ข้ามไปเนื้อหา

ปราสาทบรัน

พิกัด: 45°30′54″N 25°22′02″E / 45.51500°N 25.36722°E / 45.51500; 25.36722
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก ปราสาทบราน)
ปราสาทบรัน
ปราสาทบรัน
ปราสาทบรันตั้งอยู่ในโรมาเนีย
ปราสาทบรัน
ที่ตั้งภายในโรมาเนีย
ชื่ออื่นปราสาทแดรกคูลา
ข้อมูลทั่วไป
ประเภทป้อมปราการ
สถาปัตยกรรมยุคกลาง
ที่ตั้งบรัน ใกล้กับ บราชอฟ
ที่อยู่Str. G-ral Traian Mosoiu, nr.24, Bran
ประเทศโรมาเนีย
พิกัด45°30′54″N 25°22′02″E / 45.51500°N 25.36722°E / 45.51500; 25.36722
ระดับความสูง2,500 ฟุต (760 เมตร)
เจ้าของอาร์คดยุก โดมินิก แห่ง ออสเตรีย-ตัสกานี

ปราสาทบรัน (โรมาเนีย: Castelul Bran; เยอรมัน: Schloss Bran หรือ Törzburg; ฮังการี: Törcsvári kastély) เป็นปราสาทและป้อมปราการในบรัน ราว 25 กิโลเมตร (16 ไมล์) ทางใต้ของบราชอฟ ประเทศโรมาเนีย ปราสาทถือเป็นอนุสรณ์แห่งชาติและเป็นจุดหมายตาสำคัญของภูมิภาคทรานซิลเวเนีย

ปราสาทบรันยังเป็นที่รู้จักนอกทรานซิลเวเนียในชื่อ ปราสาทแดรกคูลา และถูกทำการตลาดในฐานะที่อยู่ของเคาท์แดรกคูลา ในนิยายเรื่อง แดรกคูลา ของ บราม สโตเกอร์ อย่างไรก็ตาม ไม่ปรากฏหลักฐานใดว่าบรามรู้จักถึงการมีอยู่ของปราสาทนี้แต่แรก ปราสาทนี้มีเพียงความเกี่ยวข้องกับวลาด นักเสียบ ผู้เป็นวอยโวดแห่งวาลาเกีย และผู้ใช้ชื่อร่วมกันกับแดรกคูลา[1]

ปัจจุบัน ปราสาทเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงงานศิลปะและเฟอร์นิเจอร์ของสะสมของราชินีมารีแห่งโรมาเนีย[2] นอกจากนี้ ที่เชิงเขาที่ปราสาทตั้งอยู่ยังมีพิพิธภัณฑ์เปิดที่จัดแสดงสิ่งปลูกสร้างของไพร่โรมาเนีย เช่น กระท่อม ยุ้งฉาง ของบรัน[3]

ประวัติศาสตร์

[แก้]

ปราสาทไม้

[แก้]

ในปี 1212 Teutonic Order ได้สร้างปราสาทไม้ในชื่อ Dietrichstein เป็นป้อมปราการตั้งรับให้กับภูมิภาค Burzenland ตรงจุดที่เป็นช่องเขาที่มีพ่อค้าเดินทางผ่านเป็นเวลานับสหัสวรรษ[4] ปราสาทนี้ถูกทำลายโดยชาวมองโกลในปี 1242[5]

ชื่อเดิมของปราสาทว่า Dietrichstein หรือ lapis Theoderici ในภาษาละติน ซึ่งแปลว่า "หินของ Dietrich" น่าจะมาจากคำว่า Comthur (ผู้การ) และผู้ตั้งกฎของท้องถิ่น frater Theodericus ดังที่ปรากฏในเอกสารจากปี 1212[6] เข้าใจว่า Dietrich น่าจะเป็นผู้สร้างปราสาทนี้ขึ้นมา[6] เอกสารจากปี 1509 ยืนยันว่ามณฑล Törzburg เคยเป็นของผู้การ Dietrich แห่ง Teutonic Order มาก่อน[6]

ปราสาทหิน

[แก้]

