ข้ามไปเนื้อหา

ซามูเอล คูนาร์ด

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ซามูเอล คูนาร์ด

เกิด21 พฤศจิกายน ค.ศ. 1787(1787-11-21)
แฮลิแฟกซ์ โนวาสโกเชีย
เสียชีวิต28 เมษายน ค.ศ. 1865(1865-04-28) (77 ปี)
เคนซิงตัน ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
อาชีพเจ้าของกิจการขนส่ง
คู่สมรสซูซาน ดัฟฟัส
(สมรส 1815; เสียชีวิต 1828)
บุตร9
บิดามารดาเอบราแฮม คูนาร์ด
มาร์กาเรต เมอร์ฟี

เซอร์ ซามูเอล คูนาร์ด บารอเนตที่ 1 (อังกฤษ: Sir Samuel Cunard, 1st Baronet; 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 1787 – 28 เมษายน ค.ศ. 1865) เป็นเจ้าของกิจการเดินเรือชาวอังกฤษ-แคนาดา เกิดในแฮลิแฟกซ์ รัฐโนวาสโกเชีย ผู้ก่อตั้งสายการเดินเรือคูนาร์ด ซึ่งเป็นการสร้างการเชื่อมต่อเส้นทางเดินเรือจักรไอน้ำตามกำหนดการครั้งแรกกับทวีปอเมริกาเหนือ[1] เขาเป็นบุตรชายของช่างไม้และพ่อค้าไม้ฝีมือดีที่หลบหนีสงครามปฏิวัติอเมริกาและมาตั้งรกรากในแฮลิแฟกซ์[2]

ครอบครัวและชีวิตช่วงต้น

[แก้]

ซามูเอล คูนาร์ดเป็นบุตรชายคนที่สองของเอบราแฮม คูนาร์ด (1756–1824) สมาชิกกลุ่มเควกเกอร์และมาร์กาเรต เมอร์ฟี (1758–1821)[3] โรมันคาทอลิก ครอบครัวคูนาร์ดเป็นครอบครัวชาวเควกเกอร์ที่อพยพมาจากวุร์สเตอร์เชอร์ ในบริเตน แต่ถูกบังคับให้หนีไปเยอรมนีในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ด้วยการข่มเหงทางศาสนา จึงทำให้พวกเขาใช้นามสกุลคุนเดอร์ (Kunder) แทน ปู่ทวดของซามูเอลเคยเป็นช่างย้อมผ้าในเครเฟ็ลท์ แต่อพยพไปยังเพนซิลเวเนียใน ค.ศ. 1683 ในอเมริกาพวกเขาใช้นามสกุลคูนาร์ด ต่อมาลูกหลานของเขาบางคน รวมทั้งปู่ของเขา ซามูเอล ได้เปลี่ยนนามสกุลเป็นคูนาร์ด เอบราแฮมเป็นผู้ภักดีต่อราชวงศ์อังกฤษและย้ายไปอยู่ที่แฮลิแฟกซ์ใน ค.ศ. 1773 หลังสงครามปฏิวัติอเมริกา เขาแต่งงานกับมาร์กาเรต เมอร์ฟี ผู้ลี้ภัยกลุ่มภักดีอีกคนหนึ่งในปีนั้น ครอบครัวของมาร์กาเรตมีถิ่นกำเนิดจากไอร์แลนด์และย้ายมาที่แฮลิแฟกซ์จากเซาท์แคโรไลนา[4][5] เอบราแฮมและมาร์กาเรตมีลูกเก้าคน เป็นผู้หญิงสองคนและผู้ชายเจ็ดคน (วิลเลียม 1789–1823, ซามูเอล 1787–1865, เอ็ดเวิร์ด 1798–1851, โจเซฟ 1799–1865, จอห์น ทอมัส และเฮนรี)

