ข้ามไปเนื้อหา

กันเนาช์

พิกัด: 27°04′N 79°55′E / 27.07°N 79.92°E / 27.07; 79.92
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กันเนาช์
นคร
อันนาปูรณมนเทียร กันเนาช์
อันนาปูรณมนเทียร กันเนาช์
สมญา: 
เมืองหลวงน้ำหอมของอินเดีย
กันเนาช์ตั้งอยู่ในประเทศอินเดีย
กันเนาช์
กันเนาช์
กันเนาช์ตั้งอยู่ในรัฐอุตตรประเทศ
กันเนาช์
กันเนาช์
พิกัด: 27°04′N 79°55′E / 27.07°N 79.92°E / 27.07; 79.92
ประเทศ อินเดีย
รัฐอุตตรประเทศ
อำเภอกันเนาช์
ความสูง139 เมตร (456 ฟุต)
ประชากร
 (2011)
 • ทั้งหมด84,862 คน
เดมะนิมKannauji, Kannaujwale
เขตเวลาUTC+5:30 (IST)
ทะเบียนพาหนะUP-74

กันเนาช์ (ฮินดี: कन्नौज; Kannauj) ออกเสียงในภาษาฮินดูสถานว่า กันน็อจ ([kənːɔːd͡ʒ]) เป็นนครโบราณและศูนย์กลางการปกครองของอำเภอกันเนาช์ รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ชื่อ กันเนาช์ มีที่มาจากชื่อเดิม กานยะกุพชะ (ฮินดี: कान्यकुब्ज; Kanyakubja)[1] ในสมัยพระเวทโบราณ เมืองนี้เป็นราชธานีของราชอาณาจัดรปัญจาละ ในรัชสมัยของกษัตริย์วัชรายุธ (Vajrayudha)[2][3] ในอินเดียยุคกลาง เป็นราชธานีของราชอาณาจักรกันเนาช์ซึ่งมีหลายราชวงศ์ปกครองสืบทอดกันมา ในสมัยมิหิรโภช เมืองเป็นที่รู้จักในชื่อ มโธทยะ (Mahodaya)[4]

กันเนาช์เป็นที่รู้จักดีในฐานะแหล่งสกัดและผลิตกลิ่นหอมและน้ำหอม ทำให้เป็นที่รู้จักในชื่อเมืองหลวงด้านน้ำหอมของอินเดีย น้ำหอมกันเนาช์ถือเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ที่ได้รับการพิทักษ์จากรัฐบาลอินเดีย ปัจจุบันอุตสาหกรรมน้ำหอมในกันเนาช์ได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมน้ำหอมที่ใช้สารเคมีสังเคราะห์มากขึ้น ซึ่งต่างแันกับน้ำหอมแบบกันเนาช์ที่ใช้กลีบดอกไม้ที่โตในท้องถิ่น[5]

อ้างอิง

[แก้]
  1. Rama Shankar Tripathi (1989). History of Kanauj: To the Moslem Conquest. Motilal Banarsidass Publ. p. 2. ISBN 978-81-208-0404-3. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 March 2024. สืบค้นเมื่อ 15 November 2015.
  2. Uttar Pradesh District Gazetteers: Farrukhabad. 39. Ballia. Government of Uttar Pradesh. 1988. p. 29.
  3. Singh Sandhu, Gurcharn (2000). A Military History of Ancient India. Vision Books. p. 164.
  4. "Why Gurjara is not Gujjar: A historical perspective". The Times of India. 7 August 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 August 2021. สืบค้นเมื่อ 9 August 2021.
  5. "Life: India's perfume capital threatened by scent of modernity". The Taipei Times. 20 September 2012. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 March 2016. สืบค้นเมื่อ 10 February 2016.