สถาบันเพื่อการศึกษาชีววิทยาซอล์ก
สถาบันเพื่อการศึกษาชีววิทยาซอล์ก | |
---|---|
ส่วนห้องทดลองของวิทยาเขต มองออกมหาสมุทรแอตแลนติก | |
ข้อมูลทั่วไป | |
ประเภท | สถาบัน |
เมือง | ลาฮอลา |
ผู้เช่าในปัจจุบัน | สถาบันซอล์ก |
ตั้งชื่อให้ | โจนัส ซอล์ก |
แล้วเสร็จ | ค.ศ. 1965 |
ข้อมูลทางเทคนิค | |
โครงสร้าง | โครงข้อหมุนวีเรนดีล |
วัสดุ | คอนกรีต |
จำนวนชั้น | 4 |
การออกแบบและการก่อสร้าง | |
สถาปนิก | หลุยส์ ไอ. คาห์น |
วิศวกรโครงสร้าง | ออกุสต์ โคเมนแดนท์ |
รางวัล | สถาบันสถาปนิกอเมริกัน: รางวัลยี่สิบห้าปี |
เว็บไซต์ | |
http://www.salk.edu/ |
สถาบันเพื่อการศึกษาชีววิทยาซอล์ก (อังกฤษ: Salk Institute for Biological Studies) เป็นสถาบันการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ตั้งอยู่ในชุมชนลาฮอลาของเมืองซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ[1] สถาบันเป็นองค์การอิสระไม่แสวงผลกำไร ตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1960 โดยโจนัส ซอล์ก ผู้พัฒนาวัคซีนโรคโปลิโอ ร่วมกับที่ปรึกษายุคบุกเบิกหลายคน เช่น เจเคิบ โบรนาวสกี และ แฟรนซิส คริก อาคารสถาบันเริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 1962 ปัจจุบันสถาบันซอล์กได้รับการจัดอันดับเป็นสถาบันอันดับต้น ๆ ของสหรัฐในด้านผลงานวิจัยและคุณภาพในสาขาวิทยาศาสตร์ชีวิต[2] ในปี ค.ศ. 2004 Times Higher Education Supplement จัดอันดับสถาบันซอล์กให้เป็นสถาบันวิจัยแพทยศาสตร์ชีวภาพอันดับหนึ่งของโลก และในปี ค.ศ. 2009 ได้รับการจัดอันดับเป็นที่หนึ่งของโลกโดย ScienceWatch ในสาขาประสาทวิทยา และพฤติกรรมศาสตร์[3][4]
สถาบันซอล์กเป็นผู้ว่าจ้างนักวิจัยจำนวน 850 คน แบ่งย่อยเป็นกลุ่มวิจัย 60 กลุ่ม ประเด็นการวิจัยของสถาบันมีทั้งความชรา, มะเร็ง, เบาหวาน, ความผิดปกติแรกเกิด, โรคอัลไซเมอร์, โรคพาร์คินสัน, เอดส์ และชีววิทยา-ประสาทวิทยาของภาษามืออเมริกัน[5] มาร์ชออฟไดมส์เป็นผู้สนับสนุนเงินทุนตั้งแต่แรกเริ่มตั้งสถาบัน นอกจากนี้ยังมีแหล่งทุนอื่น ๆ ทั้งจากรัฐบาล เช่น เอ็นไอเอชและรัฐแคลิฟอร์เนีย และจากเอกชน เช่น อีปเซินจากปารีส, สถาบันแพทยศาสตร์ฮอเวิร์ด ฮูจจิส และสมาคมตระกูลเวต (Waitt Family Foundation)[6]
สถาปัตยกรรม
[แก้]วิทยาเขตของสถาบันเป็นผลงานออกแบบโดยหลุยส์ คาห์น[7] วิทยาเขตของสถาบันตั้งอยู่ในย่านลาฮอลา แรกเริ่มตั้งใจว่าจะประกอบด้วยสามส่วน คือ ส่วนพบปะและประชุม, ส่วนอยู่อาศัย และส่วนห้องทดลอง ท้ายที่สุดมีเพียงส่วนห้องทดลองเท่านั้นที่ถูกสร้าง โดยมีลักษณะเป็นอาคารบล็อกขนานกัน ตรงกลางเป็นสวนน้ำ (water garden) สองอาคารประกบกันทำให้เกิดทิวทัศน์มองไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก และถือกันว่าลักษณะของอาคารนี้ "พูดได้ว่าเป็นผลงานแทนตัว" (arguably the defining work) ของหลุยส์ คาห์น[8]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Salk Institute for Biological Studies". Salk.edu. สืบค้นเมื่อ 18 ตุลาคม 2016.
- ↑ "Heavyweights in Molecular Biology/Genetics: For Some, A High Percentage of Elite Papers". Science Watch. มกราคม–กุมภาพันธ์ 2003. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 มกราคม 2009. สืบค้นเมื่อ 14 มีนาคม 2009.
- ↑ "Search | Times Higher Education (THE)". Times Higher Education. สืบค้นเมื่อ 18 ตุลาคม 2016.
- ↑ "04.26.2009 - Institution Rankings in Neuroscience & Behavior, 1998–2008". ScienceWatch.com. 26 เมษายน 2009. สืบค้นเมื่อ 17 มกราคม 2018.
- ↑ "The Paul F. Glenn Center for Research on Aging - Overview". Salk Institute for Biological Studies.
- ↑ "Ipsen, Salk Institute ink research pact". FierceBiotech.com. สืบค้นเมื่อ 18 ตุลาคม 2016.
- ↑ "Buildings of Wonder". Salk Institute for Biological Studies (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2022.
- ↑ Trachtenberg, Marvin (1 กันยายน 2016). "RECORD's Top 125 Buildings: 51-75: Salk Institute". Architectural Record.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Salk Institute เว็บไซต์ทางการ
- "The Louis I. Kahn Collection", The Architectural Archives of the University of Pennsylvania, คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 กันยายน 2011