ปราสาทหินหลังใหม่สร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมปราการโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันบรรดาเจ้าอาณานิคมขาวเยอรมันในทรานซิลเวเนีย[7] เชื่อกันว่าปราสาทเคยถูกยึดครองชั่วคราวโดย Mircea the Elder แห่งวาลาเกีย (ครองราชย์ 1386–95, 1397–1418) ซึ่งในสมัยนี้เองที่มีการตั้งจุดศุลกากรขึ้น ส่วน Vlad Țepeș (วลาด นักเสียบ; 1448–1476) ไม่ได้มีบทบาทสำคัญมากนักในประวัติศาสตร์ของป้อมปราการนี้ มีเคยใช้เป็นทางผ่านหลายครั้งผ่านทางลำธารหุบเขาบรัน มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ปราสาทบรันกลายเป็นของหษัตริย์แห่งฮังการี หลังกษัตริย์ Vladislas II (ครองราชย์ 1471–1516) ไม่สามารถจ่ายคืนค่าเช่าได้ นครบราชอฟยึดคืนป้อมปราการในปี 1533 บรันยังคงความสำคัญในฐานะจุดยุทธศาสตร์ทางการทหารเรื่อยมาถึงกลางศตวรรษที่ 18[8]

วังหลวงและผลสืบเนื่อง

[แก้]

จากสนธิสัญญาตริอาโนนในปี 1920 ฮังการีสูญเสียดินแดนทรานซิลเวเนีย และปราสาทนี้กลายมาเป็นวังหลวงแห่งหนึ่งของราชอาณาจักรโรมาเนีย โดยบรรดาชาวซักซอนแห่ง Kronstadt-Braşov เป็นผู้ถวายให้ หลังมองว่าปราสาทได้ทรุดโทรมไปตามกาลเวลาและไม่มีเงินทุนเพียงพอจะรื้อฟื้น ปราสาทกลายมาเป็นที่ประทับโปรดของราชินีมารีแห่งโรมาเนีย ผู้มีดำริให้ทำการฟื้นฟูและซ่อมแซมปราสาทครั้งใหญ่ ภายใต้การนำของสถาปนิกชาวเช็ก Karel Zdeněk Líman [cs] ปราสาทนี้ได้ถูกสืบทอดแก่เจ้าหญิงไอเลียนาผู้เปิดปราสาทเป็นโรงพยาบาลชั่วคราวในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ต่อมารัฐบาลคอมมิวนิสต์ ได้ยึดครองปราสาทนี้คืนหลังการขับไล่ราชวงศ์โรมาเนียไปในปี 1948[3]

ในปี 2005 รัฐบาลโรมาเนียได้ผ่านกฎหมายที่อนุญาตให้ทรัพย์สมบัติที่รัฐยึดคืนมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย สามารถส่งมอบคืนแก่เจ้าของเดิมได้ กฎหมายนี้ทำให้ปราสาทบรันถูกส่งคืนความเป็นเจ้าของแก่ชาวอเมริกัน ดอมินิก วอน ฮับส์บูร์ก บุตรและผู้สืบสกุลของเจ้าหญิงไอเลียนา ในปีต่อมา[9][10] กระนั้น ในปี 2007 คณะกรรมการสอบสวนของรัฐสภาโรมาเนียได้รับุว่าการอาญัติคืนของดอมินิกนั้นขัดต่อกฎหมายว่าด้วยทรัพย์สินและการรับมรดก[11] แต่ต่อมาในปีเดียวกันนั้น ศาลรัฐธรรมนูญโรมาเนียได้ปฏิเสธคำร้องของรัฐสภาดังกล่าว และคณะกรรมการสอบสวนของรัฐบาลโรมาเนียยังได้ออกเอกสารยืนยันในสิ้นปีเดียวกันว่าการยึดคืนปราสาทบรันนั่นเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย[12][13]

"ปราสาทแดรกคูลา"

[แก้]

นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า วลาดที่สาม "แดรกคูลา" หรือที่รู้จักในชื่อ วลาด นักเสียบ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ ไม่เคยย่างเท้าเข้ามาในปราสาทบรันด้วยซ้ำ ปราสาทนี้ไม่ได้ต้อนรับวลาด และไม่ได้อยู่ภายใต้ปกครองของวลาดเช่นกัน เคยมีความเชื่อว่าวลาดถูกคุมขังที่นี่หลังถูกจับกุมโดยชาวฮังการีในปี 1462 แต่ปัจจุบัน นักประวัติศาสตร์ได้ข้อสรุปว่าวลาดถูกคุมขังในบูดาเปสต์[14][7]