เอบราแฮมเป็นช่างไม้ผู้ชำนาญงานซึ่งทำงานให้กับกองทหารอังกฤษในแฮลิแฟกซ์และกลายเป็นเจ้าของที่ดินและพ่อค้าไม้ผู้มั่งคั่ง โรคพิษสุราเรื้อรังของมาร์กาเรตเป็นแรงผลักดันให้ซามูเอลต้องรับผิดชอบภาระต่าง ๆ ตั้งแต่ยังเด็ก ทักษะในการทำธุรกิจของซามูเอลปรากฏให้เห็นชัดเจนตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น เขาบริหารร้านค้าทั่วไปของตัวเองจากสินค้าที่ได้มาจากการประมูลที่ท่าเรือ ต่อมาเขาเข้าร่วมกับพ่อของเขาในธุรกิจไม้ของครอบครัวซึ่งขยายไปสู่การลงทุนในการขนส่ง[3]

วัยผู้ใหญ่และอาชีพการงาน

[แก้]

ในช่วงสงคราม ค.ศ. 1812 คูนาร์ดอาสาเข้ารับราชการในกองพันที่ 2 ของกองกำลังอาสาสมัครกรมทหารแฮลิแฟกซ์และได้เลื่อนยศเป็นร้อยเอก เขาเคยดำรงตำแหน่งสาธารณะหลายตำแหน่ง เช่น นักดับเพลิงอาสาและกรรมการประภาคาร และรักษาชื่อเสียงไว้ไม่เพียงแต่ว่าเป็นนักธุรกิจที่ชาญฉลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นพลเมืองที่ซื่อสัตย์และใจกว้างอีกด้วย[3]

คูนาร์ดเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในธุรกิจการเดินเรือของแฮลิแฟกซ์และเป็นหนึ่งใน 12 บุคคลที่มีอิทธิพลเหนือกิจการของโนวาสโกเชีย เขาได้รับสัญญาจัดหาไปรษณีย์และเรือตรวจการณ์ประมงให้กับรัฐ คูนาร์ดขยายธุรกิจไม้และการขนส่งของครอบครัวด้วยการลงทุนในการล่าปลาวาฬ นำเข้าชา และการทำเหมืองถ่านหิน รวมทั้งลงทุนในบริษัทธนาคารแฮลิแฟกซ์ (Halifax Banking Company) และคลองชูเบนาเคดี (Shubenacadie Canal) เรือล่าวาฬที่ส่งไปไกลในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้แทบไม่เคยทำกำไรได้[3] เขาซื้อที่ดินจำนวนมากในรัฐพรินซ์เอดเวิร์ดไอแลนด์ โดยครั้งหนึ่งเคยเป็นเจ้าของที่ดินถึงหนึ่งในเจ็ดของรัฐ ซึ่งทำให้เขาต้องเข้าไปข้องเกี่ยวกับข้อพิพาทอันยืดเยื้อระหว่างผู้เช่าบนเกาะและเจ้าของที่ดินที่ไม่อยู่ในประเทศที่เป็นเจ้าของที่ดินส่วนใหญ่[6][3]

เรือจักรไอน้ำ

[แก้]
รูปปั้นเซอร์ซามูเอล คูนาร์ดที่สร้างขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2006 ที่แฮลิแฟกซ์ รัฐโนวาสโกเชีย[3]

