การมองเห็นพร่ามัว
การมองเห็นพร่ามัว | |
---|---|
สาขาวิชา | จักษุวิทยา, การตรวจสายตา |
สาเหตุ | ข้อผิดพลาดการหักเหของแสง |
การมองเห็นพร่ามัว เป็นอาการทางตาที่ทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจน และยากที่จะเห็นรายละเอียดเล็ก ๆ ได้อย่างชัดเจน
อาการการมองเห็นพร่ามัวชั่วคราวอาจเกิดจากตาแห้ง การติดเชื้อทางตา ภาวะพิษสุราเรื้อรัง ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือความดันโลหิตต่ำ อาการเหล่านี้อาจเชื่อมโยงกับโรคหรือภาวะทางสุขภาพอื่น ๆ เช่น ข้อผิดพลาดในการหักเหแสง ได้แก่ สายตาสั้น สายตายาวขั้นสูง สายตาเอียง สายตาขี้เกียจ สายตายาวตามวัย สายตาสั้นหลอก เบาหวาน ต้อกระจก โรคโลหิตจางจากการขาดวิตามินบี 12 การขาดวิตามินบี12 การขาดไทอามีน ต้อหิน จอประสาทตาเสื่อม ภาวะวิตามินเอเกิน ไมเกรน โรคโชเกรน ฝ้าในตา จอตาเสื่อม และอาจเป็นสัญญาณของโรคหลอดเลือดสมองหรือเนื้องอกในสมองได้[1][2][3]
สาเหตุ
[แก้]มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้เกิดอาการมองเห็นพร่ามัว ดังนี้:
- ข้อผิดพลาดในการหักเหแสง: ข้อผิดพลาดที่ไม่ได้รับการแก้ไข เช่น สายตาสั้น สายตายาวขั้นสูง และสายตาเอียง ทำให้มองเห็นระยะไกลไม่ชัด[1] ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของภาวะสายตาพิการทั่วโลก[2] อาการเบลอที่เกิดจากข้อผิดพลาดเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยเลนส์สายตา หรือการผ่าตัดแก้ไขสายตา[1]
- สายตายาวตามวัย: เกิดจากความสามารถในการเพ่งสายตาลดลงตามอายุ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้สูงอายุมีปัญหาการมองเห็นระยะใกล้[3]
- สายตาสั้นหลอก: เกิดจากปัญหาการเพ่ง เช่น การเพ่งเกินหรือตะคริวของกล้ามเนื้อเพ่ง ส่งผลให้มองระยะไกลไม่ชัด[3]
- การมึนเมาจากแอลกอฮอล์ อาจทำให้มองเห็นไม่ชัด
- ยาที่มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อเพ่งตายตัว เช่น อโทรปิน หรือยาanticholinergics อื่น ๆ [4] ทำให้มองเห็นไม่ชัดเนื่องจากการกล้ามเนื้อเพ่งตาเป็นอัมพาต[3]
- ต้อหิน: การเพิ่มขึ้นของความดันลูกตา ทำให้เกิดความเสียหายต่อเส้นประสาทตา และอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นหากไม่ได้รับการรักษา[6]
- เบาหวาน: น้ำตาลในเลือดที่ควบคุมได้ไม่ดีอาจทำให้เลนส์ตาบวมชั่วคราว ส่งผลให้มองเห็นอาการมองเห็นพร่ามัว
- โรคประสาทตา : หากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อจอตา และสูญเสียการมองเห็นได้
- โรคจอตาเสื่อม: ส่งผลต่อการมองเห็นส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการเบลอ โดยเฉพาะเวลาอ่านหนังสือ
สาเหตุอื่น ๆ ของอาการมองเห็นอาการมองเห็นพร่ามัว
- การติดเชื้อในตา หรือการอักเสบ เช่น เยื่อบุตาอักเสบ หรือม่านตาอักเสบ
- ซินโดรมโจเกรน: โรคเรื้อรังที่ระบบภูมิคุ้มกันทำลายต่อมผลิตความชุ่มชื้น เช่น ต่อมน้ำตา ส่งผลให้ตาแห้งและมองเห็นไม่ชัด[7]
- การอักเสบของเส้นประสาทตา (Optic neuritis): พบในโรคmultiple sclerosis อาจทำให้เกิดการมองเห็นไม่ชัด และเจ็บเมื่อกรอกลูกตา[8]
- หลอดเลือดสมองตีบตันชั่วคราว หรือหลอดเลือดสมอง: ส่งผลต่อการมองเห็นส่วนปลาย
- มะเร็งสมอง: อาจส่งผลต่อการประมวลผลของการมองเห็น
- ภาวะพิษคาร์บอนมอนอกไซด์: การได้รับก๊าซพิษนี้ทำให้การไหลเวียนของออกซิเจนลดลง ซึ่งมีผลต่อการมองเห็น[9]
- ไมเกรน: อาการไมเกรนอาจเริ่มต้นด้วยอาการเห็นแสงกระพริบ คลื่นแสง หรือแสงซิกแซก
อาการและการสังเกตที่เกี่ยวข้อง
[แก้]- ภาวะกระพริบตาไม่เพียงพอ ทำให้ความชื้นในฟิล์มน้ำตาไม่สม่ำเสมอ
- ภาวะเลือดออกในลูกตา
การวินิจฉัย
[แก้]ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยา หากมีอาการเบลอเฉียบพลันหรือเกิดร่วมกับอาการอื่น เช่น ปวดตา มองไม่เห็นสี หรือเห็นเงาผิดปกติ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น จอตาลอก หรือต้อหินขั้นรุนแรง
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 Khurana, A. K. (2003). Comprehensive Ophthalmology. New Age International Publishers. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ "Khurana-Opt1" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน - ↑ 2.0 2.1 American Academy of Ophthalmology. (2023). Vision Symptoms: Blurred Vision. Retrieved from www.aao.org อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ ":0" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน - ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 Khurana, A. K. (2008). Theory and Practice of Optics and Refraction. Elsevier. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ "Khurana-Opt2" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน - ↑ Rang, H.P. (2003). Pharmacology. Edinburgh: Churchill Livingstone. p. 147. ISBN 0443071454.
- ↑ John F., Salmon (2020). "Lens". Kanski's Clinical Ophthalmology : A Systematic Approach (9th ed.). Edinburgh: Elsevier. ISBN 978-0-7020-7713-5.
- ↑ John F., Salmon (2020). "Glaucoma". Kanski's Clinical Ophthalmology : A Systematic Approach (9th ed.). Edinburgh: Elsevier. ISBN 978-0-7020-7713-5.
- ↑ Coursey, Terry G; de Paiva, Cintia S (2014-08-04). "Managing Sjögren's Syndrome and non-Sjögren Syndrome dry eye with anti-inflammatory therapy". Clinical Ophthalmology. 8: 1447–1458. doi:10.2147/OPTH.S35685. ISSN 1177-5467. PMC 4128848. PMID 25120351.
- ↑ John F., Salmon (2020). "Neuro-ophthalmology". Kanski's Clinical Ophthalmology : A Systematic Approach (9th ed.). Edinburgh: Elsevier. ISBN 978-0-7020-7713-5.
- ↑ "Carbon Monoxide - Vermont Department of Health". healthvermont.gov. สืบค้นเมื่อ 2015-09-18.