รัฐโอคลาโฮมา
35°30′N 98°00′W / 35.5°N 98°W
รัฐโอคลาโฮมา | |
---|---|
สมญา: Sooner State | |
คำขวัญ: | |
แผนที่สหรัฐเน้นรัฐโอคลาโฮมา | |
ประเทศ | สหรัฐ |
เข้าร่วมสหรัฐ | 16 พฤศจิกายน, ค.ศ. 1907 (46) |
เมืองหลวง | โอคลาโฮมาซิตี |
เมืองใหญ่สุด | โอคลาโฮมาซิตี |
มหานครใหญ่สุด | โอคลาโฮมาซิตี |
การปกครอง | |
• ผู้ว่าการ | แบรด เฮนรี (D) |
• รองผู้ว่าการ | จารี อาซคินส์ (D) |
สมาชิกวุฒิสภา | มาร์กเวย์น มัลลิน (R) เจมส์ แลงก์ฟอร์ด (R) |
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร | ริพับลิกัน 5 คน |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 69,898 ตร.ไมล์ (181,195 ตร.กม.) |
• พื้นดิน | 68,735 ตร.ไมล์ (178,023 ตร.กม.) |
• พื้นน้ำ | 1,259.3 ตร.ไมล์ (3,261.5 ตร.กม.) 1.8% |
อันดับพื้นที่ | 20 |
ขนาด | |
• ความยาว | 298 ไมล์ (480 กิโลเมตร) |
• ความกว้าง | 230 ไมล์ (370 กิโลเมตร) |
ความสูง | 1,296 ฟุต (395 เมตร) |
ความสูงจุดสูงสุด (ภูเขาแบล็คเมซา) | 4,973 ฟุต (1,515 เมตร) |
ความสูงจุดต่ำสุด (แม่น้ำลิตเทิล) | 289 ฟุต (88 เมตร) |
ประชากร | |
• ทั้งหมด | (2,551) 3,642,361[1] คน |
• อันดับ | 28 |
• อันดับความหนาแน่น | 36 |
• ค่ามัธยฐานรายได้ครัวเรือน | 34,243 ดอลลาร์สหรัฐ |
• อันดับรายได้ | 42 |
เดมะนิม | โอคลาโฮมัน (Oklahoman) |
ภาษา | |
• ภาษาทางการ | ไม่มี |
เขตเวลา | เขตเวลากลาง: UTC-6/-5 เขตเวลาภูเขา: UTC-7/-6 (เมืองเคนตัน) |
อักษรย่อไปรษณีย์ | OK |
รหัส ISO 3166 | US-OK |
ละติจูด | 33°35' เหนือ ถึง 37° เหนือ |
ลองจิจูด | 94°29' ตะวันตก ถึง 103° ตะวันตก |
เว็บไซต์ | www |
รัฐโอคลาโฮมา (อังกฤษ: Oklahoma, เสียงอ่านภาษาอังกฤษ: /ˌoʊkləˈhoʊmə/[2]โอวเคฺลอะโฮ้วเม่อะ) เป็นรัฐหนึ่งใน 50 รัฐของสหรัฐ มีประชากรประมาณ 3.64 ล้านคนในปี พ.ศ. 2551 มีพื้นที่ครอบคลุมประมาณ 177,847 ตารางกิโลเมตร (68,667 ตารางไมล์) [3] ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 28 ของประเทศ และมีพื้นที่เป็นอันดับ 20 ของประเทศ ชื่อของรัฐนี้มาจากภาษาชอคทอว์ คือ okla และ humma มีความหมายว่า Red People หรือ ชาวอเมริกันอินเดียน (อินเดียนแดง) [4] และมีชื่อเล่นที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ The Sooner State การก่อตั้งมาจากภูมิภาคอินเดียน ในวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2450) เป็นเป็นรัฐก่อตั้งลำดับที่ 46 ของประเทศสหรัฐ ประชาชนที่อาศัยในรัฐเรียกว่า ชาวโอคลาโฮมัน (Oklahomans) มีเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐคือ เมืองโอคลาโฮมาซิตี
