ดอกไม้ไฟ
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
ดอกไม้ไฟ หรือเรียกกันทั่วไปว่า พลุ เป็นอุปกรณ์ในหมวดหมู่วัตถุระเบิดชนิดหนึ่ง ลักษณะของพลุประกอบด้วย เสียง แสง ควัน และเถ้า พลุถูกออกแบบให้เผาไหม้และจุดระเบิดที่แสงสีต่าง ๆ พลุถูกใช้ในเกือบทุกประเทศทั่วโลก
เชื่อกันว่าชาวจีนเป็นผู้ค้นคิดพลุและดอกไม้ไฟก่อนชาติอื่น ๆ (อันเป็นผลสืบเนื่องจากการประดิษฐ์คิดค้นดินปืนของชาติจีนนั่นเอง) เพื่อใช้ในงานรื่นเริง เช่น วันตรุษจีน หรือวันสารทจีน และยังนิยมใช้สืบมาจนปัจจุบัน
การใช้งาน
[แก้]พลุเป็นอุปกรณ์ที่มีการใช้งานกว้างขวาง โดยทั่วไปพลุจะใช้ในงานแสดง งานบันเทิง และในงานรื่นเริงทั้งในด้านวัฒนธรรมและทางศาสนา และเราพบเห็นการแสดงพลุได้บ่อยที่สุดในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ของทุกปี
นอกจากนี้ยังมีการใช้พลุเป็นยุทโธปกรณ์ เป็นพลุส่องสว่าง สำหรับนำทาง หรือบอกตำแหน่งในการรบ หรือการลำเลียงทางการทหาร
วัตถุดิบในการทำดอกไม้ไฟหรือพลุ
[แก้]- ท่อพีวีซี
- ดินปืน
- ดินประสิว
- ดินกลาง ซึ่งเป็นสารควบคุม ต้องขออนุญาตจากทางกระทรวงกลาโหม
- กำมะถัน
- ถ่าน
- ประทัด
- กระดาษ
- ไข่นกพลาสติก
สารเคมีแต่ละตัวก็สามารถเข้ากันได้ บางอย่างก็เข้ากันไม่ได้ หมายความว่าถ้าเข้ากันแล้วอาจจะทำให้เกิดอันตรายหรือกระทบกระเทือนก็สามารถทำให้ระเบิดได้ บางอย่างเข้ากันไว้เมื่อนำไปเก็บไว้อาจจะทำปฏิกิริยาต่อกันสามารถลุกติดไฟขึ้นมาได้เองซึ่งเป็นอันตรายมากหากเก็บไว้ไม่เป็นที่เป็นทางแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้หมายความว่ามันจะติดได้เองเสมอไปแต่มันอาจจะติดหรือไม่ติดก็ได้ข้อนี้เราก็ต้องระวังไว้ก่อน
ส่วนประกอบของพลุ ประกอบด้วย 5 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่[1]
- ภาชนะบรรจุ
- Star เม็ดสี เกิดปฏิกิริยาเคมีหลังการระเบิด ได้เป็นสีสันสวยงามต่าง ๆ
- Burst charge เชื้อปะทุ ประกอบด้วยดินปืนอย่างหยาบอัดแน่นอยู่ภายใน ส่วนใหญ่เป็นโพแทสเซียมไนเตรต 75% รวมกับถ่านกัมมันต์ 15% และกำมะถัน 10% แต่ในปัจจุบันอาจใช้สารเคมีชนิดอื่นร่วมด้วย
- Fuse ชนวนถ่วงเวลา เป็นส่วนแรกที่เกิดการเผาไหม้หลัก ช่วยหน่วงเวลาให้ดอกไม้ไฟระเบิดในความสูงที่ต้องการ
- Lift charge ส่วนฐานของดอกไม้ไฟ เป็นแท่งไม้หรือแท่งพลาสติกยื่นมาด้านล่าง ช่วยให้ดอกไม้ไฟพุ่งขึ้นในทิศทางตรง
พลุเป็นที่นิยมกันมากปัจจุบันนี้ก็ยังนิยมกันตามชานเมืองหรือชนบท งานที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวาง ได้แก่ งานศพ (หมายถึง พลุดัง) พลุดังหรือ พลุปลง หมายถึงพลุที่มีเสียงดังมากมักจุดกันเวลาเผาศพประมาณบ่าย 4 โมง เพื่อเป็นอาณัติสัญญาณว่าได้เผาร่างอันไร้วิญญาณของบุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว ผู้ที่ได้ยินก็จะเกิดการปลงว่าโลกนี้ล้วนเป็นอนิจจังอีกไม่นานก็อาจรวมถึงตัวเรา และอโหสิกรรมให้แก่ผู้ล่วงลับ