คูนาร์ดทดลองใช้ไอน้ำอย่างระมัดระวังในตอนแรก จนได้เป็นผู้อำนวยการก่อตั้งบริษัทเรือจักรไอน้ำแฮลิแฟกซ์ (Halifax Steamboat Company) ซึ่งได้ต่อเรือจักรไอน้ำลำแรกในโนวาสโกเชียใน ค.ศ. 1930 ซึ่งก็คือเอสเอส เซอร์ ชาลส์ โอเกิล (SS Sir Charles Ogle) ที่ประสบความสำเร็จและให้บริการมายาวนานสำหรับบริการเรือข้ามฟากแฮลิแฟกซ์–ดาร์ทมัธ[3] เรือจักรไอน้ำลำแรกถูกสร้างโดยแอรอน แมนบีเมื่อ ค.ศ. 1822[1] คูนาร์ดดำรงตำแหน่งประธานบริษัทใน ค.ศ. 1836 และได้จัดหาพลังงานไอน้ำให้กับเรือข้ามฟากลำที่สองชื่อบ็อกเซอร์ (Boxer) ใน ค.ศ. 1838[7] คูนาร์ดเป็นผู้นำนักลงทุนจากแฮลิแฟ็กซ์ให้รวมกิจการกับธุรกิจในเกแบ็กใน ค.ศ. 1931 เพื่อต่อเรือเดินสมุทรลำแรกชื่อว่าโรยัลวิลเลียม (Royal William) ที่แล่นระหว่างเกแบ็กและแฮลิแฟ็กซ์ แม้ว่าโรยัลวิลเลียมจะประสบปัญหาหลังจากที่ต้องสูญเสียทั้งฤดูกาลเนื่องจากการกักอหิวาตกโรค แต่คูนาร์ดก็ยังได้เรียนรู้บทเรียนอันมีค่าเกี่ยวกับการดำเนินการเรือจักรไอน้ำ เขาว่าจ้างเรือกลไฟชายฝั่งชื่อโพโชฮอนทัส (Pochohontas) ใน ค.ศ. 1832 สำหรับบริการขนส่งไปรษณีย์ไปยังพรินซ์เอดเวิร์ดไอแลนด์ และต่อมาได้ซื้อเรือจักรไอน้ำขนาดใหญ่ขึ้นชื่อว่าเคปเบรตัน (Cape Breton) เพื่อขยายบริการ[8]

ประสบการณ์ของคูนาร์ดในการทำงานกับเรือจักรไอน้ำ รวมถึงการสังเกตเครือข่ายรถไฟที่ขยายตัวในอังกฤษ ทำให้เขาได้รับแรงบันดาลใจในการสำรวจการสร้างกองเรือจักรไอน้ำข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งจะแล่นข้ามมหาสมุทรอย่างสม่ำเสมอเช่นเดียวกับที่รถไฟแล่นข้ามแผ่นดิน เขาเดินทางไปสหราชอาณาจักรเพื่อแสวงหาผู้ลงทุนใน ค.ศ. 1837 เขาก่อตั้งบริษัทร่วมกับนักธุรกิจอีกหลายคนเพื่อประมูลสิทธิ์การดำเนินการบริการไปรษณีย์ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกระหว่างอังกฤษกับอเมริกาเหนือ และประสบความสำเร็จในการเสนอราคา ต่อมาบริษัทได้กลายเป็น บจ.เรือจักรไอน้ำคูนาร์ด (Cunard Steamships Limited)

ใน ค.ศ. 1840 เรือจักรไอน้ำลำแรกของบริษัทชื่อบริแทนเนีย (Britannia) ได้ออกเดินทางจากลิเวอร์พูลไปยังแฮลิแฟกซ์ รัฐโนวาสโกเชีย และต่อไปยังบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ โดยมีคูนาร์ดและผู้โดยสารอีก 63 คนอยู่บนเรือ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของบริการผู้โดยสารและขนส่งสินค้าประจำ บริษัทของคูนาร์ดสร้างชื่อเสียงในด้านความรวดเร็วและความปลอดภัยมายาวนานโดยไม่มีใครตำหนิได้ และทำให้เรือเดินทะเลประสบความสำเร็จ ท่ามกลางคู่แข่งหลายรายที่สูญเสียเรือและทรัพย์สินมากมาย เรือของคูนาร์ดประสบความสำเร็จ แต่ต้นทุนที่สูงทำให้คูนาร์ดมีหนี้สินจำนวนมากใน ค.ศ. 1842 และเขาต้องหนีจากเจ้าหนี้ในแฮลิแฟกซ์ไปยังอังกฤษ[9] อย่างไรก็ตาม ภายใน ค.ศ. 1843 เรือของคูนาร์ดมีรายได้เพียงพอที่จะชำระหนี้และเริ่มจ่ายเงินปันผลเล็กน้อยแต่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คูนาร์ดแบ่งเวลาของเขาระหว่างโนวาสโกเชียและอังกฤษ แต่ปล่อยให้การดำเนินงานในโนวาสโกเชียอยู่ในมือของเอ็ดเวิร์ดและวิลเลียม ลูกชายของเขามากขึ้น เนื่องจากธุรกิจดึงดูดให้เขาต้องใช้เวลาในลอนดอน[10]

