ข้ามไปเนื้อหา

กาวี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กาวี (GAVI)
ก่อตั้ง2000; 24 ปีที่แล้ว (2000)
ประเภทหุ้นส่วนระหว่างรัฐ-เอกชน
สถานะตามกฎหมายดำเนินงานอยู่
จุดเด่นวัคซีนป้องกันโรคในมนุษย์
ที่ตั้ง
บุคลากรหลัก
เซ็ท เบอร์กลีย์, Dagfinn Høybråten, Ngozi Okonjo-Iweala, Anuradha Gupta
เว็บไซต์www.gavi.org

กาวี (อังกฤษ: GAVI หรือชื่อทางการคือ Gavi, the Vaccine Alliance[1] เคยเรียกว่า GAVI Alliance และก่อนหน้านั้น Global Alliance for Vaccines and Immunization[2]) เป็นหุ้นส่วนระหว่างรัฐ-เอกชนที่ทำการเกี่ยวกับสาธารณสุขระดับโลก มีจุดประสงค์เพิ่มการให้ยาคุ้มกันโรคแก่บุคคลต่าง ๆ ในประเทศยากจน[3]

องค์กรส่งเสริมความร่วมมือกันระหว่างประเทศกำลังพัฒนา, ประเทศที่ให้ทุนช่วยพัฒนา, องค์การอนามัยโลก[4], กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ[5], ธนาคารโลก[6], อุตสาหกรรมวัคซีนทั้งในประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา, องค์การวิจัยและเทคโนโลยี, ประชาสังคม, มูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์[7] และผู้ทำการกุศลอื่น ๆ กาวีมีสถานะผู้สังเกตการณ์ในสมัชชาสาธารณสุขโลก (World Health Assembly ตัวย่อ WHA) แห่งสหประชาชาติ

องค์กรได้รับคำยกย่องว่า มีวิธีทำการที่ก้าวหน้า มีประสิทธิภาพ มีกฎระเบียบจุกจิกน้อยกว่าสถาบันของรัฐที่ทำการระหว่างประเทศ เช่น องค์การอนามัยโลก โปรแกรมของกาวีมักให้ผลที่วัดได้ เป็นที่นิยมทางการเมือง อธิบายได้ง่ายโดยมีผลทันการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเสน่ห์สำหรับกลุ่มการเมืองที่หาเสียงเป็นคาบ ๆ[8] แต่ก็ถูกวิจารณ์ว่าให้อำนาจแก่เอกชนผู้เป็นนายทุนในการตัดสินเป้าหมายทางสาธารณสุขในระดับโลกมากเกินไป[8], ให้ความสำคัญก่อนแก่วัคซีนใหม่ ๆ ซึ่งมีราคาสูง โดยให้ทุนและพยายามน้อยกว่าเพื่อขยายการใช้วัคซีนที่มีอยู่แล้วและมีราคาถูก[9] ซึ่งมีผลลบต่อระบบสาธารณสุขในพื้นที่ ๆ[8], ให้เงินอุดหนุนมากเกินไปแก่บริษัทยายักษ์ใหญ่ซึ่งมีกำไรอยู่แล้ว[10] โดยไม่ได้ทำให้ราคาของวัคซีนลดลง และมีการขัดกันแห่งผลประโยชน์เพราะมีบริษัทผลิตวัคซีนในคณะกรรมการขององค์กร[11]

องค์กรก็พยายามทำการเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้[8] การดำเนินการองค์กรจัดเป็นการทำแบบธุรกิจ เน้นเทคโนโลยี เล็งความต้องการของตลาด และมุ่งเน้นผลที่วัดได้ เป็นรูปแบบดำเนินการที่องค์กรทำเพื่อเป็นตัวอย่างโดยมีชื่อต่าง ๆ เช่น "วิธีการของ (บิล) เกตส์" หรือวิธีแบบอเมริกัน[12][8] ซึ่งต่างกับปฏิญญาแอลมาอะตา (Alma Ata Declaration) ซึ่งเน้นผลทางการเมือง สังคม และวัฒนธรรมที่เกิดจากสาธารณสุข[8]

แหล่งทุน

[แก้]

จนถึงเดือนมีนาคม 2019 มูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ได้บริจาคทุนประมาณ 1,560 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท) แก่หุ้นส่วนระหว่างปี 2016-2020[13]

ผู้บริจาคหลัก ๆ ของกาวีคือประเทศพัฒนาแล้ว โดยให้ทุนประมาณ 3/4 ของที่ได้ทั้งหมด มีผู้แทนรัฐของประเทศพัฒนาแล้ว 5 ประเทศในคณะกรรมการของกาวี ปกติเป็นเจ้าหน้าที่จากองค์กรการพัฒนาหรือจากกระทรวงการคลัง[14]