รัฐโอคลาโฮมาเป็นรัฐผู้ผลิตแก๊สธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียมและอาหารรายใหญ่ มีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในเรื่องการบิน พลังงาน โทรคมนาคมและเทคโนโลยีชีวภาพ[5] โอคลาโฮมาเป็นรัฐหนึ่งในประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง โดยระหว่างปี ค.ศ. 2005 ถึง 2006 เป็นรัฐที่มีการเจริญเติบโตของรายได้สูงที่สุดเป็นอันดับที่ 3 และมีอัตราเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศสูงที่สุด [6][7] มีเมืองโอคลาโฮมาซิตีและทัลซาเป็นแหล่งเศรษฐกิจสำคัญของรัฐ เกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งรัฐอาศัยอยู่ในเขตสองเมืองนี้[8] รัฐโอคลาโฮมามีแนวภูเขาขนาดเล็ก ทุ่งหญ้าแพร์รี่ และป่าไม้ทางตะวันออก พื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐอยู่ในเกรตเพลนส์ (ที่ราบอันกว้างใหญ่) ซึ่งมักจะเกิดสภาพอากาศแปรปรวนอยู่เสมอ[9]
มรดกทางวัฒนธรรมของรัฐโอคลาโฮมา มีผลมาจากบรรพบุรุษที่เป็นชาวเยอรมัน ไอริช อังกฤษ และชาวพื้นเมืองอเมริกา ซึ่งรัฐนี้มีประชากรที่พูดภาษาพื้นเมืองอเมริกามากถึง 25 ภาษา ซึ่งมีมากกว่ารัฐอื่น ๆ ในประเทศ[10] ในอดีตพื้นที่ของรัฐเคยเป็นทางผ่านของขบวนปศุสัตว์ รัฐนี้เป็นที่สำหรับผู้อพยพย้ายถิ่นจากทางใต้ และมีการตั้งการปกครองส่วนภูมิภาคสำหรับชาวอเมริกันพื้นเมือง รัฐโอคลาโฮมาเป็นส่วนหนึ่งของไบเบิลเบลท์ ผู้คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์ (นิกายย่อยอีแวนเกลิคัล) รัฐนี้ยังเป็นรัฐอนุรักษนิยมในทางการเมือง และยังเป็นรัฐหัวคะแนนหลักของพรรคเดโมแครตอีกด้วย[11]
ชื่อ
[แก้]คำว่า โอคลาโฮมา (Oklahoma) มาจากภาษาช็อคทอว์ แบ่งออกเป็นคำว่า okla ซึ่งแปลว่าประชาชน และ humma แปลว่าสีแดง[4] ซึ่งอัลเลน ไวร์ท ผู้นำเผ่าช็อคทอว์ได้ตั้งชื่อนี้ในปี ค.ศ. 1866 ระหว่างการเจรจาสนธิสัญญากับสหพันธรัฐอเมริกา เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ของภูมิภาคอินเดียน ซึ่งคำว่า Okla humma มีความหมายเดียวกับคำในภาษาอังกฤษคือ ชาวอินเดียนแดง ซึ่งใช้บ่งบอกถึงชาวอเมริกันพื้นเมืองทั้งหมด ซึ่งต่อมาได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1890 สองปีก่อนที่จะมีการเปิดพื้นที่สำหรับเข้ามาอยู่อาศัย[4][12][13]
ประวัติศาสตร์
[แก้]รัฐโอคลาโฮมาเป็นรัฐที่มีอายุก่อตั้งยาวนานน้อยกว่าหนึ่งศตวรรษ แต่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่านั้น มีการค้นพบหัวลูกศรของชาวโคลวิส ซึ่งเดินทางมาก่อตั้งถิ่นฐานบริเวณใกล้กับเมืองอนาดาร์โกในปัจจุบัน ซึ่งหัวลูกศรนี้มีอายุประมาณ 11,000 ปี โดยบริเวณเนินสไปโร และเนินบิวท์เดอร์เป็นที่ที่มีการตั้งถิ่นฐานอย่างถาวรแห่งแรกของรัฐโดยชาวอินเดียนแดง[14] ในปี ค.ศ. 1541 (พ.ศ. 2084) ฟรานซิสโก โครานาโด นักสำรวจชาวสเปนเดินทางผ่านโอคลาโฮมาในระหว่างค้นหาเมืองแห่งทองคำที่หายสาบสูญ[15] โดยระหว่างทศวรรษที่ 1830 ชนเผ่าผู้มีวัฒนธรรมทั้งห้า (ประกอบด้วยเผ่าเชโรกี ชิคาซอว์ ชอคทอว์ ครีค และเซมินโอเล) ได้ย้ายถิ่นฐานจากตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐสู่ภูมิภาคอินเดียน (อินเดียนเทริทอร์รี) (ในปัจจุบันคือโอคลาโฮมา) ไปตามเส้นทางธารน้ำตา (Trail of Tears) [16]