ใน ค.ศ. 1850 คูนาร์ดออกเดินทางพิเศษไปยังโนวาสโกเชียและนิวบรันสวิก โดยในขณะนั้นโจเซฟ คูนาร์ด นักธุรกิจไม้และการขนส่ง พี่ชายของเขาในนิวบรันสวิกล้มละลาย เป็นผลให้มีคนต้องออกจากงานถึง 1,000 คน คูนาร์ดกู้เงินและค้ำประกันหนี้ทั้งหมดของพี่ชายของเขาในโนวาสโกเชีย นิวบรันสวิก และบอสตันด้วยตนเอง โจเซฟย้ายไปอยู่ที่ลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ซึ่งซามูเอลช่วยให้เขาฟื้นฟูกิจการเดินเรือของเขาขึ้นมาใหม่

มุมมองส่วนตัว

[แก้]

ตลอดชีวิตส่วนตัว คูนาร์ดไม่ใช่คนเคร่งศาสนา และหลายคนมองว่าเขาเป็นผู้ไม่นับถือศาสนา บนเตียงมรณะ คูนาร์ดปฏิเสธที่จะเข้าร่วมพิธีกรรมสุดท้ายและประกาศว่าเขา "ไม่รู้สึก ไม่ยอมรับ และไม่เชื่อ"[11] ความเห็นของเขาเกี่ยวกับการเป็นทาสในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่คำกล่าวของเขาเกี่ยวกับการเดินทางแยกเชื้อชาติของเฟรเดอริค ดักลาส ซึ่งจัดเตรียมไว้โดยตัวแทนของบริษัทคูนาร์ดในลิเวอร์พูลบนเรือเดินสมุทรของเขาใน ค.ศ. 1845 แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาต่อต้านการแบ่งแยกเชื้อชาติทุกรูปแบบ "ไม่มีใครเสียใจไปมากกว่าฉันอีกแล้วกับสถานการณ์อันไม่พึงปรารถนาที่เกิดขึ้นกับคุณดักลาสระหว่างการเดินทางจากลิเวอร์พูล แต่ฉันรับรองกับคุณได้ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกบนเรือจักรไอน้ำที่ฉันเกี่ยวข้องด้วย[12] ทัศนคติของเขาเกี่ยวกับเชื้อชาติสะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติของชาวอังกฤษในสมัยนั้น ซึ่งมองว่าการปฏิบัติต่อคนผิวดำอย่างไม่ดีเป็นเรื่องผิดทางศีลธรรม แม้พวกเขาจะยังคิดว่าคนผิวดำด้อยกว่าคนผิวขาวทั้งทางสังคมและทางสติปัญญาก็ตาม[ต้องการอ้างอิง]