ประเทศนอร์เวย์และสหราชอาณาจักรก็เป็นผู้ให้ทุนสำคัญด้วย

วันที่ 12 พฤษภาคม 2020 เมื่อสภาผู้แทนรัฐบาลกลางแคนาดากำลังดำเนินไปอย่างกะโผลกกะเผลกในการระบาดทั่วของไวรัสโคโรนา พ.ศ. 2562-2563 รัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาการนานาชาติได้เป็นตัวแทนของรัฐบาลกลางประกาศให้ทุน 600 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ประมาณหมื่นสี่พันล้านบาท) แก่กาวี[15]

ประวัติและโปรแกรม

[แก้]
บิล เกตส์ เมื่อพูดในงานรับบริจาคให้กาวีในสหราชอาณาจักรเดือนมิถุนายน 2011

กาวีได้จัดตั้งขึ้นในปี 2000 เป็นองค์กรสืบต่อจากโครงการริเริ่มวัคซีนสำหรับเด็ก (Children's Vaccine Initiative) ซึ่งตั้งขึ้นในปี 1990[16]

ผู้นำ

[แก้]

จูเลียน ล็อบ-เลวิตต์ เป็นประธานบริหารของกาวีระหว่างปี 2004-2010 มีข่าวลือว่าเขาลาออกจากองค์กรเพราะความไม่เห็นด้วยในโปรแกรม health system strengthening (ตัวย่อ HSS คร่าว ๆ หมายถึงการปรับปรุงระบบสาธารณสุขของทั้งประเทศ)[8] เซ็ท เบอร์กลีย์ (Seth Berkley) ได้เป็นประธานบริหารตั้งแต่ปี 2011[17]

ในเดือนสิงหาคม 2014 กาวีได้เปลี่ยนชื่อจาก พันธมิตรกาวี (GAVI Alliance) แล้วสร้างโลโก้ใหม่ซึ่งเลียนตราขององค์การสหประชาชาติอย่างจงใจ แต่มีสีเขียวเป็นข้อต่าง[1]

เจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้เชี่ยวชาญทางสาธารณสุขต่างก็มีข้อวิจารณ์ต่อกาวี และต่อโครงการริเริ่มทางสาธารณสุขโลก (global health initiatives ตัวย่อ GHIs) ที่มีผู้ดำเนินการจากทั้งภาครัฐและเอกชนอื่น ๆ ว่าองค์กรไม่ชอบด้วยกฎหมายทางประชาธิปไตย และไม่มีอำนาจในการตัดสินประเด็นทางสาธารณสุข ผู้ให้ทุนเอกชนสามารถใช้อิทธิพลกับหุ้นส่วนรัฐ-เอกชนเช่นกาวี ได้ง่ายกว่ากับองค์กรของรัฐแท้ ๆ มีข้อวิจารณ์ด้วยว่า เจ้าหน้าที่ของ GHIs มักรับมาทำงานสด ๆ จากสถาบันการศึกษาชั้นนำต่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีประสบการณ์ในระบบสาธารณสุขโดยเฉพาะในประเทศยากจน[8]

เจ้าหน้าที่ขององค์การอนามัยโลกได้วิจารณ์กาวีลับหลังว่า ก้าวก่ายและบั่นทอนอาณัติ/อำนาจที่องค์การอนามัยโลกได้รับมอบหมาย[8]

ปัญหาเกี่ยวกับการปรับปรุงระบบสาธารณสุขของทั้งประเทศ

[แก้]
เจ้าหน้าที่ศูนย์สาธารณสุขในประเทศเอธิโอเปียเหนือเตรียมฉีดวัคซีนโรคหัดที่กาวีมอบให้

เจ้าหน้าที่ของกาวีได้อภิปรายกันอย่างเข้มข้นภายในองค์กรเกี่ยวกับบทบาทขององค์กรกับการให้วัคซีนและการปรับปรุงระบบสาธารณสุขของทั้งประเทศ (health systems strengthening ตัวย่อ HSS) ซึ่งเป็นส่วนของประเด็นทางสาธารณสุขเกี่ยวกับวิธีที่ "เจาะลึก" ซึ่งมักเล็งโรคหรือพฤติกรรมหนึ่ง ๆ โดยเฉพาะ หรือวิธีที่ "เจาะกว้าง" ซึ่งเล็งโปรแกรมกว้าง ๆ เช่นการรักษาในระดับปฐมภูมิ บางพวกกล่าวว่า การให้วัคซีนไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่องโดยไม่ปรับปรุงระบบสาธารณสุข และอ้างโปรแกรมการให้วัคซีนของกาวีเอง ที่การขาดบุคลากร การฝึกหัด การขนส่ง และทุน เป็นตัวขัดขวางการให้วัคซีนและการรายงานถึงความทั่วถึงของการให้วัคซีน และจำนวนวัคซีนที่มีในคลัง ยังมีความกังวลด้วยว่า กาวีกำลังบ่อนทำลายหรือขัดขวางระบบสาธารณสุข พวกอื่นกล่าวว่า HSS เป็นเรื่องที่ทำให้จุดประสงค์โดด ๆ ของกาวีคือการให้วัคซีนไขว้เขว และ HSS ก็เป็นแนวคิดคลุมเครือที่ไม่สามารถนิยามหรือวัดได้[8]