ระหว่างสงครามกลางเมืองอเมริกา (ค.ศ. 1861 - 1865) เผ่าอินเดียนส่วนใหญ่เข้าข้างกับสหพันธรัฐอเมริกา และยอมรับการเป็นทาส พวกเขาเห็นด้วยกับความคิดของรัฐที่จะแยกตัวออกจากสหรัฐ แต่บางชนเผ่าก็ไม่ยินดีกับรัฐบาลสหพันธรัฐอเมริกาที่ไม่ทำในสิ่งที่พวกเขาเคยบอกว่าจะทำ ไม่ทุกชนเผ่าที่เข้าข้างกับสหพันธรัฐ บางเผ่าสร้างและควบคุมป้อมขนาดเล็กเพื่อป้องกันตัวเอง สาเหตุนี้มาจากที่ภูมิภาคอินเดียนอยู่ภายใต้การควบคุมของสหพันธรัฐ แต่รัฐโอคลาโฮมาไม่ได้เข้าร่วมในรัฐของสหพันธรัฐ และการโจมตีที่ฮันนีสปริงส์ใกล้กับเมืองฟอร์ทกิบสันในวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1863 ที่กำลังพลของสหรัฐประสบชัยชนะ และกลายเป็นจุดจบของการปกครองภูมิภาคอินเดียนของสหพันธรัฐอเมริกา[17]
วันที่ 22 เมษายน ค.ศ. 1890 ทางตะวันตกของรัฐเปิดให้ผู้คนกว่า 50,000 คนจากยุคตื่นแผ่นดินในโอคลาโฮมา (Oklahoma Land Run) และกลายเป็นต้นกำเนิดของชื่อเล่นของโอคลาโฮมาที่ว่า "The Sooner State" หรือ "รัฐแห่งความเร็ว" ซึ่งชื่อเล่นนี้มาจากผู้ที่อพยพซึ่งข้ามเขตภูมิภาคมาก่อนที่พื้นที่จะเปิดให้ประชาชนจับจองโดยรัฐ ปีต่อมา บริเวณตะวันตกของภูมิภาคได้เข้ารวมกับภูมิภาคโอคลาโฮมา ส่วนทางตะวันออกเฉียงเหนือเป็นที่อยู่อาศัยของ 5 ชนเผ่าศิวิไลซ์ และมีการควบคุมภายในเผ่าเอง[18][19] ต่อมาในวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1907 ภูมิภาคตะวันตกและตะวันออกได้รวมเข้ากัน และกลายเป็นรัฐลำดับที่ 46 แห่งสหรัฐ[18]
ในระยะแรกหลังจากก่อตั้ง โอคลาโฮมากลายเป็นสถานที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมน้ำมัน แอ่งน้ำมันถูกพบในพื้นที่ทำให้มีประชากรในเมืองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมืองทัลซารู้จักกันในชื่อ "Oil Capital of the World" (เมืองหลวงแห่งน้ำมันของโลก) ในช่วงศตวรรษที่ 20 เศรษฐกิจของรัฐช่วงแรกจึงมาจากน้ำมันเป็นส่วนใหญ่[20]
ในปี ค.ศ. 1927 ไซรัส เอวีรี นักธุรกิจจากทัลซาที่รู้จักกันในชื่อ "Father of Route 66" เริ่มต้นการสร้างทางหลวงหมายเลข 66 (รูต 66) เขาได้ใช้ส่วนของทางหลวงที่สร้างระหว่างเมืองทัลซาและเมืองอมาริลโล รัฐเท็กซัส สร้างจุดเริ่มต้นของรูท 66 เขาเป็นบุคคลหลักที่รับผิดชอบในการก่อตั้งองค์กรทางหลวงหมายเลข 66 แห่งสหรัฐ (U.S. Highway 66 Association) สำหรับดูแลสิ่งก่อสร้างบนรูท 66[21]