ชีวิตช่วงหลัง

[แก้]
หลุมศพของคูนาร์ดในสุสานบรอมป์ตัน ลอนดอน

คูนาร์ดเป็นเจ้าของบริษัทหลายแห่งในแคนาดา หลังจากที่เขาเสียชีวิตและการเปลี่ยนแปลงในสัญญาส่งไปรษณีย์ของอังกฤษ หุ้นส่วนของเขาในอังกฤษได้ยกเลิกการให้บริการในแคนาดาของเขา และเป็นเวลา 50 ปีก่อนที่เรือของเขากลับจะมาที่แคนาดาอีกครั้ง[13] บริษัทถ่านหินของเขาในโนวาสโกเชีย ซึ่งเขาซื้อมาเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงให้กับเรือเดินทะเล ยังคงเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของครอบครัวในโนวาสโกเชียและดำเนินการต่อจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ในชื่อคูนาร์ดฟิวเอิลส์ (Cunard Fuels) ซึ่งต่อมาถูกครอบครัวเออร์วิงแห่งนิวบรันสวิกซื้อกิจการไป

ใน ค.ศ. 1859 คูนาร์ดได้รับการแต่งตั้งเป็นบารอเนตโดยสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย[14]

เซอร์ ซามูเอล คูนาร์ด เสียชีวิตที่เคนซิงตัน ในลอนดอน เมื่อวันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 1865 และถูกฝังอยู่ที่สุสานบรอมป์ตัน ในลอนดอน[13] ชิดกำแพงด้านตะวันออก

มรดก

[แก้]

ในพิพิธภัณฑ์การเดินเรือแห่งแอตแลนติกในแฮลิแฟกซ์ ส่วนสำคัญของชั้นสองจะอุทิศให้กับชีวิตของเขา สายการเดินเรือคูนาร์ด และเรือที่มีชื่อเสียงของบริษัท[15] รูปปั้นสำริดขนาดใหญ่ของซามูเอล คูนาร์ดถูกสร้างขึ้นในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2006 ที่บริเวณริมน้ำแฮลิแฟกซ์ ข้างท่าเรือโอเชียนเทอร์มินัลซึ่งเรือเดินทะเลของคูนาร์ดใช้งานมานาน[16] แสตมป์ที่มีรูปเหมือนของคูนาร์ดได้รับการออกโดยแคนาดาโพสต์ใน ค.ศ. 2004[3]

แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากบริษัทคู่แข่งและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี แต่บริษัทที่เจริญรุ่งเรืองนี้ก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดก็ดูดซับบริษัทอื่นๆ จำนวนมาก เช่น บจ.เรือจักรไอน้ำแคนาดาเหนือ (Canadian Northern Steamships Limited) และคู่แข่งหลักอย่างไวต์สตาร์ไลน์ เจ้าของเรือโอลิมปิกที่ประสบความสำเร็จ และอดีตเจ้าของเรือไททานิกที่ประสบความล้มเหลวใน ค.ศ. 1934 หลังจากนั้น คูนาร์ดได้ครองตลาดการค้าผู้โดยสารในแอตแลนติกด้วยเรือเดินทะเลที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกบางลำ เช่น อาร์เอ็มเอส ควีนแมรี (RMS Queen Mary)[17] และอาร์เอ็มเอส ควีนเอลิซาเบธ (RMS Queen Elizabeth)[18] ชื่อของเขายังดำรงอยู่จนถึงปัจจุบันในสายการเดินเรือคูนาร์ด ซึ่งปัจจุบันเป็นสาขาอันทรงเกียรติของอาณาจักรเรือสำราญคาร์นิวัลไลน์ (Carnival Line)[19]

ครอบครัว

[แก้]

ซามูเอล คูนาร์ดแต่งงานกับซูซาน ลูกสาวของวิลเลียม ดัฟฟัส พ่อค้าสินค้าแห้ง[20] เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1815 โดยมีบุตรด้วยกัน 9 คน[21] เป็นลูกชาย 2 คน (เอ็ดเวิร์ด ค.ศ. 1816–1869 และวิลเลียม ค.ศ. 1825–1906) และลูกสาว 7 คน (แมรี ค.ศ. 1817–1885, ซูซาน ค.ศ. 1819–, มาร์กาเรต แอนน์ ค.ศ. 1820–1901, ซาราห์ เจน ค.ศ. 1821–1902, แอนน์ เอลิซาเบธ ค.ศ. 1823–1862, อิซาเบลลา ค.ศ. 1827–1894 และเอลิซาเบธ ค.ศ. 1828–1889)[22] วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1828 ซูซานเสียชีวิตเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนหลังการคลอดเอลิซาเบธ คูนาร์ดไม่เคยแต่งงานอีก และบอกกับลูกชายบนเตียงมรณะว่าเขา "ฝันถึงแม่ที่รักของแก...และว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดีจริง ๆ"[23]