ผู้ให้ทุนสำคัญขององค์กรคือประเทศนอร์เวย์และสหราชอาณาจักรสนับสนุน HSS ส่วนหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐ (USAID) และมูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ (และบิล เกตส์โดยส่วนตัวเอง) ต่อต้าน HSS ผู้เชี่ยวชาญทางวัคซีนโดยมากมักชื่นชอบวิธีทางเทคโนโลยีมากกว่าวิธีตามแนวคิดของ HSS แต่อุตสาหกรรมยาก็สนับสนุน HSS โดยอาจเพราะเห็นว่าเป็นส่วนสำคัญเพื่อสร้างตลาดที่ยั่งยืน ในปี 2005 คณะกรรมการได้ยอมรับเป้าหมายเกี่ยวกับ HSS แม้จะมีเสียงข้างมากน้อย งบประมาณของกาวีเกือบ 1/4 ระบุจำเพาะเรื่องปรับปรุงสมรรถภาพของระบบสาธารณสุขแบบบูรณาการเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันแก่ประชาชน[8] แต่จริง ๆ ก็ใช้เพียงราว ๆ ร้อยละ 10 เท่านั้น[12]

หลังปี 2010 งบประมาณส่วนนี้ได้ให้กับแพลตฟอร์มลงทุนร่วมคือ Health Systems Funding Platform โดยมีข้อแม้ว่า แพลตฟอร์มต้องดำเนินการให้ได้เป้าหมายการให้วัคซีนอย่างทั่วถึง[8] ในกลางคริสต์ทศวรรษ 2010 มีพนักงานขององค์กรน้อยคนที่ทำงานด้าน HSS ข้อวิจารณ์เช่นนี้ว่า องค์กรไม่พยายามแก้ไขภายในองค์กรเอง และการไร้การดำเนินการภายในองค์กรก็ถูกวิจารณ์เช่นกัน ความตกลงกันไม่ได้ค่อนข้างรุนแรง เช่น เมื่อบิล เกตส์มาเยี่ยมสำนักงานใหญ่ พนักงานก็จะซ่อนโปสเตอร์เกี่ยวกับ HSS เพื่อไม่ให้สะกิดใจเขาว่ากาวีก็มีเป้าหมายในเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน[8]

มีผู้อ้างว่า งบประมาณด้าน HSS ขององค์กรในต้นคริสต์ทศวรรษ 2010 ได้นำไปใช้รักษาโรคโดยเฉพาะ ๆ แต่เชิดว่าเป็นส่วนของ HSS[12] การสนับสนุน HSS ในช่วงนี้มักเล็งการเพิ่มสมรรถภาพการให้วัคซีน โดยเฉพาะการสร้างโซ่อุปาทานที่ควบคุมอุณหภูมิ (cold chain)[A] แต่กาวีก็วัดความก้าวหน้าของโครงการ HSS โดยใช้ความทั่วถึงของการให้วัคซีนเป็นค่าวัดอย่างเดียว องค์กรเป็นผู้กำหนดค่าวัดที่ผู้ได้รับทุนขององค์กรต้องรายงาน โดยไม่ยอมให้ประเทศต่าง ๆ ใช้ค่าวัดคล้าย ๆ กันที่เก็บอยู่แล้ว ข้อบังคับนี้ถูกวิจารณ์ว่าเพิ่มภาระและเปลี่ยนความมุ่งหมายของประเทศต่าง ๆ เอง แม้จะมีผู้แทนรัฐบาลในคณะกรรมการองค์กร แต่ก็ไม่มีอำนาจอะไร ผู้แทนรัฐบาลยุโรปท่านหนึ่งกล่าวถึงบรรยากาศการประชุมคณะกรรมการเมื่อกลางคริสต์ทศวรรษ 2010 ว่า "น่ากลัวมาก"[8]