ในระหว่างทศวรรษที่ 1930 ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโอคลาโฮมาเข้าสู่ช่วงที่เรียกว่า "Dust Bowl" พื้นที่ส่วนใหญ่มีปริมาณน้ำฝนน้อยมากและมีอุณหภูมิสูง ทำให้ชาวนาชาวไร่มากกว่าพันคนเกิดความยากจนและย้ายถิ่นไปยังแห่งอื่นในสหรัฐ[22] ทำให้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1930 ถึง 1950 รัฐโอคลาโฮมามีจำนวนประชากรที่อาศัยลดลงถึง 6.9 เปอร์เซ็นต์ ทางรัฐจึงสร้างอ่างเก็บน้ำกว่าร้อยแห่งและทะเลสาบ โดยในทศวรรษที่ 1960 มีทะเลสาบที่ขุดขึ้นมากกว่า 200 แห่ง ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดในประเทศ[9][23]
ในปี ค.ศ. 1943 ละครบรอดเวย์ เปิดการแสดงละครเพลง โอคลาโฮมา (Oklahoma!) ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงและได้สร้างเป็นภาพยนตร์ในปี ค.ศ. 1955 เนื้อเรื่องเริ่มต้นในภูมิภาคโอคลาโฮมาในปี ค.ศ. 1906 ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐเพิ่งจะก่อตั้ง มีเพลงโอคลาโฮมา (Oklahoma!) ซึ่งเป็นเพลงที่ร้องเมื่อใกล้จบเรื่อง ได้กลายเป็นเพลงประจำรัฐโอคลาโฮมาในปี ค.ศ. 1953[24]
วันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 1995 อาคารอัลเฟรด พี เมอร์ราห์ เฟเดอรัล ในเมืองโอคลาโอมาซิตี ถูกระเบิดโดยทิโมธี แมคเวจ์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 168 คน ซึ่งเป็นเหตุการณ์การก่อการร้ายที่รุนแรงที่สุดของสหรัฐก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์วินาศกรรมอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2544 แมคเวจ์และผู้ร่วมมือของเขาที่ชื่อ เทอร์รี่ นิโคลส์ ทั้งสองถูกตัดสินว่ากระทำผิด แต่ผู้คนส่วนมากคิดว่ามีบุคคลอื่นเป็นขบวนการที่เกี่ยวข้องด้วย[25] แมคเวจ์ถูกพิพากษาให้ประหารชีวิตโดยการฉีดสารพิษ และนิโคลถูกจำคุกโดยไม่มีการรอลงอาญา[26]
ภูมิศาสตร์
[แก้]ภูมิประเทศ
[แก้]รัฐโอคลาโฮมาเป็นรัฐที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดันที่ 20 ของสหรัฐ ครอบคลุมพื้นที่แผ่นดิน 177,847 ตารางกิโลเมตร (68,667 ตารางไมล์) และผืนน้ำ 3,349 ตารางกิโลเมตร (1,293 ตารางไมล์) [27] รัฐโอคลาโฮมาเป็นรัฐหนึ่งใน 6 ของฟรอนเทียร์สตริป และเป็นส่วนหนึ่งของเกรตเพลนส์ มีอาณาเขตติดต่อกับมลรัฐอาร์คันซอทางทิศตะวันออก รัฐมิสซูรีทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ รัฐแคนซัสทางทิศเหนือ รัฐโคโลราโดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ รัฐนิวเม็กซิโกทางทิศตะวันตก และรัฐเท็กซัสทางทิศใต้
จุดที่สูงที่สุดของรัฐคือแบล็คเมซา ในโอคลาโฮมาแพนแฮนเดิล ซึ่งมีความสูง 3,349 เมตร (4,973 ฟุต) จุดที่ต่ำที่สุดคือแม่น้ำลิตเทิล ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองไอดาเบลทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐ ซึ่งมีความสูง 88 เมตร (289 ฟุต) จากระดับน้ำทะเล และยังมีแนวเขา 4 แห่งในรัฐ ประกอบด้วยแนวเขาอัวชิตา อาร์บัคเคิล วิชิตา และเคียมิชิ แนวเขาทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของรัฐ มีพื้นที่ป่าไม้ครอบคลุมพื้นที่ 24 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด[28] และยังมีทะเลสาบจากฝีมือมนุษย์จำนวนมากกว่ารัฐอื่น ๆ ในประเทศ โดยพื้นที่รวมทั้งหมดของทะเลสาบมีมากกว่า 1,000,000 เอเคอร์ (404,686 เฮกตาร์) [29]
