ข้ามไปเนื้อหา

พอล มิตเชลล์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พอล มิตเชลล์
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม พอล อเล็กซานเดอร์ มิตเชลล์
วันเกิด (1981-08-26) 26 สิงหาคม ค.ศ. 1981 (42 ปี)
สถานที่เกิด Stalybridge, England
ตำแหน่ง กองหลัง, กองกลาง
สโมสรเยาวชน
1999–2000 วีแกนแอทเลติก
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
2000–2005 วีแกนแอทเลติก 64 (0)
2001Halifax Town (loan) 11 (0)
2004สวินดันทาวน์ (ยืม) 7 (0)
2004–2005มิลตันคีนส์ดอนส์ (ยืม) 13 (0)
2005–2009 มิลตันคีนส์ดอนส์ 59 (0)
2007เรกซัม (ยืม) 5 (0)
2008Barnet (loan) 3 (0)
รวม 162 (0)
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น

พอล อเล็กซานเดอร์ มิตเชลล์ (อังกฤษ: Paul Alexander Mitchell, เกิด 26 สิงหาคม 1981) เป็นผู้อำนวยการกีฬา แมวมองฟุตบอล และอดีตนักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาของนิวคาสเซิลยูไนเต็ด

มิตเชลล์เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลด้วยการเล่นให้กับทีมเยาวชนของแมนเชสเตอร์ซิตีและวีแกนแอทเลติก ก่อนที่จะประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของวีแกน เขายังเล่นให้กับฮาลิแฟกซ์ ทาวน์, สวินดันทาวน์ และมิลตันคีนส์ดอนส์ หลังจากนั้นเขาย้ายไปร่วมทีมมิลตันคีนส์ดอนส์แบบถาวร มิตเชลล์ยังถูกยืมตัวไปเล่นให้กับเรกซัมและบาร์เน็ต ก่อนที่อาการบาดเจ็บจะบังคับให้เขาต้องแขวนสตั๊ดในวัยเพียง 27 ปีเมื่อปี 2008

มิตเชลล์ทำงานกับมิลตันคีนส์ดอนส์, เซาแทมป์ตัน, ทอตนัมฮอตสเปอร์และแอร์เบ ไลพ์ซิชในฝ่ายสรรหาผู้เล่น

อาชีพสรรหาผู้เล่น[แก้]

หลังจากมิลตันคีนส์ดอนส์แต่งตั้งคาร์ล โรบินสันเป็นผู้จัดการทีมในปี 2010 สโมสรได้ตั้งฝ่ายสรรหาผู้เล่นและแต่งตั้งมิตเชลล์เป็นหัวหน้าฝ่ายสรรหาผู้เล่นคนแรก[1] เขามีส่วนสำคัญในการคว้าตัวอลัน สมิธ อดีตนักเตะทีมชาติอังกฤษ มาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัวจากนิวคาสเซิลยูไนเต็ด ก่อนจะเซ็นสัญญาถาวรในเวลาต่อมา[2]

ในเดือนมกราคม 2012 มิตเชลล์ย้ายไปร่วมงานกับเซาแทมป์ตันซึ่งในตอนนั้นยังในอยู่ในลีกแชมเปียนชิปในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายสรรหาผู้เล่น สโมสรเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลแรกของเขากับสโมสร และเขาทำงานกับเมาริซิโอ โปเชติโน ผู้จัดการทีมคนใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งในเดือนมกราคม 2013 เขาดูแลการเซ็นสัญญานักเตะหลายคน เช่น นาแทเนียล ไคลน์, มายะ โยชิดะ, เปาโล กัซซานิกา และสตีเวน เดวิส[3][4][5][6]

หลังจากโปเชตติโนย้ายไปทำงานกับทอตนัมฮอตสเปอร์คู่แข่งในพรีเมียร์ลีก มิตเชลล์ก็ย้ายตามไปในเดือนพฤศจิกายน 2014 เพื่อร่วมงานกับโปเชติโนอีกครั้ง[7] เขาช่วยสโมสรเซ็นสัญญากับนักเตะหลายคนเช่น เดลี แอลลี, ซน ฮึง-มิน, คีแรน ทริปเปียร์ และโตบี อัลเดอร์เวเริลด์[8][9][10] ในเดือนสิงหาคม 2016 มีรายงานว่ามิตเชลล์เตรียมออกจากสโมสร สาเหตุมาจากงานที่เขาใฝ่ฝันกลายเป็นฝันร้าย เขาขัดแย้งกับดาเนียล เลวี ประธานสโมสร[11] ในเดือนธันวาคม มีการเปิดเผยว่ามิตเชลล์กำลังอยู่ในช่วงพักงาน 16 เดือน[12]

