ข้ามไปเนื้อหา

คลอไตรมาโซล

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
คลอไตรมาโซล
ข้อมูลทางคลินิก
ชื่อทางการค้าCanesten, Camazole, Clomaz, Canasone, others
AHFS/Drugs.comโมโนกราฟ
MedlinePlusa682753
ระดับความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์
  • AU: A
  • C (ยาอม) and B (ยาทา) (US)
ช่องทางการรับยายาทา, ยาอม
รหัส ATC
กฏหมาย
สถานะตามกฏหมาย
  • US: OTC (แบบทา), ℞-only (แบบอม)
ข้อมูลเภสัชจลนศาสตร์
ชีวประสิทธิผลPoor absorption by mouth (lozenge), negligible absorption through intact skin (topical)
การจับกับโปรตีน90%
การเปลี่ยนแปลงยาตับ
ครึ่งชีวิตทางชีวภาพ2 ชั่วโมง
ตัวบ่งชี้
  • 1-[(2-Chlorophenyl)(diphenyl)methyl]-1H-imidazole
เลขทะเบียน CAS
PubChem CID
IUPHAR/BPS
DrugBank
ChemSpider
UNII
KEGG
ChEBI
ChEMBL
ECHA InfoCard100.041.589
ข้อมูลทางกายภาพและเคมี
สูตรC22H17ClN2
มวลต่อโมล344.837 g/mol g·mol−1
แบบจำลอง 3D (JSmol)
  • Clc1ccccc1C(c2ccccc2)(c3ccccc3)n4ccnc4
  • InChI=1S/C22H17ClN2/c23-21-14-8-7-13-20(21)22(25-16-15-24-17-25,18-9-3-1-4-10-18)19-11-5-2-6-12-19/h1-17H checkY
  • Key:VNFPBHJOKIVQEB-UHFFFAOYSA-N checkY
  (verify)
สารานุกรมเภสัชกรรม

คลอไตรมาโซล (Clotrimazole) หรือชื่อทางการค้าคือ คาเนสเทน (Canesten) เป็นยาต้านเชื้อรา ใช้รักษาช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา, เชื้อราแคนดิดิเอสิสในช่องปาก, ผื่นผ้าอ้อมในทารก, โรคเกลื้อน และโรคจำพวกกลาก (อาทิโรคน้ำกัดเท้า) สามารถรับยานี้โดยวิธีการอมหรือโดยการทาที่ผิวหนังหรือทาในช่องคลอด[1]

อาการทั่วไปจากการใช้ยาแบบยาอมได้แก่คลื่นไส้หรือรู้สึกคัน ส่วนยาแบบทาอาจมีปรากฎรอยแดงหรือรอยไหม้ สตรีมีครรภ์สามารถใช้ยานี้แบบรับประทานได้ แต่ยังไม่มีผลศึกษาอย่างจริงจังว่าแบบยาอมจะมีผลต่อทารกหรือไม่ ผู้ที่ตับมีปัญหาควรใช้ยานี้อย่างรอบคอบ

คลอไตรมาโซนถูกคิดค้นในปี ค.ศ. 1969[2] และได้รับการขึ้นบัญชีเป็นยาหลักขององค์การอนามัยโลก[3] และมีวางจำหน่ายเป็นยาสามัญ[1]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 American Society of Health-System Pharmacists (8 February 2016). "Clotrimazole Monograph for Professionals". www.drugs.com. สืบค้นเมื่อ 28 October 2016.
  2. Walker, S. R. (2012). Trends and Changes in Drug Research and Development (ภาษาอังกฤษ). Springer Science & Business Media. p. 109. ISBN 9789400926592.
  3. "WHO Model List of Essential Medicines (19th List)" (PDF). World Health Organization. April 2015. สืบค้นเมื่อ 8 December 2016.