ภูมิอากาศ
[แก้]รัฐโอคลาโฮมาตั้งอยู่ในส่วนที่มีสภาพอากาศพอเหมาะของประเทศ แต่บางครั้งก็มีอุณหภูมิที่สูงมาก และมีฝนตกเป็นปกติในพื้นที่ที่ลักษณะเป็นภูมิอากาศภาคพื้นทวีป (continental climate) [30] พื้นที่ทั้งรัฐมีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 38 องศาเซลเซียส (100 องศาฟาเรนไฮต์) ถึง -18 องศาเซลเซียส (0 องศาฟาเรนไฮต์) [30]
รัฐโอคลาโฮมามีหิมะตก โดยในเขตติดต่อรัฐโคโลราโดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะมีปริมาณหิมะประมาณ 30 นิ้ว (76 เซนติเมตร) ในฤดูหนาว และทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐจะมีปริมาณหิมะน้อยกว่า 5 เซนติเมตร (2 นิ้ว) [31]
พื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐตั้งอยู่ในร่องทอร์นาโด (Tornado Alley) เพราะที่นั่นเป็นที่ปะทะกันระหว่างอากาศเย็นและอากาศอุ่นทำให้เกิดสภาพอากาศที่รุนแรง[31] โอคลาโฮมาจะมีพายุทอร์นาโดเฉลี่ยปีละ 54 ลูก ซึ่งเป็นที่หนึ่งที่มีอัตราการเกิดพายุสูงที่สุดในโลก[32] และเป็นที่ตั้งของศูนย์พยากรณ์ทอร์นาโดแห่งชาติของการบริการดินฟ้าอากาศแห่งชาติ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองนอร์มัน[33]
อุณหภูมิในเมืองใหญ่ต่าง ๆ ของรัฐโอคลาโฮมา | ||||||||||||
เมือง | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
โอคลาโฮมาซิตี | 47/26 | 54/31 | 62/39 | 71/48 | 79/58 | 87/66 | 93/71 | 92/70 | 84/62 | 73/51 | 60/38 | 50/29 |
ทัลซา | 46/26 | 53/31 | 62/40 | 72/50 | 80/59 | 88/68 | 94/73 | 93/71 | 84/63 | 74/51 | 60/39 | 50/30 |
ลอว์ตัน | 50/26 | 56/31 | 65/40 | 73/49 | 82/59 | 90/68 | 96/73 | 95/41 | 86/63 | 76/51 | 62/39 | 52/30 |
อุณหภูมิเฉลี่ย สูง/ต่ำ (องศาฟาเรนไฮต์) [34][35] |
เมือง
[แก้]รัฐโอคลาโฮมามีแหล่งที่อยู่อาศัยทั้งหมด 549 แห่งใน ค.ศ. 2006 และมีเมือง 3 เมืองที่มีประชากรเกินกว่า 100,000 คนและ 40 เมืองที่มีประชากรมากกว่า 10,000 คน มีเมืองสองเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 50 ของสหรัฐ คือเมืองโอคลาโฮมาซิตี และ ทัลซา ประชากรมากกว่าครึ่ง (58 เปอร์เซ็นต์) อยู่ในสองเมืองนี้ [8][36]
โอคลาโฮมาซิตีเป็นเมืองหลวงของรัฐและเมืองที่ใหญ่ที่สุด มีประชากร 1,269,907 คนอาศัยอยู่ภายในเขตปริมณฑล (ค.ศ. 2008) เมืองทัลซา เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสอง มีประชากร 905,755 คนในเขตปริมณฑล[37]
