ชลมหัล
ชลมหัล | |
---|---|
जल महल Jal Mahal | |
พระราชวังชัล มหัล กลางทะเลสาบมันสาคร | |
ข้อมูลทั่วไป | |
ประเภท | พระราชวัง |
สถาปัตยกรรม | ผสมระหว่างราชปุตและโมกุล |
เมือง | ชัยปุระ รัฐราชสถาน |
ประเทศ | ประเทศอินเดีย |
พิกัด | 26°57′13″N 75°50′47″E / 26.9537°N 75.8463°E |
เริ่มสร้าง | คริสต์ศตวรรษที่ 16 |
ปรับปรุง | คริสต์ศตวรรษที่ 18 |
ข้อมูลทางเทคนิค | |
โครงสร้าง | หินทรายสีแดง |
ชลมหัล (ฮินดี: जल महल, อังกฤษ: Jal Mahal) พระราชวังกลางน้ำซึ่งตั้งเด่นสง่าอ ยู่กลางทะเลสาบมันสาคร (Man Sagar) ใกล้กับชัยปุระ รัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย โดยพระราชวังแห่งนี้และทิวทัศน์ของทะเลสาบโดยรอบถูกต่อเติมและปรับปรุงโดยมหาราชา สะหวาย ชัย สิงห์ที่ 2 ตัวพระราชวังนั้นสร้างได้อย่างสวยงามตามสถาปัตยกรรมราชปุตและโมกุล ซึ่งสามารถพบได้ทั่วไปในสิ่งก่อสร้างในรัฐราชสถาน โดยพระราชวังนี้นั้นมีความสวยงามเนื่องจากสถานที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบและโดยมีเทือกเขานหาร์การห์ตั้งอยู่เบื้องหลัง ตัวอาคารสร้างโดยใช้หินทรายสีแดง ประกอบด้วยทั้งหมด 5 ชั้นซึ่ง 4 ชั้นล่างจะถูกน้ำท่วมเมื่อทะเลสาบมีระดับน้ำสูงสุด โดยเหลือเพียงชั้นบนสุดซึ่งจะเผยขึ้นมาเหนือน้ำ[1] ฉัตรีซึ่งเป็นยอดหลังคาทรงสี่เหลี่ยมนั้นสร้างในแบบสถาปัตยกรรมเบงกอล ส่วนฉัตรีบริเวณสี่มุมของอาคารนั้นเป็นทรงแปดเหลี่ยม เนื่องจากตั้งอยู่ในน้ำเป็นเวลาอันยาวนานทำให้ฐานของพระราชวังนั้นเริ่มทรุดโทรมลงเนื่องจากกระแสน้ำและน้ำท่วม ทำให้มีการบูรณะเมื่อประมาณ 10-15 ปีที่แล้ว แต่ผลงานที่ได้นั้นมีปัญหาด้านวัตถุดิบที่ใช้ไม่ตรงกับของจริงอิงตามประวัติศาสตร์ค้นคว้าโดยผู้เชี่ยวชาญ โดยล่าสุดได้มีโครงการร่วมฯเพื่อทำการบูรณะครั้งใหญ่ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการโดยรัฐบาลรัฐราชสถาน[2]
ทะเลสาบมันสาคร
[แก้]ทะเลสาบมันสาคร (Man Sagar) ตั้งอยู่บริเวณทิศเหนือของชัยปุระ ระหว่างเมืองหลวงเก่าคือ แอมแมร์ กับชัยปุระซึ่งเป็นเมืองหลักของรัฐราชสถานในปัจจุบัน กินพื้นที่กว้างถึง 300 เอเคอร์ (121 เฮกตาร์) และติดกับเทือกเขาอะราวัลลีทางทิศเหนือ ตะวันตก และตะวันออก ในขณะที่ทางทิศใต้นั้นประกอบด้วยที่ราบสูงที่ไม่มีผู้อยู่อาศัย ป้อมนหาร์การห์ซึ่งตั้งตะหง่านอยู่บนเทือกเขาด้านบนนั้นสามารถมองเห็นทิวทัศน์บริเวณทะเลสาบนี้ได้เป็นอย่างดี รวมถึงทิวทัศน์ของชัยปุระอีกด้วย โดยทะเลสาบแห่งนี้เกิดขึ้นโดยการสร้างเขื่อนเพื่อกั้นข้ามแม่น้ำดาร์ภวาตี (Darbhawati) ระหว่างเทือกเขาขิลาการห์ และเขานหาร์การห์ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 พื้นที่รับน้ำของทะเลสาบนั้นมีขนาดประมาณ 23.5 ตารางกิโลเมตร (9.1 ตารางไมล์) แบ่งเป็นพื้นที่อยู่อาศัยประมาณร้อยละ 50 ที่เหลือเป็นพื้นที่ราบสูงสลับเนินเขาของเทือกเขาอะราวัลลี บริเวณทะเลสาบนี้มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 657.4 มิลลิเมตร (25.88 นิ้ว) ต่อปี (ร้อยละ 90 ของปริมาณน้ำฝนเกิดขึ้นระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายน) บริเวณเขื่อนมีประตูระบายน้ำสำหรับการชลประทานซึ่งเก็บกักน้ำไว้บริเวณอ่างเก็บน้ำ (ซึ่งจำนวนความต้องการใช้น้ำนั้นมีถึง 2,410,000 ลูกบาศก์เมตรในระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม) นอกจากนี้ยังมีกระแสน้ำซึ่งไหลมาจากแม่น้ำพรหมบุตร และนักทะลัย ซึ่งยังมีรายงานถึงน้ำเสียซึ่งไหลมาและยังไม่ได้ถูกบำบัด ซึ่งประกอบด้วยโลหะปนเปื้อนเข้ามายังทะเลสาบด้วย[3][4][5][6]