งานวิเคราะห์งบประมาณปี 2016 ของเงินทุนที่องค์กรมอบให้พบว่า งบประมาณเกินครึ่งใช้เพื่อซื้อยา อุปกรณ์ เครื่องใช้สอย และอาคารสถานที่ (อัตราร้อยละ 3 ใช้สำหรับโบนัสและการให้ค่าจ้างเพิ่มเมื่อทำการได้ตามหรือเกินเป้าหมาย[B]) ซึ่งองค์การอนามัยโลกจัดว่าเป็นการลงทุนระยะสั้นและไม่ใช่ HSS ในประเทศที่มีระบบสาธารณสุขด้อยพัฒนา อัตราส่วนก็จะยิ่งสูงกว่านี้ โดยไม่ได้ใช้จ่ายในงานวิจัยดำเนินการ (เพื่อช่วยการตัดสินใจ) เพิ่มใช้ทรัพยากรที่มีอยู่แล้ว หรือพัฒนานโยบายยาหรือวัคซีนประจำชาติ[12] ทุนที่ให้ในบางกรณีใช้สำหรับค่าดำเนินการประจำวัน โดยไม่มีแผนว่าจะทำอย่างไรจึงไม่ต้องขอทุนอีกต่อไป ต่อมาก่อนปี 2018 องค์กรจึงได้จัดงบประมาณสำหรับ HSS ไปใช้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและส่งเสริมปฏิญญาประสิทธิภาพการช่วยเหลือแห่งกรุงปารีส (Paris Declaration for Aid Effectiveness)[20]

การเปลี่ยนราคาและการวางตลาดของวัคซีน

[แก้]

ในปี 2012 รายงานขององค์การแพทย์ไร้พรมแดน (MSF) ได้วิจารณ์กาวีว่า ให้ทุนมากเกินไปเพื่อวัคซีนใหม่ ๆ ที่แพงโดยละเลยไม่สนับสนุนวัคซีนราคาถูกที่มีอยู่แล้วแก่เด็ก ๆ ผู้ให้คำปรึกษาทางนโยบายวัคซีนของ MSF กล่าวว่า "เด็กในโลกร้อยละ 20 ไม่ได้แม้แต่วัคซีนพื้นฐาน"[9] องค์กรวิจารณ์แผนทำการวัคซีนโลก (Global Vaccine Action Plan ตัวย่อ GVAP) ซึ่งเป็นแผนการร่วมมือกันขององค์การอนามัยโลกที่กาวีจัดว่าเป็นผู้นำ ว่าไม่สมบูรณ์เพราะไม่ช่วยเด็กร้อยละ 20 เหล่านั้นรวมจำนวนราว ๆ 19 ล้านคน[21]

วัคซีนรวม 5 อย่าง (pentavalent vaccine)

[แก้]

ในปี 2011 กาวีตั้ง "การกำหนดวิถีทางตลาดของวัคซีนและอุปกรณ์การสร้างภูมิคุ้มกันอื่น ๆ" เป็นเป็นเป้าหมายยุทธการขององค์กร องค์กรใช้เวลานานถึง 15 ปี (ระหว่างปี 2005-2020) กับโปรแกรมวัคซีนรวม 5 อย่าง (pentavalent vaccine) เพื่อปรับตลาดวัคซีนให้เสถียรและให้แข่งขันกันดี โดยราคาวัคซีนก็ได้ตกลงเมื่อแข่งขันกันเพิ่มขึ้น และการตั้งราคาแตกต่างกัน (แล้วแต่ประเทศ) ก็ได้ลดลง องค์กรจะประเมินว่าได้บรรลุเป้าหมายโดยตัวเลขหรือไม่ในปี 2020[22]

วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส

[แก้]

ในปี 2011 องค์การแพทย์ไร้พรมแดน (MSF) แนะนำให้กาวีเปลี่ยนวิธีการซื้อวัคซีน ในเรื่องโปรแกรมการผูกมัดทางตลาดล่วงหน้า (Advance Market Commitment) สำหรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส (pneumococcal vaccine) ซึ่งเท่ากับว่าบริษัทแกล็กโซสมิธไคลน์ (GSK) และไฟเซอร์ได้ทั้งเงินอุดหนุนและค่าวัคซีนป้องกันเชื้อนิวโมคอคคัสต่อหน่วยที่จำหน่าย MSF ได้วิจารณ์ว่าเป็น "สวัสดิการให้บริษัทที่แพงอย่างอื้อฉาวต่อทั้งผู้บริจาคและประชาชนผู้เสียภาษี"[23] (แต่ก็ผูกมัดบริษัทว่าต้องขายวัคซีนอย่างน้อย 30 ล้านหน่วยต่อปีเป็นเวลา 10 ปี[24])