เซอร์ ซามูเอล คูนาร์ด ถูกสืบทอดทั้งธุรกิจและตำแหน่งบารอเนตโดยเซอร์ เอ็ดเวิร์ด คูนาร์ด บารอนเนตที่ 2 ผู้ซึ่งบุตรชายคนโตของเขาได้แต่งงานกับแมรี บาช แม็กอีเวอส์ (ลูกสาวของบาช แม็กอีเวอร์ส) และตำแหน่งบารอเนตก็ถูกส่งต่อมายังเธอ บาช เอ็ดเวิร์ด คูนาร์ด บารอนเนตที่ 3 บุตรชายของพวกเขา แต่งงานกับแม่บ้านสังคมชื่อเอเมอรัลด์ เลดี คูนาร์ด (ค.ศ. 1872–1948) พวกเขามีลูกสาวหนึ่งคนชื่อแนนซี คูนาร์ด (ค.ศ. 1896–1965) นักเขียน ทายาท และนักรณรงค์ทางการเมือง

วิลเลียม คูนาร์ด บุตรชายคนที่สองของเซอร์ ซามูเอล คูนาร์ด แต่งงานกับลอรา ชาร์ลอตต์ ฮาลิเบอร์ตัน ลูกสาวของทอมัส แชนด์เลอร์ ฮาลิเบอร์ตัน นักเขียนและนักการเมือง ทั้งคู่มีลูกชายสามคนและลูกสาวหนึ่งคน[24] วิลเลียมสร้างโรงเรียนคนหูหนวกแฮลิแฟกซ์ มาร์กาเรต ลูกสาวของซามูเอล คูนาร์ด แต่งงานกับวิลเลียม ลีห์ เมลลิช (ค.ศ. 1813–1864) ทหาร เจ้าของที่ดิน และนักคริกเก็ต

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 "United Kingdom – ERIH". www.erih.net. สืบค้นเมื่อ 2022-11-04.
  2. "Sir Samuel Cunard". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 October 2016. สืบค้นเมื่อ 20 December 2010.
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 3.6 3.7 Langley 2006
  4. Lownds 1987.
  5. Smy 1997.
  6. Boileau p. 94
  7. Boileau, p. 40
  8. Boileau, pp. 49–50
  9. Fox, p.104
  10. Boileau, pp. 75–76
  11. Fox, p. 55
  12. Fox, p. 200
  13. 13.0 13.1 Boileau, p. 96
  14. "No. 22235". The London Gazette. 1 March 1859. p. 953.
  15. "Mauretania/Lusitania Model Refit Completed", Cunard Steamship Society, Dec. 17, 2011
  16. Richard H. Wagner, "Sir Samuel and the New Queen Victoria", Beyond Ships, originally published in The Porthole, The World Ship Society, January 2007)
  17. "Queen Mary". สืบค้นเมื่อ 2010-05-17.
  18. "Queen Elizabeth (1939)". สืบค้นเมื่อ 2010-05-17.
  19. "WLCL Homepage". สืบค้นเมื่อ 25 December 2008.
  20. Fox, p. 44
  21. "Mellish, Lt.–Col. Henry". Who's Who: 1093. 1919.
  22. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ DCB
  23. Fox, p. 49
  24. Morgan, Henry James, บ.ก. (1903). Types of Canadian Women and of Women who are or have been Connected with Canada. Toronto: Williams Briggs. p. 68.