ในอดีตนั้นทะเลสาบแห่งนี้เคยมีปริมาณน้ำที่น้อยกว่านี้มาก ในปีค.ศ. 1596 ได้มีภัยแล้งเกิดขึ้นจึงมีการขาดแคลนน้ำขึ้นในภูมิภาคแถบนี้ ซึ่งมหาราชาแห่งแอมแมร์นั้นก็มิได้ทรงนิ่งนอนพระราชหฤทัย ทรงให้สร้างเขื่อนเพื่อเก็บกักน้ำสำหรับเมืองแอมแมร์ของพระองค์ โดยเขื่อนนั้นสร้างขึ้นจากดินและหิน ตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันออกของหุบเขาบริเวณร้อยต่อระหว่างหุบเขาแอมแมร์และอมาการห์ ซึ่งต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ได้ถูกปรับปรุงให้เป็นโครงสร้างหินอย่างแข็งแรงจนกระทั่งปัจจุบัน มีขนาดความยาว 300 เมตร (980 ฟุต) และกว้าง 28.5–34.5 เมตร (94–113 ฟุต)โดยมีทางระบายน้ำทั้งหมดสามแห่งสำหรับการชลประทานพื้นที่เกษตรกรรมบริเวณต้นน้ำ ต่อจากนั้นมา ทะเลสาบ เขื่อน และพระราชวังที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบนี้ก็ได้ผ่านการบูรณะมาหลายครั้งในหลายรัชสมัย โดยครั้งสุดท้ายที่ใหญ่ที่สุดนั้นเกิดขึ้นในรัชสมัยของมหาราชา สะหวาย จัย สิงห์ที่ 2 แห่งแอมแมร์ ซึ่งเป็นสมัยที่มีสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์เกิดขึ้นมากที่สุด อาทิเช่น ป้อมแอมแมร์ ป้อมชัยคฤห์ ป้อมนหาร์การห์ ป้อมขิลังการห์ เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันสถานที่เหล่านี้สามารถเดินทางเข้าถึงได้โดยสะดวกโดยทางถนน[6][7][1]
ระเบียงภาพ
[แก้]-
พระราชวังในระหว่างการบูรณะในปีค.ศ. 2008
-
ภายหลังจากการบูรณะเสร็จสิ้นเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2008
-
ชัล มหัล ในเวลากลางวัน
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 "Jal Mahal gets a Rs1000 cr facelift". rediff.com. สืบค้นเมื่อ 2009-09-12.
- ↑ Brown, Lindsay (2008). Rajasthan, Delhi and Agra. Goitare and Jal Mahal. Lonely Planet. p. 160. ISBN 1-74104-690-4, 9781741046908. สืบค้นเมื่อ 2009-09-13.
{{cite book}}
: ตรวจสอบค่า|isbn=
: ตัวอักษรไม่ถูกต้อง (help); ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthor=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) (help) - ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อilfs
- ↑ "Mansagar Lake". Rainwater Harvesting.org. สืบค้นเมื่อ 2009-08-12.
- ↑ "Lake Restoration toward Creating Tourism Infrastructure". Indian Institute of Science: Seminar Proceedings. สืบค้นเมื่อ 2009-09-12.
- ↑ 6.0 6.1 Dr. K.N.Joshi. "Impact of Urbanization on Urban Lake Using High Resolution Satellite Data and GIS(A Case Study of Man Sagar Lake of Jaipur, Rajasthan)" (pdf). Jaipur: Institute of Development Studies. สืบค้นเมื่อ 2009-09-19.[ลิงก์เสีย] อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ "Joshi" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน - ↑ "Tourism deal". Down to Earth: Science and Environment on Line. สืบค้นเมื่อ 2009-09-12.[ลิงก์เสีย]