โปรแกรมการผูกมัดทางตลาดล่วงหน้าทำให้องค์กรให้เงินแก่บริษัททั้งสองมากกว่าให้แก่ผู้ผลิตที่ขายของถูกกว่า โดยแลกเปลี่ยนกับการถ่ายโอนเทคโนโลยีและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ MSF กล่าวว่าบริษัทยายักษ์ใหญ่ข้ามชาติบวกกำไรสูงมาก วัคซีนที่ได้รับรองอย่างสากลสามารถผลิตได้โดยบริษัทเล็กกว่าในอินเดียและจีน โดยมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าร้อยละ 40 ถึงแม้จะมีปัญหาเกี่ยวกับสิทธิบัตร การผูกขาดโดยผู้ขายสองรายเช่นนี้ก่อการตั้งราคาแตกต่างกัน นอกจากจะขายวัคซีนให้กาวีในราคาสูงกว่าเล็กน้อยแล้ว บริษัทยังขายวัคซีนในราคาที่จ่ายไม่ไหว (คือประมาณ 10 เท่าที่ขายให้กาวี) แก่ประเทศด้อยพัฒนาแต่มีรายได้ปานกลาง (เช่น ประเทศไทย[C]) ที่มีรายได้เกินกว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากกาวี[23] MSF ยังชี้ที่ความสำแร็จของโปรแกรม adapted vaccine ซึ่งทำให้วัคซีนส่งไปยังเขตชนบทได้ง่าย (คือไม่ต้องมีโซ่อุปาทานที่รักษาอุณหภูมิวัคซีน[A]ไว้ได้ มีข้อจำกัดทางอายุน้อยกว่า ฉีดน้อยครั้งกว่า ราคาถูกกว่าเป็นต้น) MSF แนะนำให้กาวีใช้งบประมาณกับ adapted vaccine และในการเพิ่มการแข่งขัน แทนที่จะให้เงินอุดหนุนแก่บริษัทยายักษ์ใหญ่[10]

กาวีตกลงกับสิ่งที่ MSF กล่าว แต่รู้สึกเสียใจว่า MSF ได้พูดถึงเรื่องนี้อย่างเปิดเผยทั้ง ๆ ที่เป็นสมาชิกคณะกรรมการขององค์กรเอง กาวีแก้ว่า ราคาถูกต้องมีการซื้อขายจำนวนมากที่เสถียร และต้องได้ "การพิจารณาอย่างรอบคอบและการสนับสนุนของผู้สนับสนุนที่สำคัญ"[26]

ในเดือนมกราคม 2015 MSF ยังได้ร้องเรียกให้ทั้งบริษัท GSK และไฟเซอร์ลดราคาวัคซีนป้องกันเชื้อนิวโมคอคคัสให้เหลือแค่ 5 ดอลลาร์สหรัฐต่อเด็กหนึ่งคน (ประมาณ 162 บาท) ในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งองค์กรประเมินว่าพอสมควรแล้ว[27] ต่อมาวันที่ 27 มกราคม องค์กรตอบสนองต่อสัญญาของไฟเซอร์ว่าจะลดราคาร้อยละ 6 ให้เหลือ 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อเด็กหนึ่งคนโดยชี้ว่า บริษัททั้งสองได้รับเงิน 21 ดอลลาร์ (ประมาณ 682 บาท) ต่อเด็กหนึ่งคนถ้ารวมเงินอุดหนุนจากกาวี และการลดราคาตามที่บริษัทว่าก็ไม่ได้เปลี่ยนสมรรถภาพการซื้อวัคซีนอย่างสำคัญของประเทศที่มีรายได้เกินกว่าที่กาวีจะช่วยเหลือแต่จนเกินกว่าที่จะซื้อวัคซีน[28] และยังกล่าวว่า ไฟเซอร์ได้กำไร 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณห้าแสนล้านบาท) จากวัคซีนป้องกันเชื้อนิวโมคอคคัสใน 4 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น บริษัทจึงสามารถลดราคายิ่งกว่านี้ได้[29] ในต้นปี 2016 MSF ได้ทำการรณรงค์มีชื่อว่า "A fair shot" (การฉีดยาที่ยุติธรรม) เพื่อกดดันให้บริษัททั้งสองลดราคา[30] ไฟเซอร์แก้ว่า ตนกำลังขายวัคซีนในราคาที่ต่ำกว่าทุนมาก ส่วน GSK กล่าวว่าราคาที่ขายประมาณเท่ากับทุนที่ผลิต และ "การลดราคายิ่งกว่านี้จะเป็นอันตรายต่อความสามารถของเราในการขายยาให้กับประเทศเหล่านี้ในระยะยาว"[31]

บิล เกตส์ตอบสนองต่อ MSF ว่า "ผมคิดว่า มีองค์กรที่เยี่ยมในเรื่องเกือบทุกเรื่อง แต่ทุกครั้งที่เราระดมทุนเพื่อช่วยชีวิตเด็กยากจน พวกเขาก็จะแถลงข่าวกล่าวว่า ราคาของสิ่งเหล่านี้ควรจะเป็นศูนย์" เขากล่าวว่า การวิจารณ์ราคาบริษัทยาเป็นการกีดกั้นบริษัทไม่ให้ลงทุนกับยาที่ผลิตสำหรับประเทศกำลังพัฒนา และจริง ๆ แล้ว ควรยกย่องบริษัทยาที่ตั้งราคายาแตกต่างกัน (แล้วแต่ลูกค้า) เพราะว่า "เราได้สิ่งเหล่านี้ที่ดีในราคาที่ดีอันตั้งเป็นชั้น ๆ... และนั่นเป็นวิธีที่เราสามารถลดการตายในวัยเด็กได้เป็นครึ่ง" เขายังสนับสนุนให้ปรับปรุงโซ่อุปาทานที่ควบคุมอุณหภูมิ[A]ในประเทศกำลังพัฒนา[32]