ระหว่างปี ค.ศ. 2005 และ 2006 เมืองปริมณฑลของทัลซา ประกอบด้วย เมืองเจ๊คส์ บิกซ์บาย และโอวาสโซ เป็นเมืองที่มีการเติบโตของประชากรสูงที่สุดของรัฐ ประชากรในเมืองเจ๊คส์เพิ่มขึ้น 47.9% เมืองบิกซ์บายเพิ่มขึ้น 44.56% และเมืองโอวาสโซเพิ่มขึ้น 34.31%[38]
เมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐโอคลาโฮมาในปี ค.ศ. 2007 ประกอบด้วย โอคลาโฮมาซิตี (547,274 คน) ทัลซา (384,037 คน) นอร์แมน (106,707 คน) ลอว์ตัน (91,568 คน) โบรกเคนแอร์โรว์ (90,714 คน) เอ็ดมันด์ (78,226 คน) มิดเวสต์ซิตี (55,935 คน) และมัวร์ (51,106 คน) โดยมี 7 เมืองที่อยู่ในเขตปริมณฑลของโอคลาโฮมาซิตีและทัลซา มีเพียงลอว์ตันเท่านั้นที่มีปริมณฑลตั้งอยู่ด้วยตนเอง[38]
กฎหมายของโอคลาโฮมากำหนดให้พื้นที่ตั้งถิ่นฐานแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ เมืองใหญ่ (Cities) ซึ่งมีประชากรมากกว่า 1,000 คน และเมืองเล็ก (Towns) มีประชากรน้อยกว่า 1,000 คน เมืองทั้งสองประเภทนี้มีอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจตุลาการ และพลังมวลชนภายในพื้นที่ของตัวเอง โดยเมืองใหญ่ (Cities) สามารถเลือก mayor-council, council-manager หรือ strong mayor จากการปกครอง ส่วนเมืองเล็ก (Towns) สามารถจัดการเลือกตั้งระบบเจ้าพนักงาน[39]
วัฒนธรรม
[แก้]มีกีฬาไก่ชนโบราณของประจำรัฐ แต่ยกเลิกไปไปในปี พ.ศ. 2545 เนื่องจากความโหดร้ายทารุณ เพราะกีฬาดังกล่าวจะติดใบมีดโกนไว้ที่เดือยไก่ขณะทำการแข่งขัน [40]
มหาวิทยาลัย
[แก้]- มหาวิทยาลัยโอคลาโฮมา (University of Oklahoma)
- มหาวิทยาลัยโอคลาโฮมาสเตต (Oklahoma State University)
- มหาวิทยาลัยทัลซา (University of Tulsa)
บุคคลสำคัญจากรัฐ
[แก้]- เจอโรนิโม (1829–1909) ผู้นำชนเผ่าพื้นเมืองอะแพชี เบดอนโคเฮ
- รอน ฮาวเวิร์ด (1954) ผู้กำกับ ผู้ผลิตภาพยนตร์ และนักแสดง
- การ์ธ บรู๊ค (1962) นักร้องและนักแต่งเพลง
- แบรด พิตต์ (1963) นักแสดง
- เจมส์ มาร์สเดน (1973) นักแสดง
- ดิออล-อเมริกันรีเจกส์ วงดนตรี
- คัลเลอร์มีแบดด์ วงดนตรี
- เดวิด เกตส์ (1940) นักร้องและนักแต่งเพลง
- แคร์รี อันเดอร์วูด (1983) นักร้อง นักแต่งเพลง และผู้ชนะจากอเมริกันไอดอล ฤดูกาลที่ 4
- มิกกี แมนเทิล (1931–1995) นักเบสบอล ผู้รับการบรรจุชื่อไว้ในหอเกียรติยศเบสบอลแห่งชาติ
- ทอมมี มอร์ริสัน (1969) นักมวย และแชมป์โลกในรุ่นเฮฟวี่เวต
- คาร์ล แจนสกี (1905–1950) นักฟิสิกส์และวิศวกร
อ้างอิง
[แก้]- ↑ จำนวนประชากรรัฐโอคลาโฮมา คาดการณ์ปี 2008 เก็บถาวร 2007-08-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, จาก United States Department of Agriculture, สืบค้นวันที่ 15 ก.ค. 2552 (อังกฤษ)
- ↑ Oklahoma - Definitions from Dictionary.com จาก Dictionary.com, สืบค้นวันที่ 15 ส.ค. 2552
- ↑ Oklahoma QuickFacts from the US Census Bureau เก็บถาวร 2008-05-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, จาก U.S. Census Bureau, (1 ธ.ค. 2549), สืบค้นวันที่ 15 ส.ค. 2552
