.
- ↑ "Census 2022: Bangladesh population now 165 million". 27 July 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 July 2022. สืบค้นเมื่อ 29 July 2022.
- ↑ "Census 2022: Bangladesh population now 165 million". 27 July 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 July 2022. สืบค้นเมื่อ 29 July 2022.
- ↑ "Mymensingh District - Banglapedia". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-05-02. สืบค้นเมื่อ 2021-04-25.