ปราสาทบรันไม่เคยปรากฏอยู่ในนวนิยา แดรกคูลา รวมถึงคำบรรยายลักษณะของปราสาทในนิยายก็ไม่ได้เข้ากันได้กับลักษณะของปราสาทบรัน คำกล่าวอ้างถึงความเชื่อมโยงระหว่างปราสาทบรันกับแดรกคูลาล้วนเป็นไปเพื่อการท่องเที่ยวเท่านั้น[14]

ขณะที่สโตเกอร์ ผู้เขียน แดรกคูลา ทำการค้นคว้าเกี่ยวกับภูมิภาคทรานซิลเวเนีย เขาได้เจอกับบันทึกความดุร้ายของวลาดที่สาม นักเสียบ และได้ใช้ชื่อแดรกคูลาโดยอิงมาจากวลาด กระนั้น ตัวแดรกคูลาในนิยายไม่ได้มีที่มาจากวลาดโดยตรง ความคิดว่าวลาดที่สามเป็นแรงบันดาลใจโดยตรงของแดรกคูลานั้นเป็นสิ่งสร้างขึ้นโดยอุตสาหกรรมภาพยนตร์อเมริกัน[15]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Dracula - Bran Castle". www.bran-castle.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-03-05. สืบค้นเมื่อ 2022-01-30. {{cite web}}: ระบุ |accessdate= และ |access-date= มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ |archivedate= และ |archive-date= มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ |archiveurl= และ |archive-url= มากกว่าหนึ่งรายการ (help)
  2. "Bran Castle official website". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-03-12. สืบค้นเมื่อ 2010-02-24.
  3. 3.0 3.1 Middleton, Christopher (11 May 2014). "Buy a stake in Dracula's castle". The Daily Telegraph. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 May 2014.
  4. "Historical Timeline - Bran Castle". www.bran-castle.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-10-27. สืบค้นเมื่อ 2022-01-30. {{cite web}}: ระบุ |accessdate= และ |access-date= มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ |archivedate= และ |archive-date= มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ |archiveurl= และ |archive-url= มากกว่าหนึ่งรายการ (help)
  5. "Visit Transylvania :: Via Transylvania Tours: self-drive & guided tours of Romania". www.viatransylvania.com. สืบค้นเมื่อ 2022-01-30.
  6. 6.0 6.1 6.2 Maurer, Friedrich (2015) [1875]. Die Besitzergreifung Siebenbürgens durch die das Land jetzt bewohnenden Nationen. Paderborn: Europäischer Geschichtsverlag. p. 120. ISBN 978-3-73400-560-2.. Accessed 23 January 2019.
  7. 7.0 7.1 "Romania: Did Dracula Ever Set Foot In Dracula's Castle?". RadioFreeEurope/RadioLiberty (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ November 18, 2018.
  8. Medieval history of the fortress from the official website เก็บถาวร ตุลาคม 26, 2011 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  9. "Son stakes Dracula castle claim". BBC News. 26 May 2006. สืบค้นเมื่อ 9 January 2007.
  10. "N.Y. heir to get Dracula's digs". New York Daily News. 24 May 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 27, 2007. สืบค้นเมื่อ 9 January 2007.
  11. "Camera Deputaților: Castelul Bran a fost retrocedat ilegal". Realitatea TV - Politică. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 15, 2007. สืบค้นเมื่อ September 26, 2007. {{cite news}}: ระบุ |archivedate= และ |archive-date= มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ |archiveurl= และ |archive-url= มากกว่าหนึ่งรายการ (help)
  12. "'" (ภาษาโรมาเนีย). Mediafax. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-02-04. สืบค้นเมื่อ 2008-02-04.
  13. "Archived copy" (ภาษาโรมาเนีย). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 11, 2008. สืบค้นเมื่อ February 4, 2008.{{cite web}}: CS1 maint: archived copy as title (ลิงก์)
  14. 14.0 14.1 "Vlad the Impaler Ruler of Walachia (sic)". Encyclopedia Britannica (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ November 18, 2018.
  15. Skal, David J (2016). Something in the Blood: The Untold Story of Bram Stoker, the Man Who Wrote Dracula. Liverlight.[ต้องการเลขหน้า]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]

45°30′54″N 25°22′02″E / 45.51500°N 25.36722°E / 45.51500; 25.36722