- ↑ 4.0 4.1 4.2 Chronicles of Oklahoma เก็บถาวร 2007-10-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, จาก Oklahoma State University, (มิ.ย. 1936), สืบค้นวันที่ 15 ส.ค. 2552
- ↑ "Oklahoma at a Glance" (PDF). Oklahoma Department of Commerce. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (pdf)เมื่อ 2007-08-08. สืบค้นเมื่อ 2008-09-15.
- ↑ "State Personal Income 2006". United States Department of Commerce. 2007-03-27. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-06-22. สืบค้นเมื่อ 2008-09-15.
- ↑ "Gross Domestic Product by State (2005-2006)" (PDF). Oklahoma Department of Commerce. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (pdf)เมื่อ 2007-08-08. สืบค้นเมื่อ 2008-09-15.
- ↑ 8.0 8.1 "Annual Estimates of the Population of Metropolitan and Micropolitan Statistical Areas: April 1, 2000 to July 1, 2006" (csv). United States Census Bureau. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-01-15. สืบค้นเมื่อ 2008-09-15.
- ↑ 9.0 9.1 "Oklahoma, All Terrain Vacation". TravelOK. TravelOK.com. 2006-01-12. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-07-09. สืบค้นเมื่อ 2008-09-15.
- ↑ Greymorning, Stephen. "Profiles of Native American Education Programs". Southwest Educational Development Laboratory. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-08-16. สืบค้นเมื่อ 2008-09-15.
- ↑ "Registration by Party as of January 15, 2007" (PDF). Oklahoma State Election Board. Oklahoma State Election Board. 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (pdf)เมื่อ 2007-06-14. สืบค้นเมื่อ 2008-09-15.
- ↑ "Oklahoma State History and Information". A Look at Oklahoma. Oklahoma Department of Tourism and Recreation. 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-07-16. สืบค้นเมื่อ 14 September 2008.
- ↑ Merserve, John (1941). "Chief Allen Wright". Chronicles of Oklahoma. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-05-07. สืบค้นเมื่อ 2008-08-10.
- ↑ "Oklahoma History". Ponca City Info. Ponca City Information.com. 2008-08-08.
- ↑ "THE WEST - Events from 1500 - 1650". PBS. สืบค้นเมื่อ 2008-09-13.
- ↑ "Trail of Tears". ngeorgia.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-08-24. สืบค้นเมื่อ 2008-08-27.
- ↑ "Oklahoma (Indian Territory)". Civil War Traveler. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-12-02. สืบค้นเมื่อ 2008-09-15.