ในเดือนสิงหาคม 2019 MSF ก็ร้องเรียกให้กาวียุติให้เงินอุดหนุนตามโปรแกรมการผูกมัดทางตลาดล่วงหน้าแก่บริษัททั้งสองอีกซึ่ง MSF จัดว่าเป็นการผูกขาดโดยผู้ขายสองราย (duopoly) และให้ซื้อวัคซีนจากผู้ผลิตรายที่สามคือสถาบันเซรุ่มอินเดีย (Serum Institute of India) ซึ่งขายวัคซีนในราคา 2/3 ของที่บริษัททั้งสองขาย เพราะวัคซีนป้องกันเชื้อนิวโมคอคคัสใช้งบประมาณซื้อวัคซีนของกาวีร้อยละ 40 การได้ลดราคาร้อยละ 33 ย่อมทำให้องค์กรประหยัดเงินเป็นพัน ๆ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประหยัดงบประมาณซื้อวัคซีนไปร้อยละ 13[D]) ปอดบวมเป็นโรคฆ่าเด็กเกิน 1/4 ก่อนอายุถึง 5 ขวบซึ่งเกือบถึงล้านคนต่อปี MSF อ้างว่า ราคาของบริษัททั้งสองเอารัดเอาเปรียบซึ่งทำให้เด็กเป็นล้าน ๆ คนเสี่ยงตาย[33] ในเดือนธันวาคม 2019 องค์กรก็ยืนยันร้องขอเช่นนี้อีก โดยชี้ว่า วัคซีนป้องกันเชื้อนิวโมคอคคัสของบริษัททั้งสองมักมีราคาถึง 80 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,500 บาท) สำหรับประเทศมีรายได้ปานกลางที่ไม่จนพอได้รับการสนับสนุนจากกาวี[34] (ในเดือนกรกฎาคม 2020 อยู่ที่ประมาณ 1,114 และ 2,357 บาทในประเทศไทย[35])

ในเดือนมกราคม 2020 MSF ก็ได้ร้องขอให้กาวีซื้อเหมาวัคซีนป้องกันเชื้อนิวโมคอคคัสที่ราคาถูกกว่า และให้วัคซีนกับเด็กเกินกว่า 55 ล้านคนที่ยังไม่ได้วัคซีน[36] โดยยังร้องไปยังองค์การอนามัยโลก กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ และมูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ด้วย และกล่าวว่า กาวีควรจะทำการยิ่งกว่านี้เพื่อลดราคาวัคซีน[37]

การระบาดทั่วของไวรัสโคโรนา

[แก้]

ประธานบริหารของกาวีคือเซ็ท เบอร์กลีย์ได้ให้ข้อสังเกตว่า การตอบสนองของโลกต่อการระบาดทั่วของไวรัสโคโรนา พ.ศ. 2562-2563 เริ่มต้นค่อนข้างดี แต่ก็เตือนว่าจำเป็นต้องประสานงานการผลิตสิ่งที่จำเป็นในระดับโลก เขาเสนอว่า การตอบสนองต่อโรคระบาดทั่วจำเป็นต้องมาจากทั่วโลก โดยสถานที่ที่ใช้อำนวยการส่วนต่าง ๆ ของกระบวนการควรจะรวมเข้าเป็นส่วนของโครงการระดับโลก เขาหวังว่า ประเทศกลุ่ม 20 ควรทำงานร่วมกันโดยมีงบประมาณเป็นหมื่น ๆ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และประเทศแต่ละประเทศ ๆ ควรเตรียมตัวให้แบ่งวัคซีนส่งไปยังเขตที่จัดว่า จำเป็นมากที่สุด[38]

โปรแกรมวัคซีน

[แก้]

กาวีสนับสนุนวัคซีนดังต่อไปนี้คือ[39]

