ข้ามไปเนื้อหา

อินทัช โฮลดิ้งส์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก ชิน คอร์ปอเรชั่น)
บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
ชื่อเดิมชินวัตร คอมพิวเตอร์ เซอร์วิส แอนด์ อินเวสต์เมนต์
ชิน คอร์ปอเรชัน
ประเภทบริษัทมหาชนจำกัด
ISINTH0201010Y13 Edit this on Wikidata
อุตสาหกรรมเทคโนโลยี
ก่อตั้ง21 มิถุนายน 2526 (2526-06-21)
ผู้ก่อตั้งทักษิณ ชินวัตร
เลิกกิจการ1 เมษายน 2568 (2568-04-01)
สาเหตุควบรวมกิจการกับกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์
ถัดไปกัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์
สำนักงานใหญ่87 อาคารเอ็มไทย ทาวเวอร์ ออลซีซั่นส์ เพลส ชั้นที่ 27 ยูนิต 2 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน, ,
บุคลากรหลักกานต์ ตระกูลฮุน (ประธาน)
บุญชัย ถิราติ (รองประธาน)
คิมห์ สิริทวีชัย (กก.ผอ.)
รายได้61 ล้านบาท (2565)
รายได้สุทธิ
10,533 ล้านบาท (2565)
สินทรัพย์43,041 ล้านบาท (2565)
บริษัทแม่กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์
บริษัทในเครือแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส
ไทยคม
เว็บไซต์www.intouchcompany.com

บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เป็นอดีตบริษัทผู้ถือหุ้นสัญชาติไทยที่ประกอบธุรกิจโทรคมนาคมเป็นหลัก ก่อตั้งโดยทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นบริษัทแม่ของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (เอไอเอส) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการดาวเทียมของประเทศไทย เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเป็นส่วนหนึ่งของดัชนีเซต 50

บริษัทมีรายได้หลักจากการกำกับธุรกิจในเครือและค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ โดยได้แบ่งสายธุรกิจออกเป็นสามสาย คือ สายธุรกิจโทรคมนาคมไร้สาย, สายธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ และ สายธุรกิจอื่นๆ

ในปี พ.ศ. 2547 ตระกูลชินวัตรทำการขายหุ้นที่ถือครองทั้งหมดในบริษัทนี้ให้แก่เทมาเส็กโฮลดิงส์ของรัฐบาลสิงคโปร์ ซึ่งเป็นการซื้อขายหุ้นที่มีมูลค่ารวมสูงสุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 เทมาเส็กโฮลดิงส์ทยอยตัดขายหุ้นอินทัชอย่างต่อเนื่อง ท้ายที่สุดในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2559 เทมาเส็กก็ตัดขายหุ้นอินทัชก้อนสุดท้าย 21% ให้แก่สิงเทล[1] ซึ่งเป็นบริษัทลูกของตัวเอง

ในปี พ.ศ. 2563 บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ เริ่มเข้ามาถือหุ้นอินทัช และเริ่มกระบวนการเสนอซื้อหุ้นอินทัชจากผู้ถือหุ้นรายอื่นอย่างต่อเนื่อง แต่ในส่วนสิงเทลปฏิเสธการขายหุ้นของตนให้แก่กัลฟ์ และแล้วในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2564 กัลฟ์ก็ขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับหนึ่งในอินทัชแทนที่สิงเทล ด้วยสัดส่วน 42.25%[2]

ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 คณะกรรมการ บมจ.อินทัชฯ และ บมจ. กัลฟ์ฯ ประกาศควบรวมกิจการทั้งสองบริษัท โดยจะมีการจัดตั้งบริษัทใหม่ในไตรมาส 2 พ.ศ. 2567[3]

อ้างอิง

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]