- ↑ 18.0 18.1 "History of Oklahoma". The History Channel. สืบค้นเมื่อ 2008-08-28.
- ↑ "Contributions of the Indian people". Oklahoma State University. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-13. สืบค้นเมื่อ 2008-09-15.
- ↑ "Tulsa Area History". Tulsa County Library. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-01-08. สืบค้นเมื่อ 2008-08-28.
- ↑ "Tulsa, Oklahoma City History". Bycitylights.com. สืบค้นเมื่อ 2008-09-13.
- ↑ "1930s Dust Bowl". Cimarron County Chamber of Commerce. 2005-08-05. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-07-07. สืบค้นเมื่อ 2008-09-15.
- ↑ "History of the States: Oklahoma, The Sooner State". The History Channel. 2007. สืบค้นเมื่อ 2008-08-29.
- ↑ "Oklahoma Symbols, State Song: Oklahoma!". State History Guide resources. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-10. สืบค้นเมื่อ 2008-09-10.
- ↑ "The OKC Bombing". The Sight. 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-11-21. สืบค้นเมื่อ 2008-09-10.
- ↑ "Oklahoma City bombing". Answers.com. 2008. สืบค้นเมื่อ 2008-08-29.
- ↑ "Land and Water Area of States, 2000". Information Please. 2000.
- ↑ "About Oklahoma". Travel OK.com. 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-05-17. สืบค้นเมื่อ 2008-08-06.
- ↑ "About Oklahoma". Travel OK.com. 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-07-07. สืบค้นเมื่อ 2008-08-06.
- ↑ 30.0 30.1 "Oklahoma's Climate: an Overview" (pdf). University of Oklahoma. สืบค้นเมื่อ 2008-09-15.
- ↑ 31.0 31.1 Arndt, Derek (2003-01-01). "The Climate of Oklahoma". Oklahoma Climatological Survey. สืบค้นเมื่อ 2008-09-15.
- ↑ "Tornado Climatology". NOAA National Climatic Data Center. สืบค้นเมื่อ 2008-08-06.
- ↑ Novy, Chris. "SPC and its Products". NOAA. สืบค้นเมื่อ 2008-09-15.
- ↑ "Oklahoma Weather And Climate". UStravelweather.com. 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-10-22. สืบค้นเมื่อ 2008-09-15.
- ↑ "Weather Averages: Lawton, Oklahoma". MSN Weather. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-06-18. สืบค้นเมื่อ 2008-09-15.
- ↑ "State and County Quickfacts - Metropolitan Statistical Area". United States Census Bureau. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-07-11. สืบค้นเมื่อ 2008-09-15.
- ↑ Morgan, Rhett (2008-03-27). "Stillwater's growth tops in Oklahoma". Tulsa World. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-09-19. สืบค้นเมื่อ 2008-03-29.
- ↑ 38.0 38.1 "Oklahoma Census Data Center News" (PDF). Oklahoma Department of Commerce. July 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (pdf)เมื่อ 2007-08-08. สืบค้นเมื่อ 2008-09-15.
- ↑ "Oklahoma Municipal Government" (PDF). Oklahoma Department of Libraries. 2005. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (pdf)เมื่อ 2007-08-08. สืบค้นเมื่อ 2008-09-15.
- ↑ "วุฒิฯมะกันวอนสภา สวม "นวม" ให้ไก่ชน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-11-07. สืบค้นเมื่อ 2007-06-23.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
- บอร์ดการท่องเที่ยวของโอคลาโฮมา เก็บถาวร 2007-10-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Oklahoma Department of Human Services
- Oklahoma City Convention and Visitors Bureau
- คู่มือการท่องเที่ยว Oklahoma จากวิกิท่องเที่ยว (ในภาษาอังกฤษ)
- ประวัติศาสตร์โอคลาโฮมา เก็บถาวร 2012-05-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Oklahoma QuickFacts ข้อมูลทางภูมิศาสตร์และประชากร เก็บถาวร 2008-05-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ข้อมูลการสำรวจสำมะโนประชากรปี ค.ศ. 2000 ของรัฐโอคลาโฮมา