วัคซีน โรค
วัคซีนฮิวแมนแพปพิลโลมาไวรัส ฮิวแมนแพปพิลโลมาไวรัส
วัคซีนโรคโปลิโอ โรคโปลิโอ
วัคซีนไวรัสสมองอักเสบญี่ปุ่น ไวรัสสมองอักเสบญี่ปุ่น (Japanese encephalitis)
Meningococcal vaccine Neisseria meningitidis (Meningitis A vaccine)
วัคซีนโรคหัดและโรคหัดเยอรมัน โรคหัด / วัคซีนโรคหัด, โรคหัดเยอรมัน / วัคซีนโรคหัดเยอรมัน
วัคซีนป้องกันเชื้อนิวโมคอคคัส (pneumococcal vaccine) Streptococcus pneumoniae
วัคซีนไข้รากสาดน้อย ไข้รากสาดน้อย
วัคซีนอหิวาตกโรค อหิวาตกโรค
วัคซีนโรตาไวรัส โรตาไวรัส
วัคซีนไข้เหลือง ไข้เหลือง
วัคซีนรวม 5 อย่าง (pentavalent vaccine) โรคคอตีบ, บาดทะยัก, โรคไอกรน, Haemophilus influenzae / haemophilus influenza vaccine (haemophilus influenza Type B), ตับอักเสบ บี

เชิงอรรถ

[แก้]
  1. 1.0 1.1 1.2 โซ่อุปาทานที่ควบคุมอุณหภูมิ (cold chain) เป็นโซ่การปรับอุณหภูมิที่ไม่ขาดเริ่มตั้งแต่การผลิต การเก็บในคลังสินค้า การจำหน่ายสินค้า ซึ่งรวมอุปกรณ์และโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องกัน เพื่อรักษาอุณหภูมิให้ต่ำในพิสัยที่ต้องการ มันใช้รักษาและยืดอายุคุณภาพสินค้าของผลิตภัณฑ์ เช่น ผลิตภัณฑ์เกษตร[18] อาหารทะเล อาหารแช่แข็ง ฟิล์มถ่ายรูป สารเคมี และยา[19] ไม่เหมือนกับสินค้าและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ สินค้าเหล่านี้เสียได้ และจัดว่าเป็นสินค้ากำลังขนส่งหรือบรรทุกตลอดจนกระทั่งถึงที่หมาย แม้เมื่อเก็บไว้ชั่วคราวในห้องเย็น
  2. งบประมาณการพัฒนาบุคลากรและสมรรถนะการทำงานอยู่ที่อัตราร้อยละ 22 โดยอัตราร้อยละ 15.8 ใช้เป็นเงินโบนัส[12]
  3. จัดเป็นประเทศมีรายได้ปานกลางระดับสูง (เทียบกับระดับต่ำ) โดยธนาคารโลกสำหรับปี 2021[25]
  4. 1/3 ของ 40% เท่ากับ 13.3333...%

