จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กาพย์ฉบัง หมายถึง คำประพันธ์ประเภทกาพย์ บทหนึ่งมีเพียงหนึ่งบาท บาทละ 3 วรรค บังคับจำนวนคำและสัมผัส ไม่มีบังคับเอก-โท หรือครุ-ลหุ กาพย์ฉบังที่กวีนิยมใช้ในวรรณกรรมตั้งแต่โบราณคือ กาพย์ฉบัง 16
คนเรา เคยเชื่อกันว่ากาพย์เป็นคำประพันธ์ที่ดัดแปลงมาจากฉันท์ แต่สำหรับ กาพย์ฉบัง นี้ไม่ปรากฏว่ามาจากฉันท์ชนิดใด และไม่เหมือนกาพย์ชนิดใดในตำรากาพย์ ขณะที่สุจิตต์ วงษ์เทศ ระบุว่ากาพย์ฉบังเป็นฉันทลักษณ์เขมร โดย ฉบัง มีรากจากคำเขมรว่า “จฺบำง” หรือ “จํบำง” (ไทยใช้ว่า จำบัง) แปลว่า รบ, สงคราม แต่กวีเขมรบรรยายฉากสงคราม, เคลื่อนทัพ, สู้รบ ด้วยฉันทลักษณ์ที่เขมรเรียกบทพํโนล(ปุมโนล) แล้วไทยเรียกฉบัง[1]
ในจินดามณีมีข้อความว่า
จ ○○○○○○ ○○○○ ○○○○○○ ฯ 16 ฉบัง
โคลสิงฆฉันท์ ฯ มิได้กำหนด ครุ ลหุ แลนิยมแต่กลอนฟัดกันอย่างกาพย
เมื่อพิจารณากาพย์ตัวอย่างแล้วฉันทลักษณ์ก็คือ กาพย์ฉบัง 16 นั่นเอง[2] ส่วนคำว่า โคลงสิงฆฉันท์ น่าจะเป็นชื่อวรรณกรรมที่ยกมาเป็นตัวอย่าง
นอกจากนี้ในจินดามณี ยังปรากฏรูปแบบกาพย์ฉบังอีก 2 ชนิด[3] จากที่ระบุว่า
๏ ○○○○○○ ○○○○ ○○○○○○○○ ฯ 18
ชื่อฉันทฉบำดำเนอรกลอน 4
และ
๏ ○○○○○○○ ○○○○○ ○○○○○○ ฯ 18
ฉันทฉบำดำเนอรกลอน 5 ฯ
เมื่อพิจารณากาพย์ตัวอย่างแล้วฉันทลักษณ์เป็นกาพย์ฉบัง 18 แต่การจัดวรรคต่างกัน คำว่าดำเนอรกลอน 4 หมายถึงการรับสัมผัสคำที่ 4 ของวรรคที่สอง และดำเนอรกลอน 5 หมายถึงการรับสัมผัสคำที่ 5 ของวรรคที่สองนั่นเอง
หนึ่งบทมี 16 คำ 3 วรรค วรรคละ 6 - 4 - 6 คำตามลำดับ บังคับสัมผัสท้ายวรรคแรกกับวรรคที่สอง สัมผัสระหว่างบทส่งจากคำสุดท้ายบทแรก ไปยังคำท้ายวรรคแรกในบทต่อไป ดังตัวอย่าง
๏ นกกดสองสิ่งเสียงหวาน
|
|
ไก่เถื่อนอันตรกาน
|
อเนกในไพรสณฑ์
|
|
|
๏ กวักกว่าเปล้าปล่าโจษจล
|
|
ออกเอี้ยงอลวล
|
ก็ร้องวางเวงเวหา
|
|
|
๏ ซังแซวเหยี่ยวรุ้งเร้นกา
|
|
จับจอมพฤกษา
|
สรหล้ายสรหลมซมกัน
|
|
|
๏ สาลิกาแขกเต้าขานขัน
|
|
บันลิงลายพรรณ
|
เพียงพบูมแมนเขียน
|
|
|
— มหาชาติคำหลวง กัณฑ์มหาพน
|
กวีอาจเพิ่มสัมผัสระหว่างวรรคที่ 2 กับวรรคที่ 3 เพื่อเพิ่มความไพเราะก็ได้ ดังตัวอย่าง
๏ เห็นกวางย่างเยื้องชำเลืองเดิน
|
|
เหมือนอย่างนางเชิญ
|
พระแสงสำอางข้างเคียง
|
|
|
๏ เขาสูงฝูงหงส์ลงเรียง
|
|
เริงร้องซ้องเสียง
|
สำเนียงน่าฟังวังเวง
|
|
|
๏ กลางไพรไก่ขันบรรเลง
|
|
ฟังเสียงเพียงเพลง
|
ซอเจ้งจำเรียงเวียงวัง
|
|
|
๏ ยูงทองร้องกระโต้งโห่งดัง
|
|
เพียงฆ้องกลองระฆัง
|
แตรสังข์กังสะดาลขานเสียง
|
|
|
๏ กะลิงกะลางนางนวลนอนเรียง
|
|
พระยาลอคลอเคียง
|
แอ่นเอี้ยงอีโก้งโทงเทง
|
|
|
— กาพย์พระไชยสุริยา
|
กาพย์ฉบัง 18 แบบสัมผัสคำที่ 4
[แก้]
หนึ่งบทมี 18 คำ 3 วรรค วรรคละ 6 - 4 - 8 คำตามลำดับ บังคับสัมผัสท้ายวรรคแรกกับวรรคที่สอง สัมผัสระหว่างบทส่งจากท้ายวรรคแรก ไปยังท้ายวรรคแรกในบทต่อไป ดังตัวอย่าง
๏ เมื่อนั้นเบื้องบั้นเขียวขาว
|
|
หมอกมัวดินดาว
|
ครวนชรอ่ำชรอื่อลมฝน
|
|
|
๏ ฟ้าฟื้นหลั่งหล่อโชรชล
|
|
อับแสงสุริยพล
|
คะค้ฤนคึกกึกกเกรอกเวหา ฯ
|
|
|
— จินดามณี
|
กาพย์ฉบัง 18 แบบสัมผัสคำที่ 5
[แก้]
หนึ่งบทมี 18 คำ 3 วรรค วรรคละ 7 - 5 - 6 คำตามลำดับ บังคับสัมผัสท้ายวรรคแรกกับวรรคที่สอง สัมผัสระหว่างบทส่งจากท้ายวรรคแรก ไปยังท้ายวรรคแรกในบทต่อไป ดังตัวอย่าง
๏ บัดนั้นอินทราธิบดี
|
|
ใช้เทพสารถี
|
ชื่อมาตลีลิลา
|
|
|
๏ เอารถม้าแมนลงมา
|
|
ถวายสมเด็จราชา
|
ธิราชกลางรณรงค์
|
|
|
๏ รถนี้รถอินทรบรรยงก์
|
|
ตรัสใช้ตูข้าลง
|
มาถวายสมเด็จราชา ฯ
|
|
|
— ราชาพิลาปคำฉันท์
|
- ↑ สุจิตต์ วงษ์เทศ. กาพย์ฉบัง ฉันทลักษณ์เขมร วรรณคดียุคต้นอยุธยา. มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับประจำวันศุกร์ที่ 20 เมษายน 2555.
- ↑ สุภาพร มากแจ้ง. กวีนิพนธ์ไทย 1. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์, 2535.
- ↑ ศิลปากร, กรม. จินดามณี. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ บรรณาคาร, 2543.