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2018 มิตเชลล์ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าฝ่ายสรรหาและพัฒนาผู้เล่นของแอร์เบ ไลพ์ซิชในบุนเดิสลีกา[13] ในตลาดซื้อขายนักเตะแรกของเขากับสโมสร มิตเชลล์ช่วยสโมสรเซ็นสัญญาคว้าตัวมาเตอุส คุนญามาจากซิยง และนอร์ดี มูคิเอเลจากมงต์เปลลิเยร์ เช่นเดียวกับการยืมตัวเอมีล สมิท ราว ดาวรุ่งอนาคตไกลของอาร์เซนอล มิตเชลล์ได้รับความสนใจจากหลายสโมสรในพรีเมียร์ลีกในปี 2019 และเชื่อมโยงอย่างหนักในการย้ายไปแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด[14][15] รายงานระบุว่าเขาอาจได้รับการเสนอบทบาทที่สูงขึ้นในฐานะผู้อำนวยการด้านเทคนิคเพื่อดูแลฟุตบอลทั่วโลกของเรดบูลล์ ซึ่งรวมถึงเอฟซี ลีเฟอริง, เร็ดบุลซัลทซ์บวร์ค และนิวยอร์กเร็ดบุลส์[16]

ในเดือนมิถุนายน 2020 มิตเชลล์เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาของอาแอ็ส มอนาโก[17][18] ในเดือนกรกฎาคม 2024 เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการกีฬาของนิวคาสเซิลยูไนเต็ด แทนที่แดน แอชเวิร์ธ ซึ่งย้ายไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด[19][20]

อ้างอิง[แก้]

  1. "Tottenham lure Southampton's former talent spotter Paul Mitchell". The Guardian. 26 November 2014. สืบค้นเมื่อ 27 May 2019.
  2. "Alan Smith joins MK Dons following Newcastle United exit". BBC Sport. 10 July 2012. สืบค้นเมื่อ 27 May 2019.
  3. "Crystal Palace's Nathaniel Clyne seals Southampton move". BBC Sport. 27 July 2012. สืบค้นเมื่อ 27 May 2019.
  4. "Southampton sign Maya Yoshida, Japan's Olympic captain". BBC Sport. 30 August 2012. สืบค้นเมื่อ 27 May 2019.
  5. "Southampton sign Gillingham goalkeeper Paulo Gazzaniga". BBC Sport. 20 July 2012. สืบค้นเมื่อ 27 May 2019.
  6. "Rangers captain Steven Davis signs for Southampton". BBC Sport. 6 July 2012. สืบค้นเมื่อ 27 May 2019.
  7. "Club announcement". Tottenham Hotspur FC. 26 November 2014. สืบค้นเมื่อ 27 May 2019.
  8. "Dele Alli: Tottenham sign £5m MK Dons midfielder & loan him back". BBC Sport. 2 February 2015. สืบค้นเมื่อ 27 May 2019.
  9. "Kieran Trippier: Tottenham complete deal for Burnley full-back". BBC Sport. 19 June 2015. สืบค้นเมื่อ 27 May 2019.
  10. "Toby Alderweireld: Tottenham sign Atletico Madrid defender". BBC Sport. 8 July 2015. สืบค้นเมื่อ 27 May 2019.
  11. Hytner, David (9 August 2016). "Tottenham's head of recruitment quits after dream job turns into nightmare". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 27 May 2019.
  12. Hytner, David (13 December 2016). "Tottenham make Paul Mitchell serve notice in recruitment hardball". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 27 May 2019.
  13. "Dele Alli talent spotter Paul Mitchell joins RB Leipzig". Bundesliga. สืบค้นเมื่อ 27 May 2019.
  14. "Manchester United, Chelsea and Arsenal all chasing Paul Mitchell". Sky Sports News. 12 April 2019. สืบค้นเมื่อ 27 May 2019.
  15. Magowan, Alistair (19 December 2018). "Man Utd director of football: Is Paul Mitchell the ideal candidate and how will role work?". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 27 May 2019.
  16. Burt, Jason (14 January 2019). "Red Bull to offer Paul Mitchell role as head of global football as Manchester United step up search for technical director". The Telegraph. London. สืบค้นเมื่อ 27 May 2019.
  17. "Paul Mitchell: Former Tottenham and Southampton director of recruitment joins Monaco". Sky Sports. 17 June 2020.
  18. Devin, Eric (22 July 2020). "Monaco look to a former Spurs and Southampton scout for stability". The Guardian.
  19. Waugh, Chris. "Newcastle United appoint Paul Mitchell as sporting director". The New York Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ 2024-07-04.
  20. NUFC (4 July 2024). "Newcastle United appoint Paul Mitchell as sporting director". newcastleunited.com. Newcastle United.