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 Ravelo, Jenny Lei (2014-11-10). "The evolution of global health's 'best-kept secret'". Devex. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-03-21. สืบค้นเมื่อ 2017-01-25.
  2. "GAVI - The Global Alliance for Vaccines and Immunizations". WHO. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-06. สืบค้นเมื่อ 2020-01-15.
  3. Boseley, Sarah (2011-11-17). "Green light from Gavi for cervical cancer vaccine". Guardian. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-03-16. สืบค้นเมื่อ 2014-04-29.
  4. "GAVI Alliance". WHO. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-10. สืบค้นเมื่อ 2020-01-15.
  5. "Supplies and Logistics - GAVI". UNICEF. 2007-04-09. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-03-16. สืบค้นเมื่อ 2013-01-27.
  6. "The World Bank's Partnership with the GAVI Alliance". World Bank Group. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-01-15. สืบค้นเมื่อ 2020-01-15.
  7. "What We Do -VACCINE DELIVERY- Strategy Overview". Bill&Melinda Gates Foundation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-02-06. สืบค้นเมื่อ 2020-01-15.
  8. 8.00 8.01 8.02 8.03 8.04 8.05 8.06 8.07 8.08 8.09 8.10 8.11 8.12 8.13 Storeng, Katerini T (2014-09-14). "The GAVI Alliance and the 'Gates approach' to health system strengthening". Global Public Health. 9 (8): 865–879. doi:10.1080/17441692.2014.940362. PMC 4166931. PMID 25156323.
  9. 9.0 9.1 Paulson, Tom (2012-05-15). "Doctors Without Borders criticizes Gates-backed global vaccine strategy". Humanosphere. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-13. Twenty percent of the world’s children aren’t even getting the basic vaccines
  10. 10.0 10.1 "GAVI money welcome but could it be more wisely spent?". Médecins Sans Frontières (MSF) International (ภาษาอังกฤษ). 2011-06-14. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-15.
  11. "Pneumococcal Vaccine is Launched in Africa, But Are Donors Getting a Fair Deal from Companies?". Doctors Without Borders - USA (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-16.
  12. 12.0 12.1 12.2 12.3 12.4 Tsai, Feng-Jen; Lee, Howard; Fan, Victoria Y (2016). "Perspective and investments in health system strengthening of Gavi, the Vaccine Alliance: a content analysis of health system strengthening-specific funding". International Health. 8 (4): 246–252. doi:10.1093/inthealth/ihv063. PMC 6281386. PMID 26612851.
  13. "The Bill & Melinda Gates Foundation". Gavi, The Vaccine Alliance. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-07-04. สืบค้นเมื่อ 2019-07-04.
  14. "Industrialised country governments". GAVI. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-20.
  15. Gilmore, Rachel (2020-05-12). "Feds pump more funds into global effort to increase vaccine access". CTV News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-30.
  16. "Gavi - About". gavi.org. GAVI. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-01-29. สืบค้นเมื่อ 2017-10-24.
  17. "BACK TO GAVI SECRETARIAT Dr Seth Berkley". www.gavi.org. GAVI. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-21. สืบค้นเมื่อ 2020-01-15.
  18. Kohli, Pawanexh. "Fruits and Vegetables Post-Harvest Care: The Basics" (PDF). CrossTree techno-visors. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-01-14.
  19. Gyesley, S. W. (1991). "Total Systems Approach to Predict Shelf Life of Packaged Foods". ASTM STP 1113-EB.
  20. Mimche, Honoré; Squires, Ellen; Miangotar, Yodé; Mokdad, Ali; El Bcheraoui, Charbel (2018). "Resource Allocation Strategies to Increase the Efficiency and Sustainability of Gavi's Health System Strengthening Grants". The Pediatric Infectious Disease Journal. 37 (5): 407–412. doi:10.1097/INF.0000000000001848. PMC 5916462. PMID 29278610.
  21. "Global vaccine plan draws criticism". Nature News Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-12.
  22. Malhame, Melissa; Baker, Edward; Gandhi, Gian; Jones, Andrew; Kalpaxis, Philipp; Iqbal, Robyn; Momeni, Yalda; Nguyen, Aurelia (2019-07-18). "Shaping markets to benefit global health - A 15-year history and lessons learned from the pentavalent vaccine market". Vaccine: X. 2: 100033. doi:10.1016/j.jvacx.2019.100033. PMC 6668221. PMID 31384748.
  23. 23.0 23.1 "Gavi must stop giving millions in subsidies to Pfizer and GSK for pneumococcal vaccine". Doctors Without Borders - USA (ภาษาอังกฤษ). 2019-12-03. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-12.
  24. "Pneumococcal Vaccine is Launched in Africa, But Are Donors Getting a Fair Deal from Companies?". Doctors Without Borders - USA (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-16.
  25. "World Bank Country and Lending Groups". ธนาคารโลก. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-07-11. สืบค้นเมื่อ 2020-07-04.
  26. "GAVI responds to MSF campaign". www.gavi.org (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-13.
  27. "Access: MSF calls on GSK and Pfizer to slash pneumo vaccine price to $5 per child for poor countries ahead of donor meeting". Médecins Sans Frontières (MSF) International (ภาษาอังกฤษ). 2015-01-20. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-12.
  28. "MSF responds to Pfizer announcement of pneumococcal vaccine price reduction". Médecins Sans Frontières (MSF) International (ภาษาอังกฤษ). 2015-01-27. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-13.
  29. Boseley, Sarah (2015-01-26). "Vaccine price cut pledge not enough, critics tell Pfizer". the Guardian (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-09-18.
  30. "A fair shot campaign". A fair shot. Médecins Sans Frontières (MSF) International. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-17.
  31. Boseley, Sarah (2015-01-20). "Pharmaceutical companies told to slash price of pneumococcal disease vaccine". The Guardian. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-06-17.
  32. Boseley, Sarah (2015-01-27). "Bill Gates dismisses criticism of high prices for vaccines". The Guardian. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-05-29.
  33. "Gavi should stop awarding special funds to Pfizer and GSK for pneumonia vaccine". MSF (ภาษาอังกฤษ). 2019-08-26. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-12.
  34. "Gavi must stop giving millions in subsidies to Pfizer and GSK for pneumonia vaccine". Doctors Without Borders - USA (ภาษาอังกฤษ). 2019-12-03. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-12.
  35. "Available vaccines in our clinic and Price list". Thai Travel Clinic Hospital for Tropical Diseases Faculty of Tropical Medicine, Mahidol University. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-24. สืบค้นเมื่อ 2020-07-14.
  36. "MSF urges Gavi to work for more children to a get new, more affordable pneumonia vaccine". MSF (ภาษาอังกฤษ). 2020-01-21. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-12.
  37. "Gavi must work to ensure more children get new, more affordable pneumonia vaccine". Médecins Sans Frontières (MSF) International (ภาษาอังกฤษ). 2020-01-21. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-22.
  38. Seth Berkley: interview BBC Radio 4 8:46 am 11 April 2020
  39. "Vaccine support". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-29. สืบค้นเมื่อ 2020-03-12.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]