ปิศาจจิ้งจอก (จีน)
ปีศาจจิ้งจอก หรือเดิมใช้ว่า ปิศาจเสือปลา[1] (จีน: 狐狸精; พินอิน: húlí jīng; จีน: 九尾狐; พินอิน: jiǔ wěi hú; คำแปล: จิ้งจอกเก้าหาง, เวียดนาม: Hồ Ly) เป็นปิศาจในเทพปกรณัมจีนซึ่งอาจดีหรือร้ายก็ได้
จีนและเวียดนามเชื่อว่า สรรพสิ่งสามารถมีอำนาจวิเศษ มีชีวิตอมตะ และแปลงเป็นมนุษย์ได้ ถ้าได้บำเพ็ญตบะมานานพอสมควร ปิศาจจิ้งจอกนั้นคือสุนัขจิ้งจอกเพศเมียที่สามารกลายร่างเป็นมนุษย์หญิงสาวโฉมงาม
ปรกติแล้วเชื่อกันว่า ปิศาจจิ้งจอกเป็นผีร้าย ปิศาจจิ้งจอกซึ่งเป็นที่รู้จักมากที่สุดตัวหนึ่ง คือ ปิศาจจิ้งจอกเก้าหางในนิยายเรื่อง เฟิงเฉิน หรือ สถาปนาเทวดา (封神) ของสฺวี่ จ้งหลิน (許仲琳) ในสมัยราชวงศ์หมิง ที่ฆ่านางต๋าจี่ (妲己) แล้วสิงร่างนางไปเป็นสนมพระเจ้าโจ้ว (紂) แห่งราชวงศ์ซาง เพื่อล่อลวงให้พระเจ้าโจ้วถึงแก่ความวิบัติตามเสาวนีย์ของนางฟ้านฺหวี่วา (女媧)[2]
อย่างไรก็ดี ในนิยายบางเรื่อง ปิศาจจิ้งจอกมิได้มุ่งร้าย เช่น เรื่อง ซันซุ่ยผิงเยาฉวน หรือ สามซุ่ยพิชิตมาร (三遂平妖傳) ของหลัว กวั้นจง (羅貫中) ในสมัยราชวงศ์หมิง ว่าด้วยปิศาจจิ้งจอกสอนวิทยาคมให้หญิงสาวคนหนึ่ง หญิงคนนั้นจึงเอาชนะกองทัพได้ และเรื่อง เหลียวไจจื้ออี้ หรือ เรื่องประหลาดจากห้องศิลป์ (聊齋誌異) ของผู ซงหลิง (蒲松齡) ในสมัยราชวงศ์ชิง ที่ว่าด้วยความรักระหว่างมนุษย์หนุ่มและจิ้งจอกสาว[3] รวมถึงในความเชื่อดั้งเดิมของชาวจ้วง ที่อาศัยอยู่ในภาคใต้ของจีน ตลอดจนปรากฏเป็นภาพเขียนสีตามผนังถ้ำในยุคก่อนประวัติศาสตร์ทางภาคเหนือและอีสานของไทย หมาเก้าหางเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ขโมยข้าวด้วยการจุ่มหางจากสวรรค์มาให้แก่มวลมนุษย์ จึงถูกเทวดาไล่ฟันจนเหลือหางเพียงหางเดียวอย่างในปัจจุบัน และเป็นต้นกำเนิดของข้าว เชื่อว่านิทานเรื่องหมาเก้าหางนี้กระจายไปทั่วภูมิภาคอาเซียนในยุคก่อนประวัติศาสตร์[4]
นอกจากนี้ ชาวจีนยังโทษว่า ปิศาจจิ้งจอกทำให้ชายมีองคชาตหดเล็กลงจนเป็นโรคจู๋[5]
จิ้งจอกเก้าหางในตำนานเวียดนาม
ตำนาน Lê Thái Tổ (เล ท้าย โต๋) - Lê Lợi (เล เหล่ย) เคยมีเรื่องราวเกี่ยวกับวิญญาณจิ้งจอก เรื่องราวเล่าว่าขณะหลบเลี่ยงการจับกุมโดยผู้รุกรานของราชวงศ์หมิงในลำเซิน เล ท้าย โต๋ เห็นหญิงสาวสวมชุดสีขาวลอยอยู่ในแม่น้ำ แม้ในสถานการณ์ที่อันตราย เล ท้าย โต๋ ยังคงฝังศพหญิงผู้เคราะห์ร้ายรายนี้อย่างเหมาะสม[2]
เมื่อกองทัพหมิงเข้ามาใกล้ ทันใดนั้นก็มีจิ้งจอกขาวตัวหนึ่งวิ่งออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้เพื่อหันเหความสนใจของศัตรู เล ท้าย โต๋ เชื่อว่าเป็นการกลับชาติมาเกิดของหญิงสาวที่ช่วยเขาไว้ หลังจากขึ้นครองราชย์แล้ว เล ท้าย โต๋ ได้แต่งตั้งผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเป็นผู้พิทักษ์แห่งชาติและสั่งให้สร้างรูปปั้นหญิงสาวที่มีร่างกายเป็นจิ้งจอกเก้าหางครึ่งตัววางไว้ในวังโวในวัง - เรียกว่าเลดี้ฟ็อกซ์
รูปปั้นสุนัขจิ้งจอกนี้ได้รับการอธิบายในภายหลังใน "Vũ Trung Tùy Bút" โดยกวีชื่อดังแห่งปลายศตวรรษที่ 18 โดย Phạm Đình Hổ.
อ้างอิง
[แก้]- ↑ มีในสำเนียงแต้นิ๋วว่า húlì jíeuy ฮูหลี่เงียว. (2506) กรุงเทพฯ: องค์การค้าของคุรุสภา. หน้า 13.
- ↑ 2.0 2.1 "Fox-spirit Daji invents the Paoluo torture". Chinese Torture/Supplice chinois. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-11-17. สืบค้นเมื่อ 2006-12-26.
- ↑ Lu, Xun (1959). A Brief History of Chinese Fiction. Translated by Hsien-yi Yang and Gladys Yang. Foreign Language Press. p. 176. ISBN 978-7-119-05750-7.
- ↑ สุจิตต์ วงษ์เทศ (2014-12-10). "กำเนิดข้าว หมาเก้าหาง บุรีรัมย์". มติชน. สืบค้นเมื่อ 2016-09-11.
- ↑ Cheng, S. T. "A critical review of Chinese Koro." Culture, Medicine and Psychiatry 20